กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 39 – 40: กู้ม่านประสบอุบัติเหตุ, ไม่ต่อยจนตายหรอกน่า
Chapter 39: กู้ม่านประสบอุบัติเหตุ
เฉินจื่อเหยา จางอี้หมิงและฝูหมิงเหลียงรู้สึกผิดหวังและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ไม่เพียงกู้หนิงจะแข่งแกร่ง เธอยังมีฮ่าวหรันและเพื่อนหนุนหลังเธออยู่ ถ้าหากเธอต้องการเอาคืนพวกเขาเล่า?
เมื่อคิดได้ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันความรู้สึกของฉินเจิ้ง ความรู้สึกอันหลากหลายพรั่งพรูออกมา เขาเสียใจที่เลิกกับกู้หนิงเพราะเธอตอนนี้น่าประทับใจมาก แต่เมื่อคิดถึงอนาคต เขาก็สงบใจลงได้ ไม่ว่ากู้หนิงจะน่าประทับใจเพียงใด กู้หนิงก็ยังเป็นเด็กสาวยากจนที่ไม่อาจช่วยเหลือเขาได้ และบางทีอาจจะทำให้เขาอับอาย
ในระหว่างที่กำลังเดินกลับโรงเรียน กู้เซียวเซียวดึงมือถือออกมาและส่งข้อความไปหากู้ม่าน ในข้อความมีรูปภาพของกู้หนิงที่กำลังต่อสู้กับผู้ชาย
ในรูป มุมกล้องทำให้ดูเหมือนว่ากู้หนิงถูกผู้ชายต่อย
กู้ม่านกำลังเดินลงบันไดหลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ เธอได้ยินเสียงข้อความเข้า จากนั้นก็หยิบมือถือออกมาดู ถึงแม้มือถือจะรุ่นเก่า มันก็ยังสามารถรับข้อความภาพได้
เมื่อกู้ม่านเห็นภาพที่ถูกส่งมา ความรู้สึกหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจทันที เธอตกใจจนสะดุดบันไดหัวฟาดพื้น
อีกด้าน ฮ่าวหรันและเพื่อนเรียกกู้หนิงว่าบอสเกือบจะตลอดเวลา พวกเขาเอ่ยชมกู้หนิงเหมือนกับที่มู่เค่อเคยทำ
“บอส ในเมื่อตอนนี้พวกเราเชื่อฟังเธอแล้ว เธอสอนการต่อสู้ให้พวกเราได้ไหม?
“ใช่ บอส เธอเก่งมาก ปกติพวกเราคนเดียวสามารถสู้กับคนอื่นเจ็ดถึงแปดคน แต่พวกเราทั้งหมดกลับสู้เธอไม่ได้เลย”
“ใช่บอส เธอเก่งมาก”
“บอส…… ” ฮ่าวหรันและเพื่อนยังคงพูดไม่หยุด กู้หนิงรู้สึกหนวกหูแต่ไม่ได้ไม่พอใจ
เมื่อเห็นฮ่าวหรันกับเพื่อนเชื่อฟังกู้หนิงเหมือนหมาเชื่องๆ มู่เค่อและหยูหมิงซีก็รู้สึกภูมิใจถึงอย่างนั้นมู่เค่อก็ยังรู้ไม่สบอารมณ์อยู่บ้างที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ให้เกียรติกู้หนิงสักเท่าไหร่
“แล้วทำไมคนที่หยิ่งผยองในตัวเอง จู่ๆตอนนี้กลับทำตัวเหมือนสุนัขเชื่อฟังเจ้าของ?” มู่เค่อพูดขึ้นอย่างจงใจ
ได้ยินแบบนั้น ฮ่าวหรันและเพื่อนก็รู้สึกละอาย พวกเขารู้ว่ามู่เค่อไม่พอใจที่ความคิดของพวกเขาที่มีต่อกู้หนิงไม่ดีนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่โทษมู่เค่อที่พูดอย่างนั้น
ฮ่าวหรันเดินมาหามู่เค่อแล้วเอามือจับไหล่เขาไว้ “ถ้าหากพวกเราไม่ได้สู้กันคงไม่มีวันที่จะได้รู้จักตัวตนอีกฝ่าย อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไป จากนี้ไปพวกเราก็เหมือนพี่น้องกัน ถ้าพวกนายต้องการอะไรหรืออยากได้ความช่วยเหลือจากฉัน ก็บอกฉันมาได้เลย!”
“ใช่ ใช่” ฉินซีหุนและจางเทียนปิงเห็นด้วย
มู่เค่อไม่ได้โกรธพวกเขาแล้ว เขาเข้าใจว่าตอนนี้พวกเขาเป็นเพื่อนกันแล้ว ตั้งแต่ที่เรียกกู้หนิงว่า บอส
ทั้งนี้พวกเขายังเปลี่ยนความคิดที่มีต่อกู้หนิงแล้ว มู่เค่อคิดว่าไม่จำเป็นต้องเกลียดพวกเขาอีก
“หมิงซีอ่อนแอสุด พวกเราต้องปกป้องเธอ” กู้หนิงเอ่ย
“ได้ ไม่มีปัญหา” ทุกคนเห็นด้วยทันที หยูหมิงซียิ้มอย่างอายๆ แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธ
กู้หนิงไม่ได้อยากกินอาหารแพงๆ เธออยากกินอะไรง่ายๆเช่นฮอตพอทแต่เมื่อพวกเขากำลังจะเดินเข้าไปในร้านอาหาร มือถือกู้หนิงก็ดังขึ้น ทั้งหยูหมิงซีและมู่เค่อแปลกใจเมื่อเห็นกู้หนิงหยิบโทรศัพท์ออกมา
พวกเขารู้ว่าครอบครัวของกู้หนิงนั้นยากจน ก่อนหน้านี้เธอใช้มือถือเก่าๆ แต่ตอนนี้เธอใช้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งดูเหมือนจะมีราคาแพง
ฮ่าวหรันและเพื่อนไม่รู้เรื่องครอบครัวกู้หนิง พวกเขาจึงเฉยๆ
เบอร์ที่โทรเข้ามาคือกู้ม่าน กู้หนิงกดรับสาย
สีหน้ากู้หนิงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเธอได้ยินเสียงจากอีกฝ่าย กู้หนิงบอกว่าเธอจะรีบไปให้ไวที่สุดจากนั้นก็วางสาย
“บอส เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนสังเกตเห็นสีหน้ากู้หนิงเปลี่ยนไป อาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น พวกเขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่ของฉันตกบันไดและตอนนี้ยังไม่ได้สติ ตอนนี้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ฉันต้องรีบไปหาแม่ พวกนายไปกินข้าวกันก่อนเลยไม่ต้องรอฉัน” กู้หนิงบอกความจริง เธอรีบวิ่งไปหาแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาลทันที
“บอส..” ก่อนคนที่เหลือจะทันได้พูดอะไร กู้หนิงก็วิ่งไปแล้ว
“ตามไปดูกัน” มู่เค่อพูดจบก็วิ่งไปทันที ฮ่าวหรันและที่เหลือก็วิ่งตามกันมาติดๆ
แม่ของบอสพวกเขาประสบอุบัติเหตุ พวกเขาไม่อาจอยู่เฉยได้
ในขณะเดียวกัน รถมาเซอร์ราติสีดำขับมาด้วยความเร็วสูง มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ในรถ
เลิ่งเชาถิงนั่งเบาะผู้โดยสาร เขาทำหน้านิ่วพลางขมวดคิ้วน้อยๆ เขากำลังจะหมดความอดทนเพราะคนที่นั่งอยู่เบาะคนขับรถนั้นพูดไม่หยุด แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยขัด
“เชาถิง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเหล่าพี่น้องเถอะ! นายยังฟื้นไม่เต็มที่ ถ้าหากนายบาดเจ็บอีกล่ะ หัดดูแลตัวเองซะบ้าง!” ชายคนที่ทำหน้าที่ขับรถกำลังบ่นให้เลิ่งเชาถิง
ผู้ชายที่กำลังขับรถคือคนที่ไปทำลายกล้องวงจรปิดในคืนนั้น
เขาอยู่ในชุดลำลองสีขาวตามปกติ ซึ่งทำให้เขาดูดีมีเสน่ห์
เขาไม่แคร์ที่เลิ่งเชาถิงเมินเขา ยังคงพูดต่อไปว่า “ทำไมนายต้องทำธุรกิจอะไรเยอะแยะ? ไม่อยากพักบ้างรึไง? จะมีผู้หญิงที่ไหนมาชอบนาย ถ้านายยังทำตัวยุ่งแบบนี้อยู่”
ไกลออกไป สายตาของเลิ่งเชาถิงเห็นเด็กนักเรียนหญิงอยู่ตรงทางเดิน เด็กสาวดูกังวลและรีบร้อนจะขึ้นแท็กซี่
แวบแรก เลิ่งเชาถิงรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หลังจากที่รถเคลื่อนเข้าไปใกล้ เลิ่งเชาถิงก็จำเธอได้
“หยุดรถ”
ชายที่ขับรถกำลังพูดไม่หยุด เขาเหยียบเบรกกะทันหัน รถเมอร์ซาราติสีดำมันปราดจอดหยุดนิ่งอยู่ข้างๆกู้หนิง
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยถามแต่เลิ่งเชาถิงไม่ตอบ เลิ่งเชาถิงลดกระจกลง
“ขึ้นรถ” เขาเอ่ยออกไปนอกกระจกรถ
กู้หนิงเห็นรถมาจอดอยู่ข้างๆเธอ เธอขยับตัวหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นๆ
เป็นเขา ผู้ชายที่มาช่วยเธอในคืนนั้น กู้หนิงประหลาดใจเล็กน้อย เธอได้ยินเขาบอกให้ขึ้นรถ เห็นชัดว่าเขาต้องการจะไปส่งเธอ ตอนนี้กู้หนิงกำลังรีบ เธอไม่มีเวลาคิดอะไรจากนั้นก็เปิดประตูรถและเข้าไปนั่งเบาะด้านหลัง
ในระหว่างนั้นชายหนุ่มที่เป็นสารถีกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเลิ่งเชาถิงบอกให้เขาจอดรถเพื่อให้เด็กนักเรียนหญิงขึ้นมาโดยสารรถด้วย ว่าแต่เด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน? แล้วเลิ่งเชาถิงไปรู้จักมักจี่กับเด็กนักเรียนได้ยังไง? ขนาดปกติเลิ่งเชาถิงยังไม่ค่อยเสวนากับผู้หญิงสักเท่าไหร่
“โรงพยาบาล ขอบคุณ” กู้หนิงพูดขึ้นอย่างรีบร้อน
Chapter 40: ไม่ต่อยจนตายหรอกน่า
โรงพยาบาล? เลิ่งเชาถิงขมวดคิ้ว เขาสงสัยว่าเธอจะไปโรงพยาลทำไม แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา เขาหันไปบอกชายคนขับรถว่า
“ออกรถ”
“อะไรนะ? โอ้ ได้” เขาดึงสติกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเลิ่งเชาถิง จากนั้นก็ขับรถไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในความคิดเขา เขาชำเลืองมองเลิ่งเชาถิงที่นั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่กู้หนิงผ่านกระจกมองหลัง
เด็กสาวนักเรียนคนนี้รูปร่างหน้าตาดี แต่เธออายุน้อยเกินไปจึงไม่น่าใช่สเปคเลิ่งเชาถิง
“ตั้งใจขับรถ” เลิ่งเชาถิงเอ่ยเสียงเย็น ชายหนุ่นคนนั้นจึงกลับมาโฟกัสที่ถนน เขายังคงสับสนในใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวนักเรียนและเลิ่งเชาถิง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ถามออกไป
ในขณะเดียวกันมือถือของกู้หนิงก็ดังขึ้น เธอกดรับ ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เสียงเป็นกังวลของมู่เค่อก็ดังขึ้นก่อน
“บอส ขึ้นรถใครไปน่ะ? เธอปลอดภัยไหม?”
เมื่อมู่เค่อและคนอื่นตามมาถึง กู้หนิงก็ขึ้นรถเมอร์ซาราติสีดำไปแล้ว
พวกเขาทั้งหมดตกใจ รถยี่ห้อนี้แพงมาก คนที่เป็นเจ้าของรถต้องมีฐานะร่ำรวยมากๆ เข้าขั้นมหาเศรษฐีเลยทีเดียว
ถึงกู้หนิงจะขึ้นรถไปเพราะอาจจะรู้จักกับเจ้าของรถอยู่แล้ว แต่มู่เค่อตัดสินใจโทรหาเธอด้วยความเป็นห่วง
“ฉันสบายดี พวกนายกลับไปที่โรงเรียนกันก่อน” กู้หนิงตอบ
“ไม่ พวกเราจะไปเยี่ยมแม่เธอด้วย เจอกันที่โรงพยาบาลนะ” กู้หนิงกำลังจะบอกว่าไม่ต้องมา แต่มู่เค่อวางสายไปแล้ว กู้หนิงรู้ว่าพวกเขามีน้ำใจ ดังนั้นเธอจึงขอรับน้ำใจนี้ไว้
ทั้งเลิ่งเชาถิงและชายคนขับรถต่างมีโสตประสาทที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง พวกเขาก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ทั้งคู่จึงเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำไมกู้หนิงถึงดูรีบร้อนนัก
“ให้ช่วยไหม?” จู่ๆเลิ่งเชาถิงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผู้ชายที่เป็นคนขับรถหมุนพวงมาลัยอย่างหวาดเสียว เขาเกือบขับรถชนคันข้างหน้า โชคดีที่เขามีทักษะการขับที่ยอดเยี่ยมจึงไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ
แต่ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย เลิ่งเชาถิงที่ทำตัวเย็นชาและขวางโลกมาตลอด จู่ๆก็เอ่ยปากเสนอให้ความช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจแทบสิ้นสติ
เลิ่งเชาถิงปลายตามอง เขาจึงกลับมาสนใจถนนที่อยู่ตรงหน้า เขาหวังในใจลึกๆว่าเลิ่งเชาถิงจะไม่พูดอะไรที่ทำให้เขาต้องขนลุกขนพองอีก
กู้หนิงไม่สนใจ เธอปฏิเสธเขาด้วยความสุภาพ “ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้”
ในเมื่อกู้หนิงต้องการจัดการปัญหาของเธอเอง เลิ่งเชาถิงก็หยุดถาม เขาไม่ได้เป็นคนที่ใจดีอบอุ่นนัก เขาช่วยเธอเพราะเธอเคยช่วยเขาไว้ก็เท่านั้นเอง แต่เลิ่งเชาถิงลืมไปแล้วว่ากู้หนิงและเขาต่างทำข้อตกลงกัน เขาขอให้เธอไปส่งและเขาก็มอบหยกเป็นรางวัลตอบแทนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ติดค้างอะไรเธอ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง วิดีโอที่กู้หนิงชกต่อยกับฮ่าวหรันและเพื่อนก็เป็นกระแสในเว็บบอร์ดโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ฮ่าวหรันท้าดวลกู้หนิง ก็มีนักเรียนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
ข่าวบอกว่ากู้หนิงยอมรับคำท้า และกำหนดการคือบ่ายโมงวันนี้ สถานที่ชกต่อยถูกเปิดเผยในเว็บบอร์ดเมื่อคืนนี้ นักเรียนหลายคนสนใจที่จะไปดูการต่อสู้ระหว่างพวกเขาบ่ายโมงตรง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า การต่อสู้จะจบลงก่อนบ่ายโมง และทุกคนต่างตะลึงกับผลที่ออกมา
ร้อยละแปดสิบของนักเรียนล้วนไม่เชื่อว่ากู้หนิงชนะ ในขณะที่ร้อยละสิบเชื่อกู้หนิง พวกเขาคิดว่ากู้หนิงนั้นแข่งแกร่งจริงๆ และเธอยังมั่นใจมากๆอีกด้วย
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความมั่นใจแบบนั้น
ผลที่ออกมาคือกู้หนิงเป็นฝ่ายชนะ กู้หนิงสามารถเอาชนะได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ทุกคนตกใจกับข่าว
“เ_ี้ยไรวะเนี่ย ใครบอกว่าบ่ายโมงที่สนามฟุตบอล แล้วไหงกลับจบเร็วแบบนี้?”
“ใช่ ฉันอดดูเลยเนี่ย ใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องเวลากับสถานที่วะเนี่ย? ออกมาเลยนะ พวกเราสาบานว่าจะไม่อัดนายถึงตายหรอก”
“ใช่ ออกมาและอธิบายให้พวกเราฟังเลย”
“ออกมา!!”
ในขณะนั้นคนที่ปล่อยข่าวก็ทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยากเพราะเขาก็พลาดศึกใหญ่ครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน เขาจึงอารมณ์เสียมาก
“ไม่อยากจะเชื่อว่ากู้หนิงคนเดียวเอาชนะฮ่าวหรันและเพื่อนเขาอีกสองคนได้? ใครก็ได้บอกฉันทีว่านี่คือเรื่องจริง?”
“คอมของฉันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฉันต้องเปิดปิดใหม่แล้ว”
“ตอนนี้ฉันรู้สึกชอบกู้หนิงเข้าแล้วล่ะ เธอเจ๋งเป็นบ้า พวกว่างั้นไหม?”
“ใช่ เธอล้มจางเทียนปิงได้เพียงกระบวนท่าเดียว สุดยอดไปเลย!”
“ท่าหมุนตัวของเธอก็เยี่ยมเหมือนกัน” มีทั้งคนที่ชื่นชมกู้หนิงและก็มีทั้งคนที่ยังข้องใจอยู่บ้าง
“ฮ่าวหรันกับเพื่อนตั้งใจสู้จริงๆรึเปล่า? ฉันยังไม่อยากเชื่อว่ากู้หนิงคนเดียวสามารถเอาชนะพวกเขาได้”
“ใช่ ฉันก็สงสัยเหมือนกัน”
“เมื่อมีความคิดเห็นที่ยังเคลือบแคลงใจโผล่ออกมา บรรดาคนที่ชอบกู้หนิงก็ตอบโต้กลับทันที
“พวกนายตาบอดกันแล้วเหรอ? ฉันเป็นคนอยู่ที่นั่น ฉันเห็นกับตาของฉันเอง พวกเขาต่างสู้กันสุดกำลังแล้ว! ถ้าพวกนายไม่เชื่อ ก็ลองไปท้าสู้กับกู้หนิงแล้วก็จะรู้เอง!
“ใช่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะหมุนตัวเตะกลางอากาศได้”
“ตอนนี้กู้หนิงเป็นหัวหน้าของพวกฮ่าวหรันแล้ว ถ้านายกล้าตั้งคำถามกับเธอ นายก็ตั้งคำถามกับฮ่าวหรันด้วย ระตัวไว้ด้วยล่ะ! จ้าวเฟยเฟยก็เกือบโดนฮ่าวหรันตีตอนที่เธอสบประมาทเขา” รู้อย่างนั้น เหล่าบรรดาคนสงสัยต่างเงียบกริบ พวกเขากลัวว่าฮ่าวหรันกับเพื่อนจะเอาเรื่องพวกเขา
“ฉันคิดว่าฉันจะบอกเทพธิดาของฉันว่าฉันชอบเธอ อวยพรให้ฉันด้วย!”
“ขอให้นายโชคดี หวังว่านายจะรอดกลับมานะ”
“พวกเราอวยพรให้นายโชคดี จริงๆแล้วพวกเราอยากจะเห็นละครฉากเด็ดมากกว่าน่ะ ฮ่า ฮ่า”
“ขอให้นายโชคดี จะรอฟังผลนะ”
“โชคดีว่ะเพื่อน”
ถึงแม้พวกเขาจะอวยพรให้นักเรียนคนนั้น แต่ความจริงแล้วพวกเขาอยากเห็นละครฉากเด็ดเท่านั้นเอง
ปกติใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการมาถึงโรงพยาบาล แต่พวกเธอใช้เวลาแค่ยี่สิบนาที กู้หนิงเอ่ยขอบคุณเลิ่งเชาถิง จากนั้นก็วิ่งพุ่งเข้าไปในตึกผู้ป่วยนอก
รถมาเซอร์ราติสีดำยังคงจอดอยู่ที่เดิม เลิ่งเชาถิงและชายคนขับรถต่างมองจนกู้หนิงลับสายตาไป
“เชาถิง เด็กคนนี้เป็นใครกัน? ฉันไม่เคยเห็นนายออกปากช่วยคนอื่นมาก่อน” สุดท้ายเขาก็อดรนทนไม่ไหวจึงถามขึ้นมา
“ไปกันเถอะ” เลิ่งเชาถิงไม่สนใจคำถามของเขา
คอมเม้นต์