ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 112 ปิดฟ้าข้ามทะเล!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ตอนที่ 112 ปิดฟ้าข้ามทะเล! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 112 ปิดฟ้าข้ามทะเล!

ผีผู้หญิงหลังจากถูกเล็บของโจวเจ๋อทำลายจนดวงวิญญาณแตกสลาย เธอเริ่มเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงและเลือนรางไม่ชัดเจน

เธอเจ็บปวดทรมานและน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่สำหรับโจวเจ๋อ เขาสามารถลองยืมดาบฆ่าคนได้ แต่จะไม่ปล่อยให้เธอออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เธอหนีพ้นจากการควบคุมและสายตาของเขา

ตอนนี้ใช้เธอเป็นดาบไม่สำเร็จ จึงได้แต่ส่งเธอไปยังสถานที่อันสมควร

ประตูแห่งนรกเปิดออก โจวเจ๋อใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่ของผีผู้หญิง แล้วโยนเธอเข้าไปโดยตรง หลังจากที่ถูกเล็บของเขาทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก ผีผู้หญิงก็หมดแรงไร้การตอบโต้ใดๆ

โจวเจ๋อตบมือแปะๆ แล้วหยิบหนังสือรับรองของตัวเองออกมา บนนั้นเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์

ผลประโยชน์ที่ได้รับจากผีผู้หญิงตนนี้ถือว่าสูงมาก สาเหตุไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อปล่อยให้ไหลไปตามน้ำ แต่เป็นเพราะผีผู้หญิงตนนี้ได้รวบรวมความอาฆาตและเคียดแค้นของคนที่ตายไปในละแวกนี้ไว้เยอะมาก จึงเกิดปรากฏการณ์ที่แปลกออกมา

เสียดายที่เธอไม่ได้เป็นผีร้ายที่โหดเหี้ยมเหมือนที่คิดไว้ สไตล์และลักษณะไม่เหมาะสมกับตัวตนของเธอเลย

โจวเจ๋อถือไม้เท้าเริ่มเดินออกไปข้างนอก เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีก ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่แม้แต่ยมทูตอย่างเขาก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

นักพรตเฒ่าเดินตามออกมา หลังจากทั้งสองคนเดินมาถึงปากถนน นักพรตเฒ่าหันกลับไปมองอีกทีเมื่อรู้ตัว ข้างในนั้นยังมีโรงพยาบาลขนาดเล็กและคลินิกขนาดเล็กประเภทนี้อีกสองสามแห่ง แน่นอนว่ายังมีสถานที่อันป่าเถื่อนแอบซ่อนอยู่ตามมุมหลืบอีกมากมาย

ที่นี่เป็นโลกมนุษย์ แต่กลับเหมือนเตาเผาของนรกมากกว่า บนท้องฟ้าที่มองไม่เห็น ราวกับมีปล่องไฟโผล่ขึ้นมา เมฆและควันลอยคลุ้งก่อนจะจางหายไป และคนที่นอนรอความตายอยู่บนเตียงด้วยความทรมานพวกนั้นก็คือเศษถ่านหินที่ถูกส่งเข้าเตาเผาทีละคน

“เถ้าแก่ กลับร้านหนังสือไหม” นักพรตเฒ่าถาม

โจวเจ๋อพยักหน้า

“เถ้าแก่ ไม่คุ้มค่าเลยที่ต้องหัวเสียกับเรื่องห่วยๆ พวกนั้น ปล่อยวางแล้วจะดีเอง ผีผู้หญิงตนนั้น จริงๆ แล้วก็น่าสงสารมาก อย่างน้อยเธอก็เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่ง”

“นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสงสาร”

“เถ้าแก่ เจ้าพูดว่าคนที่น่าสงสารมีจุดที่น่ารังเกียจเหมือนกัน ข้าไม่เห็นด้วย ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ผิด ถึงยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ไม่สู้ขายตัวเองทิ้งก่อนตายแล้วเหลือเงินให้ครอบครัวเล็กน้อย นี่เป็นความรู้สึกนึกคิดปกติของคนทั่วไป ถึงแม้ชีวิตคนจะซื้อขายกันไม่ได้ แต่พอถึงตอนนั้น ได้พยายามใช้คุณค่าสุดท้ายที่เหลืออยู่ของตัวเองทั้งหมด จริงๆ แล้วก็พอเข้าใจได้ และวิธีของเธอก็ไม่ได้ทำร้ายคนอื่น เป็นเรื่องที่ยินยอมทั้งสองฝ่ายจริงๆ นะ”

“นักพรตเฒ่า เมื่อก่อนคุณเคยโดนตำรวจจับไหม” โจวเจ๋อถามขึ้นมากะทันหัน

“เอ่อ เคยสองสามครั้ง นั่นเป็นเพราะ…”

“เคยถูกจับเพราะซื้อประเวณีไหม”

“เอ่อ อันนี้ไม่เคย นับว่าโชคดีมาก จริงๆ แล้วบางครั้งก็กลัวเหมือนกัน เพราะไม่ว่ายังไงข้าก็อายุขนาดนี้แล้ว ถึงแม้จะทำไปเพราะใส่ใจผู้หญิงที่ใช้ร่างกายแลกเงินพวกนั้น ความตั้งใจเดิมนั้นดี แต่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด เจ้าก็รู้ว่าบนโลกนี้ เรื่องบางเรื่องที่เจ้าอยากทำ โดยเฉพาะเรื่องทำความดี มักจะถูกตำหนิได้ง่ายมาก”

“อย่างนั้นคุณคิดว่า การกวาดล้างการค้าประเวณีถูกหรือผิด”

“อันนี้เหรอ…” นักพรตเฒ่าไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

“ตามแนวคิดของคุณ ผู้หญิงขายบริการทำด้วยความสมัครใจ พวกเธอต้องการเงิน จากนั้นคุณก็มีความต้องการคุณจึงให้เงิน ทั้งสองฝ่ายมีความต้องการของใครของมัน ตำรวจถือสิทธิ์อะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง”

นักพรตเฒ่าไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร

“ถึงแม้จะเป็นประเทศอเมริกาที่โอ้อวดว่าตัวเองเป็นประเทศแห่งเสรีภาพ แต่นอกจากรัฐเนวาดาที่อยู่ติดกับลอสแอนเจลิสแล้ว รัฐอื่นๆ ในประเทศอเมริกา การค้าประเวณีล้วนเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย กฎหมาย แท้จริงแล้วเป็นเส้นบรรทัดฐานทางศีลธรรมเส้นสุดท้ายของสังคม และสิ่งที่คุณเรียกว่าปกป้องผู้หญิงขายบริการ ดูเหมือนเลือกตามความต้องการของตน เป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากมันถูกทำให้เป็นกฎหมายหรือเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง คุณรู้ไหมว่าจะทำให้มีแก๊งค้ามนุษย์มากขึ้นเท่าไร จะมีผู้หญิงมากมายที่ถึงกับถูกบังคับให้ขายบริการ

ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ผิดกฎหมาย ตัวอย่างที่ถูกบังคับให้ขายบริการเช่นนี้จริงๆ แล้วมีเยอะมาก ประเทศอินเดียอ้างว่าตัวเองเป็นประเทศที่การขายบริการถูกต้องตามกฎหมาย แต่อัตราการถูกข่มขืนในประเทศอินเดีย คุณน่าจะเข้าใจ”

“นี่มันคนละเรื่อง…” นักพรตเฒ่าอธิบาย

“คนละเรื่องเหรอ”

โจวเจ๋อหัวเราะ เขาชี้ไปที่ถนนที่อยู่ด้านหลัง แล้วพูดต่อว่า

“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของยอดภูเขาน้ำแข็งเที่เราเห็นเท่านั้น คุณรู้ไหม การเริ่มต้นของเปลวไฟแห่งความชั่วร้ายอาจจะมาจากเปลวไฟเล็กๆ แล้วก็มีแมลงเม่าที่บินเข้าไปด้วยความสมัครใจ ยอมให้ไฟแผดเผามัน แมลงเม่าเลือกสิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง

แต่หลังจากที่ไฟลุกโชนมากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่พอใจที่จะเผาเพียงแค่แมลงเม่าที่บินเข้ามาด้วยความสมัครใจอีกต่อไป มันยังลุกลามไปเผาไหม้บ้านเรือน เผาป่าที่อยู่ใกล้ๆ ถึงตอนนั้นจึงก่อเกิดเป็นภัยพิบัติที่รุนแรง

สุดท้ายพวกแมลงเม่าที่คอยเลี้ยงดูเปลวไฟให้ใหญ่โตก่อนหน้านั้น ก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายใช่หรือไม่

ต่อมาภายหลังเมื่อธุรกิจนี้เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ใครสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีวิธีการพนันที่น่าหวาดเสียวตื่นเต้นและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดยิ่งกว่านี้ กระทั่งตอนที่แมลงเม่าที่สมัครใจไม่พอใช้ คนที่ลุ่มหลงอยู่กับเกมนี้ และคนที่คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มที่ทำรายได้ก้อนโตจากเกมนี้ จะไม่บังคับหรือกึ่งบังคับให้ไปหาเบี้ยตัวใหม่มาเพื่อเล่นเกมนี้ต่อไปเหรอ

หลังจากนั้นครึ่งปีผ่านไป หนึ่งปีผ่านไป หรือสามปีผ่านไป วงการสีดำนี้ได้เติบโตและขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน ถึงตอนนั้นไปจับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาคนหนึ่ง แล้วสร้างเงื่อนไขบางอย่างคล้ายกับการพนันชีวิตอีก คนคนนั้นมีสิทธิ์ที่จะด่าไอ้พวกโง่ที่เป็นฝ่ายเสนอตัวมาเป็นเบี้ยของเกมนี้เพื่อเงินและทรัพยากรต่างๆ ในตอนแรกได้ใช่หรือไม่”

นักพรตเฒ่าเดาะปากเสียงดังเป๊าะ เขารู้สึกว่าเถ้าแก่พูดมีเหตุผลมาก แต่เขายังรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง จึงกัดฟันลองโต้กลับ

“เถ้าแก่ ข้ารู้สึกว่าผู้ร้ายตัวจริงน่าจะเป็นเจ้ามือขององค์กรนี้”

“ตอนหิมะถล่ม ไม่มีเกล็ดหิมะใดที่ไร้ความผิด”

พอกลับมาถึงร้านหนังสือฟ้าก็มืดแล้ว เนื่องจากอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ดังนั้นโจวเจ๋อจึงเดินกลับมา ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย

ประตูร้านหนังสือยังเปิดอยู่ ถังซือนั่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ ในร้านมีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในนั้น

“ไป๋อิงอิงล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“ขึ้นไปเล่นเกมแล้ว ฉันเลยช่วยเฝ้าร้านให้เธอพักหนึ่ง เพราะเธอเฝ้าร้านมาทั้งวันแล้ว” ถังซือพูดแบบไม่ใส่ใจ

โจวเจ๋อพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง สงสัยเขาต้องจำกัดเวลาเล่นเกมของสาวน้อยติดเกมคนนั้นแล้ว เพราะเธอกล้ามอบร้านหนังสือให้ถังซือดูแล ไม่กลัวว่าหากเกิดเรื่องร้านหนังสือจะกลายเป็นแม่น้ำเลือดเลยใช่ไหม

“พวกคุณออกไปนานมาก อ้อใช่ นักพรตเฒ่าล่ะ” ถังซือไม่เห็นนักพรตเฒ่ากลับมาร้านหนังสือพร้อมกับโจวเจ๋อจึงถามด้วยความสงสัย

“ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว” โจวเจ๋อตอบ

“ดื่มอะไรหน่อยไหม ค็อกเทลไหม”

“คุณผสมเป็นเหรอ”

ถังซือไม่พูด แล้วเริ่มผสมเหล้าด้วยตัวเอง ท่าทางการผสมเหล้าของเธอรวดเร็วและคล่องแคล่วมาก ไม่ช้าค็อกเทลแก้วหนึ่งก็วางอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ

“ลองชิมสิ”

โจวเจ๋อยกแก้วค็อกเทลขึ้นมา แล้วจิบหนึ่งที จากนั้นจึงพยักหน้า

“ไม่เลวเลยทีเดียว”

“ขอบคุณ” ถังซือกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ถือหนังสือ ‘ต้นกำเนิดของนรก’ ไว้ในมือแล้วเริ่มอ่าน

“หนังสือเล่มนี้มีอยู่ในร้านหนังสือด้วยเหรอ” โจวเจ๋อไม่เคยเห็นหนังสือเล่มนี้มาก่อน และบนนั้นก็ไม่ได้ระบุสำนักพิมพ์

“หนังสือของเขา เป็นหนังสือแฟนตาซีตอนชั้นมัธยมต้นปีที่สอง สามารถเอามาอ่านสนุกๆ ฆ่าเวลาได้”

โจวเจ๋อยกแก้วค็อกเทลแล้วเดินขึ้นไปข้างบน ทันทีที่เขาผลักประตูห้องนอน ก็เห็นไป๋อิงอิงใส่หูฟังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วพูดอย่างตื่นเต้น เหมือนกำลังทะเลาะกับเพื่อนร่วมทีม

ฝั่งนั้นตอนแรกเหมือนจะไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่มารู้ทีหลังตอนที่เปิดไมค์ และดูเหมือนจะพูดอะไรอีก

“เหอะๆ อยากจะให้ฉันเล่นเป็นเพื่อนนายเหรอ”

ไป๋อิงอิงไม่รู้ว่าโจวเจ๋อยืนอยู่ข้างหลังเธอ มัวแต่กดเสียงต่ำพูดน้ำเสียงสะบัดสะบิ้งกับตัวเอง

“พี่ชายเคยนอนกับศพไหม แบบที่ร้องไห้อุ๋งอิ๋งได้แบบนั้น ไปนอนกับแม่พวกแกไป ฉันแก่จนเป็นย่าเทียดของพวกแกได้แล้ว!”

จากนั้นไป๋อิงอิงก็ถอดหูฟังออก แล้วโยนหูฟังไปบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ เธอเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ไขว้ขาที่เรียวยาวข้างหนึ่งไว้ด้านบน มือข้างหนึ่งหยิบซองบุหรี่ของผู้หญิงออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า คว่ำซองบุหรี่ลงแล้วเคาะกับโต๊ะด้วยความคุ้นชิน จากนั้นเอาเข้าปากตัวเอง พร้อมกับถูปลายนิ้วให้เกิดประกายไฟ แล้วจุดบุหรี่

“จุดบุหรี่วิธีนี้ไม่เลวเหมือนกัน” โจวเจ๋อกล่าว “ช่วยสอนผมได้ไหม”

“ไปให้แม่ของแกสอนไป ฉันไม่ว่าง..”

ไป๋อิงอิงพูดไปพูดมาแล้วทันใดนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที เธอรีบดับบุหรี่ที่อยู่ในมือ จากนั้นลุกขึ้นก้มหน้าให้โจวเจ๋อ แล้วเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวล

“เถ้าแก่ ท่านกลับมาแล้วเหรอ”

โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ที่ไป๋อิงอิงนั่งก่อนหน้านั้น บนเก้าอี้ยังมีไออุ่นอยู่ เขาหยิบบุหรี่ของผู้หญิงออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดไฟ เขาสูบไปหนึ่งทีแล้วจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย บุหรี่ของผู้หญิง รสชาติจืดเกินไปสำหรับโจวเจ๋อ

“อัดอั้นลำบากมากเลยใช่ไหม”

โจวเจ๋อหันไปมองศพผีสาวที่อยู่ข้างๆ

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร เขารู้สึกคุ้นเคยที่มีไป๋อิงอิงอยู่ข้างกายแล้วทำเสียงออดอ้อน ‘อุ๋งอิ๋งน่ารัก’ แบบนี้ไปแล้ว

ดูเหมือนว่าเขาแทบจะลืมความน่ากลัวและความน่าเกรงขามที่ไป๋อิงอิงนำพามาให้เขากับสวี่ชิงหล่างหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาในร้านหนังสือเป็นครั้งแรกไปแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกสับสนว่าแบบไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเธอกันแน่

“ไม่ใช่นะ เถ้าแก่ ท่านอย่าเข้าใจผิด เวลาอยู่ต่อหน้าท่าน อิงอิงเป็นเพียงนกน้อยที่ต้องการที่พักพิงเจ้าค่ะ เถ้าแก่จริงๆ แล้วตัวท่านก็น่าจะรู้ดี ท่านก็นับว่าเป็นผีดิบตัวหนึ่ง แถมยังมีสายเลือดที่สูงกว่าข้าอีก”

โจวเจ๋อหรี่ตาเอ่ยว่า “แต่ชาติที่แล้วผมเป็นหมอ เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ผมสงสัยปัญหาหนึ่งมาตลอด นั่นก็คือผมตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วก็ย้ายร่าง ถ้าหากเป็นปัญหาเรื่องสายเลือดอย่างเดียว ก็น่าจะตัดออกไปได้ ไม่อย่างนั้นจะเหลือคำอธิบายเพียงอย่างเดียว นั่นคือสวีเล่อเดิมทีเป็นผีดิบอยู่แล้ว แต่อธิบายแบบนี้ก็ไม่ถูกอีก”

“เถ้าแก่ นายหญิงของข้าตอนแรกเคยพูดกับข้าว่า มีผีดิบบางพวก เขา…”

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขึ้น โจวเจ๋อหยิบขึ้นมา แล้วทำสัญญาณให้ไป๋อิงอิงหยุดพูดก่อน

คนที่โทรมาคือนักพรตเฒ่า ทั้งสองคนเดินกลับมาพร้อมกัน แต่โจวเจ๋อให้เงินกระดาษจำนวนหนึ่งแก่นักพรตเฒ่าให้เขาไปหาสถานที่เผาแล้วค่อยไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

“ฮัลโหล แจ้งความหรือยัง” โจวเจ๋อถาม

“เถ้าแก่ ไม่…ไม่กล้าแจ้ง…” นักพรตเฒ่าที่อยู่ทางนั้นพูดตะกุกตะกัก

“ไม่ได้เผาเงินกระดาษเหรอ แค่ร่วมเล่นพนัน แล้วก็ไปมอบตัวบอกรายละเอียด บวกกับเผาเงินกระดาษแล้ว คุณไม่โดนจับขังคุกหรอก มากสุดก็แค่ลงบันทึกคำให้การ”

“ไม่ใช่…ไม่ใช่อย่างนั้นเถ้าแก่…ข้าอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจแล้ว ตอนนี้ที่นี่มีนักข่าวเยอะมาก ได้ยินว่าครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มีคนโทรแจ้งความว่าหมอกับพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งและคนไข้ถูกฆ่าตายทั้งหมด ดูเหมือน…เหมือนจะเป็นโรงพยาบาลที่พวกเราไปก่อนหน้านั้น เถ้าแก่ มอบตัวไม่ได้นะ เผาเงินกระดาษมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าข้ามอบตัวแล้ว ตำรวจจะต้องมองข้าเป็นผู้ต้องสงสัยรายแรกแน่นอน”

“คนตายหมดเลยเหรอ”

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่น่าเป็นไปได้ ตอนที่เขาเดินออกมา หมอและพยาบาลเหล่านั้นแค่นอนเป็นลมอยู่ตรงนั้น ไม่เป็นอะไรมาก คาดว่าผ่านไปสักพักหนึ่งก็น่าจะฟื้นขึ้นมาเอง

“จริงแท้แน่นอน เป็นโรงพยาบาลแห่งนั้น” นักพรตเฒ่าพูดเสียงต่ำ “เมื่อกี้ข้าถามนักข่าวคนหนึ่ง เขาบอกข้ามา”

“เป็นไปได้ยังไง พวกเราเพิ่งออกมาไม่นาน”

“เถ้าแก่…” นักพรตเฒ่าถามด้วยความตื่นเต้น “ก่อนหน้านี้เจ้ารู้สึกแปลกไม่ใช่เหรอว่า ทำไมผีผู้หญิงตนนั้นถึงไม่ฆ่าคนแก้แค้น”

“คุณอยากพูดอะไร”

“ข้ากำลังคิดว่า ตอนนั้น มีผีโผล่ออกมาสองตัวหรือเปล่า แต่ผีอีกตัวหนึ่ง เขาซ่อนตัวอยู่”

…………………………………………………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด