ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (1)

อ่านนิยายจีนเรื่อง ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (1) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 118 ยามสงบเตรียมระวังภัย (1)

พูดคุยกับถานเจิ้นผิงครู่หนึ่ง ก่อนฟางผิงจะปฏิเสธการเชื้อชวนกินข้าวของอีกฝ่าย

เขานัดกับสองพี่น้องตระกูลถานแล้วว่าจะเจอกันที่หน้าประตูโรงเรียนตอนบ่าย ฟางผิงและพ่อออกจากบ้านพักของถานเจิ้นผิงพร้อมกัน

พอฟางผิงจากไปแล้ว ถานเจิ้นผิงพึมพำว่า “หลังจากนี้วงจรชีวิตคงไม่เดิมอีกแล้ว”

นับตั้งแต่ฟางผิงบอกว่าเขาฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายตายไปสองคน ถานเจิ้นผิงก็ตระหนักได้ว่า ทุกคนไม่ได้เหมือนกันอีกแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปอย่างพวกเขา ฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งและอำนาจเท่านั้น

แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นรองผู้อำนวยการกองการศึกษา ถานเจิ้นผิงรู้ว่า ผู้ฝึกยุทธ์มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว

ยังมีผู้ฝึกยุทธ์อีกประเภทที่เข้าสู่เส้นทางศิลปะการต่อสู้ กลับไม่ใช่เพื่อตำแหน่งอำนาจหรือมีปราณสูงเพียงอย่างเดียว

ถานเจิ้นผิงจัดผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้อยู่ในกลุ่มสู้รบจริง

ผู้ฝึกยุทธ์ในกลุ่มสู้รบจริงและผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเขาน้อยครั้งที่จะมาอยู่ในวงโคจรเดียวกัน…

หากพูดตรงๆ หน่อย ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบจริงพวกนั้นแทบจะดูแคลนพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นไม่มองพวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ

มองลูกชายทั้งสองคนแล้ว ถานเจิ้นผิงที่เดิมทีรู้สึกอิจฉาฟางผิงอยู่บ้าง

คิดดูดีๆ แล้ว กลับรู้สึกว่าลูกชายเป็นเหมือนตัวเองนั้นถือว่าไม่เลวแล้ว

ฟางผิงพูดเหมือนผ่อนคลาย แต่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยก็สู้เอาเป็นเอาตายกับคนอื่นแล้ว

ถานเจิ้นผิงไม่อยากให้วันหนึ่งวันใดลูกชายของตัวเองถูกคนฆ่าตายขึ้นมา

ตอนแรกยังอยากพูดให้ตั้งใจเรียนเอาอย่างฟางผิงสักหน่อย ตอนนี้ถานเจิ้นผิงไม่เอ่ยปากถึงเรื่องนี้อีกแล้ว

ช่วงบ่ายฟางผิงได้เจอกับพวกอู๋จื้อหาว หยางเจี้ยนและหลิวรั่วฉี

ทุกคนต่างมีการพัฒนา ตอนที่สอบเกาเข่าหลายคนมีปราณประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบแคล ต่ำสุดแค่หนึ่งร้อยสิบห้าแคลเท่านั้น

ตอนนี้ผ่านไปห้าเดือน ฝึกเคล็ดวิชาหลอมกระดูกและจวงกง ปราณจึงแตะอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยสามสิบแคล

เพื่อนเก่ากลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกคนต่างอารมณ์ดีอย่างยิ่ง

คุยกันไปคุยกันมาก็ไปโผล่ที่เรื่องปัญหาของทรัพยากร อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างจนใจ “มหาวิทยาลัยหนานเจียงให้รางวัลสามสิบแต้ม ไม่ถือว่าน้อย แลกยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งได้สองเม็ด แต่ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งหนึ่งเม็ด ใช้สิบห้าแต้ม ยาเสริมสร้างกระดูกขั้นหนึ่ง ยี่สิบห้าแต้ม รวมกับปกติพวกเราฝึกวิชาสั่งสมปราณถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคล อย่างน้อยยังต้องมียาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาห้าเม็ด ใช้อีกสามสิบแต้มถึงจะพอ เมื่อคำนวณแล้ว ต้องใช้เกือบเจ็ดสิบแต้ม ยังขาดอีกค่อนข้างเยอะ แม้ปกติจะมีรางวัลจากการสอบอยู่บ้าง แต่ทั้งปีเต็มที่สุดก็ยี่สิบแต้ม พวกเรายังต้องออกเงินเองประมาณสี่แสนหยวน ถึงจะมีโอกาสเก็บทรัพยากรเพื่อทะลวงขั้นหนึ่งได้ เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ค่าใช้จ่ายพวกนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย”

แต้มคะแนนของมหาวิทยาลัยหนานเจียงต้องใช้เงินสดแลกเปลี่ยนปราณสองหมื่นนิดๆ

พวกอู๋จื้อหาวอยากทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อย่างน้อยเขายังต้องเพิ่มเงินตัวเองเข้าไปอีกสี่ถึงห้าแสนหยวน

นี่จึงเป็นสาเหตุที่นักศึกษาศิลปะการต่อสู้หลายคนยืดเยื้อไม่อาจทะลวงด่านได้สักที

อู๋จื้อหาวพูดแบบนี้ พวกหลิวรั่วฉีต่างจนใจอยู่บ้างเช่นกัน

หยางเจี้ยนครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “ช่วงนี้มหาวิทยาลัยเทียนหนานเปิดคลาสฝึกพิเศษสำหรับเด็กใหม่ ได้ยินว่าถ้าเข้าร่วมจะได้แต้มเป็นรางวัลนิดหน่อย ฉันอยากลองเข้าเรียนสักหน่อย มหาวิทยาลัยหนานเจียงมีคลาสแบบนี้หรือเปล่า?”

“คลาสฝึกพิเศษ?”

อู๋จื้อหาวเอ่ยอย่างแปลกใจ “พวกนายมีเหมือนกันเหรอ? พวกเราก็มี แต่รับคนค่อนข้างเข้มงวด อย่างน้อยต้องมีปราณประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบแคล ทั้งต้องฝึกจวงกงถึงระดับหนึ่งก่อน”

พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ ฟางผิงค่อยเอ่ยอย่างฉงนใจเล็กน้อย “คลาสฝึกพิเศษ? เข้ามหาวิทยาลัยศิละการต่อสู้แล้ว ยังมีคลาสฝึกพิเศษอีกทำไม?”

การเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่เหมือนที่อื่น อาจารย์หนึ่งคนสอนนักศึกษาไม่เยอะอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคลาสฝึกพิเศษขึ้นมาเสียหน่อย?

“ไม่รู้ ฉันยังอยู่ห่างไกลจากคลาสฝึกพิเศษอยู่บ้าง ไม่ได้ฟังมาเท่าไหร่”

อู๋จื้อหาวตอบส่งๆ หยางเจี้ยนกลับเอ่ยว่า “ได้ยินว่าคลาสฝึกพิเศษมีไว้บ่มเพาะกลุ่มนักศึกษาหัวกะทิ ประเภทที่สู้รบจริงได้อะไรแบบนั้น”

“อย่างนั้นเหรอ?”

ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ถามลงลึกอะไรอีก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นที่รวมตัวของเด็กเรียนดี ให้สิทธิพิเศษสอนเด็กใหม่เพื่อให้พร้อมกับการสู้รบจริงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ทุกคนพูดคุยกันวุ่นวาย สรุปแล้วบรรยากาศของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปนั้นดีกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังอยู่บ้าง

ไม่ตึงเครียดเกินไป ทุกคนมีเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน

ในมหาวิทยาลัยทั่วไป ทุกคนคิดอยากจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จบการศึกษาได้ด้วยขั้นสองนั้นถือว่าดีแล้ว หากไม่ได้ก็ขั้นหนึ่ง

มหาวิทยาลัยเพิ่งจะเปิดเรียน พวกเขายังมีเวลาเตรียมตัวอีกมาก

ตอนนี้มหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ทั่วไปพวกนี้ ในหมู่นักศึกษาใหม่แทบไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวเลย ทุกคนต่างไม่มีแรงกดดันจนเกินไป

ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เด็กใหม่ล้วนมีแรงกดดัน มีคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมาก

แต่ทุกมหาวิทยาลัยต่างมีนักศึกษาที่โดดเด่น เทียนหนานและหนานเจียงตอนนี้มีนักศึกษาที่ปราณเกินหนึ่งร้อยห้าสิบแคล กำลังบ่มเพาะปราณเพื่อหลอมกระดูกครั้งที่สอง

ทุกคนพูดคุยกันพักหนึ่ง เวลานี้ก็พูดถึงเรื่องที่ฟางผิงทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วย

ตอนนี้เรื่องที่ฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่ความลับอีกแล้ว แค่มีคนรู้น้อยเท่านั้น

แม้ทุกคนจะอิจฉาก็ทำได้แค่นั้น แต่ฟางผิงปราณแตะที่หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคลตั้งแต่ห้าเดือนก่อนแล้ว ตอนนี้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ถือว่าน่าตกใจอะไร

เป็นนักศึกษาสายศิลปะการต่อสู้ทั้งหมด กินเลี้ยงกันตอนเย็น ทุกคนต่างไม่มีใครดื่มเหล้า

แอลกอฮอล์ทำให้เส้นประสาทชาได้ง่าย ทำให้ความสามารถโต้ตอบช้าลง เมื่อไม่ดื่มเหล้า ทุกคนจึงสลายตัวกันอย่างรวดเร็ว

กลับมาถึงบ้าน ฟางผิงไม่ลืมจะฝึกวิชาตามปกติ

เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นอยู่กับการหมั่นฝึกฝน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ไม่อาจนำมาเป็นข้ออ้างหยุดการฝึกวิชาได้

รอการฝึกวิชาตอนเย็นสิ้นสุด ฟางผิงมองพลังของตัวเอง พบว่ามีการพัฒนาขึ้นมาอีกครั้ง

ทรัพย์สิน : 6,100,000

ปราณ : 265 แคล (271 แคล)

จิตใจ : 235 เฮิรตซ์ (240 เฮิรตซ์)

เมื่อวานฟางผิงได้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งสี่เม็ดจากพวกหลิวหย่งเหวิน ทำให้ทรัพย์สินขึ้นมาแปดแสนหยวน ค่าทรัพย์สินจึงเพิ่มขึ้นถึงหกล้านอีกครั้ง

ตอนนี้การหลอมกระดูกของฟางผิงมีการพัฒนาเช่นกัน หลอมกระดูกข้างขวายี่สิบเจ็ดชิ้นแล้ว เมื่อถึงสามสิบเอ็ดชิ้นก็เป็นอันเสร็จสิ้น

นอกจากพัฒนาการด้านศิลปะการต่อสู้ ตอนนี้ในมือฟางผิงยังมียาบำรุงอีกไม่น้อย

ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหกเม็ด ขั้นหนึ่งสิบเอ็ดเม็ด ขั้นสองหนึ่งเม็ด

นอกจากนี้ยังมีรองเท้าโลหะผสมระดับ E หนึ่งคู่ สนับมือระดับ D หนึ่งอัน เมื่อวานการประลองบนเวทีสนับมือยังไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่

แต่ฟางผิงใช้หมัดที่ยังไม่ได้หลอมกระดูก กลับสามารถทำให้แขนซ้ายของเฉินกั๋วหลงที่หลอมแล้วบาดเจ็บได้โดยง่าย

ประสิทธิภาพของอาวุธจึงค่อยแสดงออกมาให้เห็น!

“ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหกเม็ดกับขั้นหนึ่งสิบเอ็ดคงไม่ได้ใช้ ขั้นสองต้องเก็บไว้ใช้ทะลวงด่าน ยาบำรุงเลือดและปราณที่เหลือต้องหาวิธีขายสักหน่อยแล้ว”

อย่างแรกเพื่อรวบรวมเงินสด ใช้ขยับขยายจุดส่งของ

ตอนนี้มีจุดส่งของไม่กี่แห่ง กระทั่งเมืองมหาวิทยาลัยยังไม่ครอบคลุม ทำให้คนอื่นเข้าถึงได้ยาก

ข่าวที่เหล่าหม่าทะลวงเป็นปรมาจารย์ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง

ในเมื่อกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว ต่อไปอาลีบาบาคงขยับขยายกิจการไปอีก ฟางผิงต้องตามจังหวะให้ทัน

อย่างที่สองเพื่อเพิ่มค่าทรัพย์สินให้มากขึ้น

ยาบำรุงเลือดและปราณทั่วไป ระบบคำนวณเป็นเงินเจ็ดหมื่นหยวน ขั้นหนึ่งคำนวณเป็นเงินสองแสนหยวน

ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหกเม็ดและขั้นหนึ่งสิบเอ็ดเม็ด รวมเป็นค่าทรัพย์สินถึงสองล้านหกแสนสองหมื่นหยวน

ถ้าขายออกไปได้สูงกว่านี้อีก ระบบจะชดเชยส่วนต่างให้ สามารถทำให้เขาเพิ่มค่าทรัพย์สินของตัวเองได้อีก

———————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด