War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3434

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3434 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3,434 : ความดุร้ายของฟงชิงหยาง
  ปงงงง!!
  หยางอวิ๋นเซียวที่ได้สติและพยามจะต้านทานกระบี่พลังของฟงชิงหยาง แม้จะเร่งเร้าพลังสุดตัวก็แล้ว หากแต่กระบี่พลังสีกากีอันอัดแน่นไปด้วยกฏแห่งดินก็ทรงพังสุดที่มันจะต้านทานรับไหว สุดท้ายก็พุ่งมาหันใบกระบี่ตบหน้าของมันอย่างงจัง จนคนปลิดปลิวไปอีกรอบ!
  “อั๊ค–แค่กๆ”
  หยางอวิ๋นเซียวกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ สีหน้าที่ซีดลงตั้งแต่โดนยันเข้ายอดอก มาตอนนี้ยิ่งซีดลงกว่าเดิม ใบห้าส่วนีท่โดนกระบี่พลังฟาดตบก็บวมแดงขึ้นมา เลือดกบปากแลดูน่าสมเพชนัก
  “จักรพรรดิสวรรค์ หยางอวิ๋นเซียว ไม่พบกันเสียนานแต่เจ้าไม่คิดจะก้าวหน้าบ้างหรือ?”
  ฟงชิงหยางเหลือบมองหยยางอวิ๋นเซียวในสภาพร่อแร่ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ คล้ายสหายที่สนิทสนมกันม่ ไม่เหมือนคนที่พึ่งทุบตีผู้อื่นจนเปลี้ยแม้แต่น้อย
  ใบหน้าชราของหยางอวิ๋นเซียวบัดนี้เต็มไปด้วยโทสะ อย่างไรก็ตามไม่ทันไรก็เริ่มฉายชัดถึงความหวาดกลัว “จักร…จักรพรดริสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่าน…ท่านบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วหรือ?!”
  ในอดีตเรื่องที่ฟงชิงหยางบรรลุเทพมันเป็นเพียงคำร่ำลือ และข้อสันนิษฐานเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้
  ทว่าวันนี้ เผชิญหน้ากับฟงชิงหยางที่อาศัยเพียงกฏแห่งดินก็ทำร้ายมันได้อย่างง่ายดายย ถึงขั้นมันไร้พลังจะต้านทาน รวมถึงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวที่บดขยี้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างของมันได้อย่างราบคาบ…นั่นคือพลังเทพไม่ผิดแน่!
  พลังเทพก็คือพลังขั้นสูงที่ยกระดับขึ้นมาจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดยามบรรลุถึงขอบเขตเทพ และเป็นพลังในร่างของเหล่าทวยเทพ!
  “อืม”
  ฟงชิงหยางพยักหน้ารับเบาๆ
  หยางอวิ๋นเซียวได้แค่คลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม มันไม่กล้าโกรธอีกต่อไปที่ฟงชิงหยางเล่นงานมันจนสาหัส เพราะมันรู้ดีว่าด้วยพลังของฟงชิงหยางในปัจจุบัน คิดฆ่ามันก็คงง่ายประหนึ่งตัดหญ้าฆ่าไก่ “ย้อนกลับไปในอดีต ยามท่านอาศัยพลังของกฏทำลายล้าง ก็เพียงแค่เสมอกับข้าเท่านั้น…”
  “แต่ตอนนี้หลังท่านบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แม้จะใช้แค่กฏแห่งดินก็ ทำร้ายข้าจนสาหัสได้ง่ายๆ…”
  “บรรลุกับยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน…”
  หยางอวิ๋นเซียวได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
  ต่อหน้าฟงชิงหยางในปัจจุบัน มัมนไม่กล้าแม้แต่จะเผยสีหน้าไม่พอใจ นับประสาอะไรกับโกรธเคือง ถึงมันจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง แต่ความเป็นตายของมันก็ขึ้นอยู่กับหนึ่งห้วงคิดของอีกฝ่ายเท่านั้น
  ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ข้างๆฟงชิงหยาง ในที่สุดก็ฟื้นสติ
  อาจารย์ของเขาจะดุร้ายเกินไปไหม?
  แรกพบหน้าหยางอวิ๋นเซียว แม้อีกฝ่ายจะทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่กลับไม่พูดพร่ำทำเพลงเลือกจะซัดอีกฝ่ายจนเปลี้ยก่อนค่อยคุย! แถมหลังอีกฝ่ายโดนซัดจนเปลี้ยก็ไม่กล้าแม้แต่จะโกรธ ได้แต่ปั้นหน้าแย้มยิ้มกล่าวคำด้วยวาจาสุภาพ! สิ่งนี้บ่งชี้ชัดว่าอาจารย์เขาขู่ขวัญจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน หยางอวิ๋นเซียว ให้หวาดกลัวถึงขนาดไหน…
  แต่พอนึกถึงเรื่องที่กระทั่งจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ก็ถึงกับหนีเตลิดหลังรับทราบว่าล่วงเกินอาจารย์เขาเข้าให้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง…
  ‘หากข้าบรรลุถึงขอบเขตได้ ข้าเองก็จะมีพลังสะกดข่มแบบนี้เหมือนกัน’
  พริบตานี้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบรรลุถึงขอบเขตเทพ ‘ที่สำคัญ หากผ่านไปพันปีแล้วข้าพึ่งจะบรรลุถึงขอบเขตเทพ ต่อให้จะขึ้นไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพได้ ก็เกรงว่ายากจะช่วยเค่อเอ๋อให้พ้นเงื้อมมือคนสกุลอวิ๋น…เว้นเสียแต่ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพก่อนเวลา และอาศัยช่ววงเวลาที่เหลือยกระดับพลังฝีมือ ไม่งั้นเรื่องจะช่วยเค่อเอ๋อก็คงแทบไม่เห็นทาง…’
  คิดถึงจุดนี้ อารมณ์ในใจต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นหนักอึ้งขึ้นมา
  “จักรพรรดิสวรรค์หยางอวิ๋นเซียว เจ้าคงรู้ดีกระมังว่าที่ข้ามาที่นี่ ไม่ได้มีกะใจจะรำลึกความหลังอะไรกับเจ้า…”
  ฟงชิงหยางเหลือบมองหยางอวิ๋นเซียวด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวว่า “เจ้าสมควรติดค้างคำอธิบายให้ศิษย์ข้าอยู่กระมัง?”
  อันที่จริงตั้งแต่ที่เห็นฟงชิงหยางมาเยือนโดยมีต้วนหลิงเทียนติดตามมาข้างกาย หยางอวิ๋นเซียวก็ตระหนักได้แล้วว่าฟงชิงหยางมาด้วยจุดประสงค์อันใด แต่มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าฟงชิงหยางจะไม่พูดไม่จา และเลือกจะทุบตีมันจนเปลี้ยหน้าตาเฉย…
  จังหวะนี้มันตระหนักได้ชัดเจนว่าฟงชิงหยางคิดออกหน้าเพื่อศิษย์ขนาดไหน ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่จะลอบยินดีอยู่ในใจ ที่ให้ศิษย์คนรองของมันหลบหนีออกไปจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนก่อน!
  หาไม่แล้ว ศิษย์ข้องมันข่งเฝิน คงไม่ได้มีชีวิตอยู่จนเห็นพรุ่งนี้แน่นอน!
  “คำอธิบาย? คำอธิบายอันใดหรือ?”
  ถึงจะรู้วัตถุประสงค์ของฟงชิงหยางดีแก่ใจ แต่หยางอวิ๋นเซียวก็ไม่โง่ถึงขั้นจะยอมรับออกมาว่าวันนั้นเป็นมันตัดสินใจออกหน้าช่วยคน จึงวางแผนตีหน้าเซ่อทำเป็นไม่รู้เรื่องราว
  “พึ่งจะผ่านไปได้ 200 ปีเศษเท่านั้น แต่จักรพรรดิสวรรค์หยางอวิ๋นเซียวเจ้าลืมไปแล้ว?”
  ฟงชิงหยางมองจ้องหยางอวิ๋นเซียว เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ
  หยางอวิ๋นเซียวทำเป็นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจเอ่ยขึ้นว่า “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง…หรือทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องระหว่างศิษย์คนรองของข้า จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วข่งเฝินที่คิดช่วยเหลือบุตรชายหมายลงมือสั่งสอนศิษย์หลานต้วนในปีนั้น?”
  พอกล่าวเกริ่นขึ้นมาจบคำ ก็ไม่รอให้ฟงชิงหยางพูดอะไร หยางอวิ๋นเซียวก็ถอนหาใจ แสร้งกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องราววันนั้นเป็นเพราะศิษย์คนรองของข้าทนเห็นลูกชายถูกทำร้ายไม่ได้ จึงคิดเอาคืนเล็กๆน้อยๆ แต่อย่างไรเสียตัวต้นเรื่องอย่างข่งโย่วอี้ที่คิดร้ายกับศิษย์หลานต้วนก็ถูกข้าประหารทิ้งไปแล้วไม่ใช่รึไร? แถมข้ายังลงโทษศิษย์คนรองไปแล้วด้วย?”
  “เจ้าคิดว่าเรื่องมันแล้วกันไปเพียงเท่านั้น?”
  ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำเย้ยหยันหางอวิ๋นเซียวออกมาตรงๆ “จักรพรรดิสวรรค์หยางอวิ๋นเซียว เจ้าจับมันขังแค่ไม่กี่ร้อยปี…เจ้าบอกว่านี่คือการลงโทษ?”
  “เจ้าเห็นข้าโง่ หรือเจ้าโง่งมจริงๆกันแน่?”
  ขณะกล่าวถามประโยคท้าย น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความแดกดันหยันหยาม
  “ศิษย์หลานต้วน”
  พอหยางอวิ๋นเซียวได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน มันก็แสร้งทำเป็นเสียใจทันที “ในปีนั้นตอนข้าลงโทษข่งเฝิน เจ้าก็ไม่ได้เผยความเห็นเป็นอื่นไม่ใช่หรือ…ข้าหลงคิดว่าเจ้าเห็นด้วยกับการลงโทษมันของข้าแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าที่แท้เจ้าจะไม่พอใจ…”
  “ศิษย์หลานต้วนน่าจะบอกข้าแต่แรก…”
  “หากศิษย์หลานต้วนเอ่ยปากวันนั้นว่าอยากให้มันตาย ข้าก็คงฆ่าข่งเฝินไปแล้ว”
  หยางอวิ๋นเซียวยังคงตีหน้าเศร้าทำเป็นไม่รู้เรื่องราวออกมา
  “ม้าหลังปืน? น่าสนใจดีนี่”
  (ม้าหลังปืน = การกระทำที่ไม่ทันกาล)
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ย
  “อะไร? ศิษย์หลานต้วนไม่เชื่อข้าหรือ?”
  หยางอวิ๋นเซียวส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “เช่นนั้น ให้ข้าเรียกศิษย์คนรอง ข่งเฝิน มาเถอะ หากศิษย์หลานต้วนอยากให้มันตายข้าก็ฆ่ามันให้ กระทั่งหากศิษย์หลานต้วนคิดฆ่ามันด้วยตัวเอง ข้าก็จักจับมันให้ศิษย์หลานต้วนฆ่าได้ตามสะดวก”
  พอกล่าวจบคำ หยางอวิ๋นเซียวก็ทำทีเป็นหยิบยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาจะส่งข้อความ
  “หึ!”
  ไม่ทันที่ฟงชิงหยางจะพูดอะไร ต้วนหลิงเทียนก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็นเสียก่อน “หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้ศิษย์คนรอง ข่งเฝิน จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วนั่นคงไม่ได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนแล้วกระมัง…หยางอวิ๋นเซียว จักรพรรดิสวรรค์เช่นเจ้านับว่าลูกเล่นแพรวพราวดีนี่”
  กระทั่งจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน พอรู้ว่าล่วงเกินอาจารย์เขายังละทิ้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หอบลูกหนีเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
  อาศัยจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ที่เป็นแค่ศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่ง ยังจะกล้าอยู่อีกหรือ?
  ย้อนกลับไปวันนั้นท่าทีปกป้องจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วอย่างออกหน้าออกตาของหยางอวิ๋นเซียว เป็นเขากับผู้เฒ่าหั่วเห็นพ้องต้องกัน ย่อมไม่มีทางผิดพลาดแน่!
  ด้วยเหตุนี้พอเห็นท่าทีเสแสร้งอย่างขอไปทีของหยางอวิ๋นเซียว ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าป่านนี้จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วได้หลบหนีออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนไปแล้ว?
  ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหยางอวิ๋นเซียวก็ฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมาวูบหนึ่งอยย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็น ก่อจะปั้นหน้าหัวเราะร่ากล่าวว่า “ศิษย์หลานต้วน เจ้าคิดกับข้าเช่นนั้นได้อย่างไร?”
  ตอนนี้เอง ฟงชิงหยางก็เหลือมองหยยางอวิ๋นเซียวด้วยสายตาเยียบเย็น เอ่ยคำออกมาเสียงเรียบ “หยางอวิ๋นเซียว ข้าจะกลับไปจี้เมี่ยเทียนเพื่อรอให้เจ้าลากคอศิษย์คนรองของเจ้าออกมา…และข้าจะให้เวลาเจ้า 1 เดือนเท่านั้น หากผ่านไปครบเดือนแล้ว ถ้าข้ากลับมาไม่เห็นหน้ามัน เช่นนั้นเจ้าก็เลือกเอาระหว่างให้ข้าฆ่าเจ้าทิ้ง หรือจะไสหัวออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไปอยู่กับศิษย์ตัวดีของเจ้า แล้วอย่าโผล่หัวมาให้ข้าเห็นอีกชั่วชีวิต!”
  พอฟงชิงหยางกล่าวจบคำ ในขณะที่สีหน้าหยางอวิ๋นเซียวแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มันก็พาต้วนหลิงเทียนออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนทันที
  คงเหลือเพียงหยางอวิ๋นเซียวที่ยืนหน้าซีดเพียงลำพัง แววตาฉายชัดถึงความหวาดกลัวเสียขวัญ ‘ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าฟงชิงหยางจะบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว…อีกทั้งแค่ดูก็รู้ว่าให้ท้ายศิษย์อย่างต้วนหลิงเทียนมากขนาดไหน ดูเหมือนคราวนี้ข่งเฝินจะไร้ทางรอดแล้วจริงๆ’
  ‘โชคดีที่ข้าไม่ทันมีเวลาส่งข้อความถึงมันบอกเรื่องที่ฟงชิงหยางคิดฆ่ามัน…หาไม่แล้วมันต้องซ่อนตัว ถึงขั้นที่ข้าไม่มีวันหาเจออีกเลยเป็นแน่’
  ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไว้แล้ว ว่าหากหางอวิ๋นเซียวเลือกจะให้ท้ายข่งเฝินแล้วปล่อยให้มันหลบหนีไป ชาตินี้เกรงว่าคงยากจะเห็นหน้าข่งเฝินอีก ถึงตอนนั้นคิดหาตัวมันยังไม่ยากเท่าให้คนธรรมดาปีนป่ายขึ้นสวรรค์หรือไร?
  แต่คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ของเขาฟงชิงหยาง จะยื่นคำขาดออกไปสั้นๆ และเห็นชัดว่าก็คิดทำนองเดียวกับเขา เรื่องที่ป่านนี้ข่งเฝินน่าจะหลบหนีออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนไปแล้ว จึงบีบให้อีกฝ่ายยพาศิษย์กลับมาด้วยตัวเอง
  หาไม่แล้วหลังผ่านไปครบ 1 เดือน อาจารย์เขาฟงชิงหยางจะฆ่ามันแทน!
  แน่นอนว่าหยางอวิ๋นเซียวยังเหลืออีกทางเลือกหนึ่ง คือละทิ้งรากฐานอย่างพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แล้วพาศิษย์คนรองหลบหนีไปให้ไกล ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ ไม่ปรากฏตัวออกมาอีกชั่วชีวิต
  “ท่านอาจารย์ ท่านว่ามันจะเลือกหนีหายไปกับศิษย์ไหม?”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
  ในสายตาเขา ในเมื่อหยางอวิ๋นเซียวเลือกจะไม่ไว้หน้าเขาแล้วให้ท้ายข่งเฝินวันนั้น วันนี้ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะละทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปกับศิษย์ก็ได้…
  “เป็นไปไม่ได้”
  ฟงชิงหยางส่ายหัวไปมา “หยางอวิ๋นเซียวผู้นั้นแม้ข้าจะไม่ได้สุงสิงกับมันมาก แต่จากการประมือกับมันในอดีต ลักษณะนิสัยเห็นแก่หน้าตาตัวเองของมัน บ่งบอกว่ามันเห็นฐานะของตัวเองสำคัญมากกว่าศิษย์”
  “มันไม่มีทางเลือกช่วยศิษย์ แล้วละทิ้งตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนแน่นอน”
  ฟงชิงหยางกล่าว
  “เอาล่ะ พวกเรากลับไปรอที่จี้เมี่ยเทียนเถอะ”
  ฟงชิงหยางพาต้วนหลิงเทียนออกจากฝูโหย่วเทียนและกลับไปยังจี้เมี่ยเทียนทันที
  ได้ยินคำพูดของอาจารย์ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายขึ้นมาด้วยความคาดหวัง…หากอาจารย์เขาเดาถูก เช่นนั้นเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้หยางอวิ๋นเซียวลากคอข่งเฝินออกมามอบ
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนติดตามจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางงกลับจี้เมี่ยเทียนนั้น…
  ด้านจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ในที่สุดกก็ตัดสินใจส่งข้อความถึงศิษย์คนรอง จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ข่งเฝิน ที่ไม่ได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนทันที “ข่งเฝิน ข้าพึ่งกลับมาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน…หลังข้านำของขวัญไปมอบให้ แล้วเอ่ยถึงเรื่องเจ้า อีกฝ่ายก็พึงพอใจที่ข้าจัดการลูกชายเจ้าแล้ว ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรเจ้าอีก”
  “เจ้ากลับมาได้แล้วล่ะ”
  ถึงแม้จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วจะเป็นลูกศิษย์ของมัน แต่หยางอวิ๋นเซียวก็ไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวข่งเฝินจะหนีหายไป ทำได้แค่หลอกอีกฝ่ายแบบนี้เท่านั้น
  ด้านข่งเฝินหลังออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ก็มีไปลอบด้อมๆมองๆแถวๆพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หมายดักรอต้วนหลิงเทียนที่อาจออกมาด้านนอกเพียงลำพัง…แต่ผ่านไป 200 ปีมันก็ไม่สบโอกาสเหมาะใดๆ
  กระทั่ง 100 ปีหลังมานี้ แม้มันจะผ่านไปแถวพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนบ้าง แต่มันก็ไม่ได้หวังผลอะไรแล้ว
  จึงเลือกจะกลับมาบ่มเพาะพลังในฝูโหย่วเทียน และเพียงรอข่าวจากอาจารย์อย่างเดียว
  “กลับไปได้แล้วหรือ?!”
  สองตาจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเปล่งแสงจ้าออกมาทันที หลังได้รับข้อความของหยางอวิ๋นเซียว!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด