กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 123 – 124: พี่ชายฉู่เพ่ยหาน, นักเรียนอันดับหนึ่ง
ตอนที่ 123: พี่ชายฉู่เพ่ยหาน
“ฉันเองก็จะไปเมืองF เหมือนกัน บ้านฉันอยู่ที่เมือง F แล้วเธอล่ะ? ไปเที่ยวเล่นเฉยๆหรือเธอก็อาศัยอยู่ที่เมือง F ด้วย?” ฉู่ซวนเฟิงถาม
“บ้านฉันอยู่ที่เมือง F ค่ะ”
หลังจากพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ พวกเขาทั้งสองก็ขึ้นเครื่องบิน ฉู่ซวนเฟิงไม่ได้นั่งติดกับกู้หนิง แต่พวกเขาก็พบกันอีกครั้งหลังจากที่เครื่องลง
“เธอกำลังจะไปที่ไหนเหรอ? ให้ฉันไปส่งไหม?” ฉู่ซวนเฟิงเอ่ยถามอย่างสุภาพ เขาไม่ต้องการให้กู้หนิงมองเขาไม่ดี เขาจึงพูดเสริมขึ้นว่า
“น้องสาวของฉันจะมารับฉันที่นี่”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกลับเองได้” กู้หนิงปฏิเสธ
ฉู่ซวนเฟิงไม่ได้รบเร้า อีกอย่างพวกเขาไม่ได้สนิทกัน มันคงไม่เหมาะหากเขาจะยังยืนกรานไปส่งเธอให้ได้
เมื่อทั้งคู่เดินออกมาประตูทางออก กู้หนิงและฉู่ซวนเฟิงก็เห็นคนคนหนึ่งพร้อมๆกัน คนคนนั้นก็มองมาที่พวกเขาด้วยความประหลาดใจ
ฉู่เพ่ยหาน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? กู้หนิงงุนงง
ฉู่เพ่ยหานวิ่งเข้ามาหาทันที เธอจับมือกู้หนิงไว้ ถามอย่างตื่นเต้น “บอส ไปไงมาไงถึงมาอยู่กับพี่ชายฉันได้?”
“พี่ชายของเธอ?” กู้หนิงนิ่งไปอึดใจ เธอหันไปมองฉู่ซวนเฟิงและรู้สึกตกใจ ฉู่ซวนเฟิงก็คือพี่ชายฉู่เพ่ยหาน? อะไรจะบังเอิญขนาดนี้!
ฉู่ซวนเฟิงก็ประหลาดใจเช่นกัน กู้หนิงรู้จักน้องสาวของเขา? เดี๋ยวก่อน บอสเหรอ? ทำไมเพ่ยหานถึงเรียกว่ากู้หนิงว่าบอส? เกิดอะไรขึ้น?
ถึงแม้เขาจะไม่รู้รายละเอียด เขาก็พอจะเดาสาเหตุได้ ถ้าเขาทายถูก ฉู่เพ่ยหานนับถือในความสามารถของกู้หนิง ดังนั้นเธอจึงเรียกกู้หนิงว่าบอส
ฉู่ซวนเฟิงรู้จักน้องสาวของเขาเป็นอย่างดี เธอนิยมชมชอบการต่อสู้เป็นอย่างมาก
“เอ่อ พวกเธอ…” ฉู่เพ่ยหานเว้นระยะการพูดอย่างมีเลศนัย
กู้หนิงรู้ทันความคิดฉู่เพ่ยหาน เธอจึงพูดขัดขึ้นและอธิบายด้วยประโยคง่ายๆว่าเธอเจอกับฉู่ซวนเฟิงยังไง
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้บอกรายละเอียดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงแรมฮวงเติ้งให้ฉู่ซวนเฟิงฟัง เธอบอกแค่ว่าเธอได้ช่วยคนคนหนึ่งเอาไว้แค่นั้น และฉู่ซวนเฟิงก็เผอิญเห็นก็เท่านั้นเอง
และพวกเขาก็บังเอิญเจอกันที่สนามบินอีกครั้ง และยังบังเอิญเจอกันที่ทางออกอีกด้วย
“ก็ได้” ความจริงแล้วฉู่เพ่ยหานแค่ล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง ถึงแม้เธอจะแอบหวังอยากพี่ชายของเธอกับกู้หนิงคบกัน แต่เธอจะไปบังคับพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า
“ยังไม่ค่ำมาก ทำไมเธอไม่กินข้าวเย็นกับพวกเราล่ะ?”
ฉู่เพ่ยหานชวนกู้หนิงด้วยความจริงใจ เธออยากจะให้กู้หนิงไปด้วยจริงๆไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
“โทษที ฉันบอกแม่ไว้แล้วว่าจะไปกินข้าวกับแม่ ฉันไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง” กู้หนิงปฏิเสธอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร” ฉู่เพ่ยหานก็ไม่ได้เซ้าซี้เธอเช่นเดียวกัน เธอแค่ถามว่า “แล้วเธอพักที่ไหน ให้พวกเราไปส่งไหม?”
“เฟิ่งหัวแมนชั่น” ครั้งนี้กู้หนิงไม่ได้บอกปัด
“พวกเราเองก็จะไปทางนั้นพอดี งั้นไปกันเถอะ!” ฉู่เพ่ยหานเดินออกไปพร้อมกู้หนิง ไม่สนใจฉู่ซวนเฟิงเลยแม้แต่น้อย
ฉู่ซวนเฟิงรู้สึกเจ็บปวดใจนิดหน่อย น้องสาวของเขามาที่นี่เพื่อรับเขาไม่ใช่เหรอ? เธอต้องกอดพี่ชายคนนี้ด้วยความดีใจที่ไม่ได้เจอกันนานไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอถึงลืมพี่ชายคนนี้ไปได้เพราะกู้หนิง?
ฉู่ซวนเฟิงหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา ถ่ายรูปฉู่เพ่ยหานและกู้หนิงเอาไว้ เขาพิมพ์ข้อความใต้ภาพและกดโพสต์มันลงไป
น้องสาวสุดที่รักมารับพี่ชายไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงทิ้งไม่สนใจใยดีพี่ทันทีที่เห็นเพื่อนล่ะ? (อิโมจิรูปร้องไห้)
ไม่นานซื่อตู้เย่ก็เห็นโพสต์ของฉู่ซวนเฟิง เขาจำด้านหลังนั้นได้ทันทีว่าเป็นหลังของกู้หนิง เขาเพ่งมองด้วยความสนใจ
ไม่น่าเชื่อว่ากู้หนิงกับฉู่เพ่ยหานเป็นเพื่อนกัน ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
ระหว่างทาง ฉู่เพ่ยหานก็เอาแต่คุยกับกู้หนิง ฉู่ซวนเฟิงไม่มีโอกาสที่จะแทรกเข้าไปได้เลย เขาไม่มีความสุขแต่ยังคงเงียบ เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษและไม่อยากที่จะเข้าไปขัดสาวๆ เขาเองก็ต้องการให้กู้หนิงประทับใจในตัวเขาเหมือนกัน
กู่หนิงบอกลาพี่น้องตระกูลฉู่ และลงจากรถไปทันทีที่รถมาถึงเฟิ่งหัวแมนชั่น
หลังจากที่กู้หนิงจากไปแล้ว ก็เหลือเพียงคนขับรถ ฉู่ซวนเฟิงและน้องสาวของเขา ฉู่ซวนเฟิงจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“หาน พี่ไม่เคยเห็นเธอใกล้ชิดกับคนอื่นมาก่อน และยังเรียกกู้หนิงว่าบอสอีก”
“หนิงหนิงเก่งมาก! เธอล้มฉันได้แค่สิบกระบวนท่า” ฉู่เพ่ยหานพูดอย่างชื่นชมด้วยใจจริง และนับถือกู้หนิงเป็นอันมาก
ฉู่ซวนเฟิงเห็นด้วย แม้แต่เขาเองก็ชื่นชมในความสามารถที่โดดเด่นของกู้หนิง เขาจึงปล่อยเรื่องนี้ไป
เขายังมั่งใจอีกว่ากู้หนิงไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ ไม่อย่างนั้นฉู่เพ่ยหานคงแพ้ไปตั้งแต่กระบวนท่าที่สาม
“โอ๊ะ ทำไมพี่ไม่ลองประลองสู้กับกู้หนิงดูสักครั้ง? ฉันอยากรู้ว่าใครจะชนะ ฉันได้บอกกู้หนิงไปแล้วและเธอก็ตอบตกลง” ฉู่เพ่ยหานพูดด้วยความคาดหวัง เธออยากจะเห็นพละกำลังที่แท้จริงของกู้หนิงที่เธอยังไม่เคยเห็น
ฉู่ซวนเฟิงได้เห็นมันแล้วด้วยตาของเขาเอง! ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกเป็นกังวล ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงตอบตกลงโดยไม่ลังเล แต่ตอนนี้ เขาสูญเสียความมั่นใจไปแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะลองดูสักครั้ง หลังจากลังเลไปสองสามวิ เขาก็พูดว่า
“เยี่ยมเลย”
ในที่สุดกู้หนิงก็กลับมาถึงบ้าน ตอนนี้เวลาหกโมงเย็นกว่าๆ กู้ม่านได้ตระเตรียมอาหารรอไว้แล้วพร้อมด้วยครอบครัวกู้ชิง พวกเขากำลังรอเธอ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะพากันทำสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง กู้หนิงรู้สึกผิดปกติ เธอจึงถามออกไปด้วยความห่วงใยว่า
“แม่ ป้า มีเรื่องอะไรกันคะ?”
กู้ชิงเป็นคนตอบ “ลุงใหญ่ของหลานน่ะสิ ข้อเสนอของเขาถูกผู้อำนวยการลีปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงโทรมาถามว่าหลานอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้รึเปล่า เขายังกล้าวิจารณ์พวกเราว่าไม่ยอมช่วยเขา!”
กู้หนิงหงุดหงิดและก็อยากจะหัวเราะ “บ้าไปแล้ว! ตัวหนูจะไปมีผลต่อการตัดสินของผู้อำนวยการลีได้ยังไง? อีกอย่างทำไมหนูต้องช่วยด้วย? หนูไม่ได้หน้าไม่อายเหมือนลุงนี่!”
“ใช่! แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เชื่อไปแล้วว่าเป็นความผิดของหลาน ป้าล่ะโมโหเขาจริงๆ” กู้ชิงหมดความอยากอาหารขึ้นมาทันใด
“เอาเถอะค่ะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด แค่อย่าไปสนใจเขาก็พอแล้ว” กู้หนิงพุดปลอบใจพวกเขา จากนั้นเธอก็นึกอะไรออกมาได้ “โอ้ะ หนูลืมไปเลยว่าได้เตรียมเครื่องประดับที่ทำจากหยกไว้ให้ทุกคน สร้อยคอสี่เส้นสำหรับสาวๆ จี้ห้อยคอ ตุ้มหู ส่วนของลุงก็เป็นแหวน”
ตอนที่ 124: นักเรียนอันดับหนึ่ง
กู้หนิงพูดพลางปลดเป้ที่สะพายอยู่ที่หลังออก เธอยื่นเครื่องประดับที่ทำจากหยกฮกลกซิ่วให้พวกเขาเพื่อปลอบใจ
“ให้ฉันดูหน่อย ให้ฉันดูที!” กู้ชิงดีใจจนเนื้อเต้น
“โอ้ ของลุงก็มีด้วยเหรอเนี่ย?” เจียงซู่ประหลาดใจ
เขาไม่ได้สนใจเครื่องประดับ แต่มันมาจากกู้หนิง เขาจึงรับมันมาอย่างมีความสุข
“มีสลักตัวอักษรชื่อของพวกเราไว้ด้วย และสัญลักษณ์ราศีเกิดแต่ละคน” กู้หนิงกล่าว
“ว้าว สวยมาก!” กู้ชิงตื้นตันใจ
“ใช่ สวยมากจริงๆ!” กู้ม่านก็ปลาบปลื้มใจเช่นเดียวกัน
ผู้หญิงไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเครื่องประดับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องประดับที่ทำจากหยกหายาก
เจียงซินหยูยังเด็กและเครื่องประดับเหล่านี้ไม่เหมาะกับอายุของเธอ แต่เธอก็ดีใจที่ได้รับพวกมันเป็นของขวัญเหมือนทุกคน กู้ชิงช่วยเจียงซินหยูใส่สร้อยและตุ้มหู และจี้สร้อยคอ
หลังจากมื้อเย็น กู้หนิงก็กลับเข้าไปที่ห้องของเธอ เธอโทรหากวงเหยาและถามเขาถึงสถานการณ์ของบริษัทเจิ้งหัว
อ้ายกวงเหยาตอบกลับมาว่า “ผมได้บอกผู้ถือหุ้นแล้ว มีผู้ถือหุ้นเจ็ดคนนอกจากผม มีเพียงสามคนที่เต็มใจจะอยู่ต่อ ส่วนที่เหลือจะออกไป
“ดีค่ะ เงินทุนเตรียมไว้พร้อมแล้ว หนูจะไปที่บริษัทพรุ่งนี้บ่ายสองโมง พวกเราจะเซ็นสัญญากนที่นั่น”
“ได้ครับ” อ้ายกวงเหยาตอบ
วันต่อมา กู้หนิงก็วิ่งไปที่โรงเรียนเหมือนอย่างเคย ครั้งนี้เธอไม่ได้บังเอิญเจอกับเลิ่งเชาถิงหรือซู่จินเฉิน อันที่จริงจินเฉินและเลิ่งเชาถิงกำลังวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าอยู่ พวกเขาเห็นกู้หนิงแต่ไม่ได้เข้าไปทัก
“นี่ ทำไมนายต้องห้ามไม่ใช่เข้าไปทักเธอด้วยถ้านายไม่อยากไป?” ซู่จินเฉินจะเข้าไปทักกู้หนิง แต่ถูกเลิ่งเชาถิงหยุดเอาไว้
“นายว่างมากเหรอ?” เลิ่งเชาถิงถาม ซู่จินเฉินที่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ถ้านายว่างมาก ก็วิ่งอีกยี่สิบกิโลเมตร”
“อะไรนะ? ฉันไม่ได้บอกว่าฉัน…” ซู่จินเฉินเถียงกลับ แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยค เขาก็ได้รับสายตาเย็นชาจากเลิ่งเชาถิง เขาจึงหุบปากสนิททันที
ทำไมเลิ่งเชาถิงถึงต้องใจร้ายขนาดนี้ด้วย? เขาแค่อยากเข้าไปทักทายกู้หนิงก็เท่านั้นเอง ทำไมเขาต้องถูกลงโทษเพราะเรื่องนี้ด้วยล่ะ? เขาแค่อยากจะทดสอบเลิ่งเชาถิง สงสัยว่าเขาต้องอยู่ห่างจากหัวหน้าของเขาซะแล้ว
กู้หนิงและเพื่อนของเธอวิ่งกลับเข้าห้องเรียน พวกเขาพบกับกู้เซียวเซียวที่ชั้นสาม กู้เซียวเซียวกำลังรอกู้หนิงอยู่ กู้หนิงรู้ได้ทันทีว่าทำไมกู้เซียวเซียวถึงอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นกู้หนิง กู้เซียวเซียวก็ต่อว่าเธอด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้หนิง เธอไปพูดกับผู้อำนวยการลีให้ปฏิเสธข้อเสนอของพ่อฉันใช่ไหม?”
นักเรียนที่อยู่แถวนั้นก็รวมกลุ่มกันเข้ามาดูทันที
“กู้เซียวเซียว เธอคิดจริงๆเหรอว่าฉันสามารถทำแบบนั้นได้?” กู้หนิงเย้ยหยัน
“แกมันเด็กยากจน แน่นอนว่าแกทำไม่ได้” กู้เซีญวเซียวตอบโดยไม่ทันได้คิด
“ในเมื่อเธอไม่เชื่อว่าฉันมีความสามารถทำแบบนั้นได้ ทำไมเธอถึงยังคิดว่าฉันทำล่ะ?” กู้หนิงเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ฉัน…” กู้เซียวเซียวพลันตระหนักขึ้นได้ว่าเธอทำพลาดไปแล้ว
ถึงเธอจะไม่เชื่อว่ากู้หนิงสามารถทำแบบนั้นได้ เธอก็คิดไม่ออกว่าใครจะทำเรื่องแบบนี้ได้
กู้เซียวเซียวยังไม่ได้ทันได้พูดอะไรต่อ กู้หนิงก็พูดขึ้นมาอีกว่า “กู้เซียวเซียว ธุรกิจก็คือธุรกิจ ผู้อำนวยการลีย่อมเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทของเขา พ่อของเธอทำธุรกิจมานานหลายปี เขาจะไม่เข้าใจเรื่องนี้เลยเหรอ? ถ้าข้อเสนอของพ่อเธอถูกปฏิเสธ ก็เป็นเพราะว่าข้อเสนอของพ่อเธอยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ถ้าพ่อเธอเก่งกาจขนาดนั้น เขาคงมีเงินเป็นหลายร้อยล้านหยวน แทนที่จะเป็นไม่กี่สิบล้านหยวน”
“แก…” กู้เซียวเซียวโมโหกับคำพูดของกู้หนิง เธอรู้ว่ากู้หนิงพูดถูกแต่เธอไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน
“เธอรู้ว่าฉันพูดเรื่องจริง ถ้าพ่อของเธอไม่เข้าใจ บริษัทของเขาคงล้มละลายในอนาคต”
“กู้หนิง แกกล้าดียังไงถึงสาปแช่งครอบครัวของฉัน!” กู้เซียวเซียวโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“มันเป็นเรื่องจริงนี่ ยอมรับซะเถอะ”
“แก…” กู้เซียวเซียวโกรธจนหน้าแดง แต่ไม่รู้จะโต้กลับคืนอย่างไร
“อีกอย่าง อย่าได้โทษฉันทุกเรื่อง แค่เพราะฉันอยู่เงียบๆไม่ได้หมายความว่าฉันอ่อนแอ ถ้าฉันจะเอาคืน เธอรับผลที่ตามมาไม่ได้แน่ๆ” กู้หนิงเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจับขั้วหัวใจ จากนั้นก็บอกลาเพื่อนๆเข้าไปในห้องเรียนกับหยูหมิงซี
บรรดานักเรียนที่มุงดูต่างไม่ชอบใจกู้เซียวเซียว ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอโมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เธอยืนดูกู้หนิงเดินจากไปด้วยใบหน้าอาฆาต
กู้หนิง ฉันจะไม่ปล่อยให้แกหนีไปง่ายๆแน่ คอยดูละกัน!
คาบแรก อาจารย์ประจำชั้นประกาศผลสอบประจำเดือน
กู้หนิงได้คะแนนอันดับหนึ่งของนักเรียนชั้น ม.6 ยกเว้นภาษาจีนที่ถูกหักไปหนึ่งคะแนน นอกนั้นเธอได้คะแนนเต็มหมดซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นักเรียนทั้งชั้นต่างตกตะลึง ไม่มีใครเชื่อ
“อะไรนะ? กู้หนิงได้คะแนนเป็นอันหนึ่ง? วิชาภาษาจีนถูกหักไปแค่หนึ่งคะแนน ส่วนวิชาที่เหลือได้เต็มหมด? เป็นไปได้ยังไง? เธอเรียนแย่มาตลอดไม่ใช่เหรอ?” จ้าวเฟยเฟยเป็นคนแรกที่แสดงออกถึงความสงสัย
“ใช่ๆ ฉันเองก็ไม่เชื่อ เธอต้องโกงข้อสอบแน่!” อู่ฉินหยาพูดเสริมขึ้นมา
“ใช่ ฉันเห็นด้วย”
นักเรียนคนอื่นก็สงสัยด้วยเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะๆ” อาจารย์ประจำชั้นส่งเสียงหยุดพวกเขาไว้ก่อนเรื่องจะลุกลามไปใหญ่โต ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อเหมือนกัน แต่มันคือเรื่องจริง “เธอเป็นที่หนึ่ง และคะแนนห่างจากอันดับสองสามสิบหกคะแนน อีกอย่าง ครูทุกคนต่างพูดว่ากู้หนิงไม่ได้โกง ถ้าพวกเธอมีเวลามาตั้งคำถามสงสัยคนอื่น ทำไมไม่เอาเวลานั้นไปพัฒนาตัวเอง?”
นักเรียนหลายคนไม่พอใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา ข่ายี้ถูกประกาศให้รับทราบทุกห้อง หลายคนสงสัยโดยเฉพาะกู้เซียวเซียว ฉินเจิ้งและเพื่อนของเขา พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อ
นักเรียนสามคนที่อยู่อันดับท็อปมาตลอดก็รู้สึกไม่พอใจเช่นเดียวกัน
ปกติสามอันดับแรกพวกเขาจะผลัดกันได้อยู่แล้ว แต่อันดับหนึ่งกลับถูกแย่งไปโดยนักเรียนที่เรียนแย่มาโดยตลอดโดยไม่มีสาเหตุ มันยากที่จะให้พวกเขาเชื่อและยอมรับ
คอมเม้นต์