ซิ่งทะลุมิติ – ตอนที่ 18
SD:บทที่ 18 : คนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งได้สอนให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น
อาจเป็นได้ว่าเสียงปรบมืออันกระตือรือร้นที่กึกก้องไปทั่วห้องประชุมนั้น จะมีอิทธิพลต่อแขกเหรื่อที่มาจากแดนไกล ผู้หญิงผมบลอนด์คนหนึ่งในเหล่าแขกผู้มีเกียรติ จึงลุกขึ้นยืนและปรบมือไปพร้อมกับผู้ชม
ซู ฉิวไป่ ดำเนินการแปลไปอย่างไร้ข้อบกพร่อง เขาแม้แต่ถึงกับแก้ไขความผิดพลาดบางประการในสุนทรพจน์ของเหล่าแขกผู้มีเกียรติ
เหล่าผู้ชมนั้น ต่างไม่อาจเปิดปากเอ่ยคำใด ๆ ออกมาเนื่องจากความตะลึงงัน ซู ฉิวไป่ ไม่ได้เป็นแค่ล่ามธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ดีไม่ดี เขาอาจจะเป็นล่ามที่ดีมากกว่าล่ามมืออาชีพบางคนเสียด้วย การแปลของเขานั้น ราวกับว่าเขาสามารถจดจำสุนทรพจน์ได้ล่วงหน้าทั้งหมด แล้วมาท่องมันบนเวทีนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยด้วยซ้ำ…
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน…นี่คนขับรถคนนึงจะเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษขนาดนี้ได้อย่างไรกัน แม้แต่พวกครูเอง ก็ยังทำไม่ได้ถึงขนาดนี้เลยนะ…”
อู๋ กัง ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขา แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกันว่าเขานั่งบนกองเข็มและหมุดเสียมากกว่า เขาจ้องตรงไปที่คนขับรถแท็กซี่ที่บัดนี้กลับกลายเป็นล่ามที่เก่งกาจ เหงื่อกาฬพลันไหลบนหน้าผาก แล้วได้พึมพำเบา ๆ
อันที่จริง อาจารย์ทุกคนต่างแอบเปรียบเทียบตนเองกับ ซู ฉิวไป่ อย่างลับ ๆ ในใจ พวกเขาสังเกตเห็นได้เลยว่าทักษะภาษาอังกฤษของพวกเขา สู้ความสามารถของคนขับรถแท็กซี่คนนี้ไม่ได้เลย
ที่สุดแล้ว แม้แต่เหล่าชาวต่างชาติเองก็งงงันไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อได้ฟังการแปลของ ซู ฉิวไป่!
ล่ามคนนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีเทียบเท่าคนต่างชาติเลยทีเดียว เขาพูดได้ดีมากกว่าคนทุกคนในการประชุมนี้เสียอีก นี่การใช้ภาษาอังกฤษได้แพร่หลายมากในหมู่ประชาชนจีน จนถึงขั้นที่แม้แต่คนขับรถ ก็สามารถเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษได้อย่างน่าเหลือเชื่อเชียวหรือ
ประเทศจีนนี่ช่างเป็นประเทศที่มหัศจรรย์โดยแท้!
ในทำนองเดียวกัน สำเนียงการออกเสียงภาษาอังกฤษของ ซู ฉิวไป่ ได้ทำลายความหวังอันน้อยนิดที่ยังเหลือในหัวใจของผู้อำนวยการหลี่และ อู๋ กัง โดยสมบูรณ์!
เขาจะต้องบ้าแน่ ๆ ทักษะภาษาต่างประเทศของเขาสูงมากขนาดนี้ แต่เขาดันทำงานเป็นคนขับแท็กซี่เพื่อไล่ตามจีบผู้หญิง!
เขามันคนต้มตุ๋นชัด ๆ นี่มันเป็นอาชญากรรมโดยแท้จริง!
ผู้อำนวยการหลี่และ อู๋ กัง มีความคิดเห็นตรงกัน
อีกด้านหนึ่ง ครูใหญ่ของโรงเรียนเริ่มฉีกยิ้มกว้าง ตั้งแต่ที่เขาสังเกตเห็นความประทับใจที่ประทับบนใบหน้าของเหล่าชาวต่างชาติ
นอกจากความรู้สึกตกใจระคนดีใจแล้ว ดง เจี่ยเว่ย ยังคงรู้สึกซาบซึ้งและหลงใหลด้วย
ซู ฉิวไป่ มอบความประทับใจที่ไม่มีวันเลือนในใจของเธอ
บางทีพวกแขกผู้มีเกียรติเอง ก็อาจจะยังรู้สึกว่าเขายังน่าทึ่งเกินไปด้วยซ้ำ พวกเขาจึงตัดสินใจทำให้เรื่องทั้งหมดนี้ยากขึ้นไปอีกสำหรับเขา
ทันใดนั้น หญิงชราคนหนึ่งพลันลุกขึ้นยืน แล้วพูดรัว ๆ ด้วยภาษาที่ไม่มีใครในห้องประชุมนั้นเข้าใจ
ห้องประชุมเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่เขากำลังพูดใน…ภาษารัสเซีย!
เมื่อผู้ชมสังเกตได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ทุกคนจึงตระหนักได้ว่าเหล่าคณะผู้แทนจากต่างประเทศกำลังจ้องมองไปที่ ซู ฉิวไป่
ทุกคนต่างเข้าใจดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น…มันคือการสมคบคิด!
แต่ชาวต่างชาติพวกนี้ไม่ละอายใจกันเลยรึไง นี่พวกเขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน! ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งมากล่ะก็ ไม่มาลองแปลกลอนโบราณของประเทศเราบ้างล่ะ!
ในขณะที่บรรดาครูและนักเรียนได้แต่ก่นด่าความอยุติธรรมของสถานการณ์นี้แทน ซู ฉิวไป่ ในใจนั้น…
ให้ตาย ไอ้เวรนี่ดันแปลความที่หญิงชรากล่าวมาอย่างลื่นไหลได้อีก!
พับผ่าสิ…นี่โลกนี่เพี้ยนไปหมดแล้วรึยังไงกัน!
ทุกคนต่างก็ล้วนอัศจรรย์ใจ เรื่องทั้งหมดนี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คนขับรถแท็กซี่ธรรมดา ๆ นอกจากจะเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษอย่างน่าทึ่งแล้ว ยังเข้าใจภาษารัสเซียเป็นอย่างดี
ต่อมา ผู้แทนอีกคนลุกพรวดขึ้น เพื่อทดสอบ ซู ฉิวไป่ อีก คราวนี้…เป็นภาษาฝรั่งเศส!
แม้ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนกันว่าพวกคณะผู้แทนจากนานาชาตินี่จะหน้าไม่อายเสียเลย แต่พวกเขายังคงกุมความหวังสุดท้ายไว้ที่ตัวของ ซู ฉิวไป่ คนนี้
แล้วก็เหมือนกับที่คาดการณ์ ราวกับว่าทั้งหมดนี้เป็นตามปรกติวิสัย เขาเริ่มที่จะแปลหลังจากที่เงียบไปไม่กี่วินาที!
นักเรียนบางส่วนเริ่มจะตะโกนเชียร์คนขับแท็กซี่สุดเสียงแล้ว ไม่มีใครคาดการณ์มาก่อนเลยว่าการประชุมแลกเปลี่ยนจะน่าตื่นเต้นได้เพียงนี้
แต่ว่า…มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น!
แน่นอนว่า ซู ฉิวไป่ จะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขารอดตัวไปง่าย ๆ เช่นนั้นหรอก ในฐานะที่เขาเป็นนักปฏิบัติอย่างถ่องแท้ กล่าวคือ สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มยึดมั่นมาโดยตลอดมีเพียงแค่ หากคุณติดหนี้เขา ถ้าอย่างนั้นก็จงคืนเงินเขามาให้เร็วที่สุด ถ้าหากว่าคุณดันเกิดมาตายพรุ่งนี้พอดี เขาก็เสียผลประโยชน์น่ะสิ!
ด้วยแนวคิดดังกล่าว ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่คณะผู้แทน เขาทนฟังสุนทรพจน์อันหยิ่งผยองของพวกเขามานานพอแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะคว้าโอกาสนี้ไว้สำหรับตัวเขาเอง
ภาษาสเปน…ภาษาอาหรับ…ภาษาฮินดู…
ซู ฉิวไป่ ใช้แต้มสะสมการเติบโตของเขาที่ยังเหลืออยู่ ไปกับหมวดภาษาต่างประเทศทั้งหมด
ไม่มีเวลาพอให้ผลาญเล่นแล้ว ถ้าหากเขาไม่ทวงคืนความยุติธรรมในตอนนี้ เขาคงทำให้ครูวิชาภาษาต่างประเทศของเขาอับอายเป็นแน่
เขาจึงกล่าวถ้อยคำสั้น ๆ ที่ทำให้คณะผู้แทนต่างประเทศเงียบเสียสนิท!
ถึงกระนั้น แทบทุกคนที่เหลือในหอประชุมกลับยืนขึ้น แล้วปรบมือให้เขา
ซู ฉิวไป่ รู้สึกได้ว่าการประชุมใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว จึงหันไปทางผู้ชมแล้วจ่อไมโครโฟนที่ปากเขา
“เมื่อตะกี้ ผมพึ่งถามคณะผู้แทนจากต่างประเทศในภาษาประจำชาติของพวกเขา ว่ามีอะไรจะกล่าวเพิ่มเติมมั้ย แต่ดูท่าว่าพวกเขาจะยังคงนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่า…การประชุมนี้จะจบแล้วครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ทั้งหอประชุมเงียบสนิทไปชั่วครู่ ก่อนที่ผู้ชมทั้งหมดจะระเบิดเสียงหัวเราะ
ล่ามคนนี้ช่างกล้ายิ่งนัก แค่ไม่มีใครเข้าใจถ้อยคำที่เขาพูดก่อนหน้านี้ แต่นี่ เขาถึงกับกล้าพอที่จะยุติการประชุมนี้เลยทีเดียว
แต่ความกล้าท้าทายโดยไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้…ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก!
ผู้ชมล้วนแต่เคยมองชาวต่างชาติว่าเหนือกว่าเป็นเวลานานหลายปี พวกเขาต่างรู้สึกว่าชาวต่างชาตินั้นน่าเหลือเชื่อ หัวก้าวหน้ามากกว่า นำสมัยมากกว่า หรือแม้แต่ดวงจันทร์ เมื่อมองจากประเทศเขา ก็คงกลมกว่าเมื่อมองจากจีนเป็นแน่!
ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร ทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงต่างประเทศแล้ว ทุกคนต่างเคารพนับถือชาวต่างชาติในทันที ทุกโรงเรียนต่างทุ่มเทเวลาและพลังงานไปกับนักเรียน อย่างไรก็ตาม พลังงานทั้งหมดนั้น กลับถูกใช้เพื่อเชิญชาวต่างชาติมาร่วม ‘การประชุมแลกเปลี่ยน’ นี่
ในความเป็นจริง จู่ ๆ บรรดานักเรียนและอาจารย์จะพัฒนาศักยภาพขึ้นมาทันทีทันใดหลังจากที่เพียงเข้าร่วมการประชุมครั้งหนึ่งนะเหรอ แล้วพวกเขาจะได้ประโยชน์มากมายเช่นนั้นจากการประชุมแลกเปลี่ยนสั้น ๆ เช่นนี้จริงหรือ
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!
แต่แน่นอน ไม่มีใครยอมเอ่ยความจริงที่ลึก ๆ แล้ว ทุกคนเองก็ย่อมรู้ดี จนในที่สุด กลับเป็นคนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งที่เป็นแกนนำในการแสดงความจริงนี้!
ทุกคนเริ่มปรบมืออีกรอบหนึ่ง ไม่มีใครเชื่อว่าชายผู้สวมเสื้อกั๊กบนเวทีเป็นเพียงคนขับแท็กซี่ธรรมดา!
เป็นไปได้ว่าเหล่าคณะผู้แทนต่างประเทศไม่สามารถที่จะทนรอได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจะกลับไป การประชุมนี้จึงจบลงอย่างชัดเจนในสายตาของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากยังคงมองไปที่ตำแหน่งของ ซู ฉิวไป่ ก่อนที่พิธีกรจะประกาศให้ทุกคนออกจากห้องประชุมได้ ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนเลยว่า คนขับรถแท็กซี่ธรรมดา จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์มากมายขนาดนี้ได้ในเวลาแค่วันเดียว
“นี่คุณเป็นคนขับรถแท็กซี่จริง ๆ แน่นะคะ”
ดง เจี่ยเว่ย วิ่งตรงไปที่ชายหนุ่มทันที เธอจ้องมองไปที่ ซู ฉิวไป่ ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สำหรับเธอแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าเธอเมื่อครู่ เหมือนจะเป็นความฝันมากกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ!
“คุณจะคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงล่ะครับ อย่าลืมสิ แท็กซี่ผมยังจอดรออยู่หน้าทางเข้าโรงเรียนเลยนะ”
เขายิ้มกว้าง ขณะที่พลันรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายมากขึ้น
ทุกสิ่งที่เขาทำไป มีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อช่วย ดง เจี่ยเว่ย เท่านั้น อันที่จริง ก่อนที่เขาจะขึ้นไปบนเวที เขากังวลมากว่าเขาจะทำให้เรื่องทุกอย่างพังไปหมด!
โชคดีที่เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปด้วยความราบรื่นมากกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก
“คุณทำให้ฉันกลัวจริง ๆ นะ ฉันนึกว่าคุณจะรู้ศัพท์อังกฤษมีกี่คำ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะคิดตื้นเกินไปมากนะคะ…”
ดง เจี่ยเว่ย ยิ้มบาง ๆ ดวงตาของเธอกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว รอยยิ้มอันอ่อนหวานของเธอทำให้ ซู ฉิวไป่ แทบจะตัวลอย คนขับรถได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต้มทุกแต้มที่เขาใช้ไป…มันคุ้มค่าแล้ว!
ในขณะที่เขาดำเนินบทสนทนาของเขากับครูสาวต่อไปอย่างมีความสุข เขาพลันสังเกตเห็นผู้อำนวยการหน้าตาบึ้งตึงกำลังใกล้พวกเขาเข้ามา
“ครูดง คุณรู้ตัวหรือไม่ว่าโรงเรียนได้รับความเสียหายมากแค่ไหนจากพฤติกรรมของคุณ! คุณละเลยหน้าที่ตัวเองและจ้างล่ามแบบนี้มา ผลคือตอนนี้คณะผู้แทนต่างประเทศกำลังโกรธแค้นโรงเรียนเราเป็นอย่างมาก!”
ใบหน้าของผู้อำนวยการหลี่บิดเบี้ยวขณะที่เขาโวยวาย พุงพลุ้ยของเขายื่นอออกไปข้างหน้าจนเสื้อเขายืด
“ผู้อำนวยการหลี่ค่ะ โปรดจัดลำดับความสำคัญของคุณใหม่ด้วยค่ะ ระดับความสามารถในการแปลของเขาไม่ได้เป็นปัญหาเลย ส่วนความไม่พอใจของพวกเขามันไร้สาระมากค่ะ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากำลังพยายามทำให้เรื่องมันยุ่งยากสำหรับฉิวไป่!”
ดง เจี่ยเว่ย โกรธถ้อยคำอันไร้สาระที่ผู้กำกับลี่พูดอย่างมากที่สุด!
“ครูดง พวกเขาเป็นแขกเหรื่อที่มาไกล โรงเรียนของเราต้องตอบสนองทุกความต้องการของพวกเขา คุณจะปฏิบัติต่อแขกต่างชาติเช่นนี้จริงเหรอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นี่เป็นความรับผิดชอบของคุณ!”
ผู้อำนวยการหลี่กล่าวอ้างขึ้น พลางส่งเสียงออกจมูกอย่างเย็นชา
“ฉันจะคุยกับอาจารย์ใหญ่ คุณกำลังก่อเรื่องทั้งหมดนี้โดยเจตนา ฉันจะให้เขารู้อีกด้วยว่าคุณไม่เคยส่งประกาศภาระงานให้ฉันตั้งแต่แรก!”
ดง เจี่ยเว่ย โกรธมากจนในที่สุดเธอก็ขึ้นเสียงในตอนท้าย
คนที่ยังอยู่ในสถานที่ต่างก็จ้องมองมาที่พวกเขา
“อ้อเหรอ ไปสิ! ไปหาครูใหญ่เลย ล่ามที่คุณจ้างมาสร้างความรำคาญให้กับแขกผู้มีเกียรติ ไม่เพียงแต่คุณไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากผม แต่คุณยังกล้าที่จะพูดคุยกับผมในลักษณะเช่นนี้อีก…คุณครูดง คุณควรคิดอย่างรอบคอบตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…”
เขาพูดเช่นนั้นด้วยสายตาที่ประสงค์ร้าย แล้วผู้อำนวยการหลี่ก็ยังคงกล่าวดูถูกหญิงสาวต่อไป
“คิดอย่างรอบคอบเหรอ!”
เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกตบเข้าที่หน้าแบบนี้ ผู้อำนวยการหลี่ไม่เอ่ยอะไรขณะที่เขาค่อย ๆ วางมือของเขาลงบนหน้า
นี่เขาโดนตบครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน
“แก…แกกล้าตบฉันเหรอ!”
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่เขาพูดแบบนั้นซูฉิวไป่ รีบไปหาเขาทันที
“ตบคุณเหรอ นี่ผมแค่ช่วยพ่อแม่ของคุณสอนบทเรียนให้คุณต่างหากล่ะ!”
ซู ฉิวไป่ เป็นคนที่มีนิสัยเช่นนี้มาโดยตลอด เขาไม่อาจทำตัววางเฉยให้กับความไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกับตอนที่เขาต่อยผู้จัดการแผนกของเขาหลังจากทำงานงานแรกของเขาได้เพียงไม่กี่วัน แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็ถูกไล่ออก
เขาไล่หางานใหม่ไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายต่างก็จบลงด้วยการถูกไล่ออกจากบริษัท เหตุผลก็เหมือนกันทุกครั้ง คือเขาพยายามที่จะช่วยคนอื่น และสุดท้ายก็กลับตกงานเสียเอง
ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อความอยุติธรรมได้ ดังนั้นหลังจากถูกไล่ออกจาก บริษัทหลายแห่ง เขาจึงตัดสินใจทำงานเป็นคนขับแท็กซี่เสียเลย
เป็นอย่างที่เขาพูดเสมอ บางสิ่งเราก็ต้องลงมือทำเอง เขาคงหวังพึ่งความช่วยเหลือจากทางการไปตลอดไม่ได้ เขาจึงต้องทำบางสิ่งเสมอเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบาก!
ซู ฉิวไป่ เริ่มรู้สึกสะอิดสะเอียนตั้งแต่ที่ได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการหลี่ครั้งแรก แต่เขาพยายามที่จะไม่ก่อปัญหาอะไร เพราะเขายังไม่อยากจะทำให้ ดง เจี่ยเว่ย ต้องเดือดร้อน คนขับรถจึงอดทนกับผู้อำนวยการมาตลอด เขาต้องเป็นพยานเห็นความหยาบคายของชายคนนี้มานานเสียจน ซู ฉิวไป่ ควบคุมความโกรธไว้ได้ไม่อยู่
ถ้าเขาไม่สอนบทเรียนให้มันเสียบ้าง ผู้อำนวยการหลี่คงหลงคิดว่าบ้านของมันคงเป็น ‘จัตุรัสเทียนอันเหมิน’ อันศักดิสิทธิ์เสียแล้ว!
แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้แข็งแรงมากนัก แต่มันก็คงเพียงพอที่จะต่อกรกับผู้อำนวยการหลี่ได้
หลังจากนั้นไม่กี่นาที จมูกและใบหน้าของผู้อำนวยการหลี่ก็บวมขึ้น ในขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะและเอาแต่แหกปากโวยวาย ส่วนสถานที่จัดงานตอนนี้วุ่นวายชุลมุน ผู้คนมากมายเริ่มรวมตัวกันมุงรอบตัวพวกเขา
นักเรียนกำลังถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ของพวกเขา ยามรักษาความปลอดภัยได้แต่พยายามไล่คนไปอย่างสุดความสามารถ และเหล่าอาจารย์ก็กำลังแนะนำฝูงชน… สถานการณ์ตอนนี้เป็นเพียงความโกลาหลโดยแท้!
หลังจากการทุลักทุเลอย่างมาก ดง เจี่ยเว่ย ก็สามารถดึง ซู ฉิวไป ออกมาจากชายอ้วนได้ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ผู้อำนวยการหลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ใครก็ได้โทรเรียกตำรวจที! ผมอยากให้ไอ้คนขับรถมันถูกจองจำ! โทรหาตำรวจเลย!”
ใครคนหนึ่งโทรเรียกตำรวจมาจริง ๆ ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมด
ดง เจี่ยเว่ย เป็นกังวลอย่างมาก แต่ ซู ฉิวไป่ เพียงแค่ยิ้ม แล้วยืนยันกับเธอว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลย
ในขณะที่เขาพูด เขาใช้เวทย์ผูกเครื่องรางนำโชคร้ายสองอันกับผู้อำนวยการหลี่ในใจ!
ไอ้อ้วนโง่นั้น ดูซิว่าสุดท้ายใครกันที่จะรอด…
อีกด้านหนึ่ง เขาผูกเครื่องรางนำโชคดีไว้กับตัวเขาเอง!
ฮ่าฮ่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยังไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยว่าผลของเครื่องรางนำโชคดีนี่เป็นยังไง เดี๋ยวจะรู้กันเดี๋ยวนี่แหละ…
คอมเม้นต์