กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 165 – 166: ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย ถ้าฉันจะมีความรัก, แค่ทำตัวสุภาพ
Chapter 165 ไม่ใช่ธุระอะไรของนาย ถ้าฉันจะมีความรัก
ไม่นานพวกฮ่าวหรันก็มาถึงพร้อมกับของบำรุงมากมาย ซึ่งทำให้หยูหมิงซีและพ่อของเธอตกใจ
หยูหมิงซีพอรู้อยู่แล้ว เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นพยานเมื่อพวกเขามาเยี่ยมกู้ม่าน แต่พ่อของเธอไม่เคยเห็นของฝากมากมายขนาดนี้มาก่อน
ทำไมเพื่อนของหมิงซีถึงมีแต่คนรวยๆ? พ่อของหยูหมิงซีค่อนข้างกังวล เขากลัวว่าลูกสาวของเขาจะคบเพื่อนเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความกังวลออกมา เขาขอบคุณเด็กหนุ่มสำหรับน้ำใจ
ยี่สิบนาทีต่อมา แสงไฟจากห้องผ่าตัดดับลงซึ่งหมายความว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว
ประตูถูกเปิดออกและหมอก้าวเท้าเดินออกมา “คุณหมอครับ ภรรยาผมเป็นไงบ้าง?”
“คุณหมอคะ แม่หนูเป็นไงบ้างคะ?”
หยูหมิงซีและพ่อของเธอถามด้วยความร้อนรน
“การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี เธอจะตื่นขึ้นเมื่อยาสลบหมดฤทธิ์” หมอตอบ
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก
จากนั้นบุรุษพยาบาลเข็นผู้ป่วยกลับเข้าไปยังห้องผู้ป่วยเพื่อพักฟื้น
เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วย กู้หนิงบอกฮ่าวหรันและฉินซีหุนให้ช่วยไปซื้ออาหารมาให้หยูหมิงซีและพ่อของเธอ พ่อของหยูหมิงซีบอกพวกเขาว่าไม่ต้อง เขาไม่อยากรบกวน เขาคิดว่าจะให้หยูหมิงซีชวนพวกเขามากินข้าวด้วยกันเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่กู้หนิงปฏิเสธ
กู้หนิงบอกให้พ่อหยูหมิงซีดูแลเอาใจใส่แม่หยูหมิงซีให้ดี ไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่น สำหรับตอนนี้แม่ของหยูหมิงซีคือคนที่ควรได้รับการดูแลมากที่สุด
พ่อของหยูหมิงซีจึงยอมฟังกู้หนิง
ส่วนฮ่าวหรันและฉินซีหุนออกไปซื้ออาหารตามคำสั่งกู้หนิง
ในขณะเดียวกันนั้น กู้หนิงเดินไปที่ข้างเตียงแม่ของหยูหมิงซี เธอใช้ตาทิพย์ตรวจสอบสภาพร่างกาย
กู้หนิงได้ดูดซับพลังจำนวนมาก และเธอสามารถรักษาร่างกายมนุษย์ได้ในระดับหนึ่งด้วยพลังของเธอ แต่สำหรับการบาดเจ็บที่รุนแรง พลังของเธอยังไม่เพียงพอ
เนื้องอกถูกผ่าออกไปจากสมองของแม่หยูหมิงซีแล้ว มีเพียงบาดแผลจากการถูกผ่าตัดเท่านั้น กู้หนิงใช้พลังเพื่อเข้าช่วย หมอกสีขาวก่อตัวขึ้น คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น
การทำเช่นนั้นไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก กู้หนิงจึงตรวจร่างกายแม่ของหยูหมิงซีต่อไปเพื่อดูว่าเธอสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง เธอเต็มใจที่จะทำเพื่อเพื่อนของเธออยู่แล้ว
กู้หนิงพบว่าที่ท้องของแม่หยูหมิงซีมีหนอง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธออ่อนแอและป่วยมาหลายปี!
กู้หนิงใช้พลังของเธอรักษาท้องที่เสียหายทันที ครั้งนี้เธอใช้พลังมากไปหน่อยจึงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย โชคดีที่ยังมีพลังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธอทำอะไร เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เด็กหนุ่มสองคนก็กลับมาพร้อมกับอาหาร กู้หนิงและคนที่เหลืออยู่ที่โรงพยาบาลสักพักก็ขอตัวกลับ
อันที่จริงวันนี้กู้หนิงวางแผนจะออกล่าสมบัติที่ภูเขาหยุนไท่ แต่วันนี้คงไปไม่ได้แล้ว เธอเลยล้มเลิกแผนนี้ไปก่อน
เมื่อกู้หนิงและเพื่อนๆกลับไปแล้ว หยูหมิงซีเล่าให้พ่อฟังถึงเรื่องที่กู้หนิงพูดกับเธอ เธอไม่ต้องการให้พ่อเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของแม่และเงิน
พ่อของหยูหมิงซีตกตะลึงเมื่อฟังคำบอกเล่าของลูกสาว กู้หนิงสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย!
แม้ว่ากู้หนิงจะทำเช่นนั้น เขาก็ยังรู้สึกเหมือนต้องทำอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตามครอบครัวของเขายากจนเกินไปที่จะจ่ายเงินคืน ดังนั้นพ่อของหยูหมิงซีจึงทำได้เพียงเตือนให้ลูกสาวตั้งใจเรียนเพื่อที่เธอจะได้ช่วยเหลือกู้หนิงในอนาคต เพราะกู้หนิงถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตแม่ของเธอเอาไว้
ถ้ากู้หนิงไม่มาช่วย แม่ของหยูหมิงซีทำได้แค่รอความตายเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นกู้หนิงเห็นเลิ่งเชาถิงในชุดสูทสีดำยืนรอเธออยู่ไม่ไกล ขณะที่เธอเพิ่งออกจากโซน G
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเลิ่งเชาถิง ทำให้กู้หนิงประหลาดใจ แต่ก็ทำให้เธอตื่นเต้นในขณะเดียวกัน
ทำไมเขามาอยู่ที่นี่? เขามาทำอะไรที่นี่? มารอฉันหรอ? ทำไมเขาต้องมาหาฉันด้วย? คำถามผุดขึ้นมาในความคิดกู้หนิง ฉับพลันเธอเพิ่งนึกได้ว่าโกรธเขาอยู่
ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเขาที่เดินตรงเข้ามาหา
เลิ่งเชาถิงหงุดหงิดและประหม่า เขารั้งเธอไว้ “รอเดี๋ยว”
กู้หนิงอยากจะเดินต่อไป แต่สุดท้ายก็หยุดเดิน “มีอะไร?”
“ฉันคิดว่าตอนนี้เธอยังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก ควรตั้งใจเรียนให้มากเข้าไว้” เลิ่งเชาถิงกล่าว เขากระวนกระวาย
อะไรนะ? กู้หนิงอารมณ์เสีย เขามาเพื่อเตือนเธอให้อยู่ห่างจากความสัมพันธ์โรแมนติกเพียงเพราะเธอยังเด็ก? เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?
กู้หนิงหมุนตัวกลับไปและพูดเสียงดังใส่เขาว่า “ไม่ใช่ธุระอะไรของนายถ้าฉันจะมีความรัก! นายคิดว่านายเป็นใคร? สนใจเรื่องตัวเองก่อนดีกว่าไหม! ฉันได้ยินมาว่านายไม่เคยมีแฟนเลย นายเป็นเกย์หรือเป็นอะไร?”
พูดจบ กู้หนิงก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว
เลิ่งเชาถิงยืนอึ้ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกู้หนิงถึงโมโห เขาทำแบบนี้ก็เพราะมันดีสำหรับตัวเธอ! เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถเดินเข้ามาในหัวใจของเขาได้ และเขาไม่ได้เป็นเกย์
กู้หนิงเข้าใจผิดไปแล้ว เลิ่งเชาถิงจึงเดินตามเธอจากด้านหลัง “ฉันไม่ใช่เกย์”
“ฉันไม่สน” กู้หนิงตอบด้วยความโมโห
“ฉันไม่ใช่เกย์จริงๆนะ” เลิ่งเชาถิงพยายามอธิบาย
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่สน….” กู้หนิงพูด เธอหยุดเดินกระทันโดยไม่ทันคิดว่าเลิ่งเชาถิงอยู่ข้างหลังเธอ เขาจึงชนเธอจากด้านหลังโดยไม่ตั้งใจ
“อ๊า!” กู้หนิงเสียหลักกำลังจะล้มไปข้างหน้า
ด้วยปฏิกิริยาที่ฉับไวของเลิ่งเชาถิง เขาคว้าเอวเธอและหมุนตัวเธอกลับมา ร่างของกู้หนิงกระทบเข้ากับอกอันล่ำสันของเลิ่งเชาถิง และเธอสัมผัสส่วนอ่อนไหวของผู้ชายคนนี้โดยบังเอิญ มันตื่นตัวทันที!
ทั้งคู่หน้าเปลี่ยนสี
ถึงแม้ชาติที่แล้วกู้หนิงจะคบกับฉีซีหยูมาสี่ปี แต่พวกเขาไม่เคยนอนด้วยกัน ดังนั้นกู้หนิงยังบริสุทธิ์
ส่วนเลิ่งเชาถิง เขาก็บริสุทธิ์เหมือนกับเธอเช่นกัน
Chapter 166 แค่ทำตัวสุภาพ
เลิ่งเชาถิงตื่นตัว เขารู้สึกถึงความต้องการของตัวเอง เขาต้องรีบกลับไปอาบน้ำเย็นเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ทันที!
ก่อนที่กู้หนิงจะนึกอะไรได้ เลิ่งเชาถิงก็ปล่อยตัวเธอและเดินหนี ไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้วว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่ได้เป็น เพราะปฏิกิริยาช่วงล่างของเขาพิสูจน์ทุกอย่างแล้ว
ในขณะเดียวกัน กู้หนิงก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เพิ่งเกิดอะไรขึ้น เธอวิ่งออกจากเฟิ่งหัวแมนชั่นไปโรงเรียนด้วยความรีบร้อน หัวใจเธอแทบกระโดดออกจากอก เธอรู้สึกอายและตำหนิเลิ่งเชาถิงในใจ ถ้าเขาไม่ชนเธอก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ความผิดของเลิ่งเชาถิงซะทีเดียว ถ้าเธอไม่หยุดเดินกะทันหัน เขาก็คงไม่ชนเธอ เขาเองก็คงไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน
เมื่อกู้หนิงมาถึงโรงเรียน เธอสงบจิตใจลงได้แล้ว เธอเดินไปที่สนามฟุตบอล หยูหมิงซีอยู่ที่นี่ด้วย กู้หนิงถามว่า “หมิงซี แม่เธอฟื้นรึยัง?”
หยูหมิงซีหน้าซีดเล็กน้อย แต่ยิ้มตอบว่า “แม่ฟื้นตอนเกือบเที่ยงคืน หมอบอกว่าแม่ฟื้นตัวดีมาก หนึ่งอาทิตย์ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ” กู้หนิงกล่าว
“หนิงหนิง ฉันบอกพ่อแล้วนะถึงเรื่องที่พวกเราคุยกัน พ่อของฉันสนับสนุนและบอกให้ฉันตั้งใจเรียนเพื่อมาช่วยงานเธอในอนาคต” หยูหมิงซีกล่าว
“เยี่ยม อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” กู้หนิงให้กำลังใจเธอ
“ไม่ผิดหวังแน่นอน!” ขณะนี้หยูหมิงซีเปี่ยมไปด้วยความหวัง เธอสัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่ทำให้กู้หนิงต้องผิดหวัง
“พวกเธอคุยอะไรกัน?” ฉู่เพ่ยหานที่ยืนอยู่ไม่ไกลสังเกตว่าพวกเธอกำลังคุยอะไรบางอย่างอยู่ แต่เธอได้ยินไม่ถนัด เธอจึงเดินเข้ามาถาม
“เรากำลังคุยกันว่าวันเกิดของใครบางคนใกล้เข้ามาแล้ว เราควรให้ของขวัญอะไรดี” กู้หนิงแสร้งทำเป็นกำลังคิด เธอต้องการเก็บเป็นความลับระหว่างเธอกับหยูหมิงซี
“วันเกิดใครบางคน? ใครหรอ?” ฉูเพ่ยหานตื่นเต้นขึ้นมา วันเกิดหมายถึงจะมีงานปาร์ตี้
“วันเกิดใครหรอ?” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาถามด้วยความสนใจ ถ้าเป็นวันเกิดเพื่อนของพวกเขา ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว
กู้หนิงกรอกตา มองฉู่เพ่ยหาน “คำตอบก็เห็นชัดอยู่แล้ว!”
ฉู่เพ่ยหานรู้สึกมึนงง ก่อนที่เธอจะรู้ว่าวันเกิดของเธอห่างออกไปเพียงครึ่งเดือน
ไอหยา เธอลืมวันเกิดตัวเอง! ฉู่เพ่ยหานขัดเขิน แต่วินาทีต่อมาเธอก็รู้สึกตื่นเต้น “ฮ่า ฮ่า วันเกิดฉันเอง! ลืมไปได้ไงเนี่ย! บอส เธอรู้ได้ยังไง? ฉันว่าฉันไม่ได้บอกเธอนะ” ฉู่เพ่ยหานสงสัย
“เธอไม่ได้บอก แต่ฉันเห็น ตอนที่พวกเราลงทะเบียนครั้งก่อนฉันเห็นบัตรประชาชนเธอ” กู้หนิงตอบ
“อะไรนะ?”
ได้ยินแบบนั้นไม่เพียงฉู่เพ่ยหาน เพื่อนคนอื่นตกใจเช่นกัน กู้หนิงมีความจำดีมาก!
อย่างไรก็ตามในสายตาของเพื่อนๆ กู้หนิงเปรียบเสมือนเทพธิดา ดังนั้นพวกเขาจึงเจอกับเรื่องเซอร์ไพรส์แบบนี้ค่อนข้างบ่อย
“บอส เธอนี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ! เอาล่ะ ฉันขอเชิญทุกคนมาร่วมทานอาหารสุดหรูและงานเลี้ยงสุดเริ่ด! ส่วนของขวัญ ช่างมันเถอะ” ฉู่เพ่ยหานกล่าวยิ้มแก้มแทบปริ
“ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะให้ของขวัญเธออะไรดี แต่เมื่อเธอพูดแบบนั้น ฉันก็โอเคนะ ประหยัดเงินได้ตั้งเยอะ” กู้หนิงตอบ
ได้ยินคำตอบของกู้หนิง ฉู่เพ่ยหานก็เย็นต่อไปไม่ไหว “บอส ฉันก็พูดไปงั้นเอง เธออย่างคิดจริงจังสิ!”
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกัน
เฟิ่งหัวแมนชั่น เลิ่งเชาถิงนั่งบนโซฟากำลังใช้ความคิดครุ่น หลังจากอาบน้ำเย็นในบ้านซู่จินเฉิน
เนื่องจากการตอบสนองทางสรีระที่ไม่คาดคิดของเขา ความรู้สึกของเขาที่มีต่อกู้หนิงค่อนข้างชัดเจนมากขึ้น เขาไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าเขาตกหลุมรักกู้หนิงจริงหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่าตอนนั้นเขารู้สึกผิดหวังที่เห็นเธอไม่มีความสุข เขาจึงปล่อยให้เธอเก็บปืนไว้ซึ่งผิดกฎหมาย
ซู่จินเฉินเคยบอกเขาว่าจะตามจีบกู้หนิง เลิ่งเชาถิงไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงจงใจบังคับให้ซู่จินเฉินไปทำภารกิจร่วมกับเขาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาสองคนใกล้ชิดกัน
เมื่อกู้หนิงบอกเขาว่าเธออาจจะชอบเขา หัวใจของเขาเต้นเร็วรัวและนอนไม่หลับทั้งคืน แต่เมื่อกู้หนิงบอกว่ามีคนบอกชอบเธอและขอเธอเป็นแฟน เลิ่งเชาถิงรู้สึกอึดอัดคล้ายหายใจไม่ออก เขาต้องห้ามเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาบินกลับมาเมือง F ทันที
เมื่อคิดถึงเธอ เขารู้สึกผ่อนคลายและอ่อนหวานอย่างไม่มีเหตุผล บางทีเขาอาจตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
เสียงเรียกเข้ากะทันหันขัดจังหวะความคิดของเลิ่งเชาถิง เขาหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ยังรับสาย
ปลายสายคือซู่จินเฉิน เลิ่งเชาถิงกดรับ ซู่จินเฉินอ้าปากพูดขึ้นทันที “บอส ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“มีอะไร?” เลิ่งดชาถิงถาม
“ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้สึกไม่รู้จะทำอะไร และอยากบอกนายว่าฉันกำลังจะหาผู้หญิงที่ฉันชอบ ฉันเกลียดที่ต้องไปนัดบอดที่ครอบครัวเป็นคนนัดให้” ซู่จินเฉินบ่น
ผู้หญิงที่เขาชอบ?
ทันใดนั้นเลิ่งเชาถิงก็นึกขึ้นได้ว่า ซู่เจินเฉินบอกว่าจะตามจีบกู้หนิง เลิ่งเชาถิงจึงคิดว่าซู่จินเฉินจะมาหากู้หนิง ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นด้วย “นายทำอย่างนั้นไม่ได้!”
“อะไรนะ? ทำไมไม่ได้?” ซู่จินเฉินตะลึงไปชั่วครู่ “นายรอฉันอยู่ที่นั่นจนกว่าฉันจะกลับไป” เลิ่งเชาถิงสั่ง
“งั้นนายจะกลับมาเมื่อไหร่?” ซู่จินเฉินถามกลับ
“เร็วๆนี้” คำว่าเร็วๆนี้ขึ้นอยู่กับเลิ่งเชาถิงคนเดียว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซู่จินเฉินถูกหัวหน้าตัวเองหลอก
ตอนบ่าย โจวเจิ้งหงส่งรูปภาพให้กู้หนิงดูทางข้อความ เป็นรูปโฆษณาร้านขายเครื่องประดับของเธอ โจวเจิ้งหงถามความคิดเห็นของกู้หนิง ถ้ายังไม่ดีพอพวกเขายังมีเวลาแก้ไข แต่ถ้ากู้หนิงพอใจ พวกเขาจะได้สั่งปริ้นออกมาโฆษณาร้าน
กู้หนิงมองดูอยู่สักพักและเธอชอบมัน โจวเจิ้งหงจึงสั่งปริ้นทันที
ในที่สุดคาบบ่ายก็จบลง นอกจากมู่เค่อและอ้ายยี่ที่ยังต้องเรียนคาบเย็นต่อ คนที่เหลือพากันออกจากโรงเรียนพร้อมกัน
หยูหมิงซีต้องไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าเรียนคาบเย็น ขอตัวกลับก่อน
หลังจากที่พวกเขาบอกลาแยกย้ายกันกลับ กู้หนิงเดินตรงกลับบ้าน เธอกะว่าจะวิ่งกลับบ้านตอนที่คนเริ่มบางตา อย่างไรก็ตามไม่นานก็มีรถมาเซราติสีดำขับมาจอดอยู่ข้างๆเธอ หน้าต่างของเบาะหลังถูกเปิดลง คนที่โผล่พ้นกระจกคือซื่อตู้เย่
“ขึ้นมาสิ ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน!” ซื่อตู่เย่กล่าว
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ฉันชินที่จะวิ่งกลับบ้านแล้ว” กู้หนิงบอกปัด
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันชวนใครขึ้นรถเพื่อไปส่งบ้าน เธอตามใจฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?”
ในเมื่อซื่อตู้เย่พูดขนาดนั้น กู้หนิงก็ไม่อยากทำลายน้ำใจของเขา ดังนั้นเธอจึงขึ้นรถไป อย่างไรก็ตามผู้ชายที่นั่งเบาะคนขับและที่นั่งผู้โดยสารต่างตกใจ เจ้านายของพวกเขาใจดีและอ่อนโยนตั้งแต่เมื่อไหร่?
คอมเม้นต์