ศพ – ตอนที่ 108 ยากที่จะหลบหนี

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 108 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 108 ยากที่จะหลบหนี

ระว่างที่เจ้าเชี่ยนเชี่ยนกำลังทรมานจนถึงขีดสุด ทันใดนั้นเธอก็พูดออกมา

ขณะที่ผมกำลังมองการกระทำของเจ้าเชี่ยนเชี่ยน ในใจก็มีความรู้สึกต่างๆผสมปนเปกัน จนผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นได้จริงๆ

ตอนแรกเธอเป็นผีที่เคียดแค้น มีชีวิตอยู่เพื่อการล้างแค้น และเมื่อพวกเราได้รู้จักกับเธอจริงๆ ก็ได้รู้เรื่องตอนมีชีวิตของเธอ และยิ่งไปกว่านั้นเธอยังโดนคนผนึกวิญญาณและควบคุม จนสุดท้ายต้องกลายเป็นเครื่องมือฆ่าคนสะสมความแค้น

ความคิดที่ผมมีต่อยัยผีจึงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ตอนนี้ผมคิดว่า

 

ผีเจ้าเชี่ยนเชี่ยน ไม่ใช่ผีชั่ว เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่น่าส่งสารคนหนึ่ง

ในวัยสาว ได้รับความเจ็บปวดและทรมานจากมนุษย์

ตอนแรกเธอคิดว่าพอตายแล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบ แต่หลังจากตายความแค้นที่อยู่ในใจกลับไม่หายไป เธอจึงไม่อาจปล่อยวางได้

ใช่แล้ว แม้ว่าเธอจะฆ่าคน

แต่สิ่งสำคัญคือ ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเพราะเจ้าโจวเจี่ยนชั่วเป็นคนสร้าง และหลังจากนั้นยังถูกนักพรตหยวนเปลี่ยนให้เป็นเครื่องมือฆ่าคนล้างแค้น กลายเป็นทาสขององค์กร

สำหรับเจ้าเชี่ยนเชี่ยน ผมเห็นใจเธอมาก

 

ในเวลาเดียวกันผมก็อยากจะช่วยให้เธอหลุดพ้น ผมเชื่อว่าเมื่อเธอไปถึงนรก พระยายมราชเองก็จะต้องตัดสินอย่างยุติธรรม

แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ระหว่างทางกลับถูกยายแก่คนนี้ขัดขวาง

ร่างกายของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนยิ่งอ่อนแอขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เส้นสีดำเหล่านั้นยังขยายออกอย่างต่อเนื่อง

ผมกดฟันแรงๆ “ เชี่ยนเชี่ยนเธออดทนเอาไว้นะ ! ”

หลังจากพูดจบ ผมก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และวิ่งเข้าไปช่วยเธออีกครั้ง

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆยายแก่นั้นก็หัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” ทำไม้เท้าสีดำที่อยู่ในมือให้หมุนวนเร็วๆ

 

เจ้าเชี่ยนเชี่ยนที่ทรมานจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที กรีดร้องโหยหวนออกมา “ อร๊าย ! ”

หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น ร่างกายอ่อนแอที่แทบจะทนไม่ไหวของเจ้าเชี่ยนเชี่ยน ในที่สุดก็มาถึงจุดจบ

ทันใดนั้นสัญลักษณ์ผีสามตาที่อยู่บนคอของเธอ ก็ส่องแสงสีดำออกมา

จากนั้นเสียง “ ปัง ” ก็ดังขึ้น ร่างเจ้าเชี่ยนเชี่ยนระเบิดออก กลายเป็นแสงประกายเล็กๆ และจางหายไปต่อหน้าต่อตาของผม เฟิงเฉ่วหาน และหยางเฉ่วทันที

“ เชี่ยนเชี่ยน ! ” ผมและหยางเฉ่วตะโกนเรียกเจ้าเชี่ยนเชี่ยนที่หายไปแล้ว ตอนนี้พวกเราโกรธจนถึงขีดสุด

เฟิงเฉ่วหานเองก็พูดเบาๆ “ สมควรตาย ! ”

 

ในเวลาเดียวกันก็กำหมัดแน่น จ้องยายแก่ไม่กระพริบตา

“ ยายแก่ เอาชีวิตคืนมา ! ” ผมตะคอกอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปทันที

แต่ยายแก่กลับไม่มีทีท่าว่าจะต่อสู้กับผมเลยสักนิด หรือพูดอีกอย่างคือเธอไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตา

“ ฮึน่าขำ ข้าขี้เกียจจะฆ่าเจ้า ! ” จู่ๆยายแก่ก็พูด แถมยังหัวเราะออกมาอย่างน่าสยดสยอง

หลังจากที่เธอพูดจบ ก็เดินถอยไปข้างหลังสองสามก้าว

จากนั้น ฉากแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น

ภายใต้แสงไฟสลัว ทันใดนั้นร่างของยายแก่ก็กลายเป็นภาพเบลอๆ และหายไป ต่อหน้าต่อตาพวกเราสามคน

เมื่อเห็นฉากนี้ พวกเราก็อ้าปากค้าง เผยท่าทางที่ไม่อยากเชื่อออกมา

 

คนๆหนึ่ง จะหายไปแบบนี้ก็ได้เหรอ

เธอ เธอยังเป็นคนอยู่ใช่ไหม

“ หาย หายไปแล้ว ” เฟิงเฉ่วหานอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

และตอนนี้ผม ก็ได้วิ่งมาถึงตำแหน่งที่วิญญาณของเจ้าเชี่ยนเชี่ยนสลายไปแล้ว

ผมหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไร

ผมรู้ว่า เจ้าเชี่ยนเชี่ยนจะไม่กลับมาอีกแล้ว

และยายแก่คนนั้น ก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ผมกัดฟัน กำหมัดแน่น ค่อยๆย่อตัวลง

 

มองพื้นดินที่ว่างเปล่า ใช้มือลูบมันเบาๆ “ เจ้าเชี่ยนเชี่ยน ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ฉันจะคืนความยุติธรรมให้กับเธอ ! ”

ขณะที่พูด หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานก็มาถึงตำแหน่งที่ผมนั่งอยู่

หยางเฉ่วพูดกับผมทันที “ ติงฝาน พวกเรากลับกันเถอะ ! ยายแก่นั้นพลังกล้าแกร่งมาก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเราจะเอาชนะได้ ! ”

“ ขอแค่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ ต้องมีสักวันที่ปีศาจพวกนี้ จะถูกกำจัด ! ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูด ผมก็ค่อยๆลุกขึ้น ในเวลาเดียวกันก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

หลังจากที่จิตใจค่อยๆกลับมาสงบ อารมณ์ไม่หวั่นไหวมากนัก และมีสติขึ้นมา

 

ผมก็คิดได้ว่าสิ่งที่หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานพูดมันถูก ความสามารถที่ยายแก่แสดงออกมา ทำให้พวกเรารู้ว่านี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะสามารถต่อกรได้เลย

ปัจจุบันพวกเราทำได้ แค่จดจำแค้นครั้งนี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

ขอแค่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีสักวันที่จะสามารถแก้แค้นให้เจ้าเชี่ยนเชี่ยนได้ และต้องมีสักวันที่ผมจะกำจัดคนชั่วพวกนี้ให้หมดสิ้น

หลังจากมองไปรอบๆหนึ่งครั้ง ผมก็ถอนหายใจ “ พวกเราไปเถอะ ! ”

เมื่อทั้งสองคนได้ยินผมพูด ก็พยักหน้าให้เล็กน้อย

จากนั้น พวกเราสามคนก็เดิน ออกจากที่นี่พร้อมๆกัน

 

ตอนนี้ตีสี่แล้ว เหลืออีกแค่สองชั่วโมงฟ้าก็จะสว่าง

ระหว่างทาง ทุกคนค่อนข้างเงียบ

เพราะไม่สามารถแก้ไขเรื่องผีผู้หญิงในมหาลัยได้และไม่ได้มีความรู้สึกดีใจที่ควรได้รับ แต่ตอนนี้กลับต้องเสียใจยิ่งกว่าเดิม

หลังเดินออกมาจากย่านการค้าเก่า พวกเราก็แวะร้านขายของที่เปิดในตอนเช้าตรู่

พวกเราสามคนหิวมาก กินซาลาเปาเข่งแรกที่เจ้าของร้านขายจนหมด จากนั้นก็พร้อมใจกันออกจากร้าน

หยางเฉ่วต้องกลับมหาวิทยาลัย ส่วนผมและเฟิงเฉ่วหาน ต้องไปป้ายรถเมย์ นั่งรอรถเมย์กลับตำบลชิงฉือในรอบหกโมงเช้า

 

ตอนแยกกัน หยางเฉ่วก็บอกว่าตอนปิดเทอม เธอจะมาเที่ยวเล่นกับพวกเราที่ตำบลชิงฉือ

แน่นอนว่าผมและเฟิงเฉ่วหานไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้า แสดงความเห็นด้วยเท่านั้น

จากนั้น พวกเราสามคนก็ต่างคนต่างแยกย้าย

เมื่อผมกลับมาถึงร้าน ก็เป็นเวลา 8 โมงแล้ว

ตอนนี้ท้องฟ้าแจ่มใส อาจารย์คงจะไปออกกำลังกายตอนเช้า ในบ้านจึงเหลือแค่ผมคนเดียว

สีหน้าของผมดูอ่อนล้า เอนตัวนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง

ผลลัพธ์ขณะที่ตัวผมพึ่งสัมผัสกับโซฟา ความรู้สึกเจ็บที่หลังก็แล่นออกมาทันที ตอนนั้นผมตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง

 

ครั้งแรกที่แยกจากอาจารย์ ไปทำเรื่องแบบนั้นคนเดียว ตัวผมเองก็ต้องเจ็บตัวจนมาอยู่ในสภาพนี้แล้ว แถมยังได้เจอยายแก่ที่ร้ายกาจขนาดนั้นด้วย

ไม่รู้จริงๆว่าครั้งต่อไป จะมีชีวิตกลับมาได้ไหม

ขณะที่ผมกำลังมองเพดาน คิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น จู่ๆอุณหภูมิของบ้านก็ลดลงทันที

เมื่อรู้สึกถึงสิ่งนี้ ผมก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะนี่คือพลังหยิน

ผมลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ ในเวลาเดียวกันก็มองไปที่ป้ายวิญญาณของน้องศพ

ความคิดนี้พึ่งผุดเข้ามาในหัว ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าป้ายวิญญาณ จุดธูปให้เธอ จินตนาการว่าเธอกำลังอยู่ด้วย

ทันใดนั้น เงาของใครบางคนก็ปรากฎขึ้น

 

ตอนแรกมันเป็นภาพรางๆ แต่ก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

แค่กระพริบตาสองครั้ง ทันใดนั้นวิญญาณสาวงามไร้ที่ติก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของผม

ผิวของเธอขาวสวย รูปร่างสูงโปร่งดูสง่างาม และใส่ชุดยาวสีขาวของผู้หญิงสูงศักดิ์

ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือภรรยาคนสวยมู่หลงเหยียนของผมนั่นเอง

เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนปรากฎตัว ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คิ้วที่เคยขมวดกันแน่น กลับคลายออกอย่างง่ายดาย

และตะโกนในใจว่า “ น้องศพ ! ”

แต่หน้าของมู่หลงเหยียนกลับดูไม่ดีเลย “ ทำไมทั้งตัวนายมีแต่เลือดละ ”

 

เมื่อได้ยินมู่หลงเหยียนถาม ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆ “ โดนผีผู้หญิงน่าสงสารคนนึงทำน่ะ ”

“ ผีผู้หญิง ” มู่หลงเหยียนไม่เข้าใจ

จากนั้น ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ให้มู่หลงเหยียนฟัง

ตอนนั้น ผมไม่ได้ปิดบังเธอแม้แต่น้อย เล่าเรื่องสัญลักษณ์ผีสามตาที่เจอที่สุสานโจวหยุน และยายแก่ลึกลับที่ปรากฎตัวในช่วงสุดท้าย ให้มู่หลงเหยียนฟัง

เมื่อมู่หลงเหยียนได้ฟัง ก็แสดงสีหน้าหนักใจ

และด่าผมทันที “ ไอ้ห่วย นายนี่โง่จริงๆรึเปล่าฮะ บอกแล้วไงว่าถ้าเจอสัญลักษณ์นั้นอีกให้หนี พลังขี้ประติ๋วของนาย จะไปทำอะไรได้ฮะ ”

 

แต่ตอนนี้ผมกลับไม่สนใจ แค่หัวเราะและพูดว่า “ ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่นิ อีกอย่าง ฉันก็แค่อยากช่วยเธอเท่านั้น ทำให้เจ้าองค์กรนั้นวุ่นวายบ้างนิดหน่อยก็ยังดี ”

ผมพูดอย่างสบายๆ แต่หลังจากมู่หลงเหยียนได้ยิน เธอกลับตัวสั่น

ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เธอยังเงียบไปสักพัก คำพูดที่คิดว่าจะพูดเมื่อกี้ ก็ถูกกลืนหายไป……

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด