ศพ – ตอนที่ 127 วางแผนระยะยาวเพื่อตกปลาตัวใหญ่
ตอนที่ 127 วางแผนระยะยาวเพื่อตกปลาตัวใหญ่
จู่ๆผีทารกก็หนีไปได้ จึงทำให้พวกเรารู้สึกเสียดายมาก
ทุกอย่างที่ทำในคืนนี้ ต่างเสียไปเปล่าๆ
แต่สิ่งที่ทำให้คนโกรธที่สุดคือ หลังจากเจ้าเด็กนั้นหนีเข้าไปในบ่อได้ ยังไม่วายส่งเสียงพูดขู่พวกเรา จึงทำให้ทุกคนอารมณ์เสียทันที
“ ผีทารกแค้นฝังใจแล้ว จะปล่อยมันไปไม่ได้ ภายในสองสามวันนี้จะต้องกำจัดมันให้ได้ ! ถ้ารอให้มันโตขึ้นจริงๆ พวกเราทุกคนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอีกต่อไป ” เฟิงเฉ่วหานขมวดคิ้ว พูดออกมาอย่างเย็นชา
แม้ว่าผมกำลังบ่นในใจ แต่ที่เฟิงเฉ่วหานพูดมามันก็ไม่ผิดเลยสักนิด
ถ้าผีทารกตนนี้ได้โตขึ้น พวกเราก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
ดังนั้นผมจึงพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
ส่วนทางด้านหยางเฉ่วก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดว่า “ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ถ้าคิดจะล่อมันออกมาอีกครั้ง คงต้องคิดแผนระยะยาวเพื่อตกปลาใหญ่กันแล้วละ ! ”
เมื่อผมเห็นว่าทุกคนยังไม่แน่ใจ จึงพูดกับสองคนว่า “ งั้นคืนนี้ก็พอเท่านี้ก็แล้วกัน ! หยางเฉ่ว เธอช่วยพาจูจูไปพักผ่อนในห้องหน่อย ฉันจะคิดหาวิธีอื่น ! ถ้ายังไม่ได้อะไรจริงๆ ก็คงต้องลงไปในบ่อแล้วละ ! ”
สำหรับเรื่องลงไปในบ่อ เป็นวิธีสุดท้าย ตอนนี้จะยังใช้ไม่ได้เด็ดขาด
สถานที่แห่งนั้นเป็นที่กำเนิดวิญญาณผีทารก ทั้งมืดและแคบ จึงอันตรายมากๆ
กลัวว่ายังไม่ทันได้ลงถึงพื้น พวกเราก็อาจถูกผีทารกตนนั้นกัดคอตายไปแล้ว
หลังจากนั้น พวกเราก็ปิดหน้าต่างบานนั้น และกลับมานั่งบนโซฟา
หยางเฉ่วปลุกจูจูให้ตื่น จากนั้นก็ประคองเธอกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เพราะความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้จิตใจของจูจูในตอนนี้ค่อนข้างตื่นตกใจ ท่าทางของเธอดูแย่มาก
ถ้าให้เธอทำวิธีเดิม เรียกผีเด็กที่ตายนั้นออกมาอีกครั้ง ผลที่ตามมาคงแย่มาก
และอาจเป็นไปได้มากว่าจิตใจของจูจูจะแตกสลายอย่างสมบูรณ์
ผมสูบบุหรี่ ไม่พูดอะไรพักหนึ่ง
แต่จู่ๆเฟิงเฉ่วหานก็พูดว่า “ รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ พวกเราไปหาไก่เหลืองตัวใหญ่มา เอามันไปแขวนไว้ที่ปากบ่อ ไม่แน่อาจจะล่อมันออกมาอีกครั้งก็ได้ ! ”
เมื่อได้ยินคำว่า “ ไก่เหลือตัวใหญ่ ” ผมก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งนี้เป็นตัวกระตุ้นพวกสิ่งชั่วร้ายได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ผลกับผีทารกไหม
แต่ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีวิธีอื่น และยังมีความหวังเหลือเพียงเล็กน้อย จึงทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ต่อไปเรื่อยๆ
ดังนั้นผมจึงพยักหน้าให้เฟิงเฉ่วหาน “ โอเค ! แต่นอกจากเจ้านี้แล้ว พวกเรายังต้องเตรียมวิธีรับมืออย่างอื่นด้วย เพราะการเติบโตของเจ้าเด็กนั้นเร็วมาก ยิ่งปล่อยเอาไว้นาน มันจะเป็นตัวอันตรายิ่งกว่าเดิม ถ้าไก่เหลืองไม่ได้ผล หรือเหมือนกับคืนนี้ ที่เจ้านั้นหนีไปได้อีกครั้ง ! แบบนั้นพวกเราจะต้องช้าไปอีกวันแน่ ”
ผมคิดอย่างรอบคอบ และไม่อยากผิดพลาดอีกครั้ง
แต่เสียงพึ่งเงียบลง หยางเฉ่วที่เดินออกมาจากห้อง
ก็พูดว่า “ พวกเรายังมีวิธีที่ดีกว่านั้นอีกหนึ่งวิธี ! ถ้าใช้แผนทั่วๆไปจัดการกับเจ้าผีทารกนั้น มันก็อาจหนีไปได้อีก งั้นก็ต้องใช้วิธีใหม่ ทั้งยังต้องให้พวกนายคนใดคนหนึ่งออกไปเสี่ยง ไม่รู้ว่าพวกนายคนไหนจะกล้า ! ”
ผมและเฟิงเฉ่วหานเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นผมก็ถามว่า “ วิธีอะไร ”
หยางเฉ่วเองก็ไม่มัวพูดไร้สาระ เธอเข้ามาที่ตรงหน้าของพวกเรา
“ แม้ว่าผีทารกจะดุร้าย และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้มันยังมีนิสัยเหมือนเด็ก นอกจากพ่อแม่จะหลอกล่อมันมาได้แล้ว พวกลูกอมเอยของเล่นเอยก็เป็นของที่มันอดใจเอาไว้ไม่ได้ดังนั้นถ้าใช้ไก่เหลืองไม่สู้เปลี่ยนมาใช้ลูกอมและของเล่นไม่ดีกว่าเหรอ ”
เมื่อได้ยินหยางเฉ่ววิเคราะห์แบบนั้น ผมก็คิดว่าที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลมาก ผมและเฟิงเฉ่วหานจึงอดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากัน คิดว่าใช่แล้ว
เจ้าผีทารกนี้มีนิสัยเหมือนเด็ก ขอแค่ใช้ข้อนี้ให้เป็นประโยชน์ พวกเราจะต้องจัดการเจ้าเด็กนั้นได้แน่
ลูกอมและของเล่นหาได้ง่ายมาก มีขายอยู่ทุกที่ แต่จะต้องเสี่ยงยังไง ผมกลับยังไม่เข้าใจ
จึงพูดกับหยางเฉ่วต่อ “ หยางเฉ่ว แล้วมันจะเสี่ยงยังไง ”
หยางเฉ่วเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ ต้องมีคนไปแสดงละครที่ปากบ่อ กินลูกอมและเล่นของเล่น หลอกล่อให้มันออกมา และจะลงมือก่อนไม่ได้เด็ดขาด ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็อ้าปากอ่อเข้าใจวิธีของหยางเฉ่วพูดในทันที
ถ้ายังอยากล่อเขาออกมา ก็จะต้องใช้ของที่ค่อนข้างแปลกใหม่ และของที่ตรงใจของเขา
สำหรับเด็กคนหนึ่ง ของเล่นและลูกอมต่างเป็นของที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าจะต้องได้ผลกว่าไก่เหลืองหลายเท่า
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมก็ไม่ลังเล พูดกับหยางเฉ่วว่า “ วิธีนี้ให้ฉันทำก็แล้วกัน ! ”
เมื่อหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็หันไปมองคุณชายเฟิงเฉ่วหานผู้เย็นชาแวบหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ ที่จริงก็มีแค่นายนั่นแหละที่ทำได้ เฟิงเฉ่วหานเย็นชาแบบนั้น จะแสดงว่ากำลังตื่นเต้นสนุกสนานได้ยังไง ! ”
หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็เปลี่ยนน้ำเสียง และพูดออกมาอีกครั้ง “ ก่อนหน้านี้พวกเราประเมินผีทารกต่ำเกินไป พอถึงคืนพรุ่งนี้ ฉันจะทำวงเวทย์ดอกเหมย ขอแค่ล่อเจ้าผีทารกเข้ามาในวงเวทย์ได้ ถึงเวลานั้นแม้ว่ามันจะมีปีกก็หนีไม่รอด ! ”
หยางเฉ่วพูดอย่างจริงจัง ดูจะมั่นใจมาก
แต่สีหน้าของผมกลับ “ พรึบ ” เปลี่ยนไปทันที เผยสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
คิดไม่ถึงว่านอกจากหยางเฉ่วจะใช้คาถาได้ เธอยังเชี่ยวชาญเรื่องวงเวทย์อีกด้วย
วงเวทย์ เดิมทีเกิดจากการนำศาสตร์ทำนายทั้งหมดของลัทธิเต๋ามารวมกัน โดยอาศัยการจัดเรียงตามลำดับตัวเลข ศาสตร์การวาดลวดลายของคาถาและอื่นๆจนเกิดมาเป็นวงเวทย์ที่ทรงพลังในปัจจุบัน
และศาสตร์การทำนายของลัทธิเต๋าก็แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ฉี เหมิน และตุ้นเจี่ย แต่ละส่วนต่างถูกปิดเอาไว้เป็นความลับ คนทั่วไปไม่ต้องพูดถึงว่าจะชำนาญเลย แม้แต่คนที่เข้าใจ ก็ยังไม่มีคนธรรมดาเลยสักคน
และระยะเวลาไม่ถึง 18 ปีนี้ ก็มีน้อยคนมากที่จะสามารถสร้างวงเวทย์ได้เพียงคนเดียว
แต่หยางเฉ่วที่อยู่ตรงหน้า มีอายุเท่ากับผม แต่เธอกลับสามารถใช้วงเวทย์ได้แล้ว
และการสร้างวงเวทย์ยังไม่ใช่สิ่งที่เด็กพึ่งเข้ามาทำงานในสายนี้จะทำได้ง่ายๆ แถมวงเวทย์ดอกเหมยยังมีพลังที่ค่อนข้างร้ายกาจ แล้วจะไม่ให้ผมตกตะลึงได้ยังไง
ตอนนี้อย่าว่าแต่ผมเลย แม้แต่คุณชายเฟิงเฉ่วหานที่เย็นชา ก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “ เธอ เธอสร้าง วงเวทย์ได้เหรอ ”
หยางเฉ่วกลับหัวเราะเบาๆ “ ได้นิดหน่อย ! ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ! ”
เมื่อผมและเฟิงเฉ่วหานได้ยินประโยคนี้ ก็แทบกระอักเลือด ทำวงเวทย์ดอกเหมยเป็นแล้วจะเรียกว่านิดหน่อยได้ยังไงละ
ขณะที่ผมและเฟิงเฉ่วหานกำลังพูดอะไรไม่ออกอยู่นั้น หยางเฉ่วก็พูดออกมาอีกครั้ง “ พอเถอะ เรามาพูดเรื่องสำคัญกันดีกว่า ! พรุ่งนี้พอฉันทำวงเวทย์เสร็จ ติงฝานรับหน้าที่เล่นของเล่น ล่อผีทารกตัวนั้นออกมา และพาเข้ามาในวงเวทย์ก่อน ห้ามลงมือก่อนเด็ดขาด และจะต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยด้วย ”
“ เฟิงเฉ่วหาน นายหาที่ซ่อนตัวอยู่อีกทางด้านหนึ่งของบ่อน้ำ ถ้าพวกเราลงมือ นายก็วิ่งเข้ามาปิดบ่อน้ำเอาไว้ตั้งแต่วินาทีแรก แปะยันต์ลงไป และต้องระวังไม่ให้เกิดช่องโหว่ได้อีก ! ”
ในเวลานี้หยางเฉ่วพูดอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด และเราก็คุยกันถึงรายละเอียดของขั้นตอนในวันพรุ่งนี้เป็นต้น
จากการพูดคุย พวกเราสามารถมองออกว่า หยางเฉ่วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
เธอมีประสบการณ์ดูไม่น้อยไปกว่าเฟิงเฉ่วหาน และเธอยังทำได้ทุกอย่าง
พวกเราปรึกษากันมาได้เกือบ 3 ชั่วโมง ถึงได้แผนการที่แน่นอน
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เจ้าเด็กนั้นก็หายไปแล้ว ผมจึงนอนหลับบนโซฟา
ทำร่างกายให้พร้อม พรุ่งนี้จะได้พร้อมลงมือขั้นต่อไป
แต่พึ่งหลับได้ไม่นาน ก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นกำลังไหลเข้ามาในร่างกาย
ความรู้สึกนั้นหนาวเย็นมาก และตอนนั้นผมก็กำลังหลับ ได้ไม่ลึกมาก
เพราะสัญชาตญาณของอาชีพ และความเกี่ยวข้องเรื่องเวลา
เมื่ออากาศเย็นนี้เพิ่งปรากฏ สิ่งแรกที่โผล่ขึ้นมาในสมองของผมคือ “ พลังหยิน ”
เมื่อคิดได้แบบนั้น ในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ” พลังหยินเข้มข้นอะไรขนาดนี้ แย่แล้ว หรือว่าเจ้าเด็กนั้นจะกลับมาอีกรอบ แอบออกมาจากบ่อน้ำอีกรึเปล่า
ดวงตาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ พรึบ ” เสียงของร่างกายที่ลุกขึ้นนั่งทันที
ในเวลาเดียวกัน หัวของผมก็มองไปทางที่พลังหยินไหลเข้ามา
ผลลัพธ์เมื่อมองตามไป ผมก็เห็นหน้าต่างที่ห่างไปไม่ไกล
ตอนนี้ที่ด้านหน้าของหน้าต่างแตกๆ กลับไม่ใช่ผีเด็กอะไรนั้น แต่มีผีผู้หญิงใส่ชุดขาวใบหน้าซีดขาวยืนอยู่
ดวงตาสองข้างของเธอเบิกกว้าง ไม่ขยับตัวไปไหน เพียงจ้องผมตาไม่กระพริบ และยังยิ้มออกมา……
คอมเม้นต์