ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 95.2 ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน (2)

อ่านนิยายจีนเรื่อง ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ตอนที่ 95.2 ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน (2) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 95 ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน (2)

“20คะแนน…โหดเกินไปแล้ว!”

ในกลุ่มมีคนแอบกระซิบกระซาบเสียงเบา เห็นได้ชัดว่าพอรู้สถานการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่บ้าง

หวงจิ่งเหมือนจะได้ยินเช่นกัน เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “อาจจะมีบางคนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าคะแนนของมหาวิทยาลัยสำคัญขนาดไหน ฉันจะอธิบายง่ายๆ ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ สามคะแนนสามารถแลกยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาได้หนึ่งเม็ด สิบคะแนนแลกยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งหนึ่งเม็ด พวกคุณสามารถใช้หนึ่งคะแนนแลกเป็นเงินสดหนึ่งหมื่นได้ หรือจะพูดอีกอย่างว่า เทียบเท่ากับเงินสามหมื่นของข้างนอก เพราะอัตราแลกเปลี่ยนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ นับว่าเป็นหนึ่งในสามของราคาตลาด”

เวลานี้ขนาดฟางผิงยังอดตกใจไม่ได้!

นี่หมายความว่ายี่สิบคะแนนสามารถแลกยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งได้สองเม็ด ราคาในตลาดสูงถึงหกแสน!

“มหาวิทยาลัยสัญญาแล้วว่าก่อนที่จะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง จะไม่มีการเสียเงิน!”

หวงจิ่งที่อยู่บนเวทียังคงพูดต่อ “แต่ยาบำรุงฟรีพวกนี้มีข้อกำจัดเช่นกัน นักศึกษาใหม่มีคนละห้าสิบคะแนน ซึ่งก็หมายความว่านี่คือทรัพยากรก่อนทะลวงด่านที่ทุกคนมีอยู่ในมือ!”

ห้าสิบคะแนน สามารถแลกยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งห้าเม็ด ราคาตลาดคิดเป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสนหยวน!

ให้คะแนนนักศึกษาเริ่มต้นห้าสิบคะแนน ถือว่าเป็นจำนวนเยอะทีเดียว

แต่เมื่อนึกถึงบางคนที่เพิ่งมาวันแรกกลับถูกหักไปยี่สิบคะแนนแล้ว ฟางผิงอดกวาดสายตามองอย่างเห็นใจไม่ได้

มีคนอยู่นอกแถวเยอะเหมือนกัน น่าจะประมาณเกือบหนึ่งร้อยคน

ส่วนคนที่ไม่มาหรือมาสาย ตอนนี้มีคนยืนอยู่นอกประตูตาข่ายเหล็กด้วยใบหน้าเศร้าราวกับเสียญาติพี่น้องกว่าสิบคน

คนพวกนี้ถือว่าแพ้ตั้งแต่จุดปล่อยตัว เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นประเภทที่บ้านมีฐานะจนไม่แยแสเรื่องพวกนี้แล้ว

บนที่นั่งผู้ชม

ฉินเฟิ่งชิงเบ้ปากว่า “คณบดีพูดมากอีกแล้ว อธิบายอยู่นั่นแหละ ให้พวกเด็กใหม่หาทางรอดกันเองจะดีซะกว่า”

“หุบปาก!”

หมิ่นเยวี่ยตำหนิ เจ้าหมอนี่เสียสติไปแล้ว?

เขาคิดว่าคณบดีจะไม่ได้ยินหรือไง?

เหน็บแนมตัวเองยังพอว่า ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์คงไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้กระทั่งปรมาจารย์สาขายุทโธปกรณ์ยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์อีก จะรนหาที่ตายเกินไปแล้ว!

คนอื่นๆ พากันรักษาระยะห่างจากฉินเฟิ่งชิง เจ้าหมอนี่ถูกอัดจนบ้าแล้วหรือไง?

ระยะห่างจากปรมาจารย์ไม่ถึงสามสิบเมตร นึกไม่ถึงว่าจะกล้านินทาอีกฝ่าย กลับไปคงโดนคณบดีเล่นงานแน่ๆ?

อืม ตามความเข้าใจที่พวกเขามีต่อหวงจิ่ง มีความเป็นไปได้สูง!

ความจริงนั้นเป็นดังคาด หวงจิ่งที่อยู่บนเวทีปรายสายตามองมาทางฉินเฟิ่งชิง แววตานั้นดูลึกล้ำอยู่บ้าง

ดี ช่วงนี้มหาวิทยาลัยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอยู่พอดี

เจ้าเด็กจากมหาวิทยาลัยหนานเจียงกล้าท้าประลองทางเหนือไปทั่ว ให้ฉินเฟิ่งชิงไปลองดูสักหน่อย ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้

บนที่นั่งผู้ชม ฉินเฟิ่งชิงเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ไอพยาบาทนี่มันอะไรกัน แถมเป็นไอพยาบาทที่หนาชั้นซะด้วยสิ!

หวงจิ่งไม่สนใจพวกนักศึกษาที่ถูกหักคะแนนอีก เอ่ยด้วยเสียงดังว่า “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เพิ่งก่อตั้งขึ้นไม่นานนัก ตอนนี้เพิ่งเข้าสู่ปีที่ห้าสิบเก้า ห้าสิบเก้าปีมานี้ มหาวิทยาลัยผลิตนักศึกษาออกมานับไม่ถ้วน พวกเขายอมเสียสละเลือดเนื้อถึงได้มีมหาวิทยาลัยอยู่ทุกวันนี้ มีพวกคุณมาอยู่ตรงนี้ได้!”

“เข้ามาเรียนที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าให้พวกคุณมาเสวยสุข ทั้งไม่ได้ให้พวกคุณมาใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น!”

“ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อันดับแรกพวกคุณจำเป็นต้องรู้เรื่องหนึ่ง จ่ายออกไปมากเท่าไหร่ ก็จะได้รับกลับมามากเท่านั้น!”

“ผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร? ไม่ใช่ผู้ที่อาศัยความแข็งแกร่งข่มเหงคนอ่อนแอ ไม่ใช่คนที่กดขี่เพื่อนร่วมอาชีพ ทั้งไม่ใช่คนที่มาหาผลประโยชน์ทางการเมือง…”

“ผู้ฝึกยุทธ์คือผู้ที่ปกป้องคุ้มครองเมืองแห่งนี้ ประเทศแห่งนี้และโลกใบนี้!”

“พวกเราถือเป็นความยิ่งใหญ่และเป็นสิ่งเล็กๆ ในเวลาเดียวกัน ทั้งสามารถพูดได้ว่าน่าเศร้าสลดเช่นกัน…”

“ตอนนี้พวกคุณอาจยังไม่เข้าใจ ไม่ต้องรีบเข้าใจหรอก! สุดท้ายต้องมีวันหนึ่งที่พวกคุณเข้าใจเอง การเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่โชติช่วง ทั้งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมเช่นกัน!”

“แต่ว่าในเมื่อทุกคนไม่อยากมีชีวิตที่ธรรมดา ไม่อยากอยู่แบบไร้ชื่อเสียงเรียงนาม งั้นก็ต้องเตรียมตัวให้ดี”

“ในเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ควรจะเรียนรู้ที่ต่อสู้แย่งชิง ทำให้คุณเปลี่ยนเป็นคนที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมกว่าเดิม”

“โอกาสมักเหลือไว้ให้ผู้ที่เตรียมตัวเท่านั้น!”

“…”

เสียงของหวงจิ่งดังก้องไปทั่วสนามฝึก

“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าไร้กฎเกณฑ์เช่นกัน กฎที่ควรปฏิบัติตาม ก็ควรปฏิบัติตาม!”

“เช่นเดียวกันมหาวิทยาลัยจะมอบโอกาสให้คนที่แสดงความสามารถถูกที่ถูกทางเท่านั้น”

“พิธีเข้าเรียนใหม่ ไม่มีอะไรซับซ้อน”

“ทุกคนทำความรู้จักซึ่งกันและกันหน่อย พวกอาจารย์ทำความรู้จักนักศึกษา พวกนักศึกษาทำความรู้จักอาจารย์ วิธีทำความรู้จักกันก็ง่ายๆ…”

ขณะที่หวงจิ่งพูด ก็หมุนกายไปด้านข้าง “ตอนนี้บนเวทีมีอาจารย์สิบสองคนจากสี่สาขาหลัก”

“ทุกคนทำความรู้จักกับพวกนักศึกษาที่กำลังจะติดตามพวกคุณสักหน่อยเถอะ!”

สิ้นเสียงหวงจิ่ง ด้านหลังพลันปรากฏร่างชายอายุสี่สิบกว่าปีคิ้วหนาตาโต

พอชายคนนั้นเดินออกมา พลังปราณเข้มข้นก็ลอยขึ้นมาเหนือศีรษะ คล้ายว่าจะเห็นเป็นสีแดงอยู่เลือนราง

“ถังเฟิง อาจารย์สอนนักศึกษาใหม่ สาขายุทโธปกรณ์!”

ก่อนจะมีคนเดินออกมาเพิ่ม “หลัวอี้ชวน อาจารย์สอนนักศึกษาใหม่ สาขายุทโธปกรณ์!”

“…”

“โจวสือผิง อาจารย์สอนนักศึกษาใหม่ สาขายุทธศาสตร์”

“…”

“ฉู่ซิน อาจารย์สอนนักศึกษาใหม่ สาขาสังคมศาสตร์!”

“…”

อาจารย์ทั้งสิบสองคนระเบิดพลังปราณอย่างเต็มที่

พวกนักศึกษาใหม่ที่อยู่ล่างเวทีต่างทยอยใบหน้าแดงก่ำ ถึงกระทั่งมีบางคนยืนเซเสียการควบคุมอยู่บ้าง

อาจารย์ทั้งสิบสองคนปะทุปราณของตัวเองอย่างไม่ออมมือ กดดันพวกนักศึกษา

นักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ถึงขั้นรู้สึกหายใจลำบาก รีบถอยไปด้านหลัง

ส่วนนักศึกษาที่ถึงขีดกำจัดผู้ฝึกยุทธ์หรือหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว กลับเผยใบหน้าเรียบนิ่ง ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน

ฟู่ชางติ่งที่ยืนอยู่ข้างฟางผิง เอ่ยเสียงเบาว่า “พวกอาจารย์แนะนำตัวแล้ว ควรถึงตาของพวกเราเหมือนกัน!”

ก่อนหน้านี้หวงจิ่งบอกว่า นี่เป็นเวลาที่พวกนักศึกษาทำความรู้จักอาจารย์ และพวกอาจารย์ทำความรู้จักนักศึกษา

สิ้นเสียงของฟู่ชางติ่ง ฟางผิงก็ปะทุปราณขึ้นมาต้านแรงกดดัน สาวเท้ามาข้างหน้า!

ชั่วพริบตานี้ ไม่ใช่แค่ฟางผิง คนจำนวนมากต่างเลือกทำแบบนี้เช่นกัน

“นักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ จ้าวเหล่ย!”

“นักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ หยางเสี่ยวม่าน!”

“นักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ฟางผิง!”

“…”

“นักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ฟู่ชางติ่ง!”

“…”

เสียงแนะนำตัวดังขึ้นติดต่อกัน ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนจะสามารถเอ่ยปากภายใต้แรงกดดันของอาจารย์ทั้งสิบสองคนได้

ผู้ฝึกยุทธ์บางคนเพิ่งจะสาวเท้าออกมา ไม่ทันอ้าปาก กลับเริ่มรู้สึกท้อแท้ ปราณสั่นคลอน จำต้องถอยไปด้านหลังหลายก้าวเพื่อไม่ให้ขายหน้า

ท้ายที่สุดแล้ว นักศึกษาที่สามารถออกมายืนแนะนำตัวด้านหน้า มีไม่ถึงยี่สิบคนเท่านั้น

ชั่วเวลานี้ทุกคนต่างรับรู้โดยทั่วกันแล้วว่า ความห่างชั้นคืออะไร

บนที่นั่งผู้ชม

ฉินเฟิ่งชิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย พึมพำว่า “ฟางผิง…เหมือนจะคุ้นหูยังไงไม่รู้!”

เวทีหลัก

หญิงกลางคนที่อยู่ด้านหลังหวงจิ่ง เอ่ยด้วยยิ้มบาง “ผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกข้างหนึ่งสิบหกคน หลอมกระดูกครั้งที่สองแล้วสองคน ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ…นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่หลอมกระดูกครั้งที่สามอยู่คนหนึ่ง ลูกหลานของตระกูลไหนนะ? ฟางผิง…ตระกูลฟางจากตงหู? หรือตระกูลฟางจากหลู่เยวี่ย?”

หวงจิ่นเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “การศึกษาที่นี่ไม่แบ่งแยกชนชั้น ไม่ว่าจะมาจากตระกูลไหน สามารถหลอมกระดูกครั้งที่สามได้ก่อนเข้าเรียน นั่นคือการสรรค์สร้างจากตัวเขาเอง”

“ไม่เหมือนกันสักหน่อย ฉันมีบัญชีแค้นกับตระกูลจากตงหู ฉันไม่มีทางสั่งสอนทายาทให้เขาแน่”

หญิงคนนั้นกลั้วหัวเราะ “อีกเดี๋ยวต้องค้นข้อมูลสักหน่อย ขอแค่ไม่ใช่ตระกูลจากตงหู เจ้าเด็กคนนี้ พรุ่งนี้ฉันจะจับตาสังเกตอย่างดี”

อาจารย์คนอื่นไม่ปริปากพูดอะไร ตอนนี้พูดมากไปไม่มีประโยชน์ พรุ่งนี้ก็รู้กันแล้ว

อีกอย่าง แม้คนที่หลอมกระดูกครั้งที่สามแล้วจะนับว่ายอดเยี่ยม แต่ถ้าเขาอาศัยการอัดยาบำรุงอย่างเดียว คนแบบนี้คงไม่น่าสนใจอะไร อย่างมากแค่สามารถเข้าสู่ระดับกลางเร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น ทั้งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ได้ขาดแคลนผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางเสียหน่อย

—————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด