กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 35: ท้าดวล 3:1

อ่านนิยายจีนเรื่อง กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ Reincarnation Of The Businesswoman At School ตอนที่ 35 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“เธอคือกู้หนิงใช่ไหม?” ฮ่าวหรันเดินเข้ามาหากู้หนิงและถามให้แน่ใจ

“ใช่ มีอะไร?” กู้หนิงตอบเสียงเรียบ เธอไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

“ฮ่าวหรัน นายต้องการจะทำอะไร?” เมื่อเห็นฮ่าวหรันที่นี่ มู่เค่อที่เดินตามกู้หนิงมาก็รู้สึกถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากล เขาก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อปกป้องกู้หนิงทันที

เขาไม่รู้ว่าทำไมฮ่าวหรันถึงมาหากู้หนิงแต่เขารู้ว่าที่ฮ่าวหรันมาไม่ได้มาเพราะเฉินจื่อเหยา

ฮ่าวหรันแปลกใจที่มู่เค่อปกป้องกู้หนิง แต่เขายังคงพูดต่อไปว่า “ฉันเห็นวิดีโอที่เกิดขึ้นในโรงอาหารแล้ว มันถูกอัพขึ้นบอร์ดโรงเรียน ทุกคนต่างพากันพูดว่ากู้หนิงนั้นแข่งแกร่ง แต่ฉันไม่เห็นด้วย และที่ฉันมาที่นี่เพื่อขอท้าดวลกู้หนิง เธอกล้ายอมรับคำท้าฉันไหม?”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เค่อและหยูหมิงซีต่างพากันตกใจ พวกเขามองไปที่กู้หนิงอย่างเป็นห่วง กู้หนิงยังคงนิ่งเงียบ มีเด็กผู้ชายมาที่นี่เพื่อขอท้าสู้เธอ! กู้หนิงคิดว่าเขามาที่นี่เพราะเฉินจื่อเหยาซะอีก

มู่เค่อสบถ ใครก็ตามที่อัพวิดีโอบ้านั่นลงบอร์ดโรงเรียน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องอยากให้กู้หนิงมีปัญหา กู้หนิงไม่พอใจเช่นเดียวกัน แต่เธอรู้สึกสนใจมากกว่าตกใจกลัวต่อคำท้าของฮ่าวหรัน

กู้หนิงคุ้นชื่อฮ่าวหรัน เพราะฮ่าวหรันก็เป็นอันธพาลประจำโรงเรียนเช่นเดียวกับฉู่เพ่ยหาน เขามักข้องเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาท ทั้งยังชอบขาดเรียนและได้รับใบเตือนมากมายเหมือนกับฉู่เพ่ยหาน

แต่เขาเรียนไม่เก่งเท่าฉู่เพ่ยหาน การเรียนของเขาค่อนข้างแย่ฮ่าวหรันมาจากครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวของเขารวยเป็นอันดับสามของเมือง F

ฮ่าวหรัน ฉินซีหุนและจางเทียนปิง กลุ่มของพวกเขาต่างเป็นที่รู้จักในโรงเรียน

กู้หนิงเคยได้ยินประวัติของฉินซีหุนและจางเทียนปิงมาบ้าง ฉินซีหุนเป็นลูกชายของข้าราชการ แต่กู้หนิงไม่รู้ตำแหน่งพ่อของเขา ส่วนจางเทียนปิงว่ากันว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า พวกเขาทั้งสามกลายมาเป็นเพื่อนกันจากการต่อสู้

แม้ว่าพวกเขาจะมีภูมิหลังที่แตกต่างกันมาก แต่พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างแท้จริง

กู้หนิงมีแผนในใจของเธอหลังจากที่เธอรู้แล้วว่าพวกเขาเป็นใคร

“ฮ่าวหรัน นายจะชกต่อยกับผู้หญิงได้ยังไง” มู่เค่อโมโห ถึงเขาจะเชื่อมั่นในความสามารถกู้หนิง แต่เด็กหนุ่มสามคนนี้ก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ

“ถ้าเธอเป็นผู้หญิงธรรมดาก็ดูเหมือนว่าฉันรังแกเธอ แต่เมื่อเธอต่อสู้เป็นก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้กันและกันจะดีกว่า” ฮ่าวหรันไม่คิดว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นผิดแต่อย่างใด

ใช่ ถ้ากู้หนิงเป็นเพียงนักเรียนธรรมดาๆ เขาคงไม่ขอสู้กับเธอ แต่วิดีโอนั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด

“นี่นาย…” มู่เค่อโกรธ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ กู้หนิงก็ขัดขึ้น

“ถ้าชนะฉันจะได้อะไรและถ้าฉันแพ้จะเกิดอะไรขึ้น?” กู้หนิงถาม

“ถ้าเธอชนะฉันจะทำตามที่เธอสั่ง แต่ถ้าฉันชนะเธอก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งเหมือนกัน ใจเย็น ฉันไม่ให้เธอทำอะไรที่ผิดศีลธรรมแน่” ฮ่าวหรันตอบ

ฮ่าวหรันเป็นเด็กหนุ่มที่พอมีคุณธรรมอยู่บ้าง

“ได้ ฉันรับคำท้า แต่ฉันมีเงื่อนไขอีกอย่าง” กู้หนิงเอ่ย

ทุกคนทึ่งที่กู้หนิงยอมรับคำท้า พวกเขาพากันลงพนันขันต่อว่าใครจะแพ้ชนะ

ถึงแม้ทุกคนจะยอมรับว่ากู้หนิงนั้นเก่งก็จริง แต่ฮ่าวหรันเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความสามารถที่โดดเด่นในการต่อสู้ ไม่มีใครคิดว่ากู้หนิงจะชนะ

กู้หนิงไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หรือเธอคิดว่าตัวเธอเองอยู่ในระดับที่สูงกว่า

“บอส…” มู่เค่อเรียกเธออย่างเป็นห่วง แต่กู้หนิงหยุดเขาด้วยสายตา

“บอกมาเธอต้องการอะไร?” ฮ่าวหรันเองก็ประหลาดใจที่กู้หนิงรับคำท้าของเขาโดยไม่ลังเล เขาสงสัยเงื่อนไขของกู้หนิง

เขาไม่รู้ว่ากู้หนิงมั่นใจหรือแค่อวดดี แต่เขาก็ขอชื่นชมทัศนคติของเธอ

“หนึ่งต่อสาม ถ้าฉันแพ้ฉันจะทำสามอย่างตามที่พวกนายต้องการ แต่ถ้าฉันชนะพวกนายต้องเรียกฉันว่า ‘บอส’ และเชื่อฟังฉันจนกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะจบลง” กู้หนิงกล่าวอย่างสบายอกสบายใจขณะที่คนอื่นล้วนตกตะลึงกับคำขอของเธอ

อะไรนะ? หนึ่งต่อสาม? คนแพ้ต้องเรียกเธอว่าบอส?

กู้หนิงมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว!

หลังจากนิ่งงันไปชั่วครู่ ฮ่าวหรันและเพื่อนรู้สึกโกรธกับคำพูดของกู้หนิง มันเป็นความอัปยศของพวกเขาเลยทีเดียวถ้าต้องเรียกผู้หญิงว่า ‘บอส’!

“เธออยากให้พวกเราเรียกบอส? น่าสนใจนี่” ฮ่าวหรันพูดเย้ยหยัน

“ใช่ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”

“กู้หนิง ความมั่นใจนั้นดีแต่อย่าให้มันมากเกินไป”

ฉินซีหุนและจางเทียนปิงโกรธ

“ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร จะมั่นใจหรือจะอวดดีก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย อย่างน้อยฉันก็ไม่กลัว ถ้านายขี้ขลาดและไม่กล้ายอมรับคำขอ งั้นก็แพ้ไปซะ” กู้หนิงปลายตามองฮ่าวหรันและเพื่อนของเขาอย่างยั่วยุ

“เธอ..”

ฮ่าวหรันและเพื่อนรู้สึกอับอายแต่ศักดิ์ศรีค้ำคอพวกเขาอยู่

“ขี้ขลาด? เราไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด รับคำท้า!” ฮ่าวหรันตอบกลับด้วยความโกรธ

ฮ่าวหรันเป็นคนตัดสินใจแทนพวกเขาเสมอ เมื่อฮ่าวหรันยอมรับอีกสองคนก็เห็นด้วย นอกจากนี้พวกเขาไม่ต้องการที่จะเป็นคนขี้ขลาด!

“ดี ฉันจะรอพวกนายพรุ่งนี้บ่ายโมงที่ป่าหลังโรงเรียน” กู้หนิงเอ่ยอย่างพึงพอใจซึ่งนั่นทำให้มู่เค่อรู้สึกว่าเธอสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างแน่นอน

เขาควรเชื่อใจกู้หนิงในเมื่อเธอรับคำท้าแล้ว แสดงว่าเธอต้องมั่นใจว่าจะชนะแน่

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หยูหมิงซีรู้ว่ากู้หนิงจะไม่วันเปลี่ยนใจกับสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจไปแล้ว หยูหมิงซียังคงเงียบ เธอทำได้เพียงเชื่อเพื่อนของเธอเท่านั้น

จากนั้นกู้หนิงก็เดินเข้าห้องเรียนของเธอไป ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง

ฮ่าวหรันและเพื่อนทำเสียงขึ้นจมูกเบาๆจากนั้นก็พากันเดินจากไป

นักเรียนคนอื่นก็แยกย้ายกันไปหลังจากละครฉากใหญ่จบลง

มีเพียงสายตามุ่งร้ายของเฉินจื่อเหยายามมองกู้หนิงเดินเข้าไปในห้อง เธอผิดหวังที่กู้หนิงยังทำตัวสงบ เธอหวังว่าพรุ่งนี้กู้หนิงจะแพ้ ยิ่งแพ้รุดรุ่ยเลยยิ่งดี

จางอี้หมิงและฝูหมิงเหลียงคิดเหมือนกัน ขณะที่ฉินเจิ้งรู้สึกสับสน เขาอยากให้กู้หนิงได้รับบทเรียนแต่ก็รู้สึกเป็นห่วงเธอด้วย

เมื่อกู้หนิงเข้าไปในห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นบางคนมองมาที่เธออย่างเป็นห่วง บางคนก็รอคอยให้ถึงวันพรุ่งนี้ บางคนก็สะใจโดยเฉพาะจ้าวเฟยเฟยและเพื่อนของเธอ

จ้าวเฟยเฟยต้องการเยาะเย้ยกู้หนิง แต่เสียงออดดังขึ้นก่อน ดังนั้นเธอจำต้องหุบปากเธอลง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด