ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 74 ชื่อเสียงของคนประดุจเงาไม้

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ตอนที่ 74 ชื่อเสียงของคนประดุจเงาไม้ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 74 ชื่อเสียงของคนประดุจเงาไม้

นี่คือผู้หญิงคนหนึ่ง บนตัวคลุมด้วยกระโปรงสีขาว แต่ร่างกายท่อนล่างของกระโปรงสีขาวกลับเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ และแต่ละจุดก็มีสภาพของบาดแผลที่ไม่เหมือนกัน ดูแล้วน่าสะเทือนใจมาก

จากสายตาของผู้เชี่ยวชาญอย่างโจวเจ๋อ ผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ยังไม่ตาย ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง

ปกติในภาพยนตร์สงครามดวลปืน ตัวละครผู้น่าสงสารหลังจากโดนยิงไปหลายนัด ก็เพิ่มฉากเศร้าเข้ามาเพื่อดึงความทรงจำที่แสนเศร้าและความน้ำเน่าพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า ‘คุณรีบไป’ ‘ฉันไม่ไป’ ‘คุณไม่ไปฉันก็ไม่ไป’ สุดท้ายก็แบกปืนขึ้นมายิงกราดฆ่าศัตรูจนหมด แต่ในพื้นฐานความเป็นจริงแล้วไม่สามารถเกิดขึ้นได้

มนุษย์เรา จริงๆ แล้วอ่อนแอมาก

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สาเหตุที่ยังไม่ตายและยังมีลมหายใจอยู่ หน้าอกยังกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ก็เพราะเกี่ยวกับความพิเศษในร่างกายของเธอ

โจวเจ๋อเดินเข้าหาโดยตรง จากนั้นใช้เล็บมือแตะไปที่ฝ่ามือของตัวเอง เตรียมเปิดประตูแห่งนรก

“จัดการตรงๆ แบบนี้เลยเหรอ” สวี่ชิงหล่างถามอยู่ข้างหลัง “ไม่ถามก่อนเหรอ”

“มีอะไรต้องถาม”

อาศัยจังหวะตอนที่ยังสลบอยู่ ดึงวิญญาณที่อยู่ภายในร่างออกมาแล้วส่งไปลงนรก ทุกอย่างสวยสมบูรณ์แบบ

และในเวลานี้ นักพรตเฒ่าที่ถูกโจวเจ๋อผลักล้มเมื่อครู่ ลุกคลานขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งไปหาโจวเจ๋อ

สวี่ชิงหล่างเดินไปข้างหน้า ยื่นมือคว้านักพรตเฒ่าเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงนักพรตเฒ่าไปอีกทาง นักพรตเฒ่าเมื่อครู่ถูกเล็บของโจวเจ๋อ ‘ช็อต’ สองสามที ตอนนี้ยังรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสวี่ชิงหล่าง

“อย่า…อย่าทำแบบนี้ ไว้ชีวิตนางเถอะ ขอร้องเจ้าช่วยไว้ชีวิตนางเถอะ”

นักพรตเฒ่าที่อยู่อีกด้านเริ่มขอร้องวิงวอน

แต่โจวเจ๋อไม่ไหวติง เส้นไหมคล้ายน้ำเชื่อมดำเส้นหนึ่งถูกดึงออกมา แล้ววาดเป็นวงกลม

ต่อจากนั้นโจวเจ๋อจึงยื่นมือคว้าดวงวิญญาณออกมาจากร่างของอีกฝ่าย ถึงแม้ดวงจิตนี้ตอนนี้จะอ่อนแอมาก แต่โจวเจ๋อก็สัมผัสได้ถึงระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของอีกฝ่าย

นี่คือปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เป็นเหยื่อล่าสุดที่วิเศษมากกว่าปลาเล็กกุ้งน้อยที่ตัวเองจับได้ในอดีต!

“พรึ่บ!”

และในเวลานี้ ปากกาด้ามหนึ่งจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมา แล้วพุ่งตรงไปหาโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อตาไวมือไว เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย หลบพ้นปากกาด้ามนี้ได้ แต่เป้าหมายที่แท้จริงของปากกาด้ามนี้ ไม่ใช่โจวเจ๋อ แต่เป็นสวี่ชิงหล่างต่างหาก ปลายปากกาจ่อไปที่ลำคอของสวี่ชิงหล่างแล้ว

ถึงแม้ลำคอของสวี่ชิงหล่างจะไม่ชัดเจนมาก แต่เขาในเวลานี้ กลับแบสองมือออกไม่กล้าขยับเลยสักนิด

ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นยังคงหลับตา เธอยังอยู่ในสภาวะหมดสติ แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนอยู่ในการควบคุมของเธอ

“พี่โจว อย่ารีบร้อนๆ!”

สวี่ชิงหล่างตะโกน เขากลัวว่าโจวเจ๋อจะไม่สนความเป็นความตายของตัวเอง ควรทราบว่าตัวเขาเอง ตอนนี้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่น้อยไปกว่าคนที่กำลังถือปืนจ่อขมับของเขา

ทว่าโจวเจ๋อกลับไม่สนใจความเป็นความตายของเขาจริงๆ นิ้วมือแตะไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย

ปลายปากกาตอนนี้ทิ่มลงไปที่ลำคอของสวี่ชิงหล่างแล้ว ทิ่มเป็นรูเล็กๆ แล้วเลือดสดก็ไหลออกมา

“เอ่อ…” สวี่ชิงหล่างรู้สึกเจ็บที่ลำคอของตัวเอง แต่กลับไม่กล้ายื่นมือออกไปจับปากกาด้ามนี้ เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง ถ้าหากตัวเองวู่วาม ปากกาด้ามนี้จะเจาะทะลุลำคอของตัวเองได้ในพริบตา

ผู้หญิงยังไม่ตื่น แต่สำหรับโจวเจ๋อกลับเป็นความคุกคามข่มขู่ที่ไร้เสียงอย่างหนึ่ง

เธอทำอะไรโจวเจ๋อไม่ได้ แต่สามารถใช้คนที่อยู่ข้างกายโจวเจ๋อมาข่มขู่เขาได้

“คนที่กระโดดตึกตายสองคนนั้น น่าสงสารมาก” โจวเจ๋อจู่ๆ ก็เอ่ยพูด

สวี่ชิงหล่างตกตะลึงทันที เขาไม่รู้ว่าโจวเจ๋อพูดอันนี้หมายความว่าอะไร

“ตอนกลางวันยังด่าฉันอยู่เลยว่าทำไมไม่เตือนพวกเขา แล้วยังบอกว่าฉันเปลี่ยนไป” โจวเจ๋อพูดต่อ

“หืม” สวี่ชิงหล่าง

“ดังนั้น ฉันรู้สึกว่า นายน่าจะยอมเสียสละตัวเองเพื่อไปแก้แค้นพวกเขาใช่ไหม”

“…” สวี่ชิงหล่าง

โจวเจ๋อเอามือข้างหนึ่งบังหัวใจของตัวเอง แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งกดลงไปบนพื้น ใบหน้าเริ่มมีเหงื่อผุดออกมาและไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างอื่นอีก

แล้วปากกาด้ามนั้นก็ร่วงลงพื้นทันที สวี่ชิงหล่างเอามือป้องแผลขนาดเล็กที่ลำคอของตัวเอง แล้วหายใจหอบอย่างแรงไม่หยุด ในปากเหมือนกำลังด่าอะไรไม่รู้ อย่างไรก็ตามก็ได้ยินไม่ชัดเจน

นักพรตเฒ่ารีบวิ่งไปอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น ตรวจสภาพของผู้หญิง เขารู้สึกร้อนใจและสับสนอยู่บ้าง

โจวเจ๋อจ้องมองสวี่ชิงหล่างอย่างดุดัน รู้อย่างนี้ไม่พาเขามาจะดีกว่า ก่อนหน้านั้นตัวเองคิดว่ามีคนเพิ่มอีกคนจะช่วยตัวเองตามหาเป้าหมายได้เร็วขึ้น แต่ใครจะคิดว่าสวี่ชิงหล่างกลับกลายเป็นเบี้ยต่อรองให้อีกฝ่ายใช้ข่มขู่ตัวเอง

เดิมที่โจวเจ๋อไม่น่าจะสนใจความเป็นความตายของอีกฝ่าย แล้วทำงานของตัวเองให้เสร็จ แต่เขาพยายามฝืนเปลี่ยนความคิดของตัวเอง คราวนี้ความเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอกทำให้ตัวเองต้องเจ็บทรมานแทบตาย

แม่งเอ้ย นี่เรียกว่าข้อแลกเปลี่ยนโอเคไหม หรือนี่ก็เรียกว่าจิตสำนึก ถึงทำให้ฉันเจ็บขนาดนี้ อีกอย่างหากเขาตายไป แล้วใครจะทำน้ำบ๊วยให้ฉัน ฉันก็แค่คิดเผื่อตัวเองเท่านั้น!

นักพรตเฒ่าลูบเป้ากางเกงของตัวเอง จากนั้นหยิบกระดาษยันต์ออกมาจากในมือ กระดาษยันต์นี้ใช้อย่างไรก็ไม่หมดและยังถูกเก็บไว้ในตำแหน่งนั้นโดยเฉพาะ ไม่รู้ว่ามีความพิถีพิถันอะไรหรือเปล่า

“พี่น้อง ขอโทษด้วย คนผู้นี้ ข้าจำเป็นต้องรักษาชีวิตไว้ นางกว่าจะหนีออกมาจากหรงเฉิงได้ก็ไม่ง่าย ข้าจะให้นางตกอยู่ในมือของเจ้าไม่ได้”

นักพรตเฒ่าหยิบกระดาษยันต์แล้วพูดกับโจวเจ๋อ สุดท้ายจึงพูดอย่างขอโทษว่า

“ขอโทษนะ”

ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าก็หยิบกระดาษยันต์แปะไปที่โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นทันที แสงสีดำที่อยู่ในดวงตาหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไม่รอให้โจวเจ๋อลงมือ เงาร่างทั้งสองก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของนักพรตเฒ่า

สวี่ชิงหล่างเอามือป้องลำคอ แต่เสียงที่พูดออกมาจากปากเริ่มพูดแต่ละพยางค์ชัดเจนขึ้น

นักพรตเฒ่าถูกยกขึ้นทั้งตัว เมื่อหันมาจึงพบว่ามีผู้ชายกับผู้หญิงปรากฏตัวอยู่ด้านหลังตัวเองตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้หนังมนุษย์ที่ว่างเปล่าทั้งสองคน กลับมีพลังไม่น้อยไปกว่าคนธรรมดาทั่วไป

“ตุ้บ!”

“แม่ง!”

นักพรตเฒ่าถูกโยนออกไปอีกครั้ง กระแทกลงไปกับพื้นกระเบื้อง

นักพรตเฒ่าบิดตัวพลางเอามือข้างหนึ่งบังเอวของตัวเองไว้ แล้วพูดอย่างน่าสงสาร

“โอ๊ยเอวของข้า…”

โจวเจ๋อที่เจ็บตรงหน้าอกของตัวเองค่อยๆ ฟื้นกลับมาอย่างช้าๆ ยกมือขึ้นอีกครั้ง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อ่อนแอมาก การต่อต้านและความรุนแรงก่อนหน้านั้น เป็นขีดจำกัดสุดท้ายของเธอแล้ว

“น้องชาย ข้าขอร้องเจ้าละ ไว้ชีวิตนาง ปล่อยพวกเราไปเถอะ”

“ปล่อยพวกคุณไป” สวี่ชิงหล่างเอามือข้างหนึ่งป้องลำคอ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งควบคุมหุ่นเชิดหนังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า “แล้วใครจะเป็นคนคิดบัญชีกับคนที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายสองคนนั้น”

“สองคนนั้นพวกเราไม่ได้เป็นคนฆ่า พวกเราไม่ได้ทำอะไรพวกเขา พวกเขายังอยากจะช่วยพวกเขาด้วยซ้ำ แต่พวกเขาอยากตายเอง!” นักพรตเฒ่าอธิบาย

“พูดแบบนี้ คุณคิดว่าพวกเราจะเชื่อเหรอ” สวี่ชิงหล่างทำเสียงฮึดฮัดหนึ่งที

นักพรตเฒ่าเห็นสวี่ชิงหล่างเหมือนถูก ‘เทพแห่งแสง’ เข้าสิง จึงไม่มองเขา แต่มองไปทางโจวเจ๋อแล้วพูดขอร้อง

“น้องชาย นางเป็นคนที่ร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตายของพวกเรา เป็นเพื่อนของเถ้าแก่ของพวกเรา นางได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยเถ้าแก่ของข้า”

นักพรตเฒ่าจำได้ว่า ตอนแรกที่ตัวเองกับโจวเจ๋อพบกัน โจวเจ๋อจริงๆ แล้วรู้สึกสนใจเรื่องของเถ้าแก่ตัวเองอยู่บ้างตอนนี้เขาจึงลองหยิบเถ้าแก่ออกมาพูด

มือของโจวเจ๋อเพิ่งจะวางบนหน้าผากของผู้หญิง ยังไม่ทันออกแรง เมื่อได้ยินคำพูดของนักพรตเฒ่าจึงหยุดทันที

เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้นหรือ

ภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งกินข้าวต้มอย่างลำบากที่เคาน์เตอร์หลังร้านขายของจิปาถะตอนนักพรตเฒ่าไลฟ์สด

เด็กหนุ่มคนที่มาเตือนตัวเองว่าเป็นแผนของหญิงไร้หน้า ตอนที่อยู่ริมทะเลสาบในความฝัน

และตัวเองก็เป็นหนี้บุญคุณเขา

“โอ๊ย…” ตรงหน้าอกเริ่มเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว

โจวเจ๋อหายใจเข้าลึกๆ ไม่หยุด จากนั้นเดินถอยไปสองก้าว ล้มลงแล้วโซเซยืนขึ้นมา

โชคดีที่ความรู้สึกเจ็บไม่ได้นานมาก แต่ทุกครั้งที่ตัวเองเลือกสิ่งใดที่จะหักหลังหรือขัดกับผลประโยชน์ของกฎ ยามที่เริ่มมีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็จะเตือนตัวเองเสมอ

เหมือนกับมีแมงป่องตัวหนึ่งซ่อนอยู่ตรงหน้าอกของตัวเองตลอดเวลา

การทดลองใช้ไฟฟ้าช็อตกรงลิงเป็นที่นิยมมาก

บางทีข้อแลกเปลี่ยนและจุดประสงค์ที่ไม่มีมโนสำนึก ก็คงเป็นแบบนี้ ทำให้คุณกลายเป็นตัวสะท้อนของความกลัว จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนนิสัย ‘เสีย’ ในอดีตอย่างช้าๆ

“คุณคงไม่เชื่อจริงๆ ใช่ไหม” สวี่ชิงหล่างมองไปทางโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อโบกมือ

“นี่ มีคนที่ไหนโง่ถึงขั้นกระโดดตึกตายติดต่อกันทีละคนแบบนี้ ก่อนหน้านั้นคุณยังพูดว่า…”

“ฉันเชื่อไอ้หมอนั่น” โจวเจ๋อเหลือบตามองสวี่ชิงหล่าง จากนั้นมองไปที่นักพรตเฒ่า “พาคนของคุณไปเถอะและอย่าโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก”

ชื่อเสียงของคนประดุจเงาไม้ หลังจากเหตุการณ์ที่คู่รักสองคนนั้นกระโดดตึกตายผ่านไปหนึ่งวัน โจวเจ๋อไม่คิดว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนี้อาจจะร่วมเล่นเกมผีปากกา และเคยลงมือบ้าง แต่จะไม่ฆ่าคนเด็ดขาด

สาวน้อยโลลิเคยพูดว่าเด็กหนุ่มที่เมืองหรงเฉิงคนนั้นทำเกินไป ตั้งตัวเองเป็นผู้พิพากษา แล้วจึงถูกห้ามจากท่านยมบาล

และด้วยเหตุนี้ เพื่อนนิสัยแบบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นวิญญาณร้ายฆ่าคนตามอำเภอใจ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของไอ้หมอนั่น คนที่จะฆ่าผู้หญิงเป็นคนแรกกลับเป็นเขามากกว่า

จากการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลนี้ น่าเชื่อถือมากกว่าสิ่งใดที่เรียกว่าหลักฐาน เพราะตอนที่สาวน้อยโลลิพูดถึงเด็กหนุ่มคนนั้น ก็ยังพูดเหน็บแนมว่าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่ก็ไม่เคยต่อว่าเรื่องศีลธรรมส่วนตัวของเขาแม้แต่นิดเดียว

นักพรตเฒ่ารีบเอามือป้องเอวลุกขึ้นทันที แล้วกล่าวขอบคุณไม่หยุด ตอนที่เขามาอยู่ข้างกายผู้หญิงคนนั้น กลับทำหน้าขมขื่นแล้วเอ่ยว่า

“น้องชาย พวกเราไม่มีที่ไป ก่อนหน้านี้นางบอกว่าให้ข้าพานางมาที่นี่ ก็เพราะอยากอาศัยเจ้า ภายใต้แสงไฟอันมืดมิด พวกคนที่จะมาจับตัวนางจะได้ไม่สังเกตที่นี่ ตอนนี้ถ้าหากข้าพานางออกไป ก็เท่ากับเนื้อเข้าปากเสือไม่ใช่เหรอ”

“พวกคุณ…กำลังถูกประกาศจับหรือ” โจวเจ๋อถาม

“เอ่อ หมายความว่าแบบนั้นก็ได้ อย่างไรก็ตาม คนพวกนั้นทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ อยากจะโผล่มาตอนไหนก็ได้ แล้วจะหนีไปที่ไหนได้ ไม่ว่าในกระจก ในกลุ่มคน ใต้ดิน ก็โผล่ออกมาได้ทั้งนั้น พวกเราสามารถหนีรอดมาได้ นับว่าโชคดีแล้ว”

“อย่างนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร บาดแผลของเธอสาหัสมาก อยู่อีกได้ไม่นาน” โจวเจ๋อถูนิ้วมือของตัวเอง“ถ้าหากกายเนื้อนี้ถูกทำลาย ก็จะเหลือแต่จิตวิญญาณของเธอเท่านั้น ถ้าไม่เจอตัวเร็วขึ้น อย่างนั้นก็ต้องส่งไปลงนรกเลย”

“ก่อนหน้านี้ พวกเราไปโรงพยาบาลเพื่อจะทำแผล แต่พอเข้าไปในห้องคนไข้ พวกหมอเดิมทีที่เหมือนคนปกติทั่วไป กลับถอดเสื้อผ้าออกแล้วกลายเป็นสิ่งที่มีหน้าตาอัปลักษณ์และดุร้ายคิดจะฆ่าพวกเรา”

นักพรตเฒ่าพูดอย่างลำบากใจ

“แต่สองวันที่ผ่านมา ได้มาพักอยู่ใกล้ๆ เจ้า พวกเราถึงสบายใจบ้าง”

“ผมไม่อาจจะช่วยเหลือได้” โจวเจ๋อยักไหล่

ความศรัทธาต่อคนนั้น ที่เมืองหรงเฉิงก็อยู่ส่วนของความศรัทธา การติดหนี้บุญคุณของอีกฝ่ายครั้งนี้ ตัวเองทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เขาจะไม่ยอมให้มีปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามา ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าคงจะเป็นสาวน้อยโลลิ พายมทูตคนอื่นมาทำลายร้านหนังสือของตัวเองแทน

เวลานี้ปากกาที่ตกอยู่บนพื้นแต่เดิมจู่ๆ ได้ตั้งขึ้นมา สวี่ชิงหล่างสีหน้าเปลี่ยนทันที เผยสีหน้าระแวดระวัง

แต่ปากกากลับเขียนตัวหนังสือสองสามคำ

“ช่วยข้า ข้าจะให้หัวใจกับท่าน”

เมื่อเห็นสองสามคำนี้ สายตาของโจวเจ๋อจึงนิ่งทันที

“ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอาย! ผู้หญิงคนนี้มั่นใจกับหน้าตาของตัวเองขนาดไหน ช่วยชีวิตคุณ คุณก็จะมอบหัวใจให้ใครก็ได้เหรอ”

สวี่ชิงหล่างพูดเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ “ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนคุณจะสวยแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็เป็นผีแล้ว ไอ้งั่งที่ไหนจะยอมรับหัวใจของคุณ!”

“ผมยินดี”

“อะไรนะ” สวี่ชิงหล่างตกตะลึง มองโจวเจ๋อราวกับว่าเวลานี้ สวี่ชิงหล่างเพิ่งรู้จักโจวเจ๋ออย่างแท้จริง หมอหลินสวยขนาดนั้น เขาที่กระตือรือร้นทำงานจนลืมเรื่องส่วนตัว ที่แท้ก็มีรสนิยมแบบนี้

“น้องชาย เมื่อครู่เจ้าพูดว่าไม่มีทางไม่ใช่เหรอ” นักพรตเฒ่าพูดอยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัย

“อ้อ ผมลืมไป เพิ่งนึกออกเมื่อครู่ ว่าชาติที่แล้วผมเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดในทงเฉิง”

…………………………………………………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด