ศพ – ตอนที่ 217 เอาไก่ไปให้

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 217 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 217 เอาไก่ไปให้

 

ตอนกลางวันผมไม่มีอะไรทํานอกจากดูทีวี ผมก็ออกไปเฝ้าร้าน

 

แต่ระหว่างนั้น เหล่าฉินก็มาส่งข่าว

 

บอกว่าลุงหลิวฟื้นแล้ว และร่างกายยังฟื้นตัวขึ้นมาก อาการของเขาก็คงที่แล้ว

 

ไม่ใช่แค่นั้น พวกเรายังรู้รายละเอียดของคืนนั้นจากปากเหล่าฉินด้วย

 

เขาบอกว่าคืนนั้นลุงหลิวอยู่เฝ้าสุสานคนเดียว ตอนกลางดึกเขากําลังพักผ่อนอยู่ที่หอพัก จู่ๆก็มีจิ้งจอกตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง

 

มันไม่รอให้ลุงฉินได้ทําอะไรทั้งสิ้น วินาทีนั้นจิ้งจอกตัวนั้นยืนขึ้น พร้อมพูดภาษามนุษย์ออกมา บอกให้ลุงฉันคืนลูกชายของมันมา

 

จากน้ําเสียง จิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นไม่ได้ดุร้าย และยังดูค่อนข้างใจดีด้วย

 

แม้ลุงฉินจะทํางานที่สุสานมาหลายปี เห็นอะไรต่อมิอะไรมานับไม่ถ้วน

 

แต่จิ้งจอกพูดได้นี้ เขาเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

 

วินาทีนั้นลุงหลิวตกใจ เขาไม่ได้สนใจคําพูดของอีกฝ่าย ยกเก้าอี้ในห้องขึ้นและบอกให้จิ้งจอกตัวนั้นไสหัวไปซะ

 

นี่จึงไปกระตุ้นทําให้จิ้งจอกเฒ่าโมโห จิ้งจอกตัวนั้นจึงกระโดดเข้าหา ทําให้ลุงหลิวล้มลงไปกับพื้น แต่มันไม่ได้ลงมือฆ่าเขาทันที

 

มันยังอ้าปากถามลุงหลิวต่อว่าเอาลูกชายของมันไปซ่อนไว้ที่ไหน

 

เพราะหลังจากเหล่าฉินเผาศพเสร็จ ก็ไม่ได้บอกลุงหลิวว่าศพนั้นเป็นเถ้ากระดูกของจิ้งจอก ดังนั้นตอนนั้นลุงหลิวจึงไม่รู้ว่าศพของชายคนนั้นคือจิ้งจอกตัวหนึ่ง

 

ช่วงเวลานั้นลุงหลิวถึงกับงง และพูดอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที

 

เมื่อจิ้งจอกเฒ่าต้องถามซ้ําแล้วซ้ําอีก มันก็โมโห บอกว่าถ้าลุงหลิวยังไม่ส่งตัวลูกชายออกมา เขาก็จะกินลุงหลิวซะ

 

เมื่อลุงหลิวได้ยินคําพูดนี้ เขาก็กระวนกระวาย

 

เขาไม่สนใจอะไรมากนัก ใช้ช่วงที่จิ้งจอกเฒ่าละสายตา ลุกขึ้นและคิดจะสู้ตายกับจิ้งจอกเฒ่า

 

แต่ลุงหลิวไม่มีวิชา จะไปสู้กับจิ้งจอกเฒ่าได้อย่างไร

 

จิ้งจอกเฒ่าเห็นลุงหลิวคิดจะลงมือ เขาถึงลงมือกัดที่คอของลุงหลิวหนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้กัดที่เส้นเลือดของเขา แต่ตอนที่ลุงหลิวกําลังดิ้นรน มันจึงไม่ตั้งใจเผลอฉีกเนื้อลุงหลิวออกมา

 

และในตอนนั้นเอง ก็เป็นตอนที่พวกเราเข้ามาถึงสุสาน และได้ยินเสียงร้องนั้น

เรื่องหลังจากนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเราเห็นกับตาตัวเอง

 

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ พวกเราถึงได้รู้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้น ไม่ได้คิดจะฆ่าลุงหลิวตั้งแต่แรก เขาเพียงอยากตามหาลูกชายจิ้งจอกของตัวเองเท่านั้น

 

และจากเรื่องที่ได้ยิน เขาโดนลุงหลิวกระตุ้น ไม่ได้ต้องการลงมือจริงๆ

 

เพียงแค่หลังจากนั้นลุงหลิวรู้สึกได้รับอันตราย เขาสู้ขาดใจคิดจะหนีเอาชีวิตรอด นั้นจึงทําให้เขาถูกจิ้งจอกกัดจนบาดเจ็บ

 

ดูจากเรื่องทั้งหมด จิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นไม่ได้เป็น “ จิ้งจอกชั่ว ” อย่างที่เราคิด

 

เขาทําเพื่อป้องกันตัว จิ้งจอกเฒ่าไม่ได้ดุร้ายเหมือนที่พวกเราจินตนาการเอาไว้เลยสักนิด

 

เป็นเพียงแค่จิ้งจอกแก่ที่ออกมาจากภูเขาชูหม่า แต่ระหว่างนั้นกลับไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองตายได้ยังไง จิ้งจอกผู้เป็นพ่อจึงคิดจะเอาศพของลูกชายกลับไปเท่านั้น

 

แม้เรื่องนี้จะผ่านไปแล้ว แต่เรื่องราวที่เกิดและผลที่ตามมา กลับทําให้พวกเราเข้าใจ

 

แต่ผมก็ไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะเรื่องมันจบไปแล้ว

 

แต่สิ่งที่ทําให้ผมคิดไม่ถึงเลยก็คือ เรื่องราวของผมและฝูงจิ้งจอก เพิ่งเปิดฉากขึ้นเท่านั้น

 

ผมเฝ้าร้านมาทั้งวัน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ก็เห็นฟ้ามืดแล้ว ผมจึงเตรียมตัวออกจากบ้าน

 

แต่ก่อนจะออกจากบ้าน อาจารย์กลับยื่นกระเป๋าสีเหลืองให้ผม บอกผมว่าตอนผ่านป่ากุยหม่า ให้เอาไก่ทั้งสองตัวใส่ลงไปในกระเป๋าใบนี้ และยังกําชับว่าให้ปิดจนมิดห้ามให้เหลือช่องว่างแม้แต่นิดเดียว

 

ผมถามอาจารย์ว่าทําไมต้องทําแบบนั้น ผมถือไก่ข้างละตัว ก็สบายดีออก

 

ถ้าเอาไก่ไปใส่ในกระเป๋า แถมยังไม่ใช่มีช่องแม้แต่นิดเดียว ถ้าตอนนั้นไก่สองตัวขาดอากาศหายใจตาย ผมจะไปอธิบายกับมู่หลงเหยียนว่ายังไง

 

แต่อาจารย์กลับใช้กระบอกยาสูบเคาะหัวผม “ แกจะไปเข้าใจอะไร ป่ากุ่ยหม่าคืออะไรฮะ นั้นมันเป็นสุสานผีไร้ญาตินะ ผีที่นั้นไม่ได้กินกลิ่นธูปมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ดึกขนาดนี้ แกถือไก่สองตัวเข้าไป แบบนั้นไม่เรียกว่าเรียกร้องความสนใจ ดึงดูดให้ผีเร่ร่อนพวกนั้นให้ไม่พอใจเหรอฮะ ถ้าเกิดไปทําให้ผีที่ต่อกรยากไม่พอใจขึ้นมา แกได้เจอดีแน่ ”

 

อาจารย์พูดด้วยความโมโห ในเวลาเดียวกันก็อธิบายให้ผมเข้าใจ

 

เมื่อฟังจบ ผมก็กลัวขึ้นมาทันที ผมคิดไม่ถึงจุดนี้จริงๆ

 

ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะต้องเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้แล้ว

 

ผมไม่ถามต่อ รับกระเป๋าเหลืองมาทันที หลังจากนั้นก็บอกลาอาจารย์ และเดินออกจากร้าน

 

ขณะเดินไปที่ป่ากุ่ยหม่า มันก็เป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยแล้ว ตอนนี้ผมกําลังเดินตามเส้นทางบนภูเขา ตรงไปที่ป่ากุ่ยหม่าเรื่อยๆ

 

นอกจากเดินทางตอนกลางคืนจะไม่สะดวกแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

 

แต่เมื่อมาถึงชายป่ากุ่ยหลิน ผมก็ทําตามที่อาจารย์พูด นําไก่ทั้งสองตัวใส่ลงในกระเป๋า หลังจากนั้นก็ใช้เชือกรัดให้เรียบร้อย ผมถึงได้ถือไก่เข้าไปในป่ากุ่ยหม่า

 

สถานที่แห่งนี้เป็นของผีจริงๆ พลังหยินแรงสุดๆ อากาศหนาวกว่าข้างนอกมาก

 

ผมเพิ่งเข้ามาในป่ากุ่ยหม่า ก็มีหมอกเข้าปกคุ้มทันที ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน อุณหภูมิก็ยิ่งลดลงเรื่อยๆ

 

หลุมศพที่อยู่รอบๆต่างตั้งอยู่ติดกัน บางครั้งที่มีฝนตกหนัก ถึงกับมีโลงศพส่วนสองส่วนหรือกระดูกคนโผล่ออกมาก็มี

 

คนทั่วไป อย่าว่าแต่มาที่นี่ตอนกลางคืนเลย แม้แต่ตอนกลางวันแสกๆก็แทบไม่มีคนเต็มใจมาที่ป่าชุ่ยหล่านี้ด้วยซ้ํา

 

ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาเดินที่นี่ตอนกลางคืน แต่เมื่อเห็นวิวทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆ ธงไว้อาลัยสีขาว หรือโคมไฟสีขาวขาดๆ ก็ทําให้ผมรู้สึกใจคอไม่ดี หลังเย็นวาบๆ

 

จิดใต้สํานึกบอกให้ผมเร่งฝีเท้า รีบเดินเข้าไปในป่าส่วนลึกของป่ากุ้ยหม่า

 

เมื่อมาถึงแนวป่าที่เก่าแก่ ผมก็หยุดเดิน ปิดไฟฉาย หลังจากนั้นก็เปิดตา

 

ผมเพิ่งเปิดตา ทันใดนั้นรอบๆที่ดํามืดก็สว่างขึ้นมา

 

ผมไม่รอช้า รีบเร่งฝีเท้าเดินต่อทันที

 

ผ่านไปไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงน้ําไหล ภาพคฤหาสน์หลังใหญ่ ค่อยๆปรากฏสู่สายตาของผม

 

ใช่แล้ว ผมมาถึงจวนมู่หลงแล้ว

 

ประตูหน้าบ้าน ยังมีสิงโตหินสูงใหญ่สองตัวตั้งอยู่ พวกมันเหมือนจริงมาก และยังดูทรงพลังสุดๆ

 

ด้านหน้ามีถนนหินทอดยาวเส้นหนึ่ง รอบข้างรายล้อมไปด้วยดอกไม้สีขาว ม่วง และแดง

 

ผมเดินตามถนนหิน ผ่านไปไม่นานผมก็มาถึงหน้าประตู

 

ผมหยุดเดินสูดหายใจเข้าลึกๆ ใช้ที่เคาะประตูเคาะดัง “ ก๊อกก๊อกก๊อก ” ขณะที่เสียงเคาะดังขึ้น ผมก็ตะโกนเข้าไปข้างในว่า “ น้องศพฉันมาแล้ว ”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ด้านในก็มีเสียงยายคนหนึ่งขานรับ “ คุณผู้ชาย มาแล้ว มาแล้ว ”

 

ผมรู้ทันที คนพูดต้องเป็นยายโม่แน่นอน

 

“ รบกวนยายโม่แล้วครับ ! ” ผมยืนพูดอยู่หน้าประตู

 

ทันใดนั้น เสียง “ แอ๊ด~” ก็ดังขึ้น ประตูเปิดออกแล้ว

 

ยายโม่ยังเหมือนเดิม ท่าทางอ่อนโยน ถือไม้เท้ามังกรไว้ในมือ

 

“ คุณผู้ชาย ในที่สุดคุณก็มาถึง คุณหนูกําลังอารมณ์เสียอยู่ข้างในเจ้าค่ะ! คุณรีบเข้าไปปลอบคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ!”

 

แต่เมื่อผมได้ยินคําพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

 

อะไรนะ ยัยมู่หลงเหยียนกําลังอารมณ์เสีย ยายให้ผมไปปลอบเธอเนี่ยนะ

 

นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ยัยมู่หลงเหยียนเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์ แล้วจะให้ผมไปปลอบเธอได้ยังไงละ

 

ผมแสดงสีหน้าอึดอัดใจ “ น้องศพ น้องศพกําลังอารมณ์เสียเหรอครับ ”

 

ยายโม่พยักหน้า “ เจ้าค่ะ แถมยังโมโหร้ายมาก! ตอนนี้ ถึงกับทําลายข้าวของแล้วเจ้าค่ะ! พวกเราเป็นคนรับใช้ ไม่กล้าพูดกับคุณหนู คุณเป็นนายช่วยไปพูดกับคุณหนูให้หน่อยนะเจ้าค่ะ ”

 

ดวงตาของผมเบิกกว้าง ผมอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ําลาย “ ยายโม่ ผมว่า- ผมว่าปล่อยเธอไปเถอะ ! คือใช่ ในนี้มีไก่เหลืองอยู่ แล้วก็…แล้วก็ยังมีกล่องใบนั้น ยายช่วยเอาไปคืนน้องศพแทนผมหน่อยนะ ! ผมยังมีธุระ ขอตัวกลับไปก่อนนะครับ!

 

พระเจ้าช่วย ยัยมู่หลงเหยียนกําลังอารมณ์เสีย เดิมที่ก็เป็นยัยก็อตซิลล่าขี้โมโหอยู่แล้ว ให้ผมไปปลอบเธอเนี่ยนะ เหมือนบอกให้ผมไปหาเรื่องใส่ตัวมากกว่า

 

ผมเลือกใช้กลยุทธ์เผ่นก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง แต่ผมเพิ่งหยิบกล่องไม้ออกมา ยังไม่รอให้ผมได้ส่งให้ยายโม่ ทันใดนั้นเสียงของมู่หลงเหยียนที่ฉลาดเป็นกรดก็ดังขึ้น “ ไอ้กาก รีบเข้ามาหาฉันเดี๋ยวนี้ ”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด