ศพ – ตอนที่ 51 ตามหาผีชั่ว
ตอนที่ 51 ตามหาผีชั่ว
ไม่ว่ายังไงผมก็คิดไม่ถึงว่า หานเฉ่วเฟิงจะเป็นโหดเหี้ยมขนาดนี้
และนิสัยใจคอ ยังแตกต่างจากเฟิงเฉ่วหานลิบลับ แถมชื่อของพวกเขาสองคน ยังเป็นคู่แข่งกันชัดๆ
อย่างเช่นนิสัยโหดเหี้ยม กับวิธีลงมือที่เลือดเย็น ถึงแม้จะเป็นผมแต่ก็ยังรู้สึกสงสารผีผูกคอตนนั้นอยู่ดี
แต่นอกเหนือจากนั้น ตอนนี้ทิวทัศน์รอบๆ ยังเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
เหมือนกับว่าจู่ๆตาของคุณก็เริ่มเห็นได้แบบเบลอๆ เปลวเพลิงที่อยู่ตรงหน้า และความรู้สึกแสบร้อน กลับเลือนลางหายไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ไฟยังเผาไหม้จนมีควันดำโพยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง จนรอบๆเหลือเพียงเศษขี้เถ้า แต่ตอนนี้เมื่อผมหันไปมองอีกครั้ง
เมื่อกี้ความร้อนที่ยากจะทานทน จนถึงกระดูกนั้น กลับหายไปอย่างสมบูรณ์
แม้กระทั่งสายลมอันหนาวเย็นยังพัดเข้ามา แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของทะเลเพลิงเลยสักนิด
ภาพก่อนหน้านี้ที่พวกเรามองเห็น เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นภาพลวงตานี้ถูกสร้างโดยผีผูกคอตายตนนี้
ตอนนี้เขากำลังถูกหานเฉ่วเฟิงอัดปางตาย ดังนั้นฉากผีบังตานี้จึงถูกทำลายลงง่ายๆแบบนี้
ขณะที่ผมกำลังตกตะลึงกับภาพที่เปลี่ยนไป จู่ๆเสียงของหานเฉ่วเฟิงก็ดังขึ้น “เฮ่ย!”
ผมหันไปมองตามสัญชาตญาณ เมื่อหานเฉ่วเฟิงเห็นผมกำลังมองเขาอยู่ เขาก็พูดออกมาทันที “อัดจนเหนื่อยแล้วว่ะ แกมาทำแทนบ้างซิ!”
ขณะที่พูด เขาก็ขยับข้อมือของตัวเอง หยิบบุหรี่ซองมาสูบหนึ่งมวน
เมื่อผมได้ยินประโยคนี้ ก็รีบตอบกลับว่า “ได้!”
ขณะที่พูด ผมก็เดินมาถึงด้านหน้าของผีผูกคอตายที่อยู่ในสภาพใกล้ตายแล้ว
ผีผูกคอตายตนนั้นถูกอัดจนแขนขาไร้เรี่ยวแรง หมดปัญญาต่อต้านอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
วินาทีที่มันเห็นผมเดินเข้ามา จึงตื่นตระหนกทันที
มันพูดด้วยเสียงที่สั่นเคลือ “อย่า อย่า อย่าเข้ามา!”
“สารเลว!” ผมพูดด้วยเสียงเย็นชา ดึงดาบเหรียญออกมาทันที
ผีร้ายแบบนี้ ช่วยไปก็เป็นการทำบาป ยังไงก็ปล่อยไว้ไม่ได้
ในเมื่อทำงานเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย เวลาที่ต้องโหดก็ต้องโหดให้ถึงที่สุด!
ผมขี้เกียจพูดจาไร้สาระ กดฟันตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็เล็งดาบไปที่หน้าอกของผีร้าย
เมื่อผีร้ายเห็นเช่นนี้ สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันที ทันใดนั้นมันก็กรีดออกมาด้วยความหวาดกลัว “อย่า……”
แต่มันสายเกินไป ดาบเหรียญได้แทงทะลุร่างของมันไปแล้ว ร่างกายที่อ่อนแอของมัน จึงระเบิด “ปัง” ออกมาทันที ส่องแสงสว่างเล็กน้อย จากนั้นวิญญาณก็แตกสลาย และหายไปต่อหน้าต่อตา
หลังจากวิญญาณของผีร้ายแตกสลาย ผมก็ไม่แสดงความสงสารออกมาเลยสักนิด
ถ้าเฟิงเฉ่วหานไม่ให้วิญญาณหานเฉ่วเฟิงที่เป็นพี่คอยปกป้องเขาออกมา ป่านนี้คนที่ตาย ก็คงเป็นพวกเรา
เมื่อหานเฉ่วเฟิงที่สูบบุหรี่อยู่ข้างๆเห็นผมกำจัดผีร้ายเรียบร้อย มุมปากก็เขาก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ไอ้เด็กน้อย นายนี้เด็ดขาดกว่าไอ้น้องขยะของฉันอีกนะ! นายชื่ออะไร”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงยังยื่นบุหรี่มาให้ผมหนึ่งมวน
เนื่องจากผมเคยเห็นความสามารถของหานเฉ่วเฟิงมาแล้ว ซึ่งเป็นความโหดเหี้ยมที่สมบูรณ์แบบ
ดังนั้นเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ผมจึงไม่รีบตอบกลับ
แต่จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อน จากนั้นก็ตอบว่า “ผมชื่อติงฝานครับ เมื่อกี้ขอบคุณพี่เฟิงมากนะครับ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยป่านนี้ผมกับน้องชายของพี่คงถูกผีร้ายฆ่าตายไปแล้ว!”
หานเฉ่วเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “ติงฝาน ไม่เลว ต่อไปฉันจะคอยดูแลนายเอง และช่วยปลุกฉันจากเจ้านั้นได้ตลอดเวลาเลยนะ ปกติมันชอบทำตัวโง่ๆเป็นคุณชายเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะพวกฉันใช้ร่างเดียวกัน ฉันคงสั่งสอนมันไปแล้ว……”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ผมก็นิ่งอึ้งไปทันที รู้สึกอึดอัดใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี
แต่หานเฉ่วเฟิงกลับดับบุหรี่ จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ชั่งเถอะ ยังไงเรื่องวุ่นๆของที่นี่ก็จบแล้ว นายพาพี่ลงเขา แล้วก็พาไปเลี้ยงด้วยนะ!”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วฟานก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
ผมกลับทำหน้านิ่ง แต่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ จึงรีบพูดขึ้นมาทันที “พี่เฟิงอย่าพึ่งรีบร้อน นอกจากผีร้ายตัวนี้ ยังมีอีกหนึ่งตัวครับ!”
“อะไรนะ มีอีกหนึ่งตัว” หานเฉ่วเฟิงตกตะลึง
“ใช่ครับ มีอีกตัว และยังร้ายกาจกว่าด้วย อาจารย์ของผมและนักพรตตู๋ไล่ตามมันไปแล้วครับ พวกเราหลงทาง เลยไปติดกับดักของผีร้าย ถูกภาพลวงตาเล่นงานครับ”
เมื่อหานเฉ่วเฟิงได้ยิน ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจนิดหน่อย “ยุ่งยากซะจริง ไม่ง่ายเลยนะกว่าจะได้ออกมาครั้งหนึ่ง เพราะไอ้ขยะทุเรศนั้นแหละ ไหนพูดมาซิ! เจ้านั้นมันอยู่ที่ไหน หลังจากฆ่ามันเสร็จ พวกเราจะได้ลงเขาซะที”
เมื่อเห็นหานเฉ่วเฟิงแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา ผมก็อึดอัดใจไม่รู้ควรทำยังไงดี
ชายคนนี้กับเฟิงเฉ่วหาน ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ทั้งนิสัยและความคิดยังแตกต่างกันสุดขั้ว
ผมไม่มีเวลาให้คิดมาก ก่อนอื่นต้องตามหาตัวผีชั่วก่อน
ดังนั้น ผมจึงบอกแผนก่อนหน้านี้ให้หานเฉ่วเฟิงฟัง และเริ่มเดินไปที่ยอดเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้พวกเราไม่ถูกผีร้ายขัดขวาง จึงใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงยอดเขา
เมื่อมองจากที่นี้ พวกเราสามารถมองเห็นป่าช้าเก่าได้ถึงครึ่งหนึ่ง
เพราะมุมมองที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นพึ่งมาถึงยอดเขาเท่านั้น พวกเราก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างทันที
เห็นขอบป่าที่อยู่ด้านล่างซ้ายมือสุดของพวกเรา กำลังมีคนสองสามคนต่อสู้กันอยู่
และคนสองสามคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพวกอาจารย์ที่กำลังรุมโจมตีผีชั่วนั่นเอง
ผมดีใจ รีบชี้ไปทางพวกเขาและพูดว่า “พี่เฟิง อยู่นั่น!”
หานเฉ่วเฟิงมองตามนิ้วของผม สีหน้ามืดมน “ป่ะ พวกเราไปที่นั่นกัน!”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็เดินลงเขาไปทันที
ไม่กล้าชักช้า รีบเร่งฝีเท้า
พวกเราวิ่งกันเร็วมาก เนื่องจากป่าช้าเก่าไม่ได้ใหญ่โตมากนัก
และตอนนี้ยังรู้พิกัดของเป้าหมายอีกต่างหาก ดังนั้นพวกเราจึงวิ่งลัดเลาะผ่านป่าช้าเก่าอย่างรวดเร็ว
หลังจากผมและหานเฉ่วเฟิงผ่านพุ่มไม้ก่อสุดท้ายมาได้ พวกเราก็พบกับป่าที่อยู่ด้านล่างของเนินเขา ตั้งแต่เข้ามาผมก็รู้สึกได้ว่าพลังชั่วร้ายของที่นี่แข็งแกร่งมาก
ไม่ใช่แค่นั้น พวกเราได้มาเห็นฉากที่ผีชั่วโดน อาจารย์ นักพรตตู๋และเหล่าฉินล้อมไว้พอดี
ตอนนี้สภาพของผีชั่ว ไม่เหมือนกับตอนแรกเลยสักนิด
ใบหน้าที่ขาวซีดของมัน เผยให้เห็นคมเขี้ยวที่ดุร้าย ราวกับประสาทสัมผัสทั้งห้าของมันผิดเพี้ยนไป
แต่สิ่งที่ผิดธรรมชาติมากกว่านั้นคือ บนหน้าผากของผีตนนี้ ยังมีดวงตาหนึ่งดวงโผล่ขึ้นมา
ซึ่งเป็นดวงตาที่ว่างเปล่า และขยับมองไปรอบๆ เมื่อจ้องมองมันผมกลับรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
ในเวลาเดียวกัน พลังที่มันใช้ในการต่อสู้ยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วย
ตอนนี้เป็นการต่อสู้แบบสามรุมหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดมันได้
แม้ใจของผมจะรู้สึกหวาดกลัว แต่กลับไม่ลังเลเลยสักนิด หันไปพูดกับหานเฉ่วเฟิงว่า “พี่เฟิง นั้นไงผีชั่ว!”
สีหน้าของหานเฉ่วเฟิงมืดมน ด่าออกมาทันที “ไอ้ขยะ!”
หลังจากพูดจบ ร่างของเขา ก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ผมเร่งความเร็ววิ่งตามเขาไปทางด้านหลัง เผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
“มาได้เวลาพอดี พวกเรารอกันแทบแย่ เธอรีบไปทำลายตาที่สามของมันเร็ว!” นักพรตตู๋เห็นหานเฉ่วเฟิงปรากฎตัว จึงรีบตะโกนออกมาทันที
แต่เสียงพึ่งจางหาย หานเฉ่วเฟิงกลับรีบด่าออกมาทันที “ไอ้แก่โง่ อย่ามาออกคำสั่งกับฉันนะเว้ย ฉันรู้ดีว่าต้องทำยังไง!”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็หยิบดาบไม้ขึ้นมาและตรงเข้าไปแทงผีชั่วทันที
แม้แต่อาจารย์และเหล่าฉินที่กำลังต่อสู้กับผีชั่วอยู่ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันมามองหานเฉ่วเฟิง ราวกับประหลาดใจกับอะไรบางอย่าง
ปกติเด็กคนนี้ไม่ค่อยพูดด้วยซ้ำ แต่จู่ๆพฤติกรรมของเด็กคนนี้ที่เคยสงบเยือกเย็นและเต็มไปด้วยมารยาท กลับเปลี่ยนไปในเวลาอันสั้น แถมยังกล้าด่าอาจารย์ด้วย
แต่เพราะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด พวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจมากนัก
หลังจากเหลือบมองหานเฉ่วเฟิงแวบหนึ่ง พวกเขาก็กลับไปต่อสู้กับผีชั่วอีกครั้ง
ส่วนผมก็รีบวิ่งไปสมทบที่ด้านหน้า อยากจะขึ้นไปช่วยด้านหน้า จะได้จัดการผีชั่วนั้นได้เร็วๆ
แต่ตอนนั้นเอง ด้านหลังของผมก็มีไอเย็นปรากฎขึ้น
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่ฟังดูรีบร้อน “ไอ้ห่วยอยากตายรึไง รีบหนีเร็ว……”
คอมเม้นต์