ศพ – ตอนที่ 189 ภาพลวงตา

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 190 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 189 ภาพลวงตา

 

ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง พื้นที่ป่าที่รกร้างว่างเปล่าแบบนี้ กลับมีไก่ขันในตอนกลางดึก

 

ปัญหาคือ เสียงเพิ่งดังขึ้น ผมก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

 

ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มแล่นเข้ามาที่หัว ผมเริ่มเวียนหัวตาลาย คล้ายจะเป็นลม

 

ผมอยากฝืนตัวเองเอาไว้ จึงส่ายหัวไปมาสองสามครั้ง

 

แต่ในเวลานี้ ข้างหูของผมกลับมีเสียงมู่หลงเหยียนดังขึ้น “ ไม่เป็นไรนอนไปเถอะ !” 

 

เมื่อได้ยินเสียงนี้ อย่าว่าแต่อ้าปากเลย

 

แม้แต่เปลือกตาของผม ก็ปิดลงอย่างไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น

 

แต่หลังจากที่ตาผมปิดลง โลกของผมก็เข้าสู่ความมีดมิดทันที 

หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็จําไม่ได้….

 

หลังจากผมตื่นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงของอีกวัน

 

ผมลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ แต่หลังจากที่ผมลืมตาขึ้น ผมกลับพบว่าตัวเองกําลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้ว

 

ผมปวดหัวมาก เหมือนกับอาการเมาค้าง ร่างกายอ่อนเพลีย 

ความรู้สึกคลื่นไส้ปะทะขึ้นมา

 

ผมสูดหายใจเข้าออกสองครั้ง หลังจากนั้นก็หันไปมอง รอบๆ

 

ผมพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่เก่าแก่ ในปามืดมิดไร้ แสงลอดผ่าน 

พลังหยินรุนแรง แม้แต่หมอกสีขาวจางๆก็ยังกระจายตัวอยู่รอบๆ

 

ห่างออกไปไม่ไกล มีน้ำตกเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง ตอนนี้มันกํา ลังส่งเสียง “ ซ่าซ่าซ่า ” ออกมา

 

“ นี่มันที่ไหนกัน ” ผมพึมพํากับตัวเอง

 

ผมลุกขึ้นยืน เริ่มมองสํารวจรอบๆตัว

 

ผมพบว่าแม้ที่นี่จะเป็นป่าเก่าแก่ แต่มันก็ยังสะท้อนภาพที่คุ้นตา รอบๆที่นี้ยังมีโคมไฟสีขาวแขวนอยู่เป็นจํานวนมาก

 

โคมไฟพวกนั้นเหมือนกับสิ่งที่ผมเห็นเมื่อคืนเป๊ะๆ เมื่อ เห็นโคมไฟพวกนี้ 

ผมก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และมองรอบๆตัวอีกครั้ง

 

หลังจากมองเสร็จ ในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ” 

 

เพราะผมพบว่ารอบๆตัวของผม มีหุ่นกระดาษและจานกระดาษตกอยู่เป็นจํานวนมาก

 

นอกจากของพวกนี้แล้ว ห่างออกไปไม่ไกลจากตรงหน้าของผม 

ยังมีหุ่นกระดาษที่แต่งหน้าแต่งตัวสองสามตัวกําลังยืนอยู่ด้วยกัน

 

หัวใจของผมตื่นกลัวทันที อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

ที่นี่ น่าจะเป็นที่ตั้งของจวนมู่หลง

 

เพราะจวนมู่หลงคือบ้านผี จะสามารถเห็นได้ในตอนกลางคืนเท่านั้น

 

ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว บ้านผีก็หายไป จึงเผยให้เห็นสถานที่ตั้งดั่งเดิมของมัน

 

นอกจากจวนมู่หลงจะหายไปแล้ว พวกสาวใช้ที่ปรากฏตัวในจวนมู่หลงเมื่อคืน ก็ได้ปรากฏตัวในร่างเดิม

 

พวกเขาไม่ใช่ผี แต่เป็นหุ่นกระดาษสีขาวที่ใช้สําหรับคนตาย หนึ่งในนั้นยังรวมถึงพวกนักแสดงสองสามคนที่ขี้นมาร้องเพลงและร่ายรําให้พวกเราดู ตอนนี้ทุกตนได้กลับไปเป็นหุ่นกระดาษแล้ว

 

ของพวกนี้ล้วนมีขายที่ร้านของพวกเรา แต่เมื่อคืนผมกลับไม่ได้สงสัยเลยสักนิด

 

ผมยังคิดว่าพวกนี้เป็นผีที่แต่งตัวเป็นนักแสดง ขึ้นไปร้องรําทําเพลงให้ผมดูจริงๆ !

 

จนกระทั่งตอนนี้ผมถึงได้สติว่าสิ่งที่เห็นเมื่อคืนทั้งหมด ล้วนเป็นภาพลวงตา พวกมันล้วนถูกสร้างขึ้นมา

 

ตอนนี้เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

 

แน่นอนว่า ความรู้สึกนี้ไม่ได้ทําให้ผมกลัวถึงขนาดนั้น สิ่งที่ยิ่งกว่านั้นคือตกใจและทั่งกับสิ่งที่เห็น

 

เมื่อมองดูเวลา ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว

 

สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่คนเป็นอย่างผมควรอยู่ตั้งแต่แรก ผมจึงไม่ควรอยู่นาน

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ กวาดสายตามองรอบๆอีกครั้ง โบกมือให้ที่นี่ จากนั้นก็ตะโกนใส่ต้นไม้ตายซากที่อยู่ตรงหน้า “ แขกทุกท่าน ตอนนี้ฟ้าก็สว่างแล้ว ข้าน้อยไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ ! ”

 

ผมลุกขึ้นยืนตรง ก้มหัวลงด้วยท่าทางที่เคารพอีกฝ่ายมาก

 

แต่เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นสายลมหลายระลอกก็พัดเข้ามา ภายในผืนป่าจึงมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น

 

สายลมหลายสายปะทะเข้าหากัน วินาทีนั้นใบไม้ต่างก็ปลิวว่อน

 

“ ฮูฮูฮู ” เสียงดังอย่างต่อเนื่อง

 

ผมมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า รู้สึกสงสัยบ้างเล็กน้อย บางทีนี่อาจเป็นการตอบกลับของพวกแขกเมื่อคืน

 

ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปจากปากุ้ยหลินทันที…….

 

ตอนที่ผมเดินออกมาจากป่า ทันใดนั้นที่ข้างหูก็มีเสียงอันคมชัดของมู่หลงเหยียนดังขึ้น “ เจ้าห่วย !”

 

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมก็หยุดเดิน มู่หลงเหยียนเรียกผม ผมจึงหันไปมองทันที

 

แต่ผมกลับเห็นผืนป่าที่ว่างเปล่า มีเพียงความมืดที่ทอดยาวออกมาจากป่า

 

แม้ผมจะไม่เห็นมู่หลงเหยียน แต่ผมมั่นใจว่าเป็นเธอ และเธอยังอยู่ใกล้ๆตัวผม

 

ไม่รอให้ผมได้พูด ทันใดนั้นเสียงของมู่หลงเหยียนก็ดังขี้นมาอีกครั้ง “กลับไปแล้วอย่าลืมเอาผงขี้ธูป เศษไม้ผุผสม กับน้ำดื่มหนึ่งแก้วละ ”

 

ผมมองไม่เห็นมู่หลงเหยียน แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงนี้ ผมจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ

 

ผงขี้ธูปเศษไม้ผุผสมน้ํางั้นเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

ผมสงสัย จึงถามเธอว่า “ ทําไมต้องดื่ม ! เจ้านั้นมันดื่มยากจะตาย ! ”

 

ผลลัพธ์เสียงเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นมู่หลงเหยียนก็เค้นเสียงดัง ฮึ “ บอกให้ดื่มก็ดื่มเถอะย่ะ ”

 

เมื่อได้ยินมู่หลงเหยียนโมโห ผมก็ไม่กล้าเถียงอีก

 

ทําได้เพียงกลอกตา และปิดปากเงียบ

 

แต่หลังจากที่มู่หลงเหยียนพูดจบ เธอก็พูดเพิ่มอีกหน่อย “ อือใช่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ห้ามเอาไปบอกคนนอกเด็ดขาด เรื่องที่ฉันบอกนายก็ต้องเก็บเป็นความลับด้วย จําไว้ละ ”

 

สําหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าผมรู้ดี เรื่องใหญ่ขนาดนั้น จะให้พวกปีศาจพวกนั้นได้กลิ่นมู่หลงเหยียนและคนอื่นๆไม่ได้เด็ดขาด เพราะผลที่ตามมาคือหายนะ

 

ผมพยักหน้าให้ปาที่ว่างเปล่า “ วางใจได้ ! ฉันไม่พูดแน่นอน ฉันไปละนะ แล้วค่อยเจอกันใหม่ !”

 

หลังจากพูดจบ ผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะรอการตอบกลับของมู่หลงเหยียน ผมหมุนตัวเดินออกไปทันที

 

เมื่อผมออกมาจากป่า แสงอาทิตย์ก็สาดส่องลงบนตัวผม

 

มันอบอุ่น อบอุ่นจนผิดปกติ ผมรู้สึกสบายเป็นพิเศษ

 

แต่ผมรู้สึกว่าอาการเมาค้างยังอยู่ จึงสูดหายใจเข้าออก ด้วยความรู้สึกคลื่นไส้ ทําให้ผมเร่งฝีเท้า อยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านให้เร็วที่สุด

 

เวลาประมาณบ่ายโมง ผมก็กลับมาถึงตําบลชิงฉือ

 

แต่หลังจากกลับมาถึงตําบลชิงฉือ ผมก็พบว่าคนรอบตั ต่างแปลกไป พวกเขาหันมามองผมอย่างกับตัวประหลาด ชี้ที่ตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนไม่เคยเห็นผมมาก่อน

 

เพราะผมง่วงมาก จึงไม่มีอารมณ์สนใจพวกเขา เพียงเดินตรงกลับบ้านอย่างเดียว

 

เมื่อเปิดประตูออก ผมก็พบว่าอาจารย์กลับมานานแล้ว

 

ผมเพิ่งถึงหน้าประตู ก็ตะโกนเข้าไปข้างในทันที “ อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว !”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นอาจารย์ก็พูดอย่างเย็นชา “ เมื่อคืนแกไปไหนมา ”

 

ขณะที่พูด อาจารย์ก็เดินออกมาจากบ้าน

 

วินาทีนั้นผมเตรียมตอบกลับทันที แต่ “ พรึบ ” ท่า ทางของอาจารย์กลับเปลี่ยนไป เขาพูดออกมาด้วยตกใจ “ ติงฝาน หน้าแกไปโดนอะไรมา”

 

จู่ๆก็เห็นอาจารย์ตกใจ ผมจึงงง “ ไม่ ไม่ได้เป็นอะไรนิ ! ”

 

จิตใต้สํานึกบอกให้ผมลูบหน้าตัวเอง แต่อาจารย์ยังถามต่อ “ ติงฝาน เมื่อคืนแกไปไหนมา ”

 

“ ไม่ได้ไปไหน ก็แค่ไปที่ป่ากุ้ยหลินเท่านั้น !” ผมตอบกลับ

 

“ ป่ากุ้ยหลิน นั้นมันไม่ใช่สุสานไร้ญาติเหรอ ” อาจารย์ แสดงสีหน้าตกใจ และแฝงไปด้วยความกลัว

 

ไม่ใช่แค่นี้ ในเวลานี้เขายังเอามือมาจับคางผมเอาไว้ สํารวจหน้าของผม จากนั้นก็บ่นพึมพําออกมา ทําไมกลายเป็นแบบนี้ได้

ผมทําหน้าสงสัย “ อาจารย์ มีอะไรเหรอ หน้าของผมมีอะไรติดอยู่เหรอ”

 

อาจารย์กลับขมวดคิ้ว เขาพูดด้วยน้ําเสียงโมโหจัด “ มีอะไรงั้นเหรอ ! แกส่องดูเองซิ…”

 

ผมลูบหน้าตัวเอง พร้อมพูดด้วยความสงสัย “ หรือว่าหน้าฉันมีอะไรติดอยู่จริงๆ”

 

ขณะที่พูด ผมก็หยิบกระจกบนโต๊ะขึ้นมาส่อง

 

แต่ขณะที่ผมกําลังหยิบกระจกขึ้นมา ภาพสะท้อนหน้าของผม ก็ทําให้ผมตัวแข็งที่อ เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาทัน

 

เพราะผมพบว่าหน้าของตัวเอง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร่ ที่หน้า ของผมมีจุดๆ ขึ้นเต็มไปหมด และมันยังเป็นจุดสีดําขนาดเท่าหัวแม่มือ…..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด