Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 10 สมบัติและศิลาแสงจันทร์
ผู้เฒ่าจางตรวจสอบคนที่โดนสายฟ้าช็อต ถ้าหากเขายังไม่หยุดหายใจก็ยังมีโอกาสที่จะช่วยได้ สิ่งปลอบโยนเดียวที่เขารู้สึกคือตอนที่เขาได้ยินชายชุดน้ำเงินกล่าวว่าจะยกตำราทักษะขั้นสูงระดับเหลืองให้เขา
เขาตื่นเต้นมาก แม้แต่ในทั้งตระกูลจาง มีตำราทักษะขั้นสูงระดับสีเหลืองเพียง 2-3 เล่ม เก็บไว้ในคลังสมบัติของพวกเขา มันน่าจะคุ้มค่าถึงแม้ศิษย์ตระกูลจางคนนั้นจะตายไป
ผู้เฒ่าจางรับตำรานั้นมาพร้อมกับยิ้ม “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส พวกเราควรกลับไปสำรวจอีกเส้นทาง?”
ชายชุดน้ำเงินส่ายหัว “ไม่จำเป็น เส้นทางด้านขวานั้นน่าจะไปประจบที่จุดหมายเดียวกัน ทางออกจะต้องอยู่ภายในห้องนี้”
เมื่อชายชุดน้ำเงินกล่าวจบ เขาก็ค่อยๆตรวจสอบภายในห้องหินนี้ กวาดตาไล่ผ่านกำแพงทั้งสี่ด้าน ก่อนที่ในที่สุดก็หยุดสายตาไปจ้องที่กำแพงด้านที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะ ลางสังหรณ์บอกเขาว่าทางออกน่าจะตั้งอยู่ด้านหน้าพวกเขา แต่เขาไม่คุ้นเคยกับกลไกแปลกประหลาดนี้ ถ้าจะพึ่งดวงหาสวิตซ์ท่าจะเป็นเรื่องยาก
เมื่อเขาไม่สามารถใช้วิธีนั้น เขาจึงเลือกวิธีรุนแรง เขาพูดด้วยเสียงทุ้มลึก “หลบไปด้านข้าง ข้าจะพังกำแพงหินเข้าไป”
เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตนักบุญลงมือ มันยากที่จะไม่โดนลูกหลง เมื่อคนอื่นๆได้ยินที่เขาพูด ก็รีบหลบไปด้านหลังของเขา จากนั้นก็มีหินศิลาปรากฎขึ้นบนแขนขวาของชายชุดน้ำเงินอีกครั้ง
หินศิลาเลื้อยไหลไปตามแขนของชายชุดน้ำเงิน ค่อยๆฝังเข้าไปใต้ผิวของเขาเหลือเป็นลวดลายสีเทาไหลไปที่ฝ่ามือเหมือนกับงู
เมื่อลวดลายนั้นไหลมาถึงฝ่ามือก็เริ่มหมุนวนเป็นเกลียว ปรากฎเป็นพลังงานที่น่ากลัวที่เหมือนจะระเบิดทุกเมื่อ เขากระโดดขึ้นไปพร้อมกับปล่อยฝ่ามือออกปะทะเข้ากับกำแพงด้านหน้า
“บึ้ม……!”
ทั้งห้องสั่นสะเทือน มีก้อนศิลาถล่มออกมาเป็นชิ้น เพียงฝ่ามือเดียวกำแพงข้างหน้าก็ระเบิดเป็นชิ้น เป็นช่องใหญ่ขนาดคนสองคนเข้าไป
ชายชุดน้ำเงินชักมือกลับ มองไปที่ช่องข้างหน้า เขากล่าวอย่างเฉยชา “ไป”
แม้ว่าชายชุดน้ำเงินจะกล่าวว่าไป แต่เขาก็ไม่ได้ขยับแม้ปต่น้อย ผู้เฒ่าจางได้แต่นินทาจิ้งจอกแก่อยู่ในใจ แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถขัดได้ จึงนำคนของตระกูลจางเดินผ่านช่องไป
หลังจากผ่านเข้าช่องไป วิสัยทัศน์กว้างขึ้น ปรากฎเป็นฐานหินขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่เพดาน เขากะความสูงน่าจะอยู่ราวๆ 100 เมตร ตรงนั้นมีเสาศิลาอยู่ตรงกลางของฐานหิน มีแสงอ่อนเรืองออกมจากมันดึงดูดความสนใจพวกเขาทุกคน
“ศิลาแสงจันทร์!”
“ช่างใหญ่โตอะไรขนาดนี้!”
เจ้าศิลาที่กำลังเรืองแสงนั้นถูกแกะสลักมาจากศิลาแสงจันทร์ขนาดมหึมา ให้ตายเถอะ ช่างสูญเปล่าอะไรอย่างนี้ เขาใช้ศิลาแสงจันทร์มาแกะสลักเป็นเสา แต่ละคนในกลุ่มพวกเขาตำหนิอยู่ในใจ
ในทวีปเทียนหวู่ ศิลาแสงจันทร์เป็นของหายากยิ่ง และพื้นที่น้อยนิดที่ขุดเจาะศิลาแสงจันทร์นั้นถูกยืนยันแล้ว่าสูญสิ้นไปเมื่อหลายปีก่อน
ด้วยศิลาแสงจันทร์ขนาดใหญ่นี้ พวกเขาสร้างอาวุธวุธวิญญาณได้นับไม่ถ้วน ถ้าพวกเขาใช้ศิลาทั้งชิ้นไปผสมกับวัตถุดิบหายากอื่นๆ มันอาจจะสร้างอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขึ้นมาก็เป็นไปได้ ด้วยความหายากของศิลาแสงจันทร์ ทวีปเทียนหวู่นี้ไม่ได้พบเห็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์มาหลายร้อยปี
ไม่ใช่แค่ชายชุดน้ำเงิน แต่ทุกคนในตระกูลจางอยากได้มันมาครอบครองทั้งสิ้น เมื่อพวกเขาคิดถึงมูลค่าของศิลาแสงจันทร์แล้วทุกคนได้แต่กลืนน้ำลาย อย่างไรก็ตามสายตาของชายชุดน้ำเงินไม่ได้จ้องเพียงแค่เสา เขายังสังเกตุเห็นด้ามกระบี่ที่อยู่จุดบนสุดของเสา
นั้นจะต้องเป็นด้ามกระบี่อาวุธวิญญาณ อาวุธวิญญาณถูกเสียบไว้ในเสาศิลานี้ มันจะเป็นอาวุธระดับใดกัน? ระดับปฐพี? ไม่ใช่แน่ อย่างต่ำที่สุดจะต้องเป็นระดับสวรรค์ขั้นสูงและมันอาจเป็นอาวุธศักสิทธุิ์ในตำนานก็เป็นได้ เมื่อชายชุดน้ำเงินคิดได้แบบนั้น เลือดของเขาก็สูบฉีด
ยังไรก็ตาม พอตระหนักได้ถึงเจ้าของถ้ำนี้ ชายชุดน้ำเงินก็ตั้งสติได้ทันที
“พวกเจ้า ไปข้างหน้าแล้วดูสถานการณ์ หลังจากจบเรื่องนี้ ข้าจะให้รางวัลพวกเจ้าแต่ละคน 500 เหรียญทอง”
ภายใต้คำมั่นถึงรางวัลมหาศาล ขวัญกำลังใจของเหล่าศิษย์ตระกูลจางเพิ่มขึ้นอย่างมาก พวกเขาเรียกม่านพลังคุ้มกันออกมาและก้าวตรงเข้าไปหาเสาศิลาอย่างระมัดระวัง เมื่อพวกเขาห่างจากเสาศิลาประมาณ 50 เมตร ทันใดนั้นม่านพลังสีเหลืองเรืองปรากฎออกมา มันปิดทางเดินของพวกเขาราวกับมันเป็นกำแพง แม้กระทั่งวิสัยทัศน์ของพวกเขาก็ไม่ชัดเจน
ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างไร เหล่าสานุศิษย์กลุ่มนี้ก็ไม่อาจผ่านเข้าไปได้ พวกเขาใช้ทักษะต่อสู้ซัดใส่ม่านพลัง ทันใดนั้นหลากหลายทักษะต่อสู้พุ่งไปหามัน
“Ka! Ka! Ka!”
เมื่อทักษะต่อสู้เข้าปะทะกับม่านพลัง มันถูกสะท้อนกลับมา พลังและความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ของตระกูลจางถูกชัดด้วยพลังของเขาลงไปกลิ้งกับพื้นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ด้วยเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ เหล่าศิษย์ตระกูลจางทั้งหมดก็เริ่มขวัญหายขึ้นมาทันตา เจ้าม่านพลังสีเหลืองนี้ช่างน่าขนลุก ศิษย์ตระกูลจางที่เดินตามเข้าไปด้วยก็ทำตัวไม่ถูก
การแสดงออกของชายชุดน้ำเงินไม่เปลี่ยน ราวกับคาดไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขาเดินช้าๆเข้าไปแล้ววางมือลงบนม่านพลังนั้น คลื่นพลังปราณแผ่ออกมาจากมือของเขาไปบนม่านพลัง เขาตั้งสมาธิคุมพลังปราณไหลไปตามม่านพลัง หลังเวลาผ่านไปยาวนาน เขาก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร
พลังปราณในร่างเข้าหมุนวนอย่างรวดเร็ว ไหลออกมาที่ฝ่ามือ เหมือนกับงูกำลังเลื้อยไปบนม่านพลัง เมื่อเขาเห็นว่าม่านพลังถูกคลุมไว้ด้วยพลังปราณของเขาเรียบร้อย เขาหยุดส่งพลัง และควบคุมสายพลังปราณเพื่อบีบรัดม่านพลัง
“ถอนกลับ!”
ชายชุดน้ำเงินพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วพลังปราณที่บีบรัดม่านพลังก็เริ่มไหลกลับมา เจ้าม่านพลังนั้นเริ่มสั่นสะเทือน แล้วก็ปรากฎเป็นช่องขนาดเท่ารูเข็มขึ้นบนม่านพลัง ชายชุดน้ำเงินยิ้มในใจและใช้มือซ้ายเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ผู้เฒ่าจาง,ม่านพลังนี้ถูกกางขึ้นมาด้วยพลังของบรรพบุรุษผู้นั้น ลำพังพลังของข้าคนเดียว ข้าสามารถเปิดช่องขนาดหนึ่งคน อย่าลืมเตรียมคนของท่านลงมือให้เร็ว”
ในห้องหินที่เซี่ยวเฉินอยู่
สายฟ้าน่ากลัวถูกปล่อยออกมาจากวิหคอัสนีบนกล่อง พุ่งมาจับตัวเซี่ยวเฉินไว้ กระแสไฟฟ้าไหลไปทั่วร่างของเขา พลังทำลายล้างโถมใส่เส้นลมปราณของเขาอย่างไม่ปราณี พลังปราณในร่างของเขาพยายามต่อต้านการเข้ามาของสายฟ้า แต่ก็แตกสลายไปทันทีเมื่อปะทะกัน
พลังทำลายล้างนี้ไหลจากแขนของเซี่ยวเฉินผ่านเส้นลมปราณ มุ่งเข้าไปที่จุดดันเที่ยน เซี่ยวเฉินตื่นตกใจ
คอมเม้นต์