Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 15 เสียงปลาโลมา

อ่านนิยายจีนเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ตอนที่ 15 เสียงปลาโลมา อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนเย็นหลังเลิกงาน

ในที่สุดหลินเยวียนก็ฟังเสียงของทั้ง 106 คนจบ

ฟังเสียงของทั้ง 106 คนจบ หลินเยวียนถึงได้ตระหนักได้อย่างถ่องแท้ว่าทำไมฉินโจวถึงได้ชื่อว่าเป็นมาตุภูมิแห่งดนตรี

แต่ละคนร้องเพลงเก่งมาก!

เห็นๆ อยู่ว่ารายชื่อที่จ้าวเจวี๋ยส่งมาทั้ง 106 คนนั้นล้วนเป็นนักร้องหน้าใหม่ ค่อนหนึ่งของทั้งหมดถึงขั้นยังไม่ได้เดบิวต์ แต่หากพูดถึงความสามารถในสายอาชีพ คุณภาพโดยเฉลี่ยนั้นเหนือชั้นกว่าบนโลกไปมากทีเดียว

และหลังจากที่ได้ฟังเสียงของคนเหล่านี้วนไปรอบหนึ่งแล้ว หลินเยวียนก็หาผู้ช่วยงานที่จะมาลองร้องเพลง ‘ปลายักษ์’ สามคนได้สำเร็จ

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อนเลย

เย็นวันนั้น หลินเยวียนโทรศัพท์หาจ้าวเจวี๋ย และบอกรายชื่อแคนดิเดตในรอบแรกของตนไป

“หวังผิง เจียงขุย เว่ยเสี่ยวซิน…”

เมื่อได้ยินหลินเยวียนอ่านสามชื่อซึ่งไม่ค่อยคุ้นเคยออกมา จ้าวเจวี๋ยพูดว่า “คนที่เธอเลือกเหมือนว่าจะเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่ได้เดบิวต์?”

“อื้ม”

เด็กคนนี้ น่าสงสัยจริงๆ

คงจะไม่ใช่เพราะจะได้แบ่งเงินให้เด็กใหม่น้อยๆ หรอกใช่ไหม

จ้าวเจวี๋ยข่มความคลางแคลงใจ พูดออกไปว่า “พรุ่งนี้ฉันจะแจ้งสามคนนี้ว่าให้ไปรอเธอที่สตูดิโอ เธอลองทดสอบดู ถ้ายืนยันตัวแล้วก็เริ่มอัดเสียง แต่ว่าเรื่องตรวจสอบของบริษัทต้องพึ่งตัวเธอเอง ถ้าไม่ผ่านการตรวจสอบ เธออัดเพลงไปก็เสียเปล่า”

“ครับ”

แล้วบทสนทนาของทั้งสองจบลง

วันที่สอง ณ สตูดิโอชั้นเก้าของบริษัท

เด็กใหม่ทั้งสามคน หวังผิง เจียงขุย และเว่ยเสี่ยวซินนั่งตัวตรงแหน็วอยู่ที่เก้าอี้หน้าประตู ใบหน้าเครียดขึง ราวกับคนสมัครงานกำลังรอสัมภาษณ์อย่างไรอย่างนั้น

‘อึกๆๆๆๆๆๆ’

เพื่อที่จะรักษาให้เสียงอยู่ในสภาพที่ดี เจียงขุยจึงดื่มน้ำหมดไปหนึ่งขวดใหญ่เต็มๆ

ทว่าดื่มน้ำไปก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาความประหม่าของเธอได้เลย

เมื่อเย็นวาน ผู้จัดการก็แจ้งเธอว่าวันนี้ต้องมาออดิชันที่บริษัทอย่างกะทันหัน เพราะเซี่ยนอวี๋อาจเลือกเธอเป็นคนร้องเพลงใหม่

เมื่อรู้ข่าวนี้ เจียงขุยก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะเข้าบริษัทได้ไม่ถึงหนึ่งปี จู่ๆ โอกาสเดบิวต์ของตนก็มาถึงแล้ว

รู้สึกราวกับถูกล็อตเตอรี่ และก็ราวกับว่าสวรรค์ส่งกล่องของขวัญลงมาให้

ยิ่งไปกว่านั้น นักแต่งเพลงก็คือเซี่ยนอวี๋เชียวนะ!

เดือนพฤศจิกายนยังไม่สิ้นสุดลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ที่เซี่ยนอวี๋แต่งนั้นค้างเติ่งอยู่อันดับที่หนึ่งในชาร์ตดาวรุ่งจนถึงวันนี้ ยอดดาวน์โหลดก็ทิ้งช่วงห่างอันดับสองไปถึงสามหมื่นแล้ว!

ฝีมือของเซี่ยนอวี๋เป็นที่ประจักษ์แล้ว

ตอนนี้ผลงานเดบิวต์ของเธอมีหวังจะได้ร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ เจียงขุยจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไงล่ะ

เธอในฐานะเด็กใหม่ ยังไม่เข้าใจว่าไม่ใช่ว่าทุกเพลงของนักประพันธ์เพลงจะแตะถึงมาตรฐานเดียวกัน และไม่รู้จักด่านหินสำคัญของการปล่อยเพลงที่เรียกว่าการตรวจสอบเพลง

เธอรู้เพียงว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ตนจะต้องคว้ามาให้ได้!

ไม่ใช่แค่เจียงขุย

หวังผิงกับเว่ยเสี่ยวซินซึ่งยังอยู่ในระดับเด็กใหม่เช่นเดียวกับเจียงขุย ในตอนนี้ก็มีสภาพจิตใจคล้ายคลึงกัน

หลินเยวียนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นเก้า เจ้าหน้าที่สตูดิโอรู้จักเขา รีบเข้ามาต้อนรับทันทีด้วยใบหน้าท่าทางยิ้มแย้ม “อาจารย์เซี่ยนอวี๋ มาแล้วเหรอคะ/ครับ”

“เซี่ยนอวี๋?”

ทั้งสามคนมองมายังหลินเยวียน นึกไม่ถึงว่าเซี่ยนอวี๋จะอายุน้อยขนาดนี้ นักประพันธ์เพลงส่วนใหญ่ที่มีผลงานระดับนี้ อายุอานามมักจะเกินสามสิบกันทั้งนั้น

อายุต่ำกว่าสามสิบก็ใช่ว่าจะไม่มี แค่หาได้น้อยเหลือเกิน

“ลำบากแล้วครับ”

หลินเยวียนพยักหน้าให้พนักงาน ก่อนจะพูดว่า “คนไหนคือหวังผิงเหรอครับ เชิญเข้าไปข้างใน พวกเราจะทดสอบเสียงกัน”

“ผมครับ!”

หวังผิงผุดตัวลุกพรวดขึ้นทันที

เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในทั้งสามคน

หลินเยวียนพยักหน้า เดินเข้าไปในห้องควบคุมเสียงของสตูดิโอพร้อมกับเจ้าหน้าที่ นั่งลงบนเก้าอี้หน้าแผงควบคุมเสียงอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะสวมหูฟัง

“สวัสดีอาจารย์เซี่ยนอวี๋”

หวังผิงเข้าไปในห้องอัดเสียง สูดหายใจเข้าลึก กล่าวแนะนำตัวว่า “ช่วงเสียงของผมคือเคาน์เตอร์เทเนอร์ D1 ถึง D3 ครับ”

“อืม”

หลินเยวียนพูดว่า “ด้านหน้าของคุณมีโน้ตเพลงกับเนื้อเพลง ให้คุณสามนาที ลองร้องสองประโยคในท่อนคอรัสก่อน ผมอยากได้ความรู้สึกเหนือจริงที่ใสแล้วก็ชัด”

“ครับ”

หวังผิงเตรียมตัวสามนาที จากนั้นก็เริ่มลองร้องสองประโยคแรก “เกลียวคลื่นสงัดพัดกลืนม่านราตรี ถั่งโถมมุมหนึ่งสุดเส้นขอบฟ้า…”

ร้องจบสองประโยค

หลินเยวียนก็บอกว่า “ท่อนเวิร์สไม่ต้องร้องต่อแล้วครับ ร้องท่อนคอรัสต่ออีกสองประโยค ก็คือตรงท่อน ‘กลัวเธอโบยบินไปแสนไกล กลัวเธอจะห่างไกลจากฉัน กลัวยิ่งกว่าว่าเธอจะรั้งอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์’”

เขาร้องด้วยตนเองรอบหนึ่ง

ถึงหมอจะบอกว่าคอของเขาร้องเพลงไม่ได้แล้ว แต่หลินเยวียนเทียบคีย์ทั่วไปสักสองประโยคย่อมไม่ใช่ปัญหา

ที่บอกว่าร้องเพลงไม่ได้ แค่หมายถึงเขาไม่สามารถฝึกร้องเพลงได้ทุกวันเหมือนนักร้องอาชีพ และไม่สามารถสำแดงเสียงสูงที่ตนเคยเชี่ยวชาญได้ก็เท่านั้น เพราะคอของเขาแบกรับพลังเสียงสูงระดับนั้นไม่ไหว

“ได้ครับ อาจารย์เซี่ยนอวี๋”

หวังผิงทำตามสิ่งที่หลินเยวียนต้องการอีกครั้ง

ถึงอย่างไรในรายชื่อคนที่หลินเยวียนเรียกมาออดิชัน เสียงของหวังผิงนั้นไพเราะมาก ทั้งเวิร์สและคอรัสเขาล้วนควบคุมได้ยอดเยี่ยม

หลินเยวียนพยักหน้า “หลังจากนั้นก็ลองท่อนเอื้อน แล้วก็เป็นช่วงเสียงสูงตอนใกล้จบเพลง”

ในเพลง ‘ปลายักษ์’ มีท่อนเสียงขึ้นจมูกที่ไพเราะมาก ผู้คนเรียกเสียงขึ้นจมูกเช่นนี้ว่า ‘เสียงปลาโลมา[1]’ แต่ศัพท์เฉพาะทางนั้นไม่มีบัญญัติคำว่า ‘ปลาโลมา’

สิ่งที่เรียกว่า ‘เสียงปลาโลมา’ นั้น ศัพท์เฉพาะทางเรียกว่า ‘เสียงหวีด’

เสียงประเภทนี้เป็นวิธีการเปล่งเสียงสูงซึ่งพ่นลมหายใจผ่านช่องเล็กระหว่างเส้นเสียงกับคอ เป็นวิธีการร้องเสียงสูงประเภทหนึ่งซึ่งใช้ใส่ลูกเล่นในบทเพลง

และเป็นขอบเขตของความถี่ที่สูงที่สุดซึ่งมนุษย์สามารถเปล่งได้ในตอนนี้

นอกจากวิธีการร้อง ‘เสียงกระดูกโคนลิ้น’ แล้ว ก็ยังไม่มีวิธีร้องอื่นที่สูงไปกว่าเสียงหวีด ฉะนั้นท่อนนี้จึงยากกว่าท่อนอื่นๆ ด้านหน้า

“อ่าอาอ๊า~อาอ่า~อ่าอ๊าอา~อ่าอา”

การร้องของหวังผิงทำให้รู้สึกปวดใจอยู่บ้าง นี่ไม่ใช่เสียงปลาโลมา เรียกว่าเป็นปลาโลมาจะเหมาะกว่า

หลินเยวียนเรียกให้หยุดทันที “เสียงของคุณเกร็งเกินไป ต้องผ่อนอีกหน่อยครับ แล้วก็เทคนิคฟอลเซ็ตโททั้งหมด คุณใช้ฟอลเซ็ตโทร้องท่อนนี้หน่อยได้มั้ยครับ”

“ไม่ได้ครับ…”

หวังผิงส่ายหน้าอย่างหดหู่ ช่องเสียงของเขาแคบไปเล็กน้อย คุมเสียงหวีดออกจะฝืนเกินไป

“ขอบคุณครับ”

หลินเยวียนบอก “คุณเรียกเว่ยเสี่ยวซินเข้ามาเถอะ”

“ได้ครับ ขอบคุณครับอาจารย์เซี่ยนอวี๋”

หวังผิงก้มหน้าเดินจากไป

ไม่นานเว่ยเสี่ยวซินก็เข้ามาในห้องอัด

หลังจากแนะนำตัวสั้นๆ ขั้นตอนการออดิชันก็เริ่มต้นขึ้นทันที

จากมาตรฐานการทำผลงานในครั้งนี้ เว่ยเสี่ยวซินดีกว่าหวังผิงอย่างไม่ต้องสงสัย รวมไปถึงเสียงหวีดซึ่งเว่ยเสี่ยวซินก็ทำได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง

ทว่าหลังจากฟังการออดิชันจบ หลินเยวียนก็ยังขมวดคิ้วอยู่บ้าง

ระดับของเว่ยเสี่ยวซิน เรียกได้เพียงว่าพอถูๆ ไถๆ ให้ผ่านเกณฑ์ไปได้เท่านั้น

ร้องเสียงหวีดได้ กับร้องเสียงหวีดได้เพราะนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

คนที่ร้องเสียงหวีดได้มีตั้งเยอะแยะ ทำไมวีตัส[2]ถึงได้รับคำชมล้นหลามจากทั้งมืออาชีพและผู้ฟังทั่วทั้งโลกล่ะ

หนึ่งในเหตุผลสำคัญก็คือคุณภาพเสียงหวีดของวีตัสนั้นไพเราะมาก

คุณภาพของเสียงนั้นเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิด ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้หลังจากนั้น คุณภาพเสียงของเว่ยเสี่ยวซินไม่มีปัญหา ทว่าส่วนของเสียงหวีดนั้น คุณภาพเสียงของเธอยังไม่ถึงขั้นที่หลินเยวียนต้องการ

ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสายงานเฉพาะทางอาจฟังไม่ออก

แต่โสตประสาทของหลินเยวียนกลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างเสียงนี้กับต้นฉบับทันทีที่ได้ฟัง เขาทำได้เพียงลอบถอนใจกับตัวเอง บอกว่า “รบกวนแล้วครับ ให้อีกคนเข้ามาเถอะ”

อันที่จริง เสียงแบบเว่ยเสี่ยวซินก็สามารถปรับแก้ได้ในขั้นตอนหลัง

เธอได้แตะถึงมาตรฐานขั้นต่ำที่สุดที่หลินเยวียนมีต่อผู้ช่วยงานแล้ว

แต่หลินเยวียนก็ยังเลือกคนโดยยึดหลักการว่าถ้าไม่อยากสร้างความลำบากให้ซาวด์เอนจิเนียร์ ก็อย่าหางานให้ซาวด์เอนจิเนียร์เพิ่มมากขึ้น

“ขอบคุณค่ะอาจารย์”

เว่ยเสี่ยวซินก็เดินจากไปอย่างผิดหวัง

หลังจากนั้นก็เป็นเด็กผู้หญิงชื่อว่าเจียงขุย

เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ทันทีที่เข้ามาก็ลนลานรีบปรับระดับความสูงของไมโครโฟน ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่พากันขบขัน

“สวัสดีค่ะอาจารย์”

เด็กสาวเอ่ยอย่างตกประหม่า “ฉันชื่อเจียงขุย ช่วงเสียงอยู่ที่ G2 ถึง C6 ค่ะ…”

“เสียงผู้หญิง C สูง?”

เจ้าหน้าที่บันทึกเสียงคนหนึ่งเลิกคิ้ว

เจ้าหน้าที่ด้านข้างอีกคนหนึ่งส่งเสียง พูดว่า “ช่วงเสียงกว้างพอ ร้องเสียงหวีดไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าคุณภาพเสียงจะแตะถึงระดับที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋ต้องการหรือเปล่า”

“เริ่มเลยครับ”

หลินเยวียนขอให้เธอทำเหมือนกับสองคนก่อนหน้าอีกครั้ง

“ได้ค่ะ”

เด็กสาวตัวเล็กกระแอมเล็กน้อย แล้วเริ่มร้องเพลง

ด้านหน้าไม่มีปัญหาเฉกเช่นสองคนก่อนหน้า ถึงขั้นที่ดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะเสียงของเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ไม่เพียงใสและกังวาน ขณะเดียวกันก็ยังเจือด้วยเนื้อเสียงของนักร้องชายเล็กน้อย นี่เป็นคุณสมบัติของเสียงซึ่งมีมาแต่กำเนิด

“ดีมาก”

หลินเยวียนกล่าวชมเชย “ลองร้องท่อนเอื้อนหน่อยครับ ย้ำนะครับว่าผมต้องการเสียงหวีด ไม่ใช่เทคนิคเฮดวอยซ์”

พูดจบ หลินเยวียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

ถ้าหากเด็กสาวคนนี้ไม่ผ่านเกณฑ์ เขาก็ทำได้แค่ต้องให้เว่ยเสี่ยวซินแต่งเสียงแล้ว หรืออาจต้องไปหาคนจากบรรดานักร้องซึ่งได้เดบิวต์และพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว

อย่างนั้นส่วนแบ่งก็จะหายไปอีกเท่าไหร่กันนะ

จริงๆ แล้วการแต่งเสียงคงจะคุ้มราคากว่าล่ะมั้ง?

ระหว่างที่หลินเยวียนกำลังขมวดคิ้วจมอยู่ในห้วงความคิด เด็กสาวก็เริ่มร้องท่อนเอื้อนแล้ว เสียงหวีดใสเสนาะหูดังขึ้นในโสตประสาท

แววตาของหลินเยวียนค่อยๆ เป็นประกายขึ้นมา

เขารู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องแบ่งเงินกับนักร้องที่เดบิวต์แล้ว

ผู้ช่วยงานคนที่สาม ผ่านเกณฑ์!

เจ้าหน้าที่อัดเสียงทั้งสองคนสบตา และพยักหน้าพร้อมกัน

ว่ากันตามภาพรวมของเสียงแล้ว เด็กสาวตัวเล็กคนนี้ดีที่สุด สองคนก่อนหน้านี้ดูด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเธอ

หลินเยวียนพูดว่า “คุณชื่อเจียง…”

เด็กสาวรีบตอบว่า “เจียงขุย ฉันชื่อเจียงขุยค่ะ”

หลินเยวียนพยักหน้า ตัดสินใจเด็ดขาด “ดี เจียงขุย เดี๋ยวผมจะเอาโน้ตเพลงทั้งหมดให้คุณ หวังว่าคุณจะจำเพลงนี้ให้ขึ้นใจโดยเร็วที่สุด วันเสาร์หน้าเริ่มอัดเสียงอย่างเป็นทางการนะครับ”

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์”

เจียงขุยลอบชูสองนิ้วไว้ด้านหลัง ความตื่นเต้นดีใจบนใบหน้ายากที่จะเก็บซ่อน “ฉันจะพยายามค่ะ!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด