กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 157 – 158: เสียมารยาท!, เลิ่งเชาถิงอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่

อ่านนิยายจีนเรื่อง กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ Reincarnation Of The Businesswoman At School ตอนที่ 157-158 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 157: เสียมารยาท! 

“แล้วคุณไม่น่าขำตรงไหนคะ? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครบอกคุณเรื่องฉันกับฉินอี้ฟาน แต่ฉันขอบอกคุณตรงนี้เลยว่าพวกเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น พวกเราไม่ใช่แฟนกัน” กู้หนิงก้มมองไปที่ฉินอี้ฉิงด้วยความมั่นใจ ฉินอี้ฉิงโมโหกับท่าทางอวดดีของเธอ

 

ฉินอี้ฉิงยังไม่ทันได้ตอบ กู้หนิงก็พูดต่อว่า “และฉันก็ไม่สนเช็คห้าแสนของคุณหรอก ความจริงแล้วฉินอี้ฟานซื้อหยกจักรพรรดิและหยกฮกลกซิ่วจากฉันค่ะ!”

 

แม้ว่ากู้หนิงอยากจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่เธอไม่ยอมให้ฉินอี้ฉิงดูถูกเธอในที่สาธารณะได้ เธอต้องปกป้องตัวเอง

 

กู้หนิงรู้ว่าคนรวยไม่มีวันชอบคนจน แต่เธอไม่อาจยอมรับการดูถูกได้เช่นกัน

 

“อะไรนะ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอี้ฉิงก็ค่อนข้างประหลาดใจ ฉินอี้ฟานซื้อหยกจักรพรรดิและฮกลกซิ่วจากกู้หนิง?

 

ซึ่งหมายความว่ากู้หนิงไม่ใช่ซินเดอเรลล่า แต่เป็นเด็กสาวที่มีเงินเป็นสิบล้านหยวน?

 

สิบล้านหยวนไม่มีความหมายในสายตาของฉินอี้ฉิงก็จริง แต่มันมากสำหรับเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง

 

“ฉันไม่สนหรอกว่าฉินอี้ฟานจะบอกอะไรคุณเรื่องฉันที่เมือง G จากนี้ไปกรุณาอย่าดูถูกคนอื่นเพียงเพราะคุณรวยกว่าพวกเขา ตอนนี้ฉันอาจด้อยกว่าตระกูลฉิน แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต!” กู้หนิงพูดอย่างเย็นชาก่อนที่เธอจะหันหลังเดินจากไป

 

ฉินอี้ฉิงนิ่งเงียบเหมือนคนโง่ เมือง G? เกิดอะไรขึ้นที่เมือง G?

 

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินอี้ฉิงก็โทรหาฉินอี้ฟาน นาทีที่ฉินอี้ฟานรับสายเธอถามโดยไม่รอช้า “นายอยู่ที่ไหน”

 

“พี่ถามทำไม?” ฉินอี้ฟานถามกลับไปอย่างเหลืออด ฉินอี้ฟานกลับบ้านหลังจากที่ลี่เจินเจินกลับเมือง G ไปแล้ว เขาเลยคิดว่าพี่สาวเขาโทรมาหาเขาเพราะเรื่องลี่เจินเจิน ดังนั้นเขาจึงไม่บอกว่าตอนนี้เขาอยู่บ้าน

 

“ฉันอยากถามอะไรนายหน่อยเกี่ยวกับกู้หนิง” ฉินอี้ฉิงเข้าใจว่าน้องชายไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับลี่เจินเจินอีก ดังนั้นเธอจึงบอกเขาว่าเกี่ยวกับกู้หนิง

 

“อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกับกู้หนิง?” อยู่ๆฉินอี้ฟานก็ประสาทเสีย

 

เมื่อรู้ว่าน้องชายเป็นห่วงกู้หนิงมาก ฉินอี้ฉิงก็อารมณ์เสีย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกับน้องชายตัวเองตอนนี้

 

ฉินอี้ฉิงตอบว่า “เธอไม่ได้เป็นอะไร พี่แค่อยากจะถามอะไรนายหน่อย ไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ นายอยู่ที่ไหน? ออกมาเจอกันหน่อย”

 

“ผมอยู่บ้าน” ฉินอี้ฟานเป็นห่วงกู้หนิงมาก

 

ฉินอี้ฉิงลุกออกจากคาเฟ่มุ่งตรงกลับบ้านตระกูลฉินทันที

สามสิบนาทีต่อมาเธอก็มาถึงบ้าน

เธอพบกับฉินอี้ฟานที่ห้องรับรอง พ่อแม่ของพวกเขาก็อยู่ด้วย ฉินอี้ฉิงรีบร้อนจนไม่ทักทายพ่อแม่ แต่กลับถามฉินอี้ฟานตรงๆว่า “อี้ฟาน กู้หนิงขายหยกจักพรรดิกับหยกฮกลกซิ่วให้นายเหรอ?”

ฉินอี้ฉิงต้องการคำตอบยืนยันจากฉินอี้ฟาน “พี่รู้ได้ยังไง?” ฉินอี้ฟานแปลกใจ

“อะไรกัน? ลูกซื้อหยกจากเด็กสาวที่ชื่อกู้หนิงหรือ?” ฉินฮ่าวเจิ้งเองก็ประหลาดใจ เขาค่อนข้างประทับใจกู้หนิงเพราะเธอมอบของขวัญแก้วหัวกวางให้เขา

“ครับ” ฉินอี้ฟานตอบ จากนั้นก็หันไปถามพี่สาวอีกครั้ง “พี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”

กู้หนิงบอกให้เขาเก็บเป็นความลับ พนักงานของเขาแอบบอกฉินอี้ฉิงหรือเปล่า? คิดๆแล้วเขาก็หงุดหงิด เขาตัดสินใจจะตรวจสอบเรื่องนี้ทีหลัง

“พี่เพิ่งคุยกับเธอมา”

“อะไรนะ? ทำไม?” ฉินอี้ฟานผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันที

ฉินอี้ฉิงบอกฉินอี้ฟานถึงสิ่งที่เธอทำซึ่งทำให้ฉินอี้ฟานไม่สบอารมณ์มาก ฉินอี้ฟานเกือบจะตะโกนใส่เธออยู่รอมร่อ “ผมบอกแล้วว่าอย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม ทำไมยังทำแบบนั้น ผมชอบเธอแต่เธอยังไม่รู้ พี่ทำแบบนั้นเพื่อตั้งใจทำให้เธออับอาย! พี่ทำแบบนั้นทำไม!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินอี้ฟานควบคุมตัวเองไม่ได้ ครอบครัวของเขาได้แต่นั่งอึ้ง

“อี้ฉิง ลูกไม่ควรทำแบบนั้นเลย เสียมารยาท!” ฉินฮ่าวเจิ้งก็ไม่พอใจกับการกระทำของลูกสาวคนโตเช่นกัน

“พี่อยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง G ใช่ไหม ได้ ผมบอกพี่ก็ได้” ฉินอี้ฟานโกรธที่พี่สาวของเขาไม่ชอบกู้หนิง ในเมื่อกู้หนิงไม่สนใจที่จะบอกความจริงให้ฉินอี้ฉิงฟัง เขาจึงบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมือง G เขาบอกครอบครัวของเขาว่ากู้หนิงพนันกับลี่เจินเจินและเขายังได้ซื้อหยกระดับสูงจากกู้หนิงราคากว่าร้อยล้านหยวน ครอบครัวของเขาตกใจไปตามๆกัน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากที่สุดคือคำพูดต่อมา

“และหยกฮกลกซิ่วก็มีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน แต่เธอใช้มันทำเครื่องประดับให้ครอบครัวของเธอ! ฮกลกซิ่วที่ผมได้จากเธอคือส่วนที่เหลือจากทำเครื่องประดับไปแล้ว พี่คิดว่าเธอที่มีเงินมากกว่าร้อยล้านหยวนจะสนเช็คแค่ห้าแสนหยวนของพี่งั้นเหรอ?” ฉินอี้ฟานถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“อะไรนะ?!”

ตอนนี้ครอบครัวตระกูลฉินตกใจเสียยิ่งกว่าตกใจ หยกฮกลกซิ่วใหญ่กว่ากำปั้น?

“ตอนนี้เธออาจจะเทียบกับตระกูลฉินไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เธอไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาทั่วไปที่ใครจะดูถูกได้” ฉินอี้ฟานพูดอย่างเย็นชาจากนั้นเขาก็เดินออกไปโดยไม่ลังเล

วินาทีที่เขาเดินออกไป ฉินอี้ฟานโทรหากู้หนิงเพื่อขอโทษ

ในขณะนั้นกู้หนิงกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว เธอกำลังเสิร์จหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับภูเขาหยุนไท่ เธอตรวจสอบว่าบนภูเขาหยุนไท่มีถ้ำหรือไม่ แต่เธอไม่พบคำตอบ

ภูเขาหยุนไท่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากไม่มีใครพูดถึงถ้ำจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ยังไม่มีใครพบถ้ำมาก่อน

จากนั้นกู้หนิงตรวจสอบว่ามีเรื่องราวหรือตำนานของภูเขาหยุนไท่เพื่อช่วยในการค้นหาเบาะแสหรือไม่ ค้นหาไม่นานเธอก็พบตำนานแห่งภูเขาหยุนไท่!

มีการกล่าวกันว่าในสมัยราชวงศ์ชิง นายอำเภอของอำเภอหนึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหารับสินบนและฉ้อโกง ฮ่องเต้ได้ไล่เขาออกตำแหน่งเพื่อสอบสวน จากนั้นนายอำเภอคนนั้นพร้อมทั้งครอบครัวของเขาก็หนีไปที่ภูเขาหยุนไท่

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาไม่ได้รับการบันทึก จนกระทั่งครึ่งปีต่อมามีคนพบศพที่เชิงเขาหยุนไท่ พบแหวนหยกขนาดกว้างที่มีตัวอักษรจีน “หลิ่ว” สลักอยู่บนนิ้วของชายคนนั้น ได้รับการยืนยันในภายหลังว่าร่างนี้คือนายอำเภอหลิ่วเจียงผู้มีชื่อเสียง

ไม่มีใครรู้ว่าหลิ่วเจียงซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหยุนไท่จนถึงตอนนั้น

หลิ่วเจียงได้นำทองคำ เครื่องประดับและสมบัติอื่นๆ มากับเขาที่ภูเขาหยุนไท่ด้วย รัฐบาลจึงได้ส่งทหารจำนวนมากไปค้นหาบนภูเขา อย่างไรก็ตามภูเขาหยุนไท่เป็นสถานที่อันตราย รัฐบาลยอมแพ้หลังจากการค้นหาเพียงไม่กี่วันโดยเปล่าประโยชน์

เนื่องจากตำนานนี้หลายคนกล่าวว่ามีของล้ำค่าซ่อนอยู่ในภูเขาหยุนไท่ แต่ตำนานก็เป็นตำนาน ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงจึงไม่มีใครเชื่อเต็มร้อย

Chapter 158: เลิ่งเชาถิงอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่

กู้หนิงยังไม่เชื่อจนกว่าเธอจะได้เห็นกับตาตัวเอง เธอเกือบแน่ใจว่าวัตถุโบราณในถ้ำต้องเป็นของนายอำเภอหลิ่วเจียง

ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของกู้หนิงก็ดังขึ้น ผู้โทรเข้ามาคือฉินอี้ฟาน กู้หนิงอิดออดไม่อยากรับ

เป็นเพราะฉินอี้ฉิง เธอเลยอารมณ์ไม่ค่อยดีในตอนนี้และเธอก็โกรธให้ฉินอี้ฟานด้วย อย่างไรก็ตามเธอคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าพูดให้มันชัดไปเลย ดังนั้นเธอจึงกดรับและกรอกเสียงไปว่า “สวัสดีค่ะ”

เมื่อฉินอี้ฟานได้ยินเสียงกู้หนิงเขาก็รีบกล่าวคำขอโทษขอโพย “กู้หนิง ฉันต้องขอโทษจริงๆเรื่องที่พี่สาวฉันทำแบบนั้นกับเธอ ได้โปรดรับคำขอโทษฉันด้วยเถอะนะ”

“รับคำขอโทษค่ะ” กู้หนิงไม่ยกโทษให้ฉินอี้ฉิงง่ายขนาดนั้นหรอก แต่เธอคิดว่าในอนาคตคงไม่ได้เจอหล่อนบ่อยครั้ง ดังนั้นเลยไม่จำเป็นต้องทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับฉินอี้ฟาน

“ขอบคุณนะ” ฉินอี้ฟานตอบ “จริงๆแล้วเป็นความผิดฉันเอง ถ้าไม่เพราะฉัน…”

ฉินอี้ฟานหยุดพูดกะทันหัน เขารู้สึกกังวลและลังเลที่จะบอกกู้หนิงว่าเขาชอบเธอ เขากลัวถูกปฏิเสธ เขากังวลว่าจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเธอได้อีกต่อไป แต่ถ้าเขาไม่พูดตอนนี้หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเขาคงไม่มีโอกาสที่ดีกว่านี้แล้ว ยังไงก็ตามเวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะบอกความรู้สึกของเขาผ่านทางโทรศัพท์กับหญิงสาว

คิดได้เช่นนั้น ฉินอีฟานจึงวางแผนนัดกู้หนิงออกมาพบกัน “เอ่อ กู้หนิง ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ เธอช่วยออกมาพบฉันสักครู่ได้ไหม?”

“บอกทางโทรศัพท์ก็ได้ค่ะ” กู้หนิงพอจะรู้ว่าเขาต้องการจะบอกอะไรเธอ ถึงแม้เธอไม่อยากให้เขาทำเช่นนั้น เธอก็ห้ามเขาไม่ได้

ในเมื่อเจ้าตัวพูดแบบนั้น ฉินอี้ฟานจึงต้องพูดทางโทรศัพท์

“ฉันขอโทษจริงๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ ถ้าฉันไม่บอกพี่ว่าฉันชอบเธอก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น พี่สาวของฉันค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการและชอบยุ่งเกี่ยวในทุกๆเรื่อง แต่ฉันไม่ใช่คนแบบพี่นะ ฉันทำงานเก่งแต่ไม่ได้บ้าอำนาจหรือเย่อหยิ่ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉันชอบเธอจริงๆนะกู้หนิง เธอให้โอกาสฉันได้ไหม?”

กู้หนิงทายถูก ฉินอี้ฟานบอกชอบเธอจริงด้วยแต่กู้หนิงไม่ได้รู้สึกอะไร เธอรู้สึกอึดอัดไม่มีความสุขอาจเป็นเพราะฉินอี้ฟานไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอชอบ

“ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันดีแล้วค่ะ” กู้หนิงตอบ

ไม่ใช่คำตอบที่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่ก็ยังยากสำหรับฉินอี้ฟานที่จะยอมรับ เขารู้สึกราวกับว่ามีคนแทงมีดเข้าที่หน้าอกของเขา ตอนนี้เขาเจ็บปวดมากอาจเป็นเพราะนั่นคือความรู้สึกของคนอกหัก

กู้หนิงเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาประทับใจ เขาจึงไม่อยากยอมแพ้ในทันที เขาถามต่อไปว่า “จริงเหรอ? เธอให้โอกาสฉันไม่ได้เหรอ? ถ้าฉันทำอะไรที่เธอไม่ชอบบอกฉันได้นะ ฉันเปลี่ยนได้”

“ไม่มีค่ะ” กู้หนิงตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่เกี่ยวกับหน้าตาของคุณหรือครอบครัวฐานะทางสังคมของคุณ ฉันแค่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ ขอโทษนะคะ”

ฉินอี้ฟานขยับเท้าถอยหลังไปหลายก้าว กู้หนิงไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขา

อีกอย่างเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา

แม้ว่าฉินอี้ฟานจะเสียใจอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการรบกวนกู้หนิง เธอได้พูดอย่างชัดเจนไปแล้ว เขาจึงไม่ต้องการรบกวนเธออีกต่อไป

“เอ่อ ได้ อืม ลาก่อน” ฉินอี้ฟานวางสาย เขารู้สึกว่างเปล่าและสูญเสีย

กู้หนิงนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ อารมณ์ของเธอผสมปนเปยากจะอธิบาย เธอรู้ว่าฉินอี้ฟานต้องเสียใจที่เธอปฏิเสธเขา แต่เธอปลอบโยนเขาไม่ได้ ถ้าเธอทำอย่างนั้นก็เหมือนให้ความหวังเขา เธอจึงเลือกใจร้ายเพื่อไม่ให้เขาต้องเจ็บนาน

เธอไม่เคยเข็ดเรื่องความรักหรือผู้ชาย แม้ว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งทรยศเธอในชาติที่แล้วก็ตาม สำหรับเธอฉินอี้ฟานเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นจริงๆ

ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายแบบไหน เมื่อขบคิดจู่ๆภาพของเลิ่งเชาถิงก็ปรากฏในความคิดของเธอ เธอตกใจรีบดึงสติตัวเองกลับมาทันทีแต่ก็ไม่สามารถห้ามใจไม่ให้เต้นเร็วได้

ทำไมกัน? เลิ่งเชาถิงเป็นผู้ชายแบบที่เธอชอบเหรอ? ถึงเธอจะไม่แน่ใจแต่เธอก็มีความประทับใจในตัวเขาอยู่บ้าง

กู้หนิงไม่ใช่ลูกไก่ในความสัมพันธ์ ในเมื่อเธอไม่แน่ใจเธอจึงตัดสินใจที่จะหาคำตอบ เธอเกลียดความสงสัย แน่นอนว่าถ้าเธอตกหลุมรักคนที่ไม่ชอบเธอ เธอจะไม่บังคับให้เขารักเธอตอบอย่างแน่นอน

กู้หนิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเลิ่งเชาถิง แต่เขาปิดเครื่อง เธอคิดว่าเขาอาจจะทำงานอยู่ ใช่แล้วเธอทายถูก เลิ่งเชาถิงกำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่

เวลาพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้ายังคงครึ้ม ในพื้นที่ภูเขาห่างไกลจากตัวเมือง รถแฮมเมอร์สีดำคันหนึ่งกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนถนนลูกรัง เครื่องยนต์ของมันคำรามไปตามทาง

ภายในรถซู่จินเฉินเป็นคนขับในขณะที่เลิ่งเชาถิงนั่งเบาะผู้โดยสารข้างเขา มีผู้ชายอีกสองคนนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหลังอีกด้วย

“บอส ถนนขรุขระเกินไปที่จะขับรถต่อไป! เดี๋ยวรถจะพังเอาได้นะ” ซู่จินเฉินบ่น เขาเป็นคนรักรถมาก

เลิ่งเชาถิงไม่สนใจเขา สายตายังคงจับจ้องที่ GPS ในมือของเขา

“บอส งานสำคัญกว่ารถหรือเปล่า?” ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังล้อเลียน เขาชื่อซินเป่ยและอยู่ในอันดับที่ห้าในเรดเฟลม

ซู่จินเฉินอยู่ในอันดับสิบของทีม ยกเว้นเลิ่งเชาถิงที่กลายมาเป็นหัวหน้าเพราะความสามารถที่เก่งกาจกว่าใคร คนที่เหลือถูกจัดอันดับตามอายุ พวกเขาเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกองทัพ เป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่หนุ่มและมีตำแหน่งระดับสูงกันทั้งนั้น

“ฮ่า ฮ่า นายก็รู้ว่าจินเฉินรักรถจะตาย เขาย่อมเจ็บแทนรถอยู่แล้ว!” ชายอีกคนพูดตลก เขาคือซีหมิงอยู่อันดับเจ็ด

“เขาตั้งใจทำแบบนี้แน่ๆ เขารู้ว่าฉันจะเจ็บปวดใจเลยบังคับให้ฉันมา ฉันไม่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ด้วยซ้ำ!” ซู่จินเฉินยังคงบ่น

“ทำไมบอสของเราต้องทำแบบนั้นด้วย?” ซินเป่ยถาม

ซู่จินเฉินยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เลิ่งเชาถิงพูดตัดบทเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “หยุดรถในป่านั่น จากนั้นขึ้นไปบนภูเขา”

เมื่อเลิ่งเชาถิงออกคำสั่งไม่มีใครกล้าบ่นอีก พวกเขาทำสีหน้าเคร่งขรึม

ซู่จินเฉินหมุนพวงมาลัยขับรถเข้าไปในป่าทันทีและจอดรถไว้ในที่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นพวกเขาลงจากรถอย่างรวดเร็ว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด