Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 106 อย่าหวังว่าจะปลุกฉันให้ตื่นเลย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ตอนที่ 106 อย่าหวังว่าจะปลุกฉันให้ตื่นเลย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 106 อย่าหวังว่าจะปลุกฉันให้ตื่นเลย

เมื่อกลับถึงบ้าน หลินเยวียนเริ่มขบคิดปัญหาเหล่านี้

เพราะความโด่งดังของเพลงกุหลาบแดง เขาจึงได้สัญญาฉบับใหม่สำเร็จ ขณะเดียวกันนั่นก็หมายความ ว่าในมือของเขาก็ไม่มีเพลงเป็นการชั่วคราว

ต้องสั่งทำหรือเปล่านะ

หรือว่ายังไม่ต้องรีบร้อนดี

ภารกิจชมรมจิตรกรรมของระบบยังทำไม่สำเร็จเลย

ภารกิจชมรมจิตรกรรมนี้ได้กล่องสมบัติเป็นรางวัล ถ้ากล่องสมบัติเปิดออกมาเป็นบทเพลง ก็จะประหยัดค่าสั่งทำเพลงไปอีกห้าแสนหยวนไม่ใช่เหรอ

นอกจากนั้นแล้ว เพลงความฝันแรกยังไม่ได้เผยแพร่!

ถึงแม้เพลงนี้ตอนปล่อยออกไปช่วงแรกอาจต้องซ่อนตัวตนของเซี่ยนอวี๋ แต่ค่าความโด่งดังที่เพลงความฝันแรกได้รับ ท้ายที่สุดแล้วก็จะกลับคืนสู่ตัวหลินเยวียนเอง

สำหรับหลินเยวียน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ถึงอย่างไรคนอย่างเขาทำอะไร แต่ไหนแต่ไรมาไม่ได้แสวงหาชื่อเสียง

เขาแสวงหาผลประโยชน์

ค่าความโด่งดังโอนเข้าบัญชีก็พอแล้ว

ส่วนรายละเอียดว่าซย่าฝานจะปล่อยเพลงความฝันแรกเมื่อไหร่นั้น หลินเยวียนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง

นี่เป็นเรื่องของซย่าฝาน

ถ้าซย่าฝานอยากร้องเพลงนี้ตอนประกวด ก็ร้องเพลงนี้ตอนประกวด ถ้าอยากรอให้เดบิวต์อย่างเป็นทางการแล้วค่อยปล่อยเพลง งั้นก็รอปล่อยเพลงตอนเดบิวต์อย่างเป็นทางการ

สำหรับหลินเยวียนแล้วก็เหมือนกันหมด ค่าความโด่งดังอาจมาช้า แต่ก็ไม่มีทางไม่มาเลย

ฟุ้งซ่านอยู่ชั่วขณะ

หลินเยวียนก็ตบตักอย่างแรง “แย่แล้ว!”

จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ ว่าภารกิจค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมคล้ายว่าจะมีข้อจำกัดด้านเวลา

หลินเยวียนจึงรีบร้องเรียกระบบ “ภารกิจของฉันยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่”

ระบบตอบ “เวลาที่เหลือให้โฮสต์มีไม่มากแล้ว เหลืออีกสองสัปดาห์ก่อนจะถึงเวลาที่กำหนดของภารกิจ”

หลินเยวียนตะลึงงัน

เหลือเวลาน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ

ก่อนหน้านี้ช่วยเพื่อนร่วมชั้นอัดทำนองเปียโน แล้วก็อัดเพลงกุหลาบแดงให้ซุนเย่าหั่ว บวกกับทำงานในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ละสิ่งอย่างล้วนประวิงเวลาของเขา พลอยให้เวลาทำภารกิจของตนไม่ค่อยพอ

หลินเยวียนดูความคืบหน้าของภารกิจ ก่อนจะผ่อนลมหายใจแผ่วเบา

ค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมในปัจจุบันอยู่ที่แปดร้อย ในตอนนี้ห่างจากเป้าหมายค่าความโด่งดังหนึ่งพันอีกเพียงสองร้อย

ยังห่างอยู่ไม่มาก

รวบรวมสมาธิสักตั้ง แล้วทำภารกิจให้สำเร็จก่อนเถอะ

ถึงแม้ภารกิจระบบจะไม่มีการลงโทษหากทำไม่สำเร็จ แต่สำหรับหลินเยวียนแล้ว การพลาดกล่องสมบัติไปก็คือการถูกลงทัณฑ์ครั้งใหญ่

เมื่อนึกถึงตรงนี้

หลินเยวียนก็ดูตารางเรียนซึ่งบันทึกไว้ในโทรศัพท์ คลาสแรกของช่วงสายวันพรุ่งนี้คือวิชาเปียโนของอาจารย์หวง คาบที่สองคือวิชาพละ…

“โดดได้”

หลินเยวียนตัดสินใจแล้ว

สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยทุกวันนี้ การโดดเรียนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงแม้หลินเยวียนจะโดดเรียนน้อยมาก แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์พิเศษ การโดดเรียนไม่ได้เป็นภาระทางจิตใจของเขาสักเท่าไหร่

ส่วนการลาหยุด…

อย่างไรซะ หลินเยวียนก็รู้สึกว่าการลาหยุดเพื่อทำภารกิจของระบบไม่ค่อยเหมาะ ไม่สู้โดดเรียนไปแบบสบายใจเลยดีกว่า

เมื่อคิดเช่นนี้

ในวันต่อมาหลินเยวียนก็ตรงมายังชมรมจิตรกรรม

คนในชมรมช่วงสายนั้นมีไม่มาก ถึงอย่างไรคณะวิจิตรศิลป์ก็ยังมีเรียนกันอยู่ แต่ก็มักจะมีนักศึกษาที่ไม่มีเรียนเข้าชมรม

ตัวอย่างเช่นคนที่มอบสมญานามให้ตนเองว่าเป็นศิษย์เอกของหลินเยวียนอย่างจงอวี๋ ในตอนนี้ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ในความทรงจำของของหลินเยวียน จงอวี๋คล้ายกับจะใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ชมรมจิตรกรรม

เพราะวิชาเรียนของเขาน้อยที่สุดหรือ?

เปล่า เป็นเพราะจงอวี๋ชอบโดดเรียนต่างหาก

ทันทีที่หลินเยวียนเข้ามา จงอวี๋ก็ปรี่เข้ามาทันที เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านเทพช่วงนี้นายมาชมรมจิตรกรรมน้อยมากเลย สมาชิกชมรมที่คิวนัดติวด้านหลังค้างเยอะสุดๆ”

“ไม่เป็นไร”

หลังจากโดดเรียนมาแล้วหลินเยวียนมีเวลาเหลือเฟือ เขากวาดตาไปที่กลุ่มคนโดยรอบ เอ่ยว่า “วันนี้ผมสอนสิบคน”

ทุกคน “…”

ความฮึกเหิมโผล่มาจากไหนเนี่ย?

หลังจากนั้น ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมา!

ชอบความสู้ไม่ถอยของนายมาก!

คิวนัดหมายล่วงหน้าของคลาสติวหลินเยวียนมีเยอะมาก ใครๆ ก็อยากให้วนถึงคิวตนเองเร็วๆ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าวันนี้หลินเยวียนจะสอนสิบคน ก็ต้องดีใจกันเป็นธรรมดา

……

วันนี้ก็ยังมีวิชาเรียนสเก็ตช์เป็นส่วนมากเหมือนเดิม

นอกจากการสเก็ตช์แล้ว ช่วงเวลานี้ของหลินเยวียน ก็ยังสอนสีกวอชอีกส่วนหนึ่ง แถมทุกคนยังมองออกด้วยว่าฝีมือสีกวอชของหลินเยวียนก็ยอดเยี่ยมมาก

แต่เพราะหลินเยวียนยังไม่เคยแสดงฝีมือสีกวอชให้เป็นประจักษ์ ฉะนั้นทุกคนก็ยังคงลังเลอยู่บ้าง

นอกจากนั้นแล้ว ทุกวันนี้วาดภาพได้ดีเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการสอนได้ดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ฝีมือการวาดภาพสีกวอชของหลินเยวียนดูท่าไม่เลวเลย

แต่นั่นหมายความว่าการสอนสีกวอชของเขาก็ดีเหมือนกันหรือเปล่า?

เมื่อเทียบกันแล้ว ฝีมือการสอนสเก็ตช์ของหลินเยวียนได้รับการประเมินในทางที่ดีอย่างถ้วนหน้า ดังนั้นนักเรียนเหล่านี้ของเขา ร้อยละเก้าสิบมาเพื่อเรียนสเก็ตช์

หลินเยวียนเองไม่ได้เลือก

เอฟเฟกต์ ‘อาจารย์’ เปิดใช้

อยากเรียนอะไรเขาก็สอนแบบนั้น

ทำตามนี้ไปหนึ่งคน สองคน สามคน…

บางทีเอฟเฟกต์อาจารย์อาจใช้งานได้ดีจริงๆ หรือไม่หลายๆ คนที่หลินเยวียนสอนอาจฝึกฝนจนชำนาญแล้ว สรุปแล้วการสอนของหลินเยวียนในตอนนี้รวดเร็วมาก นักเรียนมีมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี่ก็สายมากแล้ว”

ตอนที่หลินเยวียนสอนถึงคนที่สี่ จงอวี๋กระซิบเตือนหลินเยวียนประโยคหนึ่ง

“ท่านเทพวันนี้เหมือนจะมีเรียนไม่ใช่เหรอ?”

หลินเยวียนสอนที่ชมรมจิตรกรรมมานานขนาดนี้ เวลาของเขาแทบจะถูกจงอวี๋จัดการทั้งหมดแล้ว

“วันนี้ผมโดดเรียน”

หลินเยวียนอธิบายหนึ่งประโยค ก่อนจะพูดว่า “คนต่อไปครับ”

……

ขณะเดียวกัน

ในห้องเปียโนของสาขาการประพันธ์เพลง

หวงเปิ่นอวี่กวาดตามองนักศึกษาด้านล่างด้วยความเคยชิน เพื่อประเมินคร่าวๆ ว่ามีคนไม่มาเรียนหรือไม่

ผลคือกวาดตามองอยู่นาน ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ด้วยความประหลาดใจ ว่าวันนี้หลินเยวียนไม่อยู่

โดดเรียนเหรอ?

ถ้าหากเป็นนักศึกษาคนอื่นโดดเรียน หวงเปิ่นอวี่จะต้องกวดขันอย่างเข้มงวด ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าความร้ายแรงของการโดดเรียนเป็นอย่างไร!

แต่หลินเยวียนไม่มา หวงเปิ่นอวี่ไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับตื่นเต้นมากด้วยซ้ำ!

ไม่มาก็ดี

น่าจะไม่มาตั้งนานแล้ว!

หลินเยวียนจะมาทำไมกัน

หรือว่าจะมาสอนฉันเล่นเปียโน?

ด้วยระดับความสามารถแล้ว หวงเปิ่นอวี่กับหลินเยวียนกินกันไม่ลง ทั้งสองคนอยู่ระดับมืออาชีพ และเมื่อพิจารณาถึงอายุของพวกเขาแล้ว หวงเปิ่นอวี่ไม่อยากให้หลินเยวียนมาเสียเวลาในคลาสเรียนของตน

ต่อให้หลินเยวียนไปหาห้องซ้อมเปียโนแล้วเล่นไปเรื่อยเปื่อย ก็ยังได้ประโยชน์กว่ามาเรียนคลาสตน

ในตอนนั้นเอง

ตัวแทนประจำวิชานำใบรายชื่อของชั้นเรียนมาส่งให้กับมือของหวงเปิ่นอวี่ แต่หวงเปิ่นอวี่ไม่ได้เหลือบมอง ก็วาง ลงไปแล้ว

ตัวแทนประจำวิชานึกสงสัย “อาจารย์หวง?”

หวงเปิ่นอวี่ยิ้มบาง “วันนี้ผมไม่เช็กชื่อ”

ตัวแทนประจำวิชาอึ้งไปชั่วขณะ

มีอาจารย์บางคนที่อัตราการเช็กชื่อไม่แน่นอน ทว่าในภาพจำของตัวแทนประจำวิชา หวงเปิ่นอวี่กลับเป็นคนที่คลั่งการเช็กชื่อโดยปราศการการประนีประนอมใดๆ

ทุกคาบเรียนของเขาจำเป็นต้องเช็กชื่อ ใครขาดเรียนจะต้องถูกเขาสั่งสอนอย่างหนัก

เพราะฉะนั้น นักศึกษาสาขาการประพันธ์เพลงต่างก็ไม่กล้าโดดเรียนวิชาของหวงเปิ่นอวี่

วันนี้กลับแปลกชอบกล คนคลั่งการเช็กชื่อกลับไม่เช็กชื่อแล้ว?

หวงเปิ่นอวี่ลอบแสยะยิ้ม

ถ้าวันนี้เช็กชื่อ ฉันก็ต้องจดว่าหลินเยวียนขาดเรียนต่อหน้านักศึกษาทั้งคลาส?

งั้นไม่เท่ากับว่ายกหินมาทุ่มใส่เท้าตัวเองหรอกหรือ

พอถึงตอนนั้นหลินเยวียนก็จะมาเข้าเรียนคลาสเปียโนของตนต่อเพื่อไม่ให้ขาดเรียนจะทำยังไงล่ะ

ดังนั้นง่ายมาก

ไม่เช็กชื่อก็สิ้นเรื่อง

ขอเพียงฉันแกล้งหลับ พวกนายก็อย่าหวังว่าจะปลุกฉันให้ตื่นเลย!

…………………………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด