กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 41 – 42 : ความช่วยเหลือจากอันเฉียน, บิลถูกจ่ายเรียบร้อยแล้ว
Chapter 41: ความช่วยเหลือจากอันเฉียน
“ได้” ชายหนุ่มผู้ที่เป็นคนขับรถเอ่ยตอบ ตอนนี้เขากลับอยากรู้มากขึ้นกว่าเดิม
ในเมื่อเลิ่งเชาถิงไม่เต็มใจจะบอกเขา ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเซ้าซี้ถาม เขาตัดสินใจจะสืบด้วยตัวเอง ‘ซูจินเฉิน’ เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่ายากสำหรับเขา
ในระหว่างที่กู้หนิงกำลังวิ่ง เธอหยิบมือถือออกมาและโทรเข้าเบอร์กู้ม่าน คนที่ใช้มือถือกู้ม่านโทรหากู้หนิงคือเพื่อนร่วมงานของเธอ ‘หวางซู่เฟิน’ หวางซู่เฟินเป็นเพื่อนกู้ม่าน กู้หนิงก็รู้จักเธอเช่นเดียวกัน หลังจากกู้ม่านพลัดร่วงตกจากบันได หวางซู่เฟินและคนขับรถของโรงงานก็พากันขับรถมาส่งกู้ม่านที่โรงพยาบาล
หวางซู่เฟินให้กู้หนิงโทรเข้าเบอร์กู้ม่านเมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล จากนั้นหวางซู่เฟินก็บอกเธอว่าพวกเขาอยู่ตรงไหน
เมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ ก่อนที่กู้หนิงจะพูดอะไร ปลายสายก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“กู้หนิง หนูมาถึงรึยัง? แม่หนูถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่พวกเรามีเงินไม่พอ แม่หนูเลยยังไม่ถูกแอดมิท ตอนนี้อยู่บนเตียงผู้ป่วยในโถงทางเดินชั้นหนึ่งของตึกผู้ป่วย”
ได้ยินดังนั้น กู้หนิงก็หงุดหงิดขึ้นมา เธอไม่ได้โมโหที่โรงพยาบาลไม่ยอมแอดมิทผู้ป่วยถ้าไม่มีเงิน เธอเข้าใจว่าโรงพยายาลไม่ได้เปิดเพื่อทำการกุศล
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกผิดต่อกู้ม่านที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที กู้หนิงรีบวิ่งไปหาแม่ให้เร็วที่สุด
ในขณะเดียวกันกู้หนิงก็โทรหาอันเฉียนเพื่อให้แน่ใจว่าแม่ของเธอจะได้รับการดูแลอย่างดีและรวดเร็วที่สุด
“สวัสดี นั่นใครคะ?” อันเฉียนไม่มีเบอร์โทรกู้หนิง เธอลืมขอเบอร์โทรเมื่อหลายวันก่อน
กู้หนิงพุ่งตรงเข้าประเด็นทันที “คุณอัน กู้หนิงเองค่ะ ฉันอยากให้คุณช่วย แม่ของฉันตกบันได ตอนนี้ฉันยังไม่เจอแม่ ไม่รู้แม่จะเป็นไงบ้าง คุณช่วยส่งแม่ของฉันไปยังห้องผู้ป่วย VIP และตรวจอาการแม่ฉันได้ไหมคะ? ค่ารักษาฉันจะจัดการทีหลัง”
กู้หนิงไม่รู้ว่าอันเฉียนอยู่ตำแหน่งไหนในโรงพยาบาล แต่เธอทำงานที่นี่ คงเร็วกว่าหากได้เธอช่วย
อาการบาดเจ็บกู้ม่านสำคัญมากกว่า กู้หนิงไม่อยากเสียเวลา
หลังจากอันเฉียนรู้ว่าคนที่โทรมาคือกู้หนิง หัวใจเธอพองโตด้วยความดีใจ เธออยากจะบ่นกู้หนิงสักหน่อยที่ไม่ยอมติดต่อเธอมาเลย แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออันเฉียนรับทราบว่าแม่กู้หนิงตกบันได เธอตอบตกลงให้ความช่วยเหลือทันที
“ไม่มีปัญหา แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน?” อันเฉียนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
“ฉันกำลังมาถึงตึกผู้ป่วยชั้นหนึ่ง แม่ของฉันอยู่โถงทางเดิน” กู้หนิงตอบกลับ
“โอเค ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ รอแปบนะ” อันเฉียงวางสาย เธอต้องรีบไปจัดการตามที่กู้หนิงขอ
ไม่นาน กู้หนิงก็มาถึงโถงทางเดินชั้นหนึ่งของตึกผู้ป่วย เธอเห็นกู้ม่านแล้ว มีผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับกู้ม่านยืนอยู่ข้างๆ เธอคือหวางซู่เฟิน ส่วนผู้ชายอีกคนอายุราวๆยี่สิบที่ยืนอยู่กับหวางซู่เฟิน เขาคือคนขับรถมาส่งกู้ม่านยังโรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะ” กู้หนิงเอ่ยทักหวางซู่เฟิน จากนั้นรีบเข้าไปดูกู้ม่านทันที
กู้ม่านยังไม่รู้สึกตัวในขณะนี้ กู้หนิงไม่ลังเลที่จะใช้ตาทิพย์ส่องดูศีรษะกู้ม่าน มีเพียงอาการบวมแดงที่ด้านหลังศีรษะของเธอ กู้หนิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
แต่พลังตาทิพย์ของเธอนั้นมีจำกัด มันต้องใช้พลังอย่างมากในการตรวจดูศีรษะกู้ม่าน หลังจากนั้นสีหน้าของกู้หนิงก็ซีดเผือด กู้หนิงไม่มีพลังเหลือพอที่จะช่วยกู้ม่านฟื้นตัว
นับตั้งแต่กลับมาเกิดในร่างใหม่ กู้หนิงไม่ค่อยได้ดูดซับพลังจากหยกมากเท่าไหร่นัก ดังนั้นเธอไม่สามารถช่วยกู้ม่านได้
ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ผ่านไปไม่กี่นาที อันเฉียนก็เดินมาหากู้หนิงพร้อมกับหมออีกหลายคน
“กู้หนิง ฉันเตรียมห้อง VIP และอุปกรณ์การตรวจไว้เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ” อันเฉียนเอ่ยขึ้น หมอผู้ชายเข้ามาเข็นเตียงผู้ป่วยที่มีกู้ม่านนอนอยู่
หวางซู่เฟินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เธอรู้สถานะทางการเงินของกู้ม่านดี กู้ม่านแทบไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ตอนนี้เธอกำลังจะถูกส่งเข้าห้องผู้ป่วย VIP!?
ถึงแม้หวางซู่เฟินจะสงสัย แต่มันคงไม่เหมาะที่จะถามออกไป
“ขอบคุณมากนะคะที่ขับรถมาส่งแม่ที่โรงพยาบาล หนูเข้าใจว่าคุณน้าและพี่ผู้ชายยังต้องกลับไปทำงาน ไว้แม่ฟื้นแล้ว หนูกับแม่จะไปขอบคุณด้วยตัวเองอีกครั้งนะคะ” กู้หนิงเอ่ยขอบคุณหวางซู่เฟยและคนขับรถ
กู้หนิงกับแม่ควรเลี้ยงอาหารหรือซื้อของขวัญเพื่อตอบแทนน้ำใจของพวกเขา
“อย่ากังวลไปเลยจ้ะ สุขภาพของแม่หนูสำคัญที่สุดตอนนี้ ดูแลเธอด้วยนะ พวกเรากลับก่อน” หวางซู่เฟินตอบจากนั้นก็กลับไปทำงานพร้อมคนขับรถ
เมื่อกู้หนิงและคนอื่นเดินมายังห้องผู้ป่วย มู่เค่อก็โทรหาเธอ มู่เค่อกับเพื่อนขึ้นแท็กซี่ตามมาและช้าไปสิบนาที
“บอส ตอนนี้เธออยู่ไหน? พวกเรามาถึงโรงพยายาลแล้ว” มู่เค่อถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ห้อง V08 ชั้นเจ็ดตึกผู้ป่วย” กู้หนิงตอบและวางสายทันที เธอกำลังรีบตามไปดูกู้ม่าน
มู่เค่อแปลกใจเมื่อได้ยินห้อง V08 ทำไมถึงกลายเป็นห้อง V08 ได้ล่ะ? มู่เค่อเหมือนเจอปริศนาเข้าไป เขามั่นใจว่าได้ยินชัดเจน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสัย มู่เค่อรีบวิ่งไปทันทีหลังจากรู้หมายเลขห้อง
อันเฉียนตรวจร่างกายกู้ม่าน โดยมีกู้หนิงยืนอยู่ข้างๆ ถึงเธอจะกังวลแค่ไหน เธอก็ยืนอยู่เงียบๆ เธอไม่อยากรบกวนการทำงานของอันเฉียน
มู่เค่อและที่เหลือมาถึงที่ห้อง พวกเขาเห็นกู้ม่านกำลังตรวจร่างกาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เดินเข้าไปทันที พวกเขาไม่อยากรบกวนการรักษา
“มู่เค่อ เกิดอะไรขึ้น? แม่กู้หนิงมาอยู่ห้องผู้ป่วย VIP ได้ยังไง?” หยูหมิงซีถามขึ้นอย่างแปลกใจเพราะเธอรู้ว่าสถานะการเงินบ้านกู้หนิงไม่ดีนัก
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!” มู่เค่อก็สงสัยเหมือนกัน
“ทำไมแม่ของบอสจะอยู่ห้องผู้ป่วย VIP ไม่ได้ล่ะ?” ฮ่าวหรันกับเพื่อนไม่รู้เบื้องหลังของกู้หนิง พวกเขาไม่เข้าใจว่ามู่เค่อกับหยูหมิงซีพูดอะไรกัน
จากนั้นมู่เค่อก็บอกฮ่าวหรันกับเพื่อนเกี่ยวกับสถานะทางการเงินที่บ้านกู้หนิง ฮ่าวหรันและเพื่อนรู้สึกเห็นใจกู้หนิงมาก
พวกเขาคิดว่าแม่ของกู้หนิงควรอยู่ห้องผู้ป่วย VIP เพื่อได้รับการรักษาที่ดีกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายก็สูงมากเช่นกัน
“พวกเราไม่ควรปล่อยให้บอสจ่ายค่ารักษาคนเดียว ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง” ฮ่าวหรันเอ่ย เขาทำเพื่อช่วยบอส
“ฉันด้วย” มู่เค่อ ฉินซีหุนและจางเทียนปิงล้วนเห็นด้วย
ถึงแม้จางเทียนปิงจะเป็นเด็กกำพร้า แต่เขาเปิดธุรกิจบาร์ร่วมกับฮ่าวหรันและฉินซีหุน ธุรกิจบาร์ทำได้กำไรดี ดังนั้นตอนนี้จึงถือได้ว่าเขาเป็นเด็กรวยคนหนึ่ง
Chapter 42: บิลถูกจ่ายเรียบร้อยแล้ว
มีเพียงหยูหมิงซีที่มาจากครอบครัวยากจนเหมือนกู้หนิง เธอไม่สามารถช่วยกู้หนิงได้เพราะแม่ของกู้หนิงจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการรักษา
มู่เค่อเข้าใจว่าหยูหมิงซีเศร้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือกู้หนิงได้ เขาปลอบเธอ “หมิงซี ฉันรู้เรื่องทางบ้านเธอ เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ บอกพวกเราได้เสมอ” ได้ยินแบบนั้น ฮ่าวหรันและเพื่อนก็พบว่าครอบครัวของหยูหมิงซีก็ยากจนเหมือนกัน
“ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ถ้าเธอต้องการเรา บอกพวกเราได้ทุกเมื่อ” พวกเขาไม่เอาเรื่องเงินมาเป็นประเด็นสำคัญ พวกเขาให้ความสำคัญในมิตรภาพระหว่างเพื่อนมากกว่า
หยูหมิงซีประทับใจกับน้ำใจของพวกเขามากจนอยากจะร้องไห้ออกมา เธอต้องการความช่วยเหลือแต่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณพวกเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผลการตรวจก็ออกมา
“กู้หนิง เธอไม่ต้องกังวลนะ แม่เธอปลอดภัยแล้ว ศีรษะกระแทกพื้นแต่มีเพียงรอยบวมที่หนังศีรษะ ไม่มีเลือดออกในสมอง ที่แม่เธอตกบันไดเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดสารอาหารเธอเลยอ่อนแอ จำเป็นต้องนอนพักให้เพียงพอ” อันเฉียนโล่งอกที่กู้ม่านปลอดภัยดี
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นค่ะ แล้วเมื่อไหร่แม่จะฟื้นคะ?” กู้หนิงโล่งอกแต่ยังรู้สึกเจ็บปวดใจที่แม่ของเธอขาดสารอาหาร
เธอไม่อยากรอนานไปมากกว่านี้อีกแล้ว เมื่อกู้ม่านตื่นขึ้นมา เธอจะบอกความจริงทุกอย่าง จากนี้กู้ม่านต้องมีชีวิตที่ดี
“คุณน้าจำเป็นต้องให้สารอาหารที่จำเป็นก่อน เราจะฉีดเข้าที่สายน้ำเกลืิอจากนั้นคุณน้าอาจฟื้นขึ้นมาภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง” อันเฉียนกล่าว จากนั้นบอกให้พยาบาลไปรับตัวยาที่ห้องยา
กู้หนิงเห็นว่ามู่เค่อมาถึงสักพักแล้ว แต่เธอมัวแต่กังวลถึงอาการของกู้ม่านอยู่ เลยไม่ได้ออกไปหาพวกเขาที่ยืนอยู่ด้านนอก ตอนนี้กู้ม่านปลอดภัยแล้วกู้หนิงจึงเดินออกไปหาพวกเขา
“บอส แม่เธอเป็นไงบ้าง?” มู่เค่อและเพื่อนคนอื่นถามเมื่อเห็นกู้หนิงเดินออกมา
“ไม่เป็นอะไรแล้ว แม่ล้มหัวกระแทกพื้นและขาดสารอาหาร” กู้หนิงพูดสบายๆแต่ภายในใจนั้นเศร้า
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจโล่งอก และรู้สึกเห็นใจกู้ม่านที่ทานอาหารไม่เพียงพอจนต้องขาดสารอาหาร
“ตอนนี้สายแล้ว พวกนายกลับไปที่โรงเรียนกันเถอะ มีเรียนคาบบ่ายไม่ใช่เหรอ” กู้หนิงเอ่ย
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเราไม่ได้จะกลับเข้าไปเรียนอยู่แล้ว พวกเราจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ” ฮ่าวหรันพูดขึ้น พวกเขาไม่อยากทิ้งให้กู้หนิงอยู่คนเดียว
“ใช่ พวกเราไม่สนใจเรื่องเรียนหรอก” ฉินซีหุนและจางเทียนปิงเห็นด้วย พวกเขาใช้โอกาสนี้โดดเรียน
“บอส ฉันโทรไปลาเรียนช่วงบ่ายได้” มู่เค่อก็อยากจะอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้เขาไม่อยากลาเพราะเขาเป็นนักเรียนตัวอย่าง แต่วันนี้ต่างออกไปเขาไม่อยากทิ้งกู้หนิงไว้ลำพัง
“กู้หนิง ฉันก็จะขอลาช่วงบ่ายเหมือนกัน” ในเมื่อไม่มีใครกลับไป หยู่หมิงซีก็ไม่เต็มใจจะกลับไปเช่นกัน เธอยังห่วงกู้หนิง
“บอส อย่าไล่พวกเรากลับไปเลย พวกเราจะอยู่กับเธอทั้งบ่าย” ฮ่าวหรันพูด เขากลัวว่ากู้หนิงจะปฏิเสธ
กู้หนิงซาบซึ้งใจ ยกเว้นหยูหมิงซี เธอเพิ่งรู้จักพวกเขาไม่นานแต่พวกเขาห่วงใยเธอจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้” กู้หนิงรู้ว่าพวกเขาไม่ยอมกลับไปง่ายๆดังนั้นจึงตอบตกลง
“บอส พวกเราจะซื้ออะไรมากินก่อน เธออยู่กับแม่นะ” ฮ่าวหรันดึงฉินซีหุนและจางเทียนปิงไปด้วย
พวกเขาต่างตกลงกันเรียบร้อยแล้ว มู่เค่อและหยูหมิงซีรู้ว่าฮ่าวหรันจะไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลโดยใช้เรื่องอาหารบังหน้า
พวกฮ่าวหรันกำลังจะขอจ่ายค่ารักษาพยาบาลกู้ม่านแต่พบว่าค่าใช้จ่ายถูกชำระเรียบร้อยแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
“ใครเป็นคนจ่าย? ฮ่าวหรันเอ่ยถาม
“คุณหมออันเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว” พนักงานการเงินตอบฮ่าวหรัน
“หมออัน? หมอผู้ชายหรือผู้หญิง?” ฮ่าวหรันซักไซ้
“หมอผู้หญิง” พนักงานการเงินตอบอีกครั้ง
“เธออาจเป็นเพื่อนหรือญาติของบอสล่ะมั้ง?” ฮ่าวหรันทาย แต่ในเมื่อค่ารักษาพยายาลถูกชำระแล้ว พวกเขาจึงพากันเดินไปซื้ิออาหาร
ก่อนที่อันเฉียนจะเดินออกไปจากห้อง เธอตรวจทุกอย่างให้แน่ใจว่าถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว และบอกกู้หนิงให้โทรหาเธอทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น
เมื่ออันเฉียนกลับออกไป มู่เค่อและหยูหมิงซีก็โทรหาอาจารย์ประจำชั้นเพื่อขอลาเรียนช่วงบ่าย
จางฉิวฮวาที่ยังไม่รู้ว่ากู้หนิงเอาชนะฮ่าวหรันได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เมื่อเธอรับทราบ เธอก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ขอโทษนะคะอาจารย์จาง คือว่าแม่ของหนูเข้าโรงพยายาลก็เลยโทรมาขอลาเรียนเพื่ออยู่ดูแลแม่ค่ะ หยูหมิงซีก็อยู่ด้วยค่ะ
“ได้” หัวหน้าอาจารย์ไม่สามารถบอกปฏิเสธได้ในเมื่อแม่ของลูกศิษย์ประสบอุบัติเหตุ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฮ่าวหรันและพวกก็กลับมาจากซื้ออาหาร กู้ม่านตื่นขึ้นมาพอดีและเอ่ยเรียกชื่อกู้หนิง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความร้อนรน
“แม่ หนูอยู่นี่ค่ะ” กู้กนิงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที เธอจับมือกู้ม่านไว้
“หนิงหนิง นี่ลูกจริงๆใช่ไหม?” เมื่อเห็นกู้หนิง กู้ม่านแปลกใจนิดหน่อยแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ลูกเป็นไงบ้าง? เจ็บตรงไหน?
กู้ม่านถามและใช้มือจับไปตามตัวลูกสาว เธอต้องการตรวจดูร่องรอยบาดเจ็บของกู้หนิง กู้หนิงจับมือของกู้ม่านให้หยุด
“แม่ หนูสบายดีค่ะ!” กู้หนิงไม่รู้จริงๆว่าทำไมกูม่านถึงถามเธอแบบนั้น แต่เธอต้องปลอบประโลมให้แม่เธอสบายใจ
“จริงเหรอ? แม่ได้รับรูปภาพจากเซียวเซียว แม่เห็นลูกถูกตี แม่กลัวมาก” กู้ม่านยังทำหน้าหวาดกลัว ร่างของเธอสั่นเทิ้มเบาๆ
เมื่อรู้อย่างนั้น ใบหน้าของกู้หนิงเปลี่ยนสีฉับพลัน
อะไรนะ? เซียวเซียวส่งรูปเธอที่กำลังสู้กับฮ่าวหรันให้กู้ม่าน? กู้ม่านเลยตกใจตกบันไดเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ?
ดี ดีมาก กู้เซียวเซียวยั่วโมโหเธออีกแล้ว
มู่เค่อและหยูหมิงซีไม่พอใจเช่นเดียวกัน
กู้เซียวเซียวตั้งใจให้กู้ม่านรูู้ว่ากู้หนิงมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนนักเรียน ดังนั้นกู้ม่านจะได้ต่อว่ากู้หนิง เธอไม่รู้ว่าเธอจะเป็นต้นเหตุให้กู้ม่านตกบันได แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้ว และกู้หนิงไม่ยอมปล่อยกู้เซียวเซียวไปง่ายๆแน่
ถึงแม้กู้หนิงจะโมโหมากแค่ไหน เธอก็ยังอธิบายให้กู้ม่านเข้าใจอย่างอดทน “แม่ ไม่มีใครทำร้ายหนูทั้งนั้นค่ะ แม่ก็รู้ว่ากู้เซียวเซียวไม่ชอบหนู เธอคอยหาเรื่องหนูตลอด หนูไม่ยอมขอโทษเธอเลยจงใจถ่ายรูป พูดง่ายๆเลยเธออยากให้แม่ต่อว่าหนู แต่หนูปกติดีทุกอย่างค่ะ”
คอมเม้นต์