ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 17 สรุปแล้ว ช่วยชีวิตตัวอะไรไปกันแน่

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ตอนที่ 17 สรุปแล้ว ช่วยชีวิตตัวอะไรไปกันแน่ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 17 สรุปแล้ว ช่วยชีวิตตัวอะไรไปกันแน่

สำหรับคนที่ไม่รู้จักรถเลย การซื้อรถเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวมากเรื่องหนึ่ง และเลี่ยงไม่ได้ที่จะถามเพื่อนหรือญาติที่มีความรู้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามรถบางคันก็มีข้อเสียในตัวเองและอาจมีปัญหาบางอย่าง เช่นเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงาน

แต่ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว สามารถหยิบก้นบุหรี่จุดเผาประตูรถจนเป็นรูได้

ไม่สามารถใช้ปัญหาเรื่องคุณภาพของรถหาคำตอบเหมารวมให้ ไม่น่าเชื่อถือได้เหรอ

ทั้งหมดนี้ บอกได้อย่างเดียวเท่านั้น

รถคันนี้เป็นรถกระดาษ!

คนขับอยู่ในวัยกลางคน แต่ลูกชายคนโตน่าจะอายุเท่านักเรียนประถม และด้วยเหตุนี้คนขับถึงบอกว่าลูกชายฝากรถให้เขามา

จริงๆ แล้ว ‘ฝาก’ ในที่นี้ ยังสามารถเขียนว่า ‘เผา’ ได้อีกด้วย

พ่อตายแล้ว

ลูกชายเผารถกระดาษส่งให้เขา

โจวเจ๋อส่ายหัว พูดตามตรง เขามองมันไม่ออกมาก่อนจริงๆ หลังจากขึ้นรถแล้วถึงได้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ยังต้องแกล้งทำเป็นงุนงง

ร่างตัวเองก็เป็นการลักขโมยร่างมา และก็ไม่ได้อยากมีอารมณ์ความรู้สึกของจางเทียนซือ

ถึงอย่างไรเสีย เขาก็เป็นผี

ถ้าเขาไปถือธงกำจัดปีศาจและปกป้องเต๋า เขาก็คงไม่ต่างจากคนขายชาติจริงๆ และเขาจะถูกเรียกว่า ‘ผีทรยศ’

เขาวางฝ่ามือแนบชิดปิดรูเล็กๆ ไว้ โจวเจ๋อแสร้งทำเป็นง่วงเล็กน้อย หลับตาลงครึ่งหนึ่ง และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนที่ตัวเองอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า มีครูจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ปกติครูจะพาทุกคนไปเรียนวิชาพละ และยังมีงานชั่วคราว เฝ้าประตู

และเพราะว่าเขาแซ่ฉิน ดังนั้นในช่วงนั้นพวกเด็กๆ เรียกเขาว่า ลุงฉินคนเฝ้าประตู

ลุงฉินเล่าเรื่องเก่งมาก และมักจะเล่าเรื่องผี ดูเหมือนเขาจะพอใจมากที่เด็กๆ แสดงความหวาดกลัวออกมาเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เขาเล่า ผู้อำนวยการได้พูดคุยกับเขาในเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ยับยั้งตัวเอง

เพียงแต่ก่อนที่โจวเจ๋อจะออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไปเข้าโรงเรียนข้างนอก ลุงฉินก็เสียชีวิตเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย

โจวเจ๋อจำได้ว่าในตอนแรกลุงฉินเล่าเรื่องผีที่มีชื่อว่า ‘ผีแบกเก๋ง’

ตามตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณมีผีอยู่หลายประเภท หลังจากที่คนส่วนใหญ่เสียชีวิตพวกเขาก็ตรงไปยังเมืองนรก เข้าไปที่เส้นทางสู่นรก ดื่มน้ำเบญจรส แล้วก็กลับชาติมาเกิดใหม่ จะมีผีที่หลงเหลืออยู่ในโลกมนุษย์น้อยมาก

แต่มีผีบางตน นรกก็ยังทิ้งพวกเขาเอาไว้ พวกเขาอาจรู้หรือไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาอาจจะยังทำในสิ่งที่เคยทำเมื่อมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้

อย่างเช่น แบกเก๋ง

พวกเขาจะปรากฏอยู่บนถนนในถิ่นทุรกันดารหรือในเวลากลางคืนที่ดึกสงัด ถามคนว่าจะนั่งรถเก๋งไหม ตั้งราคาไว้ถูกมาก หลังจากรอคนนั่งรถเก๋งไปยังที่หมายแล้ว เคลียร์ทั้งเงินและสินค้า

คนเป็นที่ทำธุรกิจกับผี เพลิดเพลินไปกับบริการของผี สุดท้ายแล้วมันไม่ได้ง่ายและธรรมดาขนาดนั้น ผีแบกเก๋ง ไม่ได้ต้องการข้าวของเงินทองเช่นนั้น แต่เป็นอายุขัยหรือไม่ก็จิตวิญญาณของคุณ

ในนรก ผีแบกเก๋งให้ตัวละครเช่นพญายมราช คนเป็นมีสถานะเป็นอะไร เหมาะสมหรือ

เฉกเช่นชายชราวัยแปดสิบปีที่คุกเข่าให้คุณ จะบั่นอายุขัยเอาได้

โจวเจ๋อจำเรื่องเล่านี้ได้ ทั้งยังชัดเจนอีกด้วย ในความเป็นจริงโจวเจ๋อยังคงจำเรื่องที่ลุงฉินเล่าไว้มากมายได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ใหญ่และเริ่มทำงานแล้วก็ไม่เคยลืม

เพราะโจวเจ๋อรู้ดี วันก่อนที่ลุงฉินจะเสียชีวิตด้วยอาการป่วยกะทันหันก่อนหน้าหนึ่งวัน ลุงฉินผู้ที่เพียงแค่เฝ้าที่ประตูและไม่เคยเข้าไปในสวนด้านหลัง เขาทำลายกฎเกณฑ์โดยได้เดินเข้าไปในหอพักเด็กๆ และดูทีละห้องและทีละคน ตอนนั้นโจวเจ๋อยังไม่นอนพอดีและเห็นฉากนี้เข้า

ดูเหมือนว่าลุงฉินจะรู้ว่าอายุขัยของเขาใกล้จะสิ้นสุดลง จึงมาบอกลาล่วงหน้า

เช่นเดียวกับหลักการการผายลมของบัฟเฟตต์สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามีความลึกลับยิ่งใหญ่ของความมั่งคั่ง

คนที่รู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองอาจจะเป็นผู้เล่นที่ดี เรื่องผีที่เขาเล่า ก็ไม่สามารถถือเอาเป็นคำพูดที่เหลวไหลได้จริงๆ

คนขับยังคงพูดเป็นต่อยหอยไม่พัก และคุยโม้โอ้อวดต่อไป โจวเจ๋อยังคงนิ่งเงียบอยู่ด้านหลัง

บั่นอายุขัยหรือ

สูญเสียจิตวิญญาณหรือ

โจวเจ๋อไม่ได้กลัวอะไรมากมาย เขาไม่ใช่คนเป็น เขาก็เป็นผี

พูดอย่างเลวร้ายที่สุด แม้ว่าโจวเจ๋อจะไม่เข้าใจการแบ่งชนชั้นและการจำแนกประเภทของผี แต่เขาสามารถเดินไปกลางแดดและทั้งเจอและเปิดร้านทำธุรกิจกับคนเป็นได้ สรุปแล้วน่าจะระดับสูงกว่าผีเร่ร่อนข้างนอกอยู่มาก?

และแม้แต่หญิงไร้หน้าในสระน้ำนรกก็ยังถูกเล็บตัวเองทำร้าย และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผีที่เหลือ จริงๆ แล้วโจวเจ๋อเองก็ค่อนข้างมั่นใจ

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนซื้อรถขับมากขึ้น คนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎก็มากขึ้น” คนขับยังคงพูดคุยต่อไป แม้ว่าโจวเจ๋อจะไม่คล้อยตามหรือไม่โต้ตอบ แต่เขาก็ยังสามารถพูดคุยอยู่อย่างนั้นได้

“ป่าเขาลำเนาไพรกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีนกนานาชนิด สั้นๆ ก็คือ หากคุณระบายความโกรธออกมาทีละคนจริงๆ อย่างนั้นก็จะใช้ชีวิตน้อยลงไปหลายปี ทั้งที่รู้อยู่ในใจว่าไม่ควรโกรธ แต่บางคนกลับออกมาเหมือนมีป้ายติดไว้ที่หน้าผากว่า ‘ชนผมให้ตายเลยสิ แกรีบๆ ชนฉันให้ตายไปเลย’ ช่างน่ารำคาญจริงๆ”

ดวงตาของโจวเจ๋อหรี่ลง เขารู้สึกง่วงเล็กน้อยจนอยากจะนอนหลับ

แต่เขารู้ว่าตัวเองนอนไม่หลับ และด้วยเหตุนี้ ความรู้สึกที่ชัดเจนที่ปรากฏขึ้นในเวลานี้น่าจะเป็นของปลอม

ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็หัวเราะออกมาทันที

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนขับถึงพูดเรื่อยๆ พูดเป็นต่อยหอยไม่หยุดไม่พักไปตลอดทาง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอยู่ตลอดเวลามันน่ารำคาญมาก

เป็นเพราะเขาไม่ได้นอนหลับเลย ดังนั้นเขาจึงต้องพูดต่อไปเพื่อแสร้งทำเป็นว่าในเวลานี้ทุกอย่างเป็นปกติดี

เขาต้องการให้ตัวเองนอนหลับไป

และการตอบสนองต่อการนอนหลับของตัวเองก็เฉื่อยชามาโดยตลอด

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของโจวเจ๋อ วางมือบนเบาะนั่งและหลับตาลง

นอนเถอะ

รถเริ่มขับช้าลง

โจวเจ๋อผล็อยหลับไป เสียงพูดของคนขับก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ

ในเวลาเดียวกัน คนขับจงใจหันหน้าและมองไปข้างหลัง

ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ คนขับก็เผยสีหน้าท่าท่างเหมือนต่อสู้ดิ้นรนอย่างลำบากใจ และสุดท้ายก็ส่ายหัวแรงๆ และถอนหายใจ ขับไปข้างหน้าต่อ

ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงร้านหนังสือแล้ว

โจวเจ๋อไม่รู้ว่าผีตนหนึ่งขับรถกระดาษเคลื่อนย้ายตัวเองที่เป็นคนมีร่างกายได้อย่างไร

สิ่งนี้อธิบายได้ยาก เพราะไม่มีสาขา ‘กลศาสตร์ผี’ ในวิชาฟิสิกส์

นอกจากนี้ ในตำนานจีนโบราณยังมีคำกล่าวเช่น ‘นักรบโพกผ้าเหลือง’ และ ‘ฉีเหมินตุ้นเจี่ย’[1] คาดว่าน่าจะคล้ายกับเหตุผลข้างต้น

โจวเจ๋อตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ เพราะเขาสัมผัสได้ว่าร่างของคนขับที่อยู่ข้างหน้าเขาค่อยๆ เปล่งแสงสว่างไสวออกมา

น่าสนใจ ดูเหมือนว่าช่วงนี้ตัวเองได้เจอกับผีดีโดยตลอด

คนขับคนนี้เดิมทีน่าจะ ‘เก็บอายุขัย’ จากตัวเอง แต่คงใจไม่แข็งพอ น่าจะเป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องแบบนี้ แต่ก็ลงมือทำไม่ลง ในการต่อต้านครั้งนี้ เขาได้รับการปลดปล่อยและการไถ่ถอนตนเอง

เขาเริ่มสลายไป

หลังจากสลายไป ก็ไปสู่นรกแล้วเกิดใหม่

จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้คนขับพูดจา ‘ไร้สาระ’ มากขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องโกหกทั้งหมด เขามีลูกสี่คน เขาชอบความรู้สึกของการเป็นพ่อ เขาทำงานหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้ลูกๆ เติบโตขึ้น

เขาเป็นพ่อที่ดี ด้านนิสัยและบุคลิกก็ไม่เลว หลังจากเป็นผีก็อยากเลี้ยงชีพด้วย ‘ผีแบกเก๋ง’ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนเสียอย่างนั้น

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ และลืมตาขึ้น แต่คนขับไม่ได้สังเกตและยังคงขับรถอยู่

โจวเจ๋อค่อยๆ พบว่ามีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาจากภายนอกผ่านหน้าต่าง สามารถมองเห็นการจราจรที่คับคั่งบนท้องถนน

คนขับกำลังจะสลายไป

นี่น่าจะเป็นความทรงจำส่วนหนึ่งของคนขับก่อนเสียชีวิต

คล้ายกับหลักการที่ว่าฟ้าแลบบวกกับสภาพแวดล้อมพิเศษ เป็นไปได้มากว่าจะสามารถบันทึกภาพช่วงหนึ่งไว้ได้

โจวเจ๋อจุดบุหรี่อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ในเมื่อคนขับได้ปลดปล่อยตัวเองแล้ว แม้ว่าเขาจะเผารถคันนี้ไปหรือไม่ก็ไม่เป็นไร

ในรถเปิดเพลง ‘ความเหน็บหนาว’ ที่ฮิตมากในช่วงนี้

คนขับขณะขับรถก็ฮัมเพลงไปด้วย น่าจะเพิ่งได้รับออเดอร์ใหญ่เสร็จ อารมณ์ดี ตั้งใจจะกลับไปซื้อถั่วลิสงให้ตัวเอง แล้วก็วิดีโอคอลกับเด็กๆ สักพัก แม้ว่าชีวิตในแต่ละวันมันจะยากลำบาก แต่ก็มีความสุขเช่นกัน

ในเวลานี้เอง โจวเจ๋อก็เห็นรถบัสขนาดกลางปรากฏขึ้นบนถนนตรงหน้ารถ

น่าจะเป็นรถบัสโรงเรียน ข้างบนมีป้ายตราโรงเรียนและคำว่าโรงเรียนประถม XXX

ตอนแรกโจวเจ๋อไม่ได้สนใจมันสักเท่าไร แต่จู่ๆ บนเบาะหลังรถโรงเรียนก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้น เธอหันหน้าไปทางท้ายรถ ต่อให้นั่งท้ายรถก็มองเห็นเธอได้ชัดเจนผ่านกระจกรถ

สาวน้อยสวมใส่ชุดกระโปรงลิลลี่สีฟ้า น่ารักมาก

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขารู้จักสาวน้อยคนนี้ คนที่ได้รับการช่วยชีวิตจากเขา เห็นว่าฟื้นขึ้นมาแล้ว หมอหลินเคยบอกตัวเองไม่นานมานี้ว่าพ่อของสาวน้อยอยากจะเลี้ยงขอบคุณและเดิมตั้งใจจะเชิญตัวเองไปด้วย

โจวเจ๋อหรี่ตาลงเล็กน้อย ถ้าอย่างนั้น คนขับคนนี้คือผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้หรือ

เด็กหลายคนได้รับบาดเจ็บ

กระทั่งถ้าตัวเองไม่ออกตัวลงมือ ก็ยังต้องมีเด็กเสียชีวิต

“เด็กน้อยน่ารักมาก เหมือนกับลูกสาวคนเล็กของฉันเลย”

คนขับพึมพำกับตัวเอง นี่เป็นฉากความทรงจำสุดท้ายในชีวิตของเขา ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าในเวลานี้ยังมีคนนั่งอยู่เบาะหลังด้วยหนึ่งคน

โจวเจ๋อมองไปรอบๆ เขาไม่คิดว่าคนขับดื่มเหล้าเมา และไม่คิดว่าคนขับมีอะไรผิดปกติ ถ้าอย่างนั้น อะไรเป็นสาเหตุให้คนขับขับรถชนรถโรงเรียนและทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น

สาเหตุเป็นเพราะถูกชนท้าย ต่อกันจากรถที่อยู่ใกล้เคียงหรือไม่

และในเวลานี้เอง

จู่ๆ สาวน้อยสวมชุดดอกลิลลี่ที่เดิมทียืนอยู่ด้านหลังรถโรงเรียนก็อ้าปากออกและแลบลิ้นออกมา

ใช่แล้ว แลบลิ้นออกมาเหมือนพรมแดงสำหรับผู้มาใหม่ แลบลิ้นออกมา ยาวมาก…ยาวมาก..ยาวจนทำให้ผู้คนขนหัวลุก

ในขณะเดียวกัน

ในแววตาของสาวน้อยแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันและจ้องอย่างทื่อๆไปที่คนขับที่กำลังขับรถอยู่ด้านหน้าตัวเอง

“แม่จ๋า ผี!!!!!”

คนขับเหยียบคันเร่งด้วยความตื่นตระหนกไปหมด และรถก็ชนเข้ากับรถโรงเรียนที่อยู่ข้างหน้าเขา

“โครม!”

โจวเจ๋อยืนอยู่หน้าร้านหนังสือ

บนพื้นรอบๆ มีขี้เถ้าของรถกระดาษที่ยังเผาไม่หมด ปลิวไปตามลม ร่วงหล่นลงมาและกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยชิ้นสุดท้าย

โจวเจ๋อไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

และคนขับคนนั้นก็ทำตามสัญญา ส่งตัวเองไปถึงยังจุดหมายปลายทางด้วย

แต่โจวเจ๋อไม่รีบกลับเข้าร้านหนังสือ

ในมือของเขายังคงถือบุหรี่เอาไว้และมอดไหม้สลายไปอย่างช้าๆ

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ

โจวเจ๋อเลียริมฝีปากของตัวเอง

“คุณลุง ห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลนะคะ” เสียงของสาวน้อยยังคงก้องอยู่ในหู

สรุปแล้ว

ตัวเองช่วยชีวิตตัวอะไรไว้กันแน่

……………………………………………………..

[1]ฉีเหมินตุ้นเจี่ย ตำราพยากรณ์จีนโบราณ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด