กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 141 – 142: ปาร์ตี้วันเกิดนายท่านตระกูลฉิน I II

อ่านนิยายจีนเรื่อง กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ Reincarnation Of The Businesswoman At School ตอนที่ 141-142 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 141: ปาร์ตี้วันเกิดนายท่านตระกูลฉิน I

 

“เร็วเข้า ฉู่เพ่ยหานโมโหแล้ว” กู้หนิงเร่งหยูหมิงซี

 

ถึงแม้หยูหมิงซีจะสนิทกับฉู่เพ่ยหานแล้วตอนนี้ แต่เธอยังกลัวเพื่อนสาวคนนี้อยู่ เธอรู้ว่าฉู่เพ่ยหานเป็นคนหัวร้อน ถ้าเธอยังมัวแต่ยืดยาดอืดอาด ฉู่เพ่ยหานคงโมโหขึ้นมาจริงๆ

 

ในที่สุดหยูหมิงซีจึงหยิบชุดตัวแรกที่เธอมองเอาไว้และเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองชุด

 

พวกเธอไม่ได้ซื้อแค่เสื้อผ้า แต่ยังซื้อรองเท้า กระเป๋า สร้อยคอและกำไล

 

ฉู่เพ่ยหานและกู้หนิงใช้เงินไปหลายหมื่นหยวนสำหรับเสื้อผ้าและเครื่องประดับ หยูหมิงซีไม่กล้าทำเหมือนพวกเธอ เธอจึงใช้เงินไปเพียงสองพันหยวน

 

พวกเธอเป็นเพียงเด็กนักเรียนใช้เงินหลักหมื่นหยวนถือว่าไม่มากเกินไป ถ้าพวกเธอเป็นคนมีชื่อเสียงหลายหมื่นหยวนคงไม่พอ

 

หยูหมิงซีคิดว่าชุดหนึ่งชุดเพียงพอแล้ว แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการซื้อเสื้อโค้ทขนสั้น รองเท้า กระเป๋า สร้อยข้อมือและสร้อยคอด้วย เธอพยายามปฏิเสธแต่เสียงของเธอคงดังไม่มากพอที่เพื่อนจะได้ยิน

 

วันต่อมา นายท่านตระกูลฉิน พ่อของฉินอี้ฟาน กำลังจะจัดงานวันเกิดของเขาในคืนนี้ ฉินซีหุนและคนอื่นๆ รวมตัวกันมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของตระกูลฉินหลังเลิกเรียนช่วงบ่าย

 

พวกเขามีทั้งหมดแปดคน ใช้รถสองคัน ฉินซีหุนกับฮ่าวหรันเป็นคนขับรถ

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะไปคฤหาสน์ตระกูลฉิน สาวๆจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำผมและแต่งหน้าก่อน

 

พวกเธอติดต่อร้านแต่งหน้าไว้แล้วเมื่อวานและฝากเสื้อผ้าไว้ที่นั่น

 

พวกเธอคิดว่าจะแต่งหน้าบางๆ และมีช่างแต่งหน้าสามคนช่วยกันจึงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ

 

งานเลี้ยงเริ่มสองทุ่ม ดังนั้นพวกเขายังมีเวลาเหลือเฟือ

 

ในระหว่างที่ฮ่าวหรันกับเด็กหนุ่มคนอื่นๆกำลังนั่งรอในรถ กู้หนิงและเด็กสาวอีกสองคนก็เดินตรงเข้ามา แวบแรกไม่มีใครจำพวกเธอได้ เด็กหนุ่มได้แต่ถกเถียงกันว่าใครกันที่มีรูปร่างดีขนาดนี้ แต่เมื่อพวกเธอเดินเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มจึงรู้ว่าเป็นใคร พวกเขาอ้าปากค้างตะลึง

 

กู้หนิง ฉู่เพ่ยหานและหยูหมิงซีเดิมทีก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว แต่พวกเธอมักสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนและไม่แต่งหน้า พวกเธอสวยแต่ไม่ได้สวยจนตะลึงแบบนี้

 

แต่ตอนนี้…

 

เริ่มจากหยูหมิงซี!

 

หยูหมิงซีสวมชุดเหมือนเจ้าหญิง ชุดของเธอสีชมพูกับลูกไม้รอบคอ เธอยังสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีชมพูแขนสั้นและกระโปรงดูเข้ากัน เธอเกล้าผมเป็นมวยมีโบว์สีชมพูติดที่ผม

 

รองเท้าของเธอเป็นรองเท้าสีขาวส้นหนาสูงห้าเซน

 

หยูหมิงซีดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เธอดูมีชีวิตชีวา

 

ฉู่เพ่ยหานสวมเดรสผ้าไหมสีทองแต่งเลื่อมคริสตัล เธอยังสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำตัวสั้น ผมของเธอม้วนเป็นลอนขนาดใหญ่ เธอดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

 

รองเท้าส้นสูงสีทองยิ่งส่งให้เธอดูสูงเพรียว เธอเหมือนราชินีผู้สูงศักด์

 

ส่วนกู้หนิงสวมชุดกี่เพ้า แขนเสื้อยาวสามในสี่ ชุดของเธอแต่งแต้มด้วยลวดลายสีน้ำเงินและสีขาวแซมประปราย เสื้อขนสัตว์และชุดเดรสของเธอเป็นสีเดียวกัน เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เสื้อคลุมก็สั้นเช่นกัน เธอคลายผมของเธอออกประดับผมเล็กน้อย

 

กู้หนิงใส่ต่างหูและสร้อยข้อมือที่ทำจากหยกฮกลกซิ่ว

 

เธอวางท่าเหมือนสาวสูงศักดิ์ที่มีการศึกษาจากตระกูลใหญ่ในสมัยโบราณ

 

ชุดของเธอไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ไม่มีใครสามารถมองข้ามรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเธอได้ และเมื่อคุณมองเห็นเธอ คุณจะไม่มีวันละสายตาไปจากเธอได้

 

ตอนนี้เป็นฤดูหนาวและอากาศข้างนอกก็เริ่มเย็น สาวๆจึงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์เพื่อให้ตัวเองอบอุ่น

 

“พวกนายคิดว่าไง?” เมื่อเห็นเพื่อนชายตื่นตะลึง ฉู่เพ่ยหานจึงหัวเราะด้วยความภูมิใจในตัวเอง

 

“พวกเธอดูดีมาก!”

 

“ไม่ใช่แค่สวยนะ แต่สวยจนตะลึงไปเลย!”

 

“ใช่ พวกเธอดูสวยมากหลังจากที่แต่งหน้า!”

 

เด็กหนุ่มต่างพากันพูดชม

 

ฉู่เพ่ยหานฉุนกึก เธอข้องใจกับคำพูดของฮ่าวหรัน “นายหมายความว่าไง? ถ้าไม่แต่งหน้าพวกเราก็ไม่สวยงั้นเหรอ?”

 

ฮ่าวหรันพลันตระหนักว่าเขาได้พูดผิดไป เขาจึงรีบอธิบายว่า “ฉันหมายความว่าพวกเธอแต่งหน้าสวยมาก”

 

“ก็แล้วไป” ฉู่เพ่ยหานเริ่มกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง

 

“เอาล่ะๆ ไปกันได้แล้ว ฉันไม่อยากเป็นลิงในสวนสัตว์ให้คนแถวนี้มองนะ” เธอเริ่มสังเกตเห็นคนที่อยู่ละแวกนั้นหันมามองพวกเธอ กู้หนิงรู้สึกอึดอัด

 

“ฉันไม่ใช่ลิง! ฉันเป็นคนสวย คนสวย!” ฉู่เพ่ยหานเถียง

 

หลังจากนั้นทุกคนก็พากันไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉิน

 

“หนิงหนิง ฉันรู้สึกประหม่า” นี่เป็นครั้งแรกของหยูหมิงซีที่มางานเลี้ยงหรูหราแบบนี้ ตอนนี้เธอตื่นเต้นจนหัวใจแทบกระโดดออกมาจากอก

 

“ใจเย็น ตอนเข้าไปเธอก็จับมือฉันไว้นะ”

 

คฤหาสน์ตระกูลฉินตั้งอยู่ในพื้นที่ระดับไฮเอนด์ในย่านชานเมืองที่มีที่ดินสีเขียวขนาดใหญ่ ดูเหมือนรีสอร์ทมากกว่าคฤหาสน์ เป็นคฤหาสน์สามชั้นขนาดสามร้อยตารางเมตร พร้อมสวนและสระว่ายน้ำ พื้นที่ทั้งหมดมีขนาดใหญ่ประมาณหกหรือเจ็ดร้อยตารางเมตร

 

ครอบครัวที่สามารถซื้อบ้านแบบนี้ได้ที่เมือง F ต้องร่ำรวยเป็นพิเศษ บ้านแต่ละหลังมีราคาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหลายสิบล้านหยวน

 

เมื่อกู้หนิงและเพื่อนมาถึง ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม แขกส่วนใหญ่เป็นประธานบริษัทใหญ่ๆหลายบริษัทและเจ้าหน้าที่สำคัญหลายคน พวกเขามากับครอบครัวตัวเอง

 

“บอส รอในรถแปบหนึ่งนะ ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วจะออกมาต้อนรับ” ฉินซีหุนกล่าว

 

“ได้สิ” กู้หนิงตอบ

 

ภายในห้องรับรอง มีแสงไฟ ดนตรีบรรเลงพร้อมแก้วแชมเปญ ทุกคนกำลังสนุกครื้นเครงและบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี

 

ในห้องมีเครื่องทำความร้อน ดังนั้นผู้หญิงจึงพากันถอดเสื้อคลุมเหลือเพียงชุดตัวใน พวกเธอต่างเอาเสื้อคลุมวางไว้ที่แขนหรือไม่ก็วางไว้ที่อื่น

 

ฉินอี้ฟานซึ่งอยู่ในชุดสูทสีเทากับเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายอียิปต์สีขาวและเน็คไทสีฟ้าอ่อนดูหล่อเหลาและสง่าผ่าเผย

 

เขาเตรียมตัวสำหรับคืนนี้เป็นอย่างดี เพื่อดึงดูดใจกู้หนิงและเอาชนะใจเธอ

 

ตอนที่ 142: ปาร์ตี้วันเกิดนายท่านตระกูลฉิน II

 

เขาจะสามารถดึงดูดสายตาและเอาชนะใจเธอได้หรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่รู้ๆคือมีหญิงสาวจากครอบครัวเศรษฐีมากมายในห้องรับรองชอบเขา พวกเธออยากจะเดินเข้ามาคุยกับเขาแต่ติดตรงที่เขากำลังสนทนากับลี่เจินหยูและลี่เจินเจิน

 

ลี่เจินหยูใส่สูทเช่นกัน มีคนให้ความสนใจเขาไม่น้อยไปกว่าฉินอี้ฟาน แต่เมื่ออยู่กับฉินอี้ฟานเขาจึงดูน่าสนใจน้อยกว่าไปหนึ่งส่วน

 

ลี่เจินเจินสวมเดรสยาวสีม่วงพร้อมด้วยชุดเครื่องประดับจากหยกไฮบิซคัซ

 

อย่างไรก็ตามวันนี้มีสาวสูงศักดิ์มากมายที่นี่ และหลายคนสวยกว่าเธอและมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยกว่า ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โดดเด่น ถ้าเธอไม่ได้อยู่กับฉินอี้ฟานเธอคงไม่ได้รับความสนใจมากมายนัก

 

ด้านนอก หลังจากผ่านไปราวๆยี่สิบนาที ฉินซีหุนและเด็กหนุ่มคนอื่นก็กลับมา พวกเขาสวมสูทสีดำ ดูหล่อเหลา ทั้งยังอ่อนวัยและเต็มไปด้วยพลัง เมื่อพวกเขาปรากฏตัวก็มีดวงตาหลายคู่จับจ้องมาที่พวกเขา โดยเฉพาะเด็กสาว แต่ละคนดูตื่นเต้น

 

“บอส ทำไมเธอถึงเอาเป้มาด้วยล่ะ?” ฉู่เพ่ยหานสังเกตเห็นเป้ในมือกู้หนิงเมื่อพวกเธอออกมาจากรถ

 

“ฉันเอาของขวัญพวกเราไว้ข้างใน” กู้หนิงตอบ

 

ความจริงแล้วแก้วน้ำหัวกวางจากยุคราชวงศ์เฉียงหลงยังอยู่ในห้องเก็บของพื้นที่กระแสจิตของเธอ มีของบางอย่างอยู่ในเป้ กู้หนิงใช้มันเพื่อปกปิด

 

ได้ยินแบบนั้นฉู่เพ่ยหานก็เพิ่งตระหนักว่าพวกเธอควรมีของขวัญติดมือมาด้วย เธอลืมไปเสียสนิท ส่วนเด็กหนุ่มก็ประหลาดใจเหมือนกัน

 

“บอส เธอเตรียมของขวัญมาด้วยเหรอ?” ฉินซีหุนรู้สึกอาย เขาเป็นคนเชิญกู้หนิงเพื่อให้มาสนุกด้วยกัน และอันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องเตรียมของขวัญมาด้วย แต่กู้หนิงกลับเตรียมของขวัญมาด้วยตัวเอง

 

“ฉันมาร่วมงานวันเกิด แน่นอนว่าต้องเตรียมของขวัญมาด้วยสิ นี่เป็นของขวัญจากพวกเราสาวๆทั้งสามคน ไม่ใช่ของแพงอะไรหรอก ใจเย็นน่า” กู้หนิงกล่าว เธอเข้าใจฉินซีหุนว่าคงรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้เธอต้องลำบาก ดังนั้นเธอจึงจงใจบอกว่าไม่ใช่ของแพงอะไรเพื่อทำให้เขาสบายใจ

 

ไหนๆกู้หนิงก็เตรียมของขวัญมาแล้ว ฉินซีหุนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก

 

“พวกเราไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย!” ฮ่าวหรันคลึงขมับ

 

“ใช่ ฉันรู้สึกแย่จัง” จางเทียนปิงพูด

 

“พวกเรากลับไปเตรียมของขวัญแล้วค่อยกลับมาไหม?” มู่เค่อเสนอ

 

“ฉันก็คิดแบบเดียวกับนาย” อ้ายยี่กล่าว

 

“ได้โปรด…” ฉินซีหุนไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

 

“เอ่อ คงไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้แล้วแหละ เอาเป็นว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นตัวแทนจากพวกเราทั้งหมดนี่ละกัน พวกเราเป็นแค่เด็กนักเรียน ของขวัญชิ้นเดียวก็พอแล้ว” กู้หนิงกล่าว เธอไม่สนใจว่าจะต้องแบ่งปันของขวัญกับเพื่อนของเธอ อีกย่างเธอไม่ต้องการให้ตัวเองโดดเด่นอยู่คนเดียว

 

“มันไม่เหมาะน่ะสิ!”

 

“และพวกเราก็ไม่ได้ออกเงินด้วย” เด็กหนุ่มกล่าว

 

“ฉันเป็นหัวหน้า และฉินคิดว่านี่เหมาะสมแล้ว” กู้หนิงยืนยันคำพูดเดิม ตอนนี้ไม่มีใครกล้าโต้แย้งเธอ กู้หนิงส่งกระเปาเป้ให้ฮ่าวหรัน จากนั้นทุกคนจึงเดินเข้าไปพร้อมกัน

 

ฉินซีหุนและฮ่าวหรันเดินนำหน้า ตามมาด้วยฉู่เพ่ยหาน กู้หนิง หยูหมิงซี มู่เค่อ จางเทียนปิงและอ้ายยี่ คนที่ไม่รู้จักพวกเขาคงคิดว่าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ดของสามสาว

 

ทุกคนแต่งตัวเพื่อมางานเลี้ยง ดังนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาจึงไม่ได้โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น แต่เมื่อพวกเขาปรากฎกาย ผู้คนที่อยู่ในงานไม่สามารถละสายตาจากพวกเขาได้ และเมื่อสายตาเลื่อนมาที่กู้หนิงและเด็กสาวอีกสองคน ประกายตาพวกเขาพลันสว่างวาบ

 

ฉู่เพ่ยหานและกู้หนิงเป็นคนสวยชนิดที่หาตัวจับยาก บวกกับบรรยากาศรอบๆตัวพวกเธอที่ส่งออกมา หยูหมิงซีเป็นคนสวยเช่นกันแต่ออกไปในทางน่ารัก บรรดาผู้ชายทั้งหลายจึงพุ่งความสนใจไปที่กู้หนิงและฉู่เพ่ยหานมากกว่า

 

เมื่อพวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในห้อง เด็กสาวก็ถอดเสื้อคลุมออกและส่งให้เด็กหนุ่ม

 

นาทีที่พวกเขาปรากฏตัวที่ห้องรับรอง ดวงตาหลายคู่ก็จับจ้องมาที่พวกเขา ผู้ชายหลายคนมองเด็กสาวอย่างพึงพอใจ ในขณะที่ผู้หญิงมองมาอย่างอิจฉาตาร้อน

 

ฉินอี้ฟานเองก็สังเกตเห็นกู้หนิงด้วยเช่นกัน หัวใจของเขาอ่อนยวบ ไม่นานเขาก็รีบดึงสติตัวเองกลับมา ขาสองข้างพาเขาเดินเข้าไปหาโดยไม่รอช้า เขาลืมแม้กระทั่งขอตัวผละออกมาจากลี่เจินหยูและลี่เจินเจิน

 

เมื่อเห็นกู้หนิง ลี่เจินเจินตกตะลึงกับความสวยของกู้หนิง เธออิจฉากู้หนิงโดยเฉพาะฉินอี้ฟานทิ้งเธอไปหากู้หนิง

 

“เจินเจิน ใจเย็น” แม้ว่าลี่เจินหยูจะไม่พอใจเช่นกัน เขารู้ว่าไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะไปทำให้กู้หนิงรำคาญตอนนี้

 

ลี่เจินเจินบังคับตัวเองให้สงบจิตสงบใจ

 

กู้หนิงไม่พลาดที่จะมองลี่เจินเจิน เธอส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย ลี่เจินเจินพลันหันหน้าหนีไปอีกทาง

 

“ยินดีต้อนรับ!” ฉินอี้ฟานทักทายพวกเขาแต่ดวงตาเอาแต่มองกู้หนิง เขาอยากรู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไงที่เห็นเขา

 

ดูเหมือนว่าเขาจะผิดหวังเพราะกู้หนิงดูเฉยๆไม่ได้ตื่นเต้นดีใจ เธอทักทายเขาด้วยมารยาทอย่างเช่นทุกที

 

“ยินดีที่ได้เจออีกครั้งค่ะ คุณฉิน”

 

“สวัสดีครับพี่อี้ฟาน!”

 

“ดีใจที่เจอพวกนายนะ!”

 

แม้ว่าฉินอี้ฟานจะผิดหวังเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา “มาเถอะ ตามฉันมา งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม”

 

พวกเขาเดินไปที่โซฟาข้างๆ แขกส่วนใหญ่กำลังเดินไปรอบๆ พูดคุยกันและสร้างเครือข่าย มีคนนั่งน้อยมาก นอกจากนี้ยังมีที่นั่งไม่เพียงพอสำหรับคนจำนวนมาก

 

“กู้หนิง?” ในขณะนั้นเองก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น

 

ยังไม่ทันได้เห็นเจ้าของเสียง กู้หนิงก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

 

กู้หนิงหยุดเดินและหันไปมองตามเสียงเรียก เป็นอ้ายเฉียนจริงๆด้วย เธอสวมชุดเดรสคว้านคอลึกตัววีสีน้ำเงินสดใส สีน้ำเงินช่วยขับผิวขาวของเธอให้ดูสว่างมากยิ่งขึ้น เธอสวมสร้อยเพชร กำไลและต่างหูเพชร ผมของเธอเกล้าเป็นมวยสูง ดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์

 

ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอคือเล่อเจิ้งหยู เขาสวมสูทสีน้ำเงิน สูทของเขาเข้ากันกับชุดเดรสของอ้ายเฉียนอย่างพอเหมาะพอดี

 

เล่อเจิ้งหยูเป็นชายหนุ่มรูปหล่อเหมือนฉินอี้ฟาน แต่เมื่อเทียบกันแล้วดูเหมือนว่าเล่อเจิ้งหยูจะสุขุมนุ่มลึกกว่า ความจริงแล้วเขาค่อนข้างดึงดูดสายตาผู้หญิงในงานมากมาย แต่อ้ายเฉียนยืนอยู่ข้างเขา และพวกเขาก็ดูสนิทสนมกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดจังหวะพวกเขาสองคน

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด