War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3370

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3370 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3370 : มีชีวิต จึงมีความหวัง

 

เท่าที่เฟิ่งเทียนหวู่จําได้ ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่นางปรากฏตัวในงานทดสอบรับศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง เผยพรสวรรค์ต้องตาพึงใจอาจารย์ จนโดนอาจารย์รับเป็นศิษย์มา อีกฝ่ายก็ไม่เคยชักสีหน้าเคร่งขนาดนี้มาก่อนเลย

 

ที่สําคัญความไม่ยินยอมพร้อมใจที่ฉายอยู่ในส่วนลึกของแววตานั่นคืออะไรกันแน่ สิ่งนี้ทําให้นางบังเกิดความกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

หากไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่มีทางที่อาจารย์ของนางจะมีท่าทีแบบนี้แน่นอน

 

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฟิ่งเทียนหวู่ก็มองอวี่เหวินชิงประมุขนิกายยกระบี่เมฆรุ้ง ศิษย์พี่ของนาง ด้านซือหลิงเองก็มองจ้องอวี่เหวินชิงผู้เป็นอาจารย์เช่นกัน

 

พบเจอกับสายตาสองคู่ของศิษย์น้องกับลูกศิษย์ อวี่เหวินชิงก็กล่าวออกมาเสียงขรึมว่า “เจ้าจดจําได้หรือไม่ว่า ครั้งล่าสุดที่นายน้อยของนิกายระดับ 2 นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งมาเยือนนิกายเรา หลังจากบังเอิญเห็นซื้อหลิงวันนั้น มันก็ได้มาสู่ขอซือหลิงให้ตบแต่งกับมัน…”

 

กล่าวถึงจุดนี้สายตาของอวี่เหวินชิงก็เริ่มฉายความอ่อนโยน มองกล่าวกับต้วนซือหลิงว่า “แล้วตอนนั้นซือหลิงก็ได้ปฏิเสธมันไป…”

 

“ในเมื่อซือหลิงไม่เต็มใจ นิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเราไหนเลยจะให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ แม้มันจะยกอ้างอะไรออกมาพวกเราก็ไม่สน”

 

“นอกจากนั้นเท่าที่ข้ารู้มา นายน้อยของนิกายทะเลเยือกแข็งนั่น เป็นสารเลวชั่วชาติคนหนึ่ง ไม่ทราบอิสตรีกี่มากน้อยที่ถูกมันย่ํายี ข้าที่เห็นซื้อหลิงไม่ต่างอะไรจากลูกสาว แน่นอนว่าไม่มีวันคิดผลักนางลงกองไฟแน่”

 

กล่าวถึงจุดนี้ อวี่เหวินชิงก็เริ่มชักสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง “วันนั้นแม้นายน้อยนั่นจะมีโทสะเพราะถูกข้าปฏิเสธ แต่มันก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากกลับไป”

 

“ทว่าเช้าตรู่วันนี้..อาวุโสของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งได้มาเยือนนิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเราอย่างเป็นทางการ และเอ่ยออกมาตรงๆว่าบรรพบุรุษของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งที่พึ่งออกจากกาปิดด่านเมื่อไม่กี่วันก่อน พอได้รับทราบเรื่องที่หลานชายถูกปฏิเสธ ก็เดือดดาลเป็นการใหญ่”

 

“จึงถ่ายทอดคําสั่งลงมาทันทีหากนิกายกระบี่เมฆรุ่งเราไม่ยินยอมรับคําสู่ขอแต่โดยดี ก็จะมาทําลายนิกายกระบีเมฆรุ้งของพวกเราเสีย”

 

กล่าวจคํา สีหน้าอวี่เหวินชิงก็กลายเป็นปั้นยากนัก

 

สีหน้าเฟิ่งเทียนหวู่กับต้วนซือหลิงก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ด้วยไม่คิดเลยว่านิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะเอาแต่ใจขนาดนี้

 

ท่านขอข้าแต่งงาน ข้าไม่แต่งด้วย คําปฏิเสธง่ายๆแบบนี้ มันมีปัญหาตรงไหน?

 

ทว่าอีกฝ่ายกลับคิดจะทําลายนิกาย

 

หลังได้รับทราบจากอวี่เหวินชิงว่าที่เรื่องเกิดขึ้นเพราะนาง สีหน้าต้วนซือหลิงก็ปั้นยากถึงขีดสุด

 

“แต่มันคิดหรือว่านิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเราจะยอมให้มันมารังแกได้โดยง่าย?”

 

สองตาอวี่เหวินชิงทอประกายวาบหนึ่งพลางกล่าวด้ววยน้ําเสียงเย้ยหยัน “ตอนนั้นไม่ใช่ก็มีขุมกําลังระดับ 1 คิดสู่ขอด้วยไม่ใช่หรือไร ไม่ใช่ตอนนั้นพวกเราปฏิเสธมันไปรึ?”

 

เป็นธรรมดาว่า ยังมีอีกคําที่อวี่เหวินชิงไม่ได้กล่าวออกมา

 

เพราะในตอนนั้นที่ปฏิเสธคนของขุมกําลังงระดับ 1 ไป อีกฝ่ายเป็นสุภาพชน เมื่อผู้อื่นไม่รับก็กลับไปโดยดี ไม่ได้ทําตัวเป็นอันธพาลหมายบีบคั้นอะไร หาไม่แล้วก็คงเป็นหายนะสําหรับนิกายกระบี่เมฆรุ้งเช่นกัน

 

“ที่ข้ากับอาจารย์มาหาพวกเจ้า ด้วยคิดจะส่งพวกเจ้าหนีไปจากที่นี่”

 

อวี่เหวินชิงมองกล่าวกับเฟิ่งเทียนหววุ่และตัวนซื่อหลิงด้วยรอยยิ้ม “ถึงตอนนั้นหากพวกมันคิดมาหาความ พวกเราก็บอกแค่ว่าเจ้ากับซือหลิงออกจากนิกายไปแล้ว”

 

“ถ้านิกายอมตะทะเลเยือกแข็งยังไม่คิดเลิกรา…พวกมันก็จะได้รู้ว่านิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเรามิใช่สัตว์กินพืช!”

 

วาจาของอวี่เหวินชิง ชัดถ้อยชัดคํานัก

 

“ท่านอาจารย์”

 

ต้วนซือหลิงที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เท่าที่ข้ารู้มาประมุขนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งยังพอมีเหตุผลบ้างแต่อดีตประมุขผู้นั้น ข้าได้ยินว่ามันเป็นคนเอาแต่ใจเป็นที่สุดกระทั่ง เจ้าคิดเจ้าแค้นนัก ข้าเกรงว่าถึงข้าจะหนีไป แต่มันก็ไม่คิดจะเลิกรากับนิกายกระบี่เมฆรุ้งอยู่ดี…”

 

“เช่นนั้นให้ข้าอยู่เถอะ”

 

“ถึงข้าจะไม่มีวันตบแต่งกับมัน แต่ข้าสามารถฆ่าตัวตายเพื่อหยุดพวกมันได้!”

 

สองตาต้วนซือหลิงฉายแววเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

 

ในความเห็นของนาง หากวันนี้นางหนีไป ไม่พ้นต้องทําให้บรรพบุรุษของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งพิโรธแน่ ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายได้เอาโทสะทั้งหมดมาลงกับนิกายกระบี่เมฆรุ้ง! ทว่าหากนางตายไปเสีย อย่างน้อยๆก็ดับโทสะของอีกฝ่ายได้แน่!

 

เรื่องแต่งงานนั้น กับสารเลวนั่นให้ตายนางก็ไม่แต่ง!

 

แต่หากจะให้นางหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว นางย่อมไม่ยินยอม…นางไหนเลยจะทิ้งอาจารย์ที่เอ็นดูแลดูแลนางอย่างที่เหมือนลูกสาวคนหนึ่งไปได้ ไหนเลยจะปล่อยให้ผู้อื่นมาเผาทําลายสถานที่ๆเรียกว่าบ้านได้?

 

“ไม่ได้!”

 

“อย่าได้คิด!!”

 

อวี่เหวินชิงกับเฟิ่งเทียนหวูโพล่งคําค้านต้วนซือหลิงออกมาพร้อมๆกัน

 

“ยาโถวน้อย เจ้าอย่าได้กล่าวแล้ว”

 

ตอนนี้เองจอมราชันอมตะสมญานามเพียงหนึ่งเดียวของนิกายกระบี่เมฆรุง โหยวไปเฟิง ก็หันไปมองกล่าวกับต้วนซือหลิงเทียนสีหน้าแววตาอ่อนโยน

 

“เจ้ากับเทียนหวู่สามารถจากไปได้อย่างไร้กังวล”

 

“นิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเรามิใช่ไม่เคยเจอเรื่องพวกนี้ อาจารย์ย่าเองก็ได้ส่งข้อความไปหาสหายเก่าแล้ว หลายคนก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิอมตะ ทั้งหมดล้วนแล้วสนิทสนมกับอาจารย์ย่ามาก ไม่มีทางนิ่งดูดายอาจารย์ย่าโดยไม่ช่วยหรอก”

 

โหยวไป๋เฟิ่ง คลี่ยิ้มกล่าวกับต้วนซื่อหลิงด้วยสีหน้ามั่นใจ “อาศัยนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ไหนเลยจะมาฟาดงวงฟาดงาที่นิกายกระบี่เมฆรุ่งเราง่ายๆ!”

 

“อาจารย์ย่า…ท่านพูดจริงหรือ?”

 

ต้วนซือหลิงมองถามโหยวไป๋เฟิ่งเสียงขรึม สองตากลมใสมองจ้องท่าที่อีกฝ่ายเขม็ง

 

“ย่อมจริง”

 

โหยวไป๋เฟิ่งพยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะ

 

อย่างไรก็ตามเฟิ่งเทียนหวู่ที่อยู่ข้างๆต้วนซือหลิงกับขมวดคิ้วย่นยู่

 

หากจะถามว่าในนิกายกระบี่เมฆรุ้ง นอกจากศิษย์พี่หญิง อวี่เหวินชิง ประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้งแล้ว ใครรู้จักอาจารย์ของนางดีที่สุดก็คงไม่พ้นตัวนางเอง!

 

ทว่าตอนนี้นางไม่อาจพูดออกมาได้

 

นิสัยของ ต่วนซือหลิง เป็นอย่างไรนางไม่อาจรู้ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว หากอีกฝ่ายล่วงรู้ความจริงล่ะก็ ไม่มีทางไปจากที่นี่แน่นอน และถ้าหากไม่ไปพอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา วันหน้านางจะไปสู้หน้าพี่ใหญ่ตัวนของนางได้อย่างไร?

 

ลองพาซือหลิงไปเสี่ยงดวงที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก่อนดีกว่า…นี่ก็ผ่านไปกว่าร้อยปีแล้ว ไม่แน่ปานนี้พี่ใหญ่ตัวนอาจจะอยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แล้วก็เป็นได้

 

ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่จะไม่อยู่ แต่ถ้าผู้อาวุโสฟงชิงหยางอยู่ อย่างไรก็ต้องขอความช่วยเหลือจากท่านได้แน่!”

 

“สุดท้ายถ้ากระทั่งอาวุโสฟงชิงหยางก็ไม่อยู่ หรือไม่เต็มใจจะช่วยข้าจะพาซือหลิงไปหาที่ซ่อนก่อน จากนั้นค่อยย้อนกลับมาช่วยศิษย์พี่กับอาจารย์รับมือนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง”

 

ในชั่วพริบตานี้ เฟิ่งเทียนหวู่ได้คิดอ่านวางแผนเสร็จสรรพ

 

ต้วนซือหลิงอาลัยอาวรณ์นิกายกระบี่เมฆรุ้ง แล้วเหตุใดนางจึงไม่?

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจารย์ของนาง โหยวไป๋เฟิ่ง นั้นได้ดูแลนางอย่างดี กระทั่ง นางยังเห็นโหยวไป๋เฟิ่งไม่ต่างมารดาถึงแม้โหยวไป๋เฟิ่งจะไม่พูดอะไรออกมา แต่นางรู้ดีว่าอาจารย์ของนางก็ต้องการให้นางหลบหนีไปเช่นกัน ไม่อยากให้นางมาอยู่เผชิญหน้ากับเภทภัยจากนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง

 

เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของนางไม่มั่นใจว่าจะรับมือเรื่องราวครั้งนี้ได้เลย

 

“หลิงเอ้อ ในเมื่ออาจารย์ย่าเจ้ากล่าวเช่นนั้น ย่อมไม่โกหกเจ้าแน่นอน…เช่นนั้นพวกเราก็อย่าได้ชักช้าจนเสียการณ์ รีบไปเถอะ”

 

โหยวไป๋เฟิ่งกล่าวกับต่วนซือหลิง

 

ถึงแม้ต้วนซือหลิงคิดกล่าวคําใดออกมา แต่ในเมื่อทั้ง 3 คนเบื้องหน้าล้วนเห็นพ้องต้อ งกันหมดแล้ว เป็นธรรมดาว่าไม่เหลือช่องให้นางคัดค้านอะไรได้อีก

 

หลังจากนั้นไม่นานโหยวไป๋เฟิงกับอวี่เหวินชิง ก็ส่งต้วนซือหลิงกับเฟิ่งเทียนหวู่ไปยังสถานที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง

 

“อาจารย์หลังข้าพาซื้อหลิงไปหลบแล้ว ข้าจะย้อนกลับมา”

 

เฟิ่งเทียนหวู่หันมากล่าวผ่านพลังกับโหยวไป๋เฟิ่ง

 

ในขณะที่ลูกตาโหยวไป๋เฟิ่งหดเล็กลง ไม่ทันได้กล่าวอะไร ร่างเฟิงเทียนหวู่กับต้วนซือหลิงก็ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งตัวหายไปแล้ว

 

“อาจารย์ มีเรื่องใดหรือ?”

 

พอเห็นว่าอยู่ๆสีหน้าโหยวไป๋เฟิ่งก็เปลี่ยนไป อวี่เหวินชิงก็เลยอดถามออกมาไม่ได้

 

โหยวไป๋เฟิ่งคลี่ยิ้มขึ้นขมพลางกล่าว “ยาโถวเทียนหวี่รู้จักข้าดีเกินไป…นางย่อมมองออกทั้งหมด เมื่อครู่นางส่งเสียงผ่านพลังมาถึงข้า ว่าหลังพาซืหลิงไปหลบแล้ว นางจะย้อนกลับมาช่วยพวกเรารับมือนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง”

 

พออวี่เหวินชิงได้ยินดังนั้น สีหน้านางก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้ “นี่จะได้อย่างไร..พวกเราหวังให้พวกนางล้างแค้นให้พวกเราในวันหน้า..หากนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งทําลายนิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเราจริง เช่นนั้นพวกนางก็เป็นความหวังสุดท้ายของพวกเราแล้ว!”

 

วู้มม!!

 

ตอนนี้เองโหยวไป๋เฟิ่งก็ยกมือขึ้นใช้พลังควบคุมค่ายกลเคลื่อนย้าย ก่อนจะลบบันทึกการเดินทางล่าสุดออก ในขณะที่ลบก็ค้นพบว่าพวกเฟิ่งเทียนหวู่เคลื่อนย้ายไปที่ใด จึงอดประหลาดใจไม่ได้ “พวกนางคิดจะไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งั้นหรือ!?!

 

จุดหมายปลายทางที่เฟิ่งเทียนหวู่เคลื่อนย้ายไป ก็คือสถานที่ๆใกล้กับตําแหน่งที่ตั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์มากที่สุด

 

เพราะในอดีตตอนที่เฟิ่งเทียนหวู่ขอให้นางพาไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ นางก็พาเฟิงเทียนหวู่เดินทางไปที่นั่นก่อน ค่อยไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์

 

“ดูเหมือนเทียนหวู่คิดไปเสี่ยงโชคที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก่อน…แต่อาศัยเวลาแค่ร้อยปียังจะมีใดเปลี่ยนแปลง? ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาแล้ว”

 

“สําหรับพ่อของยาโถวซือหลิง หากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่กลับมา ต่อให้จะไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ แต่ที่นั้นก็อาจจะไม่ยอมรับ”

 

โหยวไป๋เฟิ่งลอบส่ายหัวไปมาอย่างลับๆ นางรู้สึกว่าการไปของเฟิ่งเทียนหวู่ครั้งนี้มันไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามนางรู้ดีว่าสิ่งที่ศิษย์นางเลือกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

 

หากนางเป็นเทียนหวู่ นางเองก็คงเลือกจะทําแบบนี้เหมือนกัน ถึงแม้จะรู้ว่ามีโอกาสน้อยนิดแค่ไหนก็ตามที

 

“ไม่ได้การแล้ว! ข้าต้องเร่งส่งข้อความไปหาศิษย์น้องเล็ก….นางจะได้ไม่ต้องกลับมา!”

 

อวี่เหวินชิงโพล่งออกมาด้วยน้ําเสียงจริงจังหน้าเคร่ง จากนั้นก็เร่งส่งข้อความไปหาเฟิ่งเทียนหวู่คู่ทันที

 

เมื่อครู่ที่โหยวไป๋เฟิ่งกล่าวบอกต้วนซือหลิงนั้น เป็นการโกหกทั้งเพ

 

จริงอยู่ที่นางมีสหายเป็นจักรพรรดิอมตะ กระทั่งรู้จักกับจักรพรรดิอมตะมากมาย…แต่คนเหล่านั้นก็เป็นแค่สหายที่คบหากันธรรมดา

 

หากเป็นเรื่องหยุมหยิมทั่วไป ทั้งหมดย่อมไม่ปฏิเสธจะช่วย

 

อย่างไรก็ตาม หากคิดให้สหายเหล่านั้นมาช่วยนิกายกระบี่เมฆรุ้งต้านทานนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งที่เป็นถึงขุมกําลังระดับ 2 ล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครคิดจะมาช่วยหรอก!

 

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมาช่วย ก็ไม่ต่างอะไรกับการล่วงเกินขุมกําลังระดับ 2!!

 

ไม่ว่าสหายเหล่านั้นจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระหรือมีขุมกําลังอยู่เบื้องหลัง แต่จะให้งัดข้อกับขุมกําลังระดับ 2 ก็คงไม่ไหว ยังจะมีใครเลือกเอาชีวิตและความมั่งคั่งส่วนตัว หรือกระทั่งขุมกําลังเบื้องหลังมาเสี่ยงเพราะโหยวไป๋เฟิ่งที่รู้จักกันผิวเผิน?

 

“ศิษย์น้องเทียนหวี่”

 

“เจ้ากับซือหลิงมากล้นไปด้วยพรสวรรค์ทั้งศักยภาพ วันหน้าพวกเจ้าย่อมมีอนาคตไร้จํากัด!”

 

“หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นศิษย์พี่ก็อย่าได้กกลับมาเด็ดขาด! ถ้านิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเราสามารถรอดภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ ข้าจะเร่งติดต่อให้เจ้าทราบภายใน 3 วัน! แต่หากเจ้าไม่ได้รับการติดต่อจากข้าภายใน 3 วัน เช่นนั้นเจ้าก็พาซือหลิงหนีไปให้ไกล ซ่อนให้ห่างจากเรื่องครั้งนี้ อย่าได้คิดย้อนกลับมาอย่างวู่วาม!”

 

“รอให้เจ้ามีพลังมากพอที่จ้างแค้นให้ข้า ท่านอาจารย์และนิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกเราเมื่อไหร่ เจ้าค่อยกลับมา!”

 

“เจ้าอย่าได้ลืมเลือน ว่าตอนนี้เจ้าเป็นความหวังสุดท้ายของข้ากับอาจารย์ กระทั่งยังเป็นความหวังของนิกายกระบี่เมฆรุ้งทั้งหมด”

 

“ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ย่อมมีความหวังเสมอ!”

 

ในขณะที่เฟิ่งเทียนหวู่กับต้วนซือหลิงมาปรากฏตัวในเขตคฤหาสน์อวิ๋นไถ ที่อยู่ใกล้กับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์มากที่สุด เฟิ่งเทียนหวู่ก็ได้รับข้อความจากอวี่เหวินชิง ประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้ง

 

น้ําเสียงของอวี่เหวินชิงจริงจังอย่างมาก และวาจาไม่กี่ประโยคที่กล่าว ก็เป็นการเกลี้ยกล่อมเฟิ่งเทียนหวู่ เพื่อไม่ให้คิดย้อนกลับไปนิกายกระบี่เมฆรุ้งอย่างผลีผลาม

 

“ถึงเจ้ากลับมาตอนนี้ อาศัยด่านพลังฝึกปรือของเจ้า ไม่เพียงแต่จะช่วยอะไรนิกายไม่ได้ เจ้ายังจะตกตายไปพร้อมๆกับนิกายอย่างสูญเปล่า!”

 

“แต่หากเจ้ารอดไปได้ แล้วค่อยย้อนกลับมาวันหน้า ถึงนิกายจะถูกทําลายไปแล้ว เจ้าก็ยังสามารถล้างแค้นให้พวกเราได้!”

 

“อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งก็เป็นขุมกําลังระดับ 2 หากเจ้ายังไม่มั่นใจว่าจะล้างแค้นได้..เจ้ากับซือหลิงอย่าได้ย้อนกลับมาเด็ดขาด!”

 

วาจาของอวี่เหวินชิง ฟังแล้วไม่ต่างอะไรจากคําสั่งเสียก่อนตายแม้แต่น้อย

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด