กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 119 – 120: เจ้าหน้าที่ทหารเฉินเมิ่ง, ประลองฝีมือกับเฉินเมิ่ง
ตอนที่ 119: เจ้าหน้าที่ทหารเฉินเมิ่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ” ลี่เจินเจินตอบ จากนั้นเธอก็ถามเสียงเครียด “พี่ว่าเธอจะมาทำร้ายฉันไหม?”
ลี่เจินหยูทำสีหน้าไม่พอใจ เขาไม่แน่ใจว่ากู้หนิงจะทำร้ายลี่เจินเจินหรือไม่ กู้หนิงอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา ในสายของเขา ถึงแม้มันจะเป็นความผิดของลี่เจินเจิน แต่กู้หนิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้?
แต่ทว่าเรื่องนี้ก็ต้องมีคนรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ต้องมีคนได้รับผลจากสิ่งที่ตัวเองก่อ
ลี่เจินหยูยังกังวลว่าฉินอี้ฟานจะรู้เรื่อง แม้ว่ากู้หนิงจะไม่มีหลักฐาน ลี่เจินหยูก็ไม่มั่นใจว่าฉินอี้ฟานจะเลือกเชื่อใครระหว่างกู้หนิงและลี่เจินเจิน
พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฉินอี้ฟานก็จริง แต่ดูเหมือนว่าฉินอี้ฟานจะชอบกู้หนิง มีความเป็นไปได้ว่าเขาเลือกที่จะเชื่อกู้หนิงมากกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับฉินอี้ฟานตอนนี้ยังไม่รู้ความจริง บางทีกู้หนิงจะยังไม่บอกเขา
ถ้ากู้หนิงวางแผนจะบอกความจริงฉินอี้ฟาน ลี่เจินหยูจะไม่ห้ามเธอ เขาทำได้แต่หวังว่าฉินอี้ฟานจะไม่เชื่อกู้หนิง ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของลี่เจินเจินคงถูกทำลายย่อยยับ ถึงจะให้ลี่เจินเจินแต่งกับฉินอี้ฟานในอนาคต ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้
อพาร์ทเม้นต์ของกู้หนิงอยู่ไม่ไกลจากย่านการค้า เธอนั่งแท็กซี่ใช้เวลาห้านาทีก็มาถึง ที่พักของเธออยู่ในย่านหรูหราที่ถูกเรียกว่า Water Blue Sky ย่านนี้ถูกสร้างเมื่อห้าปีก่อน แต่บ้านยังถูกขายไม่หมด โดยเฉพาะห้องชุด
พื้นที่อาศัยอยู่ใกล้ย่านการค้าและมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีตึกเก้าตึก ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียว เพราะมีต้นไม้เยอะเลยมีตึกไม่มาก
ห้องชุดของกู้หนิงอยู่ชั้นห้า เธอเดินไม่กี่นาทีก็มาถึง
ชั้นห้าของตึกแปด กู้หนิงเปิดประตูเข้าไปและเปิดไฟในห้อง ห้องของเธอมีขนาดห้าสิบตารางเมตรพร้อมสวนในตัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องอาบน้ำ และระเบียงกว้าง การตกแต่งนั้นเรียบง่ายแต่ดูไม่น่าเบื่อ ซึ่งเป็นแบบที่กู้หนิงชอบพอดี
โจวเจิ้งหงได้ว่าจ้างแม่บ้านให้มาทำความสะอาดห้องไว้ก่อนที่กู้หนิงจะมาแล้ว
หลังจากทำงานมาทั้งวัน กู้หนิงก็ยังไม่ได้โทรหาแม่ กู้ม่านเองก็ไม่ได้โทรมาหาเธอ บางทีคงไม่อยากรบกวนเธอ
อันที่จริงแล้วกู้ม่านไม่อยากรบกวนกู้หนิง เธอเลยไม่โทรมา แต่ในใจของเธอห่วงลูกสาวมาก
กู้หนิงเข้าไปอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วก็เอนกายนอนบนเตียง และหยิบโทรศัพท์โทรหากู้ม่าน
“หนิงหนิง ลูกว่างแล้วหรือจ้ะ?” กู้ม่านเอ่ยถามทันทีที่รับโทรศัพท์
“ค่ะ ตอนนี้หนูว่างแล้ว วันนี้แม่เป็นไงมั่งคะ?” กู้หนิงถาม
“สบายดีจ้ะ ลุงใหญ่และป้าใหญ่โทรหาแม่หลายครั้ง แต่แม่ไม่รับสายพวกเขา” กู้ม่านเอ่ย
“ดีแล้วค่ะ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา พวกเขาโทรมาต้องมีเรื่องไม่ดีแน่” กู้หนิงพูดคุยกับแม่อยู่สักพัก เสร็จแล้วเธอก็วางสายและเปิดวีแชทกลุ่มขึ้นมา
มีข้อความเป็นพันข้อความ กู้หนิงใช้เวลาอ่านอยู่สักพัก เพื่อนๆของเธอกำลังพูดถึงข่าวที่เกิดขึ้นในเมือง G กู้หนิงเพิ่งรู้ว่าเธอตกเป็นข่าว โชคดีที่วันนี้เธอแปลงโฉมตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงมีปัญหาใหญ่แน่
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนสนิทกัน กู้หนิงก็ไม่มีความตั้งใจที่จะบอกพวกเขาว่าเธอคือผู้หญิงในข่าว กู้หนิงไม่ได้บอกว่าเธออยู่ที่เมือง G เธอบอกแค่ว่าเธอมีงานที่ต้องทำเสาร์อาทิตย์นี้ เพื่อนของเธอให้ความเคารพเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถาม ถ้ากู้หนิงไม่อยากบอก
โจวเจิ้งหง ชางชิงชวน และคนอื่นๆก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อตอนหัวค่ำ ถึงจะรู้ว่ากู้หนิงเก่งมากแต่พวกเขาก็ยังตกตะลึง
สามร้อยสี่สิบห้าล้านหยวนเป็นเงินมหาศาลมากในสายตาของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ตัดหินได้หยกมีค่ามากวันนี้ พวกมันอาจมีมูลค่ามากกว่าสามร้อยสี่สิบห้าล้านหยวนด้วยซ้ำ แค่หยกจักรพรรดิชิ้นเดียวก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งร้อยล้านหยวนแล้ว
พวกเขารู้ว่ากู้หนิงไม่อยากให้ใครจำได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บเป็นความลับ พวกเขาตัดสินใจว่าจะจงรักภักดีกับเธอ และจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเธอเด็ดขาด
จากนั้นกู้หนิงก็ท่องโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกาน้ำชาและแก้วสีชมพู
ว่าแล้วเชียววัตถุโบราณสองชิ้นนี้มีประวัติอันยาวนาน! กาน้ำชาเป็นของเจินหว่านซาน และมันถูกเรียกว่ากาน้ำชาฮวง
เจินหว่านซวนเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่งร่ำรวยในยุคราชวงศ์ชิง มีคำกล่าวกันว่า เจินหว่านซานมีชามสมบัติ หากใส่ทองคำแท่งเข้าไปจะได้รับทองจำนวนมากกลับคืนมา ถ้าใส่แท่งเงินเข้าไปก็จะได้รับแท่งเงินเต็มชามกลับมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเจินหว่านซานถึงเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงตำนานที่แม้แต่ฮ่องเต้แห้งราชวงศ์ชิงยังอิจฉาเจินหว่านซาน เจินหว่านซานจึงถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและถูกลงโทษสถานหนักจากฮ่องเต้ หลังจากที่ครอบครัวเจินหว่านซานสูญเสียอำนาจและความมั่งคั่ง
กาน้ำชาฮวงอันนี้มีมูลค่าอย่างน้อยเจ็ดล้านหยวน ถึงแม้ขุนนางในราชวงศ์ชิงจะยึดทรัพย์สมบัติของเขาไป แต่ก็ยังมีจำนวนมากที่ยังสาบสูญ
แก้วสีชมพูที่มีหัวกวางประดับอยู่มาจากยุคเฉียนหลง มูลค่าของมันอยู่ที่สามล้านหยวน
กู้หนิงยังเก็บข้อมูลของโบราณชิ้นอื่นๆ ไว้หัวของเธอ เธอจะได้รู้เกี่ยวกับภูมิหลังของมันในครั้งต่อไปที่เธอซื้อของเก่า
วันต่อมา กู้หนิงตื่นหกโมงเช้า เธอวิ่งลงไปชั้นล่างและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในย่านที่พักอาศัยแห่งนี้
อย่างไรก็ตามเธอประหลาดใจมากที่ได้พบกับคนรู้จัก อันที่จริงพวกเขาแทบจะไม่รู้จักกันเลยเพราะพวกเขาเคยพบกันเพียงครั้งเดียว แต่กู้หนิงก็มีความประทับใจเขาอยู่ลึกๆ
ผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่มาบอกให้เธอออกจากห้องอาหารไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
“เฮ้ เธอนี่เอง?” ชายหนุ่มกล่าวทักทายกู้หนิงด้วยความตื่นเต้น เพราะกู้หนิงได้ช่วยพวกเขาไว้มากเมื่อครั้งก่อน
“สวัสดีค่ะ บังเอิญจริง!” กู้หนิงทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
“เธอพักอยู่ที่นี่เหรอ?” เขาเอ่ยถาม
“ค่ะ แต่ก็มาอยู่แค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือถ้ามีเรื่องต้องมาทำอะไรที่เมืองนี้” กู้หนิงตอบ
“โอ๊ะ ฉันชื่อเฉินเมิ่ง ว่าแต่เธอชื่ออะไร?”
“กู้หนิง”
“ยินดีที่ได้รู้จักกู้หนิง” เฉินเมิ่งยื่นมือออกไป
กู้หนิงจับมือทักทายเขา “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
ตอนที่ 120: ประลองฝีมือกับเฉินเมิ่ง
“ฉันคิดว่าเธอสู้ได้เก่งดี เธอจะว่าอะไรไหมถ้าพวกเราจะประลองฝีมือกัน?” แม้ว่าเฉินเมิ่งจะรู้สึกว่ามันไม่สุภาพอยู่บ้างที่พูดแบบนี้ แต่เขาก็อยากที่จะลองดู
เฉินเมิ่งเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ในขณะที่กู้หนิงเป็นเด็กสาววัยรุ่น มันดูไม่ยุติธรรมก็จริง แต่เขาสงสัยถึงความสามารถของกู้หนิงจริงๆ ส่วนกู้หนิงเองก็ตื่นเต้นที่ถูกชวนท้าประลอง เธอก็อยากจะฝึกฝนตัวเองเช่นเดียวกัน
เฉินเมิ่งรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร เขาไม่ใช่แค่ทหารธรรมดาๆทั่วไป ถ้ากู้หนิงต้องการฝึกฝน เขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดี ดังนั้นเมื่อเฉินเมิ่งท้าเธอ กู้หนิงจึงตอบไปว่า
“ได้สิ ฉันเองก็มีความคิดแบบเดียวกันกับคุณ” จากนั้นทั้งคู่ก็ไปที่ลานกว้างเพื่อประลองฝีมือกัน
ในตอนแรกทั้งคู่ไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ดูหมิ่นฝีมือกัน แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการแสดงพลังที่แท้จริงในทันที พวกเขาจะปรับตัวเองตามความสามารถของอีกฝ่าย นอกจากนี้พวกเขาไม่ได้สูเพื่อที่จะเอาชนะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คนหนึ่งอยากฝึกในขณะที่อีกคนอยากลอง
แต่กระนั้นการเคลื่อนไหวของกู้หนิงก็ทำให้เฉินเมิ่งตกใจ เพราะเธอเคลื่อนไหวได้ราวกับเป็นมืออาชีพและทรงพลัง เธอต้องได้รับการฝึกฝนมานานเป็นปีๆอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เฉินเมิ่งรู้สึกประหลาดใจ กู้หนิงเกือบจะแข็งแกร่งพอๆ กับทหารระดับกลางในกองกำลังพิเศษ
การประลองยังดำเนินต่อไป ทั้งคู่ก็ปล่อยความสามารถออกมาเต็มที่ หากยังเป็นเช่นยี้ต่อไป ทั้งคู่คงสูญเสียพละกำลังไปไม่น้อย
กู้หนิงไม่แปลกใจในความสามารถของเฉินเมิ่งเพราะเขาเป็นทหาร แต่กลับกลายเป็นเฉินเมิ่งเองที่ประหลาดใจในตัวกู้หนิง
ไม่น่าเชื่อ!
เขาฝึกฝนฝีมือและทักษะการต่อสู้มามากกว่าสิบปี แต่เด็กสาวอายุสิบแปดคนนี้กลับมีฝีมือทัดเทียมกับเขา!
เฉินเมิ่งรู้ว่าถ้าหากการประลองยังคงดำเนินต่อไป เขามีสิทธิแพ้ได้ ซึ่งมันน่าอายมาก ดังนั้นเขาจึงส่งสัญญาณให้กู้หนิงหยุด
กู้หนิงเองก็ไม่แน่ใจเช่นเดียวกันว่าเธอจะเอาชนะได้หรือไม่หากยังสู้กันไปเรื่อยๆ เธอต้องการทดสอบฝีมือตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ใช้พลังจากตาทิพย์ของเธอ
“ว้าว ไม่น่าเชื่อจริงๆ! นี่เธออายุสิบแปดจริงๆเหรอเนี่ย?” เฉินเมิ่งดูผิดหวังแต่ก็ยังพูดชมกู้หนิง
“ฉันใช้พลังงานไปจนหมดแล้ว สู้อีกไม่ไหวเหมือนกันค่ะ” กู้หนิงกล่าวอย่างถ่อมตัว เฉินเมิ่งรู้ว่าเธอช่วยเขารักษาหน้า ตอนนี้เฉินเมิ่งดูเหมือนจะให้ความสนใจกู้หนิงเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ใช่แบบผู้ชายผู้หญิง เขาแก่กว่าเธอสิบปีเห็นจะได้
“ฉันชวนเธอไปกินข้าวเช้าด้วยกันได้ไหม?” เฉินเมิ่งถามอย่างเกรงใจ
“ได้ค่ะ!” กู้หนิงตอบตกลง จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินออกไปจากที่พัก
“ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ม.ปลายหรอ?” เฉินเมิ่งเอ่ยถาม
“ค่ะ อยู่ปีที่สุดท้ายแล้ว ที่เมือง F” กู้หนิงตอบ
“ปีสุดท้าย ถ้าอย่างนั้นอีกครึ่งปีก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วสิ แล้วเธออยากเรียนมหาวิทยาลัยที่ไหน?”
“มหาวิทยาลัยเมืองหลวงค่ะ” กู้หนิงตอบ
“มหาวิทยาลัยเมืองหลวง!” เฉินเมิ่งแปลกใจนิดหน่อย เขามองกู้หนิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ
“ว้าว มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศเราซะด้วย เธอต้องเก่งมากแน่ๆ!”
“ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้าได้รึเปล่า แค่เป็นจุดมุ่งหมายของฉันเท่านั้นเองค่ะ” กู้หนิงกล่าว อีกครั้งที่เธอถ่อมตัว
“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้” เฉินเมิ่งให้กำลังใจเธอ
ทั้งสองกินข้าวเช้าด้วยกันและเดินกลับที่พักด้วยกัน ทั้งคู่ก็บังเอิญพบว่าพักที่ตึกเดียวกันอีกด้วย! อย่างไรก็ตาม ห้องชุดของเฉินเมิ่งอยู่ชั้นสิบสอง ในขณะที่กู้หนิงอยู่ชั้นห้า
เฉินเมิ่งมีความประทับใจในตัวกู้หนิงอยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เธอช่วยพวกเขาในการจับคนร้ายครั้งนั้น เขาอยากจะเป็นเพื่อนและผูกมิตรกับเธอ ดังนั้นเขาจึงขอแลกเปลี่ยนเบอร์โทร ถ้าหากกู้หนิงมีปัญหาอะไรในเมือง G เขาอาจจะช่วยเธอได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้อยู่เมือง G เท่าไหร่ แต่เขาก็มีเครือข่ายที่นี่ โดยเฉพาะตำรวจและทหาร
กู้หนิงนั้นเต็มใจอย่างยิ่งที่อยากจะรู้จักกับเฉินเมิ่ง การสร้างเครือข่ายต้องสร้างจากความประทับใจที่ดีไม่ใช่เหรอ?
กู้หนิงกลับมาบ้านเพื่ออาบน้ำ ในขณะที่เฉินเมิ่งโทรหาเลิ่งเชาถิงและเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
เฉินเมิ่งไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง เขาแค่ตื่นเต้นดีใจ และเห็นว่าเลิ่งเชาถิงเคยพบกับกู้หนิงมาก่อน ดังนั้นมันจึงมีเหตุผลพอที่จะคุยกับเขา
“มีอะไร?” เลิ่งเชาถิงพูดเสียงเรียบ
“บอส คุณต้องนึกไม่ออกแน่ๆว่าผมเพิ่งเจอใครมา! ผมเจอกับเด็กสาวคนที่ล้มคนส่งยาครั้งก่อนในร้านอาหาร ตอนที่ผมออกมาวิ่งตอนเช้า พวกเราประลองฝีมือกัน เธอเก่งจริงๆ! ผมไม่สามารถเอาชนะเธอได้ อ่า น่าผิดหวังจริงๆ!” เฉินเมิ่งกล่าว
เลิ่งเชาถิงนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเขาได้ยินคำว่ากู้หนิง
เธออยู่ที่เมืองG?”
เฉินเมิ่งเอาชนะเธอไม่ได้? เลิ่งเชาถิงตื่นตะลึง
เขารู้ดีถึงความสามารถของเฉินเมิ่ง เพราะเฉินเมิ่งเป็นหนึ่งในทีมเรดเฟลมของเขา ถ้ากู้หนิงมีความสามารถทัดเทียมกกับเฉินเมิ่ง แสดงว่าเธอต้องทักษะที่เชี่ยวชาญและแข่งแกร่งมาก
“นายบอกว่าไม่อาจเอาชนะเด็กสาวคนหนึ่งได้ นายไม่คิดหรือว่านายจำเป็นต้องฝึกซ้อมมากขึ้น?” เลิ่งเชาถิงพูดอย่างเย็นชา
ได้ยินแบบนั้น เฉินเมิ่งก็ประสาทเสีย จู่ๆเขาก็นึกเสียใจขึ้นมาที่บอกความจริงกับเลิ่งเชาถิง เขารู้สึกว่าตัวเองติดกับ เขาไม่สามารถเอาชนะเด็กสาวได้ซึ่งหมายความว่าเขานั้นพ่ายแพ้
“อืม เอ่อ พอดีว่าผมมีเรื่องต้องไปจัดการ แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ” เฉินเมิ่งวางสาย และถอนหายใจยาว ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจหนีจากการฝึกซ้อมได้อยู่ดี เขาได้วางแผนไว้แล้วที่จะฝึกซ้อมหลังจากกลับเข้าทีม น่าอายจริงๆที่เขาเอาชนะเด็กสาวไม่ได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ กู้หนิงก็นั่งดูทีวีในห้องจนสิบโมง โจวเจิ้งหงก็โทรมา เขาบอกว่าเขาจองห้องส่วนตัวแล้ว เบอร์ห้อง 888
จากนั้นกู้หนิงก็โทรหาอาจารย์หยวนและอาจารย์ฝู เวลานัดคือสิบเอ็ดโมงห้อง 888 ที่โรงแรมฮวงเติ้ง
กู้หนิงในฐานะเจ้าภาพควรไปถึงก่อน ดังนั้นเธอจึงออกจากบ้านสิบโมงนิดหน่อย
เมื่อเธอมาถึงก็สิบโมงสี่สิบ โจวเจิ้งหงกำลังนั่งรอในห้องส่วนตัว
สิบนาทีต่อมา อาจารย์ฝูและอาจารย์หยวนพร้อมด้วยอาจารย์ไป๋ก็มาถึง
โจวเจิ้งหงที่ไม่รู้ว่าวันนี้แขกเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงตกใจจนกระโดดลุกจากเก้าอี้ เมื่ออาจารย์ทั้งสามท่านเดินเข้ามา
“คุณปู่ฝู คุณปู่หยวน อาจารย์ไป๋ ยินที่ได้พบค่ะ!” กู้หนิงเดินไปด้านหน้าเพื่อต้อนรับพวกเขา
“ฮ่า ฮ่า ปู่หวังว่าพวกเราจะมาตรงเวลานะ!” อาจารย์ฝู่กล่าว
คอมเม้นต์