กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ – ตอนที่ 217 – 218: แย่งผู้ชาย?, กระจกทองสัมฤทธิ์

อ่านนิยายจีนเรื่อง กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ Reincarnation Of The Businesswoman At School ตอนที่ 217-218 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

กําเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ 

 

Chapter 217 – 218: แย่งผู้ชาย?, กระจกทองสัมฤทธิ์

 

กู้หนิงกล่าวด้วยน้ําเสียงสบายๆ แต่กู้ฉินหยางเหงื่อตก 

 

“เธอทําอะไรกับเซียวเซียว?” กู้ฉินหยางถามเสียงตื่น

 

“กู้เซียวเซียวจ้างนักเลงมาข่มขืนหนู แต่บังเอิญหนูพอจะสู้คนเป็นเลยกระถบพวกมันซะจมดิน เธอก็เลยถูกโรงเรีย นไล่ออกหนูเป็นคนปล่อยข่าวในเมือง F เองและไม่มีโรงเรียนไหนยินดีต้อนรับเธอก็เลยต้องออกจากเมือง F หนูไม่ได้โทรแจ้งตํารวจมาจับเธอก็บุญแค่ไหนแล้วแต่ครอบครัวเธอก็ยังตําหนิหนูแต่ก็ช่างเถอะตอนนี้หนูไม่ได้แคร์อะไรแล้ว ถ้ามีใครกล้ามาหาเรื่องหนูอีกหนูจะให้พวกมันชดใช้แน่” กู้หนึ่งเล่าให้กู้ฉินหยางฟังแบบไม่ปิดบังเพราะเธอต้องการเตือนเขาหากเขาคิดจะทําอะไรไม่ดีต่อครอบครัวเธอ

 

กู้หนิงไม่ได้คิดจะตัดขาดจากครอบครัวกู้ฉินหยางตอนนี้ครอบครัวของกู้ฉินหยางเคยเชิญกู้ชิงและกู้ม่านไปกินข้าวด้วยกันตอนที่พวกเขามาเมือง F ซึ่งนั่นหมายค ามว่ากู้ฉินหยางยังปฏิบัติต่อกู้ชิงและกู้ม่านเป็นครอบครัวเดียวกันถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบน้องสาวพี่สาวมากมาย

 

กู้หนิงไม่ได้สนใจคนตระกูลกู้แต่พวกเขาเป็นครอบครัวของกู้ม่านและกู้ชิง

 

ถึงแม้กู้ม่านและกู้ชิงจะผิดหวังในตัวพวกเขา แต่ในใจลึกๆก็ ยังโหยหาความรักจากคนในครอบครัว ตราบใดที่กู้ฉินหยาง

 

มือนคนในครอบครัวกู้ฉินเซียง กู้หนิงก็จะไม่ปราณีเขาเช่นกัน

 

ได้ยินแบบนั้นกู้ฉินหยางก็อดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ กู้ฉินเซียงแค่บอกเขาว่ากู้เซียวเซียวไปมีเรื่องกับเพื่อนนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่มีอิทธิพล ดังนั้นกู้เซียวเซียวจึงต้องย้ายมาเรียนที่เมืองอื่นเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง ถ้าเรื่องที่กู้หนิงเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริง กู้เซียวเซียวก็เป็นคนที่เลวร้ายจริงๆ แต่กู้หนิงก็ใช่ย่อย เธอเป็นคนปล่อยข่าวในเมือง F

 

แม้ว่ากู้ฉินหยางจะสงสัยความสามารถของกู้หนิง เขาก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อความเป็นไปได้นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายตอนนี้

 

กู้ฉินหยางเป็นคนเห็นแก่ตัวและรู้สึกอิจฉากู้ชิงและกู้ม่านเพราะอยู่ๆพวกเธอก็รวยขึ้นมา อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องของเขา เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งวุ่ยวาย

 

ฮาวหรันกลับมาที่โรงเรียนและเล่าให้เพื่อนๆฟัง แม่ของเขาเรียกเขาไปกินข้าวด้วยเพื่ออยากให้เขาเป็นเพื่อนกับลูกสาวของเพื่อนแม่ ไม่คิดว่าลูกสาวของเพื่อนแม่จะเป็นบอสของเขาเอง!

 

เพื่อนๆพากันล้อฮาวหรันและกู้หนิง

 

ตอนบ่ายกู้หนึ่งมีนัดกับอ้ายเฉียน

 

อ้ายเฉียนออกเวรหลังห้าโมง และโรงพยาบาลศูนย์ก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์เพียงไม่กี่นาที 

 

กู้หนิงมาถึงร้านอาหารก่อนห้าโมงครึ่ง อ้ายเฉียนมาถึงบ้านดหน่อย เธอมาถึงตอนห้าโมงสี่สิบ

 

“หนิงหนิง”

 

อ้ายเฉียนตื่นเต้นที่เห็นกู้หนิง

 

“สวัสดีค่ะ” กู้หนิงลุกขึ้นยืนทักทายเธอ

 

“ในที่สุดเธอก็โทรหาฉันสักที ฉันรอเธอโทรหาตั้งนานแล้วแหนะ! การสอบเข้ามหาวิทยาลัยกําลังจะใกล้เข้า มาแล้วฉันกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเธอเลยไม่ได้โทรหา” อ้ายเฉียนบัน

 

กู้หนิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ยุ่งเรื่องเรียนเลย เธอมัวแต่ยุ่งกับจัดการธุรกิจที่เมือง G

 

“อืม ช่วงนี้ฉันยุ่งมากจริงๆค่ะ แต่ว่างแล้วก็รีบโทรหาคุณเลยค่ะ” กู้หนิงอธิบาย

 

“ไม่เป็นไร ฉันยกโทษให้” อ้ายเฉียนพูดพลางหัวเราะคิกคักเธอไม่ได้โกรธกู้หนิงเป็นจริงเป็นจัง เพราะเธอเข้าใจว่ากู้หนิงเป็นนักเรียนที่ต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย

 

“คุณอยากทานอะไรคะ” กู้หนิงยื่นเมนูอาหารให้อ้ายเฉียน

 

อ้ายเฉียนรับเมนูอาหารมาอ่าน “ฉันเอาสเต๊ก สุกปานกลางและราดด้วยซอสพริกไทย”

 

“ฉันเอาแบบคุณด้วยค่ะ” กู้หนิงกล่าว

 

“ฉันมีของขวัญให้คุณค่ะ” กู้หนิงกล่าวพลางหยิบเอากล่องเล็กๆมาจากกระเป๋า

 

“ของขวัญให้ฉันเหรอ?” อ้ายเฉียนประหลาดใจ

 

เธอเข้าใจว่ากู้หนิงให้ของขวัญเธอเป็นเพราะเธอช่วยดูแลกู้ม่านตอนที่อยู่โรงพยาบาล แต่มันก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับสิ่งที่กู้หนิงทําให้เธอ หากเป็นเพียงของขวัญธรรมดาเธอก็รับไป แต่ถ้าแพงเกินไปเธอก็ไม่รับ

 

กู้หนิงรู้ว่าอ้ายเฉียนคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเธอจึงโกหกเพื่อความ สบายใจว่า “เป็นแค่จี้หยกค่ะ ไม่ได้แพงอะไรมากมาย ฉันไป เมืองG เลยซื้อมาด้วยเพราะมันสวยดี”

 

ในเมื่อกู้หนิงพูดแบบนั้น อ้ายเฉียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ขอบใจจ๊ะ”

 

นาทีที่อ้ายเฉียนเห็นจี้หยกรูปใบไม้ อ้ายเฉียนก็ชอบมันทันที“ว้าว! น่ารักมาก”

 

อ้ายเฉียนรู้เกี่ยวกับหยกน้อยมาก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเป็นหยกประเภทใดหรือระดับใด หลังจากทานข้าวเสร็จพวกเธอก็พากันไปช็อปปิ้ง วันนี้กู้หนิงว่างเธอเลยยินดีไปเป็นเพื่อนอ้ายเฉียน

 

ทันทีที่กู้หนิงและอ้ายเฉียนก้าวเท้าเข้าไปในร้าน หญิงสาวสามคนอายุราวๆยี่สิบหกก็ก้าวเท้าเข้ามาข้างในร้านด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเธอสังเกตเห็นอ้ายเฉียนก็หน้าเปลี่ยนทันทีหนึ่ง ในนั้นกล่าวด้วยวาจาไม่น่าฟัง “โอ้ นี่ไม่ใช่คุณหมอ เฉียนหรอกหรือคะ? บังเอิญจังเลยค่ะ”

 

เห็นหญิงสาวสามคนอ้ายเฉียนก็ไม่สบอารณ์เหมือนกัน มีความเหนื่อยหน่ายและความเกลียดชังในดวงตาของเธอ แต่เธอทําเป็นเมินเฉยไม่สนใจ

 

“อ้ายเฉียน มารยาทของเธออยู่ไหน? ทําไมถึงได้ไร้มารยาทเมินพวกเราแบบนี้?”

 

ครั้งนี้อ้ายเฉียนไม่อยู่เฉย เธอหันควับไปมองผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า “เฉินเมิ่งฉี ฉันไม่คิดว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่จะตัดสินมารยาทของฉัน ทําเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้าไม่ได้รึไง?”

 

“อ้ายเฉียน ฉันก็อยากทําอย่างนั้น แต่ฉันทําไม่ได้เพราะเธอแย่งผู้ชายของฉันไป!” เฉินเมิงฉีกัดฟัดพูด

 

กู้หนิงขมวดคิ้วทันที แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อว่าอ้ายเฉียนทําแบบนั้น เธอก็ไม่อาจสรุปทุกอย่างก่อนรู้รายละเอียด

 

“เฉินเมิ่งฉี เธอประสาทรีไง! ฉันไม่เคยแย่งผู้ชายของเธอ! ลีเจิงหยูไม่ใช่ผู้ชายของเธอ เธอไม่ได้เขาเพราะว่าเธอไม่คู่ควรเขาไม่ได้ชอบเธอและเธอจะโทษฉันเรื่องนี้ไม่ได้!” อ้ายเฉียนตวาดกลับ

 

ตอนนี้กู้หนิงเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

 

Chapter 218: กระจกทองสัมฤทธิ์

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาก็คงไม่ปฏิเสธฉัน! เธอรู้ว่าเขาชอบเธอแต่เธอไม่ได้ชอบเขา งั้นทําไมต้องคอยอยู่ใกล้เขาและให้ความหวังเขาด้วย?” เฉินเมิงฉีกล่าว

 

“เฉินเมิ่งฉี เธอไม่คิดว่าตัวเองตลกไปหน่อยเหรอ เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเธอตรงไหน ถ้าฉันจะอยู่ใกล้เขาแล้วยังไง? เขาไม่ใช่แฟนของเธอสักหน่อยและเธอไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินเมิ่งฉีพูดแบบนี้กับเธอ อ้ายเฉียนยังคิดว่าตลกด้วยซ้ําไป

 

“แต่เธอก็ทําแบบนี้กับเขาไม่ได้” เฉินเมิ่งฉีอิจฉา

 

“แล้วไง? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ต้องให้ฉันพูดกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ” อ้ายเฉียนตอบ

 

“เธอ” เฉินเมิ่งไม่รู้จะเถียงกลับอย่างไร

 

สีเจิงหยูชอบใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่เพราะลีเจิงหยูชอบแต่อ้ายเฉียน เธอจึงโทษและเกลียดอ้ายเฉียน

 

ในตอนนี้พนักงานขายเดินเข้ามาหาและกล่าวเตือนว่า “รบกวนไม่ทะเลาะกันในร้านนะคะ มีลูกค้าท่านอื่นอยู่ในร้านด้วย ค่ะขอบคุณค่ะ”

 

“ตราบใดที่คุณผู้หญิงท่านนี้หุบปาก ฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ”อ้ายเฉียนกล่าว นี่เป็นความผิดของเฉินเมิ่งฉีไม่ใช่เธอ ตราบใดที่เฉินเมิงไม่หาเรื่องเธอ เธอก็ไม่ต้องมาทะเลาะกับใครในที่สาธารณะแบบนี้

 

หลังจากนั้นอ้ายเฉียนก็ไม่สนใจเฉินเมิ่งฉีอีก เดินสะบัดหน้าไปช้อปปิ้ง ถึงแม้ว่าอารมณ์ของอ้ายเฉียนจะถูกกวนให้วุ่นไป เรียบร้อยแล้ว แต่สายตาของเธอก็ยังมองเสื้อผ้าตรงหน้าด้วยค วามสนใจ

 

อ้ายเฉียนชี้ไปที่ชุดที่แขวนอยู่บนผนัง “ฉันขอลองชุดนั้น ค่ะ”

 

เฉินเมิ่งฉีโมโหจนไม่รู้จะทําอย่างไร แต่เวลานี้ไม่เหมาะที่จะโต้เถียง เธอขายหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเดินหนีไป

 

หลังจากที่เฉินเมิ่งฉีจากไป อ้ายเฉียนก็หันมาพูดกับกู้หนิงว่า“ฉันพบกับลีเจิงหยุตอนสิบขวบ ครอบครัวของเรารู้จักกันมานานแล้ว เขากับฉันไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันก็จริงแต่ สําหรับพวกเราเป็นมากกว่าครอบครัว ฉันเป็นลูกสาวคนเดียว ดังนั้นเขาจึงดูแลฉันเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง ฉันเลยชินที่มีเขาอยู่ ข้างกายตอนนี้ฉันไม่สามารถเผชิญหน้ากับความรักของเขาที่มี ต่อฉันได้แต่ฉันก็ไม่ได้หนีไปจากมันเช่นกัน เขารู้ว่าเขาเป็นแค่พี่ชายในสายตาของฉัน แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ พวกเราเลยมีข้ อตกลงกันว่าถ้าฉันยังไม่เจอคนที่รักก่อนที่อายุสามสิบ พวกเรา จะแต่งงานกันฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมสําหรับเขา แต่กฏของค วามรักไม่เคยยุติธรรมใครรักก่อนคนนั้นแพ้”

 

อ้ายเฉียนเล่าให้กู้หนิงฟังทุกอย่าง เพราะเธอต้องการพูดเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง

 

กู้หนิงเห็นด้วยกับอ้ายเฉียน กฎของความรักไม่ยุติธรรมใครรักก่อนคนนั้นแพ้

 

อย่างน้อยอ้ายเฉียนและลีเจิงหยูก็ห่วงใยกันและกันจริงๆแม้ว่าทั้งคู่จะปฏิบัติต่อกันเหมือนคนในครอบครัว แต่ถึงกระนั้นหลังจากแต่งงานก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้ 

 

ความจริงที่ว่าอ้ายเฉียนทําข้อตกลงกับลีเจิงหยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่เธอกับเขาอาจจะจบลงด้วยการเป็นครอบครัวเดียวกัน

“หนิงหนิง มาดูนี่ ถ้าเธอชอบชุดไหน ก็เลือกได้เลยนะฉันซื้อให้” อ้ายเฉียนพูด

 

เสื้อผ้าในร้านนี้เป็นแบรนด์ระดับกลางและราคาไม่แพงมากกู้หนิงจึงไม่ลังเลเลือกหมวกที่เธอชอบ “ฉันคิดว่าหมวกใบนี้ก็ไม่เลว”

อ้ายเฉียนซื้อเสื้อกันหนาว เสื้อคลุมและกระโปรง หลังจากช้อปปิ้งเสร็จ พวกเธอก็แยกย้าย

 

กู้หนิงยังไม่กลับบ้านทันทีแต่ไปที่ภูเขาหยุนไท่ เธอเลื่อนการล่าสมบัติมานานแล้ว วันนี้มีเวลาว่างจึงตัดสินใจไปดูสั

กหน่อย

 

ตอนกลางคืนไม่มีใครปีนเขา ดังนั้นตอนนี้ภูเขาหยุนไท่จึงเงียบมาก บนเขาไม่มีสิ่งของล้ําค่า ดังนั้นจึงไม่มียามเฝ้ากะกลางคืน มีเพียงกล้องวงจรปิด แต่รอบๆมืดสนิท กู้หนิงจึง ปืนข้ามกําแพงเข้าไปข้างในได้โดยง่าย

 

ถึงแม้จะเป็นกลางคืน กู้หนิงใช้ตาทิพย์ช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น เธอวิ่งขึ้นเขาภายในหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาทีจากนั้นเธอก็รีบดึงเชือกออกจากช่องเก็บของในกระแสจิตและรัดมันไว้ที่ไหนสักแห่งก่อนจะโรยตัวลงไป

 

เธอหยุดโรยตัวเมื่อพบถ้ําและใช้ตาทิพย์ตรวจดูภายในถ้ําเผื่อว่าจะมีอะไรเป็นอันตราย แต่ไม่พบอันตรายใดๆ 

 

หลังจากนั้นกู้หนิงใช้เครื่องมือเพื่อจัดชั้นนอกของหน้าผา ไม่มีใครอยู่รอบๆ เธอจึงไม่กลัวที่จะทําเสียงดัง

 

มีรอยแตกที่หน้าผาและค่อยๆกว้างขึ้นหลังจากนั้นไม่นานกู้หนึ่งต้องการเพียงช่องว่างที่กว้างพอที่จะให้เธอเข้าไปได้ราวๆหนึ่งชั่วโมงต่อมารอยแตกก็กลายเป็นช่องกว้าง กู้หนิง แทรกตัวเข้าไปข้างในได้สําเร็จ มุ่งตรงไปยังแหล่งที่มาของพลัง

 

เธอเดินไปข้างหน้ายี่สิบเมตรก็มาถึงถ้ําขนาดสิบตารางเมตรการตกแต่งเรียบง่ายมาก มีเพียงกองไม้และหม้อที่มีชามแตกหลายใบอยู่ด้านหนึ่ง

 

อีกด้านหนึ่งมีเสื่อฟางพร้อมเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นที่กลายเป็นผ้าขี้ริ้ว และหีบใบใหญ่ขนาดเท่าหมอน พลังมาจากหีบซึ่งหมายความว่าวัตถุโบราณจะต้องอยู่ในนั้น

 

กู้หนิงยังไม่เปิดหีบทันที เธอใช้ตาทิพย์สํารวจด้านในเผื่อมีงูหรือหนู กู้หนิงใจกล้าก็จริงแต่เธอกลัวงูกับหนู

 

โชคดีที่มีเพียงเครื่องประดับและธนบัตรของจีน กู้หนิงจึงเปิดหีบออก เธอไม่มีเวลาศึกษาวัตถุเหล่านี้ในถ้ํา ดังนั้นเธอจึงใส่มันเข้าไปในช่องเก็บของกระแสจิต และวางแผนที่จะศึกษาพวกมันเมื่อเธอกลับถึงบ้าน

 

หลังจากนั้นกู้หนิงก็ออกไปทางเดียวกับที่เธอเข้ามา

 

เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว กู้ม่านรู้ว่าวันนี้ลูกสาวออกไปพบอ้ายเฉียน ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

 

กู้หนิงตรงไปที่ห้องนอน เอาวัตถุโบราณออกมาทีละชิ้นๆน่าจะเป็นของที่ข้าราชการทุจริตแล้วนําเอามาซ่อนไว้

 

กู้หนิงวางเครื่องประดับไว้ด้านข้าง และตรวจสอบกระจกทองสัมฤทธิ์ก่อน

 

กระจกทองสัมฤทธิ์มีต้นกําเนิดมาจากราชวงศ์ซางและโจวแต่การใช้กระจกทองสัมฤทธิ์ในราชวงศ์ซางนั้นไม่ได้เป็นสากลมันเป็นของหายากและเป็นของคนระดับสูงเท่านั้น

 

ต่อมาได้รับความนิยมในช่วงยุคสงครามและมีความปราณีตมากขึ้นในช่วงราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์ถัง

 

กระจกทองสัมฤทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด