กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 127 – 128: ทำไมต้องแกล้งอ่อนแอ?, สนใจกู้หนิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ Reincarnation Of The Businesswoman At School ตอนที่ 127-128 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 127: ทำไมต้องแกล้งอ่อนแอ?

 

ถึงอย่างนั้นกู้หนิงก็ไม่ได้คิดว่าเลิ่งเชาถิงจะมีความรู้สึกพิเศษต่อเธอ เพราะเธอไม่เห็นความชื่นชอบในสายตาของเขา

 

ที่จริงแล้วเลิ่งเชาถิงยังไม่รู้ว่าความชื่นชอบคืออะไร เขารู้สึกแค่ว่าเขาเข้ากันได้กับเธอแม้ว่าเธอจะดูไม่ค่อยสง่างามในขณะที่เธอรับประทานอาหารก็ตาม

 

หลังจากได้รับคำแซวจากกู้หนิง เลิ่งเชาถิงก็หยุดจ้องเธอ กู้หนิงกินข้าวต่อโดยไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจแต่อย่างใด ถึงแม้เธอจะเป็นคนกินจุพอสมควร แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการอาหารบนโต๊ะได้ทั้งหมด เธอสั่งอาหารสำหรับสองคน แต่เลิ่งเชาถิงไม่แตะเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นอาหารกว่าครึ่งจึงเหลือทิ้งบนโต๊ะ

 

ถึงยังไงเลิ่งเชาถิงก็เป็นคนจ่ายอยู่ดี ดังนั้นกู้หนิงจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้

 

หลังจากทานอาหารเสร็จ กู้หนิงก็หยิบเอาปืนส่งคืนให้เลิ่งเชาถิง “มันเป็นของคุณแล้ว ต่อไปก็อย่าตามฉันอีก”

 

เลิ่งเชาถิงมองไปที่ปืน เขาไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับ กลับกันเขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่กู้หนิงบอกเขาว่าไม่ให้ตามเธออีกแล้ว อยู่ๆเขาก็ลังเลที่จะรับปืนกลับคืนมา

 

เกิดอะไรขึ้นกับเขา?

 

“ตกลงจะเอาคืนหรือไม่เอาคืน? ถ้าไม่เอาคืน ฉันชักจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าเลิ่งเชาถิงยังคงนั่งเงียบ กู้หนิงก็เริ่มหมดความอดทน เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

เขาเป็นคนมาตอแยเธอให้คืนปืนให้เขา แต่ตอนนี้กลับไม่รับมันคืนไป

 

“คุณชอบปืนจริงๆเหรอ?” เลิ่งเชาถิงถาม

 

“ก็ใช่น่ะสิ คุณจะให้ฉันหรือเปล่าถ้าฉันบอกว่าชอบ?” กู้หนิงถามไปอย่างนั้นเพราะเธอไม่เชื่อว่าเขาจะให้ปืนกับเธอ ถ้าเขาอยากให้ปืนอยู่กับเธอ เขาคงไม่พยายามมากมายขนาดนี้ที่จะเอามันคืนกลับไป

 

แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเขาถึงถามเธอแบบนี้ล่ะ?

 

เมื่อนึกได้ว่าเฉินเมิ่งไม่สามารถเอาชนะกู้หนิงได้ เลิ่งเชาถิงก็โพล่งขึ้นว่า “ผมจะให้โอกาสคุณ ถ้าคุณสามารถยืนหยัดสู้กับผมได้ถึงสิบนาที ผมจะยกปืนให้คุณ”

 

เลิ่งเชาถิงพูดอออกไปโดยไม่ทันได้คิด แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เสียกับคำพูดของเขา

 

อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ากู้หนิงคงไม่ใช้ปืนทำอะไรที่ผิดกฎหมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ยินดีที่จะเห็นเธอไม่มีความสุข

 

“อะไรนะ!?”

 

ได้ยินแบบนั้นกู้หนิงก็รู้สึกเป็นปริศนาแทนที่จะดีใจ

 

ยืนหยัดสู้กับเขาอย่างน้อยสิบนาทีเขาถึงจะให้ปืนกับเธอ? เขาเป็นคนบอกเธอเองไม่ใช่หรือว่าการมีปืนไว้ในครอบครองนั้นผิดกฎหมายสำหรับประชาชนทั่วไป ตอนนี้เขากลับบอกเธอว่าจะให้โอกาสเธอ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?

 

ยิ่งไปกว่านั้นกู้หนิงรู้ว่าเลิ่งเชาถิงเก่งกว่าเฉินเมิ่งมาก เธอไม่มั่นใจว่าจะต้านเขาไหวหรือเปล่า

 

แม้แต่กู้หนิงที่มีความคิดที่เฉียบแหลม ก็ยังไม่เข้าใจ

 

เลิ่งเชาถิงไม่พอใจที่เห็นปฏิกิริยาของกู้หนิง ไม่ใช่ว่าเธอต้องการปืนนี้มากหรอกเหรอ?

 

เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเลิ่งเชาถิง กู้หนิงก็ดึงสติกลับมาโดยไว ไม่ว่าเลิ่งเชาถิงจะหมายถึงอะไร แน่นอนว่าเธอต้องการปืน เธอจึงตอบอย่างไม่ลังเลว่า

 

“ได้สิ แล้วพวกเราจะไปสู้กันที่ไหนล่ะ?”

 

เลิ่งเชาถิงรู้สึกโล่งใจที่ได้รับคำตอบยืนยัน เขากล่าวว่า “เฟิ่งหัวแมนชั่น ห้องออกกำลังกายในโซน C”

 

จากนั้นกู้หนิงก็ตามเลิ่งเชาถิงออกไปที่เฟิ่งหัวแมนชั่น พวกเขาจอดรถไว้ที่ลานจอดรดชั้นใต้ดิน ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปห้องออกกำลังกายในโซน C

 

ซู่จินเฉินมีบัตรใช้บริการห้องออกกำลังนี้ และเลิ่งเชาถิงกับซู่จินเฉินก็มาออกกำลังกายที่นี่หลายครั้ง ดังนั้นผู้ดูแลที่นี่จึงรู้จักพวกเขาและตกลงให้เลิ่งเชาถิงยืมสถานที่นี้สิบนาที

 

ขณะนี้เป็นเวลากินข้าวเย็น ดังนั้นจึงไม่มีคนอยู่มาก ผู้ชายจำนวนหนึ่งที่กำลังออกกำลังกายก็หยุดหันมามองแวบหนึ่ง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเลิ่งเชาถิงกำลังจะสู้กับกู้หนิง

 

ผู้ชายรูปร่างสูงแข็งแรงเทียบกับวัยรุ่นสาวที่ผอมบาง ไม่มีใครเชื่อว่ากู้หนิงจะเอาชนะได้ พวกเขาคงแข่งขันกันเพื่อความสนุกสนาน

 

ทั้งสองพร้อมแล้ว และเกมการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น

 

ในตอนเริ่มเกมกู้หนิงไม่ได้ใช้พละกำลังเต็มที่ ส่วนเลิ่งเชาถิงก็ไม่อยากทำให้เธอบาดเจ็บ บรรดาผู้รับชมต่างก็เซอร์ไพรส์ที่กู้หนิงไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเขาคิด ตัดสินกันที่รูปร่างภายนอกไม่ได้จริงๆ

 

เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่เริ่มโจมตีอย่างหนัก แต่เห็นได้ชัดว่ากู้หนิงไม่สามารถเอาชนะ เลิ่งเชาถิงได้ ไม่ว่าเธอจะต่อยเตะหนักแค่ไหน เลิ่งเชาถิงก็ทำได้ดีกว่าเธอเสมอ

 

กู้หนิงไม่มีความกระหายที่จะเอาชนะเลิ่งเชาถิง เธอหวังเพียงว่าเธอจะยังยืนได้หลังจากผ่านไป 10 นาที ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกว่าเธอเริ่มหมดเรี่ยวแรง เธอก็ใช้พลังของเธอเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเลิ่งเชาถิงที่จะเอาชนะเธอ

 

เลิ่งเชาถิงประหลาดใจ กู้หนิงเก่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

 

เลิ่งเชาถิงไม่ต้องการที่จะเอาชนะกู้หนิงอยู่แล้ว เขาไม่ได้ใช้กำลังของเขาเต็มที่ เขาแค่คอยปัดป้องไม่ให้เธอเอาชนะ

 

กู้หนิงไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าเลิ่งเชาถิงกำลังทำอะไร แต่เธอสับสนว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น

 

เธออดคิดไม่ได้ว่าเลิ่งเชาถิงชอบเธอ เขาจึงแสร้งทำเป็นอ่อนแอ

 

สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว กู้หนิงไม่ได้แพ้ ดังนั้นปืนจึงตกเป็นของเธอ

 

เสียงปรบมือดังขึ้น ทุกคนมองไปที่เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงด้วยความชื่นชม

 

พวกเขาไม่รู้ว่าเลิ่งเชาถิงแกล้งทำเป็นอ่อนแอ และปล่อยให้กู้หนิงใช้ประโยชน์จากตรงนี้ พวกเขาสนุกกับการต่อสู้ของคนทั้งคู่ อย่างกับหนังแอคชั่นฮอลลีวูด! ทั้งคู่ต่างประชันหน้ากันต่อสู้ในขณะที่หนังส่วนใหญ่ใช้เอฟเฟคพิเศษช่วย

 

“ทำไมคุณต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอ?” กู้หนิงเดินเข้าไปหาเลิ่งเชาถิงแล้วเอ่ยถาม

 

เลิ่งเชาถิงชะงัก เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่พูดเตือนไปว่า “ถ้าผมพบว่าคุณใช้ปืนไปทำร้ายคนบริสุทธิ์ ผมจะมาเอาคืนมันด้วยตัวเอง”

 

พูดจบเลิ่งเชาถิงก็เลิกสนใจกู้หนิง เดินหนีไปอีกทาง

 

กู้หนิงรับรู้ว่าเขาประหม่า หรือว่าเขาจะชอบเธอจริงๆ? กู้หนิงไม่แน่ใจแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอก็ไม่ปฏิเสธ เธอคิดว่ามันน่าสนุกดี บางทีอาจเป็นเพราะเธอชอบหน้าตาหล่อเหลาของเขาก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะเธอมีความคิดที่ดีต่อทหารล่ะมั้ง

 

กู้หนิงไม่ได้กลับบ้านแต่กลับไปที่โรงเรียนแทน เธอขออาจารย์ออกมาแค่ช่วงบ่าย เมื่อเธอมาถึงก็เหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนที่คาบเรียนตอนเย็นจะเริ่มขึ้น กู้หนิงตรงไปที่ห้องอาจารย์ เธอมีจุดประสงค์จะไปแจ้งว่าเธอจะไม่เข้าเรียนช่วงเย็นนับจากนี้ไป

 

ในตอนแรกอาจารย์ไม่เห็นด้วย ไม่ส่งผลดีต่อการเรียนของกู้หนิง แต่กู้หนิงสัญญาว่าเธอจะตั้งใจเรียนให้หนัก ดังนั้นอาจารย์จึงยอมเธอในท้ายที่สุด

 

 

ตอนที่ 128: สนใจกู้หนิง

 

อาจารย์ยังบอกอีกว่า ถ้าเธอล้มเหลวในการเป็นที่หนึ่งในสิบหลังจากการทดสอบครั้งต่อไป เธอต้องเข้าชั้นเรียนตอนเย็น

 

กู้หนิงรับปาก ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเรียนของเธออีกแล้ว จากที่ไกลๆ กู้หนิงเห็นอ้ายยี่เดินไปเดินมาหน้าประตูห้องเรียนเธอ เธอรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อขอบคุณที่เธอช่วยเหลือเขา เขาคงยังไม่รู้เรื่องระหว่างเธอและพ่อของเขา

 

ทันทีที่อ้ายยี่เห็นกู้หนิง เขาก็สวมสีหน้าดีใจ “สวัสดีกู้หนิง”

 

“นายเป็นไงบ้าง?” กู้หนิงถาม

 

“ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว ฉันอยากจะขอบคุณเธอที่เธอช่วยฉัน แต่ตอนบ่ายเธอไม่อยู่ อืม เธอจะให้เกียรติมากินข้าวเที่ยงกับฉันพรุ่งนี้ได้ไหม? ฉันอยากจะขอบคุณเธอจริงๆ ได้โปรด”

 

แม้ว่าอ้ายยี่ต้องการขอบคุณกู้หนิงและเพื่อนของเธอเป็นหลัก แต่เขาก็อยากแสดงความรู้สึกที่มีต่อกู้หนิง

 

“ได้สิ!” กู้หนิงตอบ กู้หนิงและอ้ายกวงเหยาตอนนี้ทำงานด้วยกันแล้ว เธอจึงไม่ปฏิเสธอ้ายยี่เพราะเห็นแก่พ่อของเขา

 

อ้ายยี่ดีใจที่ได้รับคำตอบจากกู้หนิง “เยี่ยมไปเลย พรุ่งนี้ฉันจะมาหาเธอบ่าย”

 

จากนั้นทั้งคู่ก็บอกลาแยกย้ายกันเข้าห้องเรียน

 

เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่เห็นกู้หนิงคุยกับอ้ายยี่ พวกเขาต่างรู้ว่าอ้ายยี่กำลังไล่ตามจีบกู้หนิง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่จ้าวเฟยเฟยและเพื่อนของเธออิจฉากู้หนิง พวกเธอไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่ากู้หนิงซึ่งเป็นคนยากจน และถูกรังเกียจมาก่อนมาตอนนี้กลับได้รับความนิยมอย่างมาก

 

พวกเธอไม่รู้เบื้องหลังครอบครัวอ้ายยี่ ถ้ารู้ว่าบ้านเขารวย พวกเธอคงเกลียดกู้หนิงเข้ากระดูกดำ

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ธุรกิจของครอบครัวอ้ายยี่จะเปลี่ยนไป เพราะบริษัทของพ่อเขาตกมาเป็นบริษัทของกู้หนิง โชคดีที่อ้ายยี่ยังไม่รู้และมีคนไม่มากที่รู้เกี่ยวกับครอบครัวของเขา

 

นอกจากนี้ ธุรกิจของครอบครัวของก็เกือบล้มละลาย เขารู้ว่ามีคนซื้อบริษัทไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นอ้ายยี่จึงไม่คิดว่าตัวเองเป็นลูกคนรวยอีกแล้ว

 

กู้หนิงเดินเข้าไปในห้องเรียน เธอบอกหยูหมิงซีและเพื่อนคนอื่นในกลุ่มวีแชทว่าต่อจากนี้เธอจะไม่เข้าเรียนชั้นเรียนตอนเย็นอีกแล้ว

 

ฉู่เพ่ยหาน ฮ่าวหรัน ฉินซีหุนและจางเทียนปิงมาโรงเรียนทุกวันเพราะกู้หนิง แต่ในเมื่อกู้หนิงไม่เรียนตอนเย็น พวกเขาจึงทำแบบเดียวกับเธอ

 

มู่เค่อและหยูหมิงซีก็ยังเรียนตามปกติ

 

พวกเขาวางแฟนจะฝึกซ้อมกันในตอนบ่ายแทน

 

ส่วนเหตุผลที่กู้หนิงไม่เข้าเรียนตอนเย็น เธอตอบง่ายๆแค่ว่าเธอไม่อยากเรียนแค่นั้นเอง

 

ตั้งแต่ที่เธอเป็นนักเรียนอันดับหนึ่ง ก็ไม่มีใครว่าเรื่องที่เธอทำตัวตามสบายได้

 

เมื่อกู้หนิงกลับมาถึงบ้านในตอนค่ำ เธอก็บอกแม่ถึงผลคะแนนสอบประจำเดือนและการตัดสินใจของเธอ กู้ม่านดีใจที่ได้ยินแบบนั้น

 

พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกตัวเองเรียนเก่งและโดดเด่น ถึงแม้กู้ม่านจะไม่เคยวิจารณ์หรือต่อว่ากู้หนิงเรื่องผลการเรียน เธอก็อดดีใจไม่ได้ที่เห็นพัฒนาการที่ดีของลูกสาว

 

กู้ม่านเองก็สนับสนุนลูกสาวที่ไม่เข้าเรียนชั้นเรียนตอนเย็น ไม่ว่าลูกสาวเธอจะทำอะไร เธอเชื่อมั่นในตัวลูกสาว

 

เมื่อกู้เซียวเซียวกลับมาถึงบ้าน เธอบอกพ่อของเธอและคนอื่นๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเช้า กู้ฉินเซียงโมโหมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของกู้หนิงสมเหตุสมผล แต่เขาเกลียดที่กู้หนิงพูดมันออกมาต่อหน้าคนอื่น มันทำให้เขาอับอายขายหน้า

 

กู้ฉินเซียงไม่สนใจความจริงที่ว่ากู้เซียวเซียวเป็นคนไปหาเรื่องกู้หนิงก่อน

 

คนเห็นแก่ตัวก็มองเห็นแค่ความรู้สึกตัวเองและปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไม่ให้เกียรติ ทั้งครอบครัวกู้ฉินเซียงก็เริ่มด่าทอกู้หนิง ถ้ากู้ม่านรับสายพวกเขา พวกเขาคงโทรไปด่าเธอโดยตรงแล้ว อีกอย่างพวกเขาไม่รู้เบอร์โทรศัพท์กู้หนิง

 

ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้เลี้ยงดูหรือให้ความช่วยเหลือกู้หนิงแต่อย่างใด ดังนั้นพวกเขาไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะวิพากษ์วิจารณ์เธอได้

 

กู้เซียวเซียวไม่ได้พูดถึงเรื่องที่กู้หนิงเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งของชั้น เธอต้องการเป็นเด็กเรียนเก่งที่สุดในตระกูลกู้ และไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่

 

แม้ว่ากู้หนิงจะตัดขาดจากตระกูลกู้ แต่นามสกุลของพวกเธอก็ยังเป็น กู้ เหมือนกัน

 

วันต่อมา กู้หนิงออกจากโซน G และพบกับซู่จินเฉิน

 

“เฮ้ สวัสดี!” ซู่จินเฉินทักทายกู้หนิง

 

“สวัสดียามเช้าค่ะ!”

 

“เธอกำลังไปโรงเรียนเหรอ? โอ้ ฉันคิดถึงสมัยตอนเรียนจัง” ซู่จินเฉินรำพึงเมื่อเขาเห็นกู้หนิงอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนพร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลัง

 

“ฉันภาวนาให้ตัวเองเรียนจบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ฉันอยากเป็นอิสระ” กู้หนิงกล่าว

 

“ฮ่า ฮ่า ฉันเข้าใจๆ น่าเบื่อจะตายที่ต้องอยู่โรงเรียนทั้งวัน แต่เมื่อเธอเริ่มหางานและเก็บเงิน เธอจะเครียดจนต้องกลับไปคิดถึงวันเวลาที่อยู่โรงเรียน” ซู่จินเฉินกล่าว

 

มันเป็นเรื่องจริง คนส่วนมากเริ่มคิดถึงช่วงที่ตัวเองยังเรียนหนังสือเมื่อพวกเขาจากมาและพยายามหาเงินใช้ชีวิตในสังคม

 

คนที่รวยหรือมีอำนาจย่อมรู้สึกว่ามันสะดวกสบายและมีความสุข แต่สำหรับคนที่ต่ำลงมาหรือไม่มีอะไรย่อมรู้สึกกดดัน

 

“เห็นด้วยค่ะ แต่ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบเรียน ฉันก็ใช้โอกาสนี้สนุกกับชีวิตวัยเรียนของฉันให้มากที่สุด ฉันไม่อยากเสียใจในอนาคต” กู้หนิงกล่าว

 

จริงอยู่ที่เธอไม่ชอบเรียน เพราะมันค่อนข้างใช้เวลานานมาก แต่ในเมื่อเธอได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว เธอจึงต้องการใช้ชีวิตธรรมดา เธอไม่สามารถปล่อยให้ความเกลียดชังครอบงำเธอได้ ดังนั้นเธอจะแก้แค้นและใช้ชีวิตให้สนุกไปด้วย

 

กู้หนิงไม่ได้อยู่พูดคุยกับซู่จินเฉินนานนัก เพราะเธอต้องไปโรงเรียน

 

หลังจากที่กู้หนิงจากไปแล้ว เลิ่งเชาถิงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกด้าน เขาปรายตามองซู่จินเฉินแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา จู่ๆซู่จินเฉินก็รู้สึกประหม่า

 

เหตุใดเลิ่งเชาถิงไม่ห้ามให้เขาคุยกับกู้หนิง?

 

ซู่จินเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็ถามเลิ่งเชาถิงว่า “เชาถิง นายคิดยังไงกับกู้หนิงกันแน่?”

 

“อะไรนะ?”

 

“อืม นายคิดว่าเธอเหมาะที่จะเป็นแฟนที่ดีหรือเปล่า?” ซู่จินเฉินถามอีกครั้ง

 

“ฉันไม่รู้” เลิ่งเชาถิงตอบ เขาไม่รู้เพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์รักโรแมนติก

 

“โอ้” ซู่จินเฉินกระแอมในลำคอ จากนั้นถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เชาถิง ตอบฉันมาตามตรง ความสัมพันธ์ของนายกับเธอเป็นแบบไหนกันแน่?”

 

“ก็ไม่มีอะไร” เลิ่งเชาถิงตอบ

 

“จริงเหรอ? อย่าโกหกต่อหน้าฉัน ตอนนี้ฉันสนใจในตัวกู้หนิงแล้ว ถ้าไม่มีอะไรระหว่างพวกนาย ฉันจะตามจีบเธอ!” ซู่จินเฉินพูดด้วยความจริงใจที่สุดของเขา

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด