ศพ – ตอนที่ 91 ตาหัวโล้นบ้าคลั่ง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 91 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 91 ตาหัวโล้นบ้าคลั่ง

 

ตอนแรกคิดว่าเป็นการนัดมาคุยกันลับๆของคนในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่ตอนนี้ ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านั้นมาก

ตาหัวโล้นนี่คิดจะทำอะไร จะข่มขื่นเธองั้นเหรอ

ขณะที่พวกเราสามคนกำลังตกใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องที่หวาดกลัวมากๆของฮุ่ยเอ๋อ เธอดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เธอแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “ผู้ ผู้กับ จาง อย่า อย่าทำแบบนี้ ละครเรื่องนี้ฉันไม่เล่นแล้ว ฉันไม่เล่นแล้ว……”

ตาหัวโล้นนั่นหน้ามืดตามัวแล้ว ตอนนี้จะยอมหยุดได้ยังไง เขาใช้แขนสองข้างที่อวบอ้วนโอบอุ้มฮุ่ยเอ๋อเอาไว้แน่น

 

และใช้ปากที่มันและหนา เข้าไปกดจูบฮุ่ยเอ๋ออย่างต่อเนื่อง

“ไม่เล่นงั้นเหรอ! ยังไงวันนี้เธอก็ต้องเล่น ไม่เล่นก็ต้องเล่น! เธอดูซิตอนนี้ฉันเอางานมาให้เธอทำนะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็โยนร่างของฮุ่ยเอ๋อลงกับพื้น ย่อตัวลงเตรียมทำขั้นตอนต่อไป

ดาราสาวเป็นผู้หญิงวัยรุ่นรูปร่างบอบบาง จะสามารถต่อต้านเขาได้ยังไง

เมื่อเห็นว่าหนีไม่ได้ เธอจึงเริ่มแหกปากตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ แต่พึ่งตะโกนว่า “ช่วย” เท่านั้นคำว่า “ด้วย” ยังไม่ทันพูดออกมา ก็ถูกตาหัวโล้นนั่นปิดปากซะแล้ว!

 

“อีกระหรี่ อย่าลีลาให้มันมากนัก ถ้าเธอยอมฉันดีๆ ต่อไปฉันจะทำให้เธอดังเป็นพลุแตก! และละครเรื่องนี้ฉันจะให้เธอรับบทผู้หญิงหมายเลขหนึ่งเลขสองเลย” ตาหัวโล้นพูดออกมาอย่างดุร้าย และในปากยังมีน้ำลายหยดออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับหิวกระหายจนแทบทนไม่ไหวแล้ว

แต่ฮุ่ยเอ๋อยังคงส่ายหัว เธอใช้มือทั้งสองข้างผลักเขาออกจากตัว ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา “ฮือฮือฮือ”

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผมก็ทนดูต่อไปไม่ไหว

ถ้าทั้งสองคนต่างยอมซึ่งกันและกัน ทำข้อตกลงกันได้ ผมก็จะทำเป็นไม่เห็น ไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาเด็ดขาด

 

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เห็นชัดๆว่าตาหัวโล้นนี่กำลังข่มขืนผู้หญิง

ถ้ายังไม่ออกไปช่วย คืนนี้ดาราสาวนี่ต้องจบเห่แน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แสดงสีหน้าเคร่งขรึม และด่าออกไปทันที “สารเลว!”

หลังจากพูดจบ ผมก็ไม่ได้สนใจเฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่ว พุ่งออกไปทันที

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เป็นเวลาสั้นมากๆ

ที่จริงถ้าผมไม่ทำแบบนี้ หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานก็ต้องลุกออกมาอยู่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าผมจะออกมาเร็วขนาดนี้

 

เมื่อทั้งสองคนเห็นผมพุ่งออกไป ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ รีบลุกตามมาทันที

ตอนนี้ผมตรงออกมาจากแปลงดอกไม้ มองการกระทำชั่วๆของตาหัวโล้นและตะโกนออกไปว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงตะโกนของผม ทำให้ตาหัวโล้นที่เพลิดเพลินอยู่นั้นหยุดชะงักทันที เขาหันมามองตามสัญชาตญาณ

ฮุ่ยเอ๋อที่ถูกกดเอาไว้ ก็ส่งสายตาอ้อนวอนมาทางผม

ผมไม่หยุดเพียงเท่านั้น ยังเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ

วินาทีที่ตาหัวโล้นหันมา ผมก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ผมไม่รอช้าง้างหมัดต่อยหน้าเขาอย่างแรง

 

ขณะเดียวกันก็ตะโกนออกมาว่า “ไอ้ชั่ว!”

“ปัก” ทันใดนั้นหมัดก็พุ่งเข้าใส่หน้าตาหัวโล้นจังๆ

ตาหัวโล้นนั้นไม่ได้ระวัง วินาทีนั้นจึงถูกผมต่อยอย่างแรง จากนั้นเขาก็กรีดร้องออกมา

“โอ๊ย!” พร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากจมูก

ร่างกายของเขาถอยออกไปสองสามก้าว ไม่รอให้เขาได้ยืนดีๆ ผมเข้าไปเตะเขาอีกครั้งทันที

ตาหัวโล้นกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ร่างกายเซไปเซมา และล้มลงไปกับพื้นทันที

แต่ผมยังไม่รามือ ผู้ชายทุเรศแบบนี้ ถ้าไม่สั่งสอน มันก็จะไม่หลาบจำ

 

ดังนั้นหลังจากเตะไปครั้งหนึ่ง ผมก็เดินเข้าไปอีกครั้ง เล็งร่างของตาหัวโล้นให้ดีและเริ่มกระทืบทันที

แต่เฟิงเฉ่วหานก็ตามมาทัน อย่าคิดว่าปกติเจ้าเด็กนี้เป็นคนเย็นชา ทำตัวดูเท่ไปวันๆ

เวลาลงมือเขาโหดกว่าผมมาก หลังจากเข้ามาเขาก็ใช้เท้าทั้งสองข้างกระทืบเป้าของตาหัวโล้นทันที

ช่วงเวลานั้นตาหัวโล้นกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด บวกกับเท้าทั้งสองข้างยังกระหน่ำเข้ามาอย่างแรง ทำให้เขาดิ้นอยู่พบพื้นอย่างต่อเนื่อง

“อย่า อย่ากระทืบ อย่ากระทืบมัน!”

“ไปพูดกับแม่…โน้น!”

 

“วันนี้ฉันจะกระทืบแกให้ตาย!”

“ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

“……”

แต่ผมและเฟิงเฉ่วหานยังไม่ยอมหยุด ยังคงกระทืบไอ้ผู้กำกับชั่วนี้ต่อไป

ส่วนดาราสาวนั้น ก็เริ่มร้องไห้ออกมา

อาจเป็นเพราะกลัวมาก ตอนนี้เธอจึงนั่งอยู่บนพื้นไม่ยอมลุก

กอดขาตัวเองเอาไว้และร้องไห้ “ฮือฮือฮือ” อย่างไม่หยุดหย่อน ท่าทางเหมือนจะเสียใจมาก

 

ในเวลานี้หยางเฉ่วกำลังปลอบเธออยู่ข้างๆ เมื่อผู้หญิงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์อย่างนั้น ใครๆก็ย่อมหวาดกลัวกันทั้งนั้น

โชคดีที่พวกเราเห็นเข้า ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์คงไม่ต้องพูดถึงเลยละ

ตาหัวโล้นทนการกระทืบไม่ไหว หลังจากโดนอัดมาได้ไม่กี่นาทีก็สลบไป

แต่ผมยังกระทืบมันอีกสักสองสามครั้ง แต่เฟิงเฉ่วหานกลับเข้ามาห้ามผม “หยุดได้แล้วติงฝาน ถ้ากระทืบต่อมีหวังเจ้านี้ได้ตายกันพอดี!”

“ฮึ! สมควรตาย ไอ้ชั่ว!” ผมด่าออกมาดังๆ จากนั้นก็หยุดกระทืบ

 

หลังจากนั้น พวกเราก็หมุนตัวกลับมาหาดาราสาว

ดาราสาวยังคงร้องไห้อยู่ ท่าทางดูเศร้ามากๆ

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆสองครั้ง จากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าของดาราสาว และพูดกับเธอว่า “โอเคแล้วสาวน้อย เธอปลอดภัยแล้ว รีบกลับบ้านซะ!”

พวกเราไม่รู้จักกัน ผมจึงทำได้เพียงเท่านี้ ดังนั้นผมจึงคุยกับเธอเบาๆแค่นิดหน่อย

แต่เสียงพึ่งจางหาย จู่ๆดาราสาวคนนั้นกลับเงยหน้าขึ้น

จนถึงตอนนี้ ผมพึ่งได้เห็นใบหน้าเต็มๆของเธอ

 

เป็นใบหน้าที่ยอดเยี่ยมมาก ผิวขาวใสมาก ขนตางอนยาว ริมฝีปากแดงระเรื่อ หน้าตาดีสุดๆ

แต่เธอในตอนนี้ กลับดูเศร้ามาก ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

เธอมองผมอย่างเงียบๆ และก็ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อผมเห็นเธอไม่พูดอะไร จึงรู้สึกอึดอัด แต่ทันใดนั้นผมก็คิดได้ว่ามีกระดาษทิชชู่ที่ใช้เหลือจากตอนเข้าห้องน้ำ

ผมเอื้อมมือไปหยิบ “เอ่อสาวน้อย เธอเช็ดน้ำตาก่อนซิ!”

ขณะที่พูด ผมก็หยิบกระดาษทิชชู่ออกมา

 

ผลลัพธ์หลังจากหยิบออกมา ก็พบว่ากระดาษทิชชู่ถูกผมทำจนยู่ยี่หมดแล้ว มันน่าเกลียดจนผมรู้สึกอายมาก

แต่เมื่อหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆเห็นสิ่งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ผม

นี่มันถูกบี้จนกลายเป็นอะไรไปแล้ว นายยังกล้าหยิบออกมาให้เธอเช็ดหน้าอีกเหรอฮะ

ส่วนดาราสาวเงียบไปพักหนึ่ง แต่เมื่อเห็นผมทำท่าเขินอาย จู่ๆเธอก็หัวเราะออกมา

หยิบกระดาษทิชชู่ในมือของผมไป จากนั้นก็ยืนขึ้น “ขอบคุณมากค่ะ คุณติงฝาน!”

หลังจากพูดจบ เธอก็เช็ดน้ำตาที่หน้าตัวเอง

แต่ผมกลับนั่งอึ้ง พวกเราไม่รู้จักกัน แต่ทำไมเธอถึงรู้ชื่อฉันได้ละ

 

“เธอ เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง” ผมพูดด้วยสีหน้าตกใจ

ดาราสาวคนนั้นคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เมื่อกี้ได้ยินเขาเรียกคุณแบบนั้นน่ะ!”

หลังจากพูดจบ เธอก็ชี้ไปที่เฟิงเฉ่วหาน

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง จากนั้นผมถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกว่าเธอมีญาณทิพย์รู้ได้ซะอีก

จากนั้น จิตใจของดาราสาวก็ดีขึ้นมาก

เธอจ้องตาหัวโล้นที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น จากนั้นก็พูดกับพวกเราว่า “ฉันชื่อว่าอู๋ฮุ่ยฮุ่ยค่ะ ขอบคุณพวกคุณมาก แต่พวกคุณ พวกคุณช่วยฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหมคะ และอย่าไปแจ้งตำรวจด้วยค่ะ”

 

พวกเราเงียบไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ

คนที่ก่อเรื่องอยู่ในวงการบันเทิง ถึงเธอจะเป็นดาราหน้าใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ถ้าเรื่องในคืนนี้แพร่ออกไป ต่อไปการงานของเธอ ก็จะมีอุปสรรคเยอะขึ้น

เมื่อฮุ่ยเอ๋อเห็นพวกเราพยักหน้า จึงยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณมากค่ะ! เอ่อคือ ฉัน ฉันขอตัวก่อนนะคะ!”

ทุกคนไม่คุ้นเคยกัน เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น พวกเราจึงพยักหน้า และเปิดทางให้เธอทันที

ฮุ่ยเอ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้น และรีบจากไปจากที่นี่ทันที หลังจากนั้นร่างของเธอก็หายไปจากแสงไฟของถนน

 

ผมมองทางที่ฮุ่ยเอ๋อจากไป คิดว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องเล็กๆ

เพราะพวกเราไม่ได้ทำงานในวงการเดียวกัน ต่อไปก็คงไม่ได้ติดต่อกันอีก

แต่พวกเราจะไปรู้อะไร ในวงการบันเทิงมันยุ่งเหยิงมาก นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของ อู๋ฮุ่ยฮุ่ยและพวกเราเท่านั้น……

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด