God of illusions – ตอนที่ 28 ฝึกฝนครั้งแรก

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 28 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“ตามข้ามา พวกเราจะเริ่มฝึกครั้งแรกในเช้านี้!” หลังจากเก็บมีดกลับไป เสวี่ยอิ่งหันหลังเดินออกจากห้อง ที่ตามหลังนางเป็นเหล่านักเรียนห้องอำมหิตที่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี

 

ทั้งกลุ่มเดินผ่านสิ่งก่อสร้างทั้งหมดจาก ‘พื้นที่สามัญ’ ไปยังพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ในสำนัก ด้วยความกว้างมันไม่ต่างอะไรไปจากพื้นที่ราบ นี่คือจุดหมายปลายทางของห้องอำมหิต!

 

“ข้ามีเพียงอย่างเดียวให้พวกเจ้าทำ ใครที่ทำเสร็จสามารถเลิกก่อนเวลาได้ส่วนพวกที่ทำไม่สำเร็จจะต้องข้ามเวลาพักและทำต่อไปเรื่อยๆ พวกที่ยังทำไม่เสร็จหลังถึงเวลาคาบเที่ยงจะต้องอยู่ต่อและทำให้เสร็จเช่นกัน”

 

“พี่หญิงเสวี่ย จะเกิดอะไรขึ้นหากหมดคาบเที่ยงแล้วพวกเรายังทำไม่เสร็จ..?” ฟางเย่เอ่ยปากถามเป็นครั้งแรกตักเตือนให้ทุกคนรู้ว่าในห้องยังมีเขาอยู่

 

“เช่นนั้นก็อย่าหลับหรือพักจนกว่าจะทำเสร็จ!” เสียงเย็นชาดังออกมาทำฟางเย่รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงสันหลัง ‘ไม่น่าถามเลยข้า..’

 

“เป็นการฝึกแบบไหนหรือพี่หญิงเสวี่ย?” สือเฉินโชคดีที่เป็นสาวแก่นทอมบอย ทำให้นางไม่ถูกเสวี่ยอิ่งที่อารมณ์ไม่ดีพาลใส่

 

“วิ่ง! ทุกคนจะต้องวิ่งรอบสี่เหลี่ยมนี้ห้ารอบ! ป๋ายเสี่ยวเฟยกลุ่มของพวกเจ้าจะต้องวิ่งสิบรอบ!” เมื่อนางกล่าวจบ กลุ่มนักเรียนทั้งสิบหกคนตกตะลึงกันถ้วนหน้า

 

‘รอบสนามเนี่ยหรือ?’

 

‘ห้ารอบ!?’

 

‘พวกเราจะไม่ตายก่อนรึ!?’

 

ในขณะที่ความคิดพวกแล่นผ่านหัวของทุกคน มีเพียงกลุ่มของป๋ายเสี่ยวเฟยที่รู้สึกอยากตายขึ้นมา

 

หากการวิ่งห้ารอบอาจทำให้ถึงตาย พวกที่วิ่งสิบรอบก็สั่งโลงศพรอไว้ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงพักเที่ยง นั่นเป็นแค่ฝันเท่านั้น

 

“อะไร? พวกเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?” เสียงเย็นชาของเสวี่ยอิ่งดังขึ้นอีกครั้ง นักเรียนทั้งหมดรู้สึกราวกับกำลังยืนอยู่บนหน้าผาแหลมโดยพลัน

 

ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด แม้แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ไม่เว้น

 

แต่ก็ไม่มีใครเริ่มฝึกเช่นกัน เพราะการฝึกนี้พวกเขาไม่มีทางทำสำเร็จ ขนาดขาของหวู่จื๋อยังสั่นด้วยความกลัว

 

“ไม่อยากทำก็ตามใจพวกเจ้า ข้าเพียงต้องส่งรายงานให้สำนักว่าพวกเจ้าไม่อยากเรียนอีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าสามารถเก็บข้าวของกลับบ้านคืนนี้ได้ ให้ข้าเป็นอาจารย์ของกลุ่มขยะข้ายอมเกษียณยังดีเสียกว่า!” น้ำเสียงของนางจริงจังสุดขีด ย้ำเตือนให้พวกนักเรียนรู้ว่านางมิได้พูดเล่น

 

คนแรกที่เคลื่อนไหวคือสาวแก่นสือเฉิน

 

ไม่ใช่เพราะนางขี้ขลาดแต่เป็นเพราะนางไม่อยากออกจากสำนักชิงหลัว

 

การเข้าเป็นศิษย์สำนักชิงหลัวอาจดูเหมือนง่าย ต้องรู้ว่ามีผู้คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกแต่มีเพียงหยิบมือเท่านั้นที่สอบผ่าน

 

การเรียนจบจากสำนักชิงหลัวถือได้ว่าคนผู้นั้นก้าวล้ำคนอื่นไปไกล!

 

หลังจากนั้นนักเรียนห้องอำมหิตเริ่มการฝึกหนักมหาโหด ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ไม่มีใครอยากถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน

 

เมื่อทุกคนเริ่มวิ่งกันหมดแล้ว เสวี่ยอิ่งค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจก่อนจะวิ่งตามพวกเขาอยู่ด้านหลัง

 

ไม่นานนักกลุ่มใหญ่ทั้งสิบหกก็แบ่งเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม

 

ที่นำคือหวู่จื๋อ สือขุย ป๋ายเสี่ยวเฟย สือเฉินและเฉินฮุย ในหมู่พวกเขาเฉินฮุยพึ่งเพียงพลังใจเพื่อฝืนก้าวขาต่อไป ในขณะที่หวู่จื๋อและสือเฉินมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าผู้อื่นอยู่ก่อนแล้ว

 

ป๋ายเสี่ยวเฟยพึ่งพาพลังงานที่เขาได้สะสมไว้เมื่อตอนเขาเอาเปรียบฉินหลิงหยาน แต่ถึงกระนั้นเขาไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย

 

ถึงแม้แรงกายของเขาจะสามารถพาเขาวิ่งไปได้จนจบ แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น

 

ข้างหลังกลุ่มทั้งห้าคือจู๋ซือซือ ฉิงหนาน ต้าหมิงและเสี่ยวหมิง

 

จู๋ซือซือและฉิงหนานวิ่งนำในตอนแรก เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็มาจากดินแดนตอนใต้ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ แถมจู๋ซือซือยังเป็นนักเชิดหุ่นสายจู๋โจมรวดเร็ว แต่การที่นางรวดเร็วไม่ได้แปลว่านางจะอึด ทำให้นางถูกแซงได้ในที่สุด

 

คนอื่นนอกจากสองกลุ่มนี้ไม่อาจเรียกว่ากลุ่มได้อีกต่อไป เหตุผลเป็นเพราะนอกจากหวังหางที่วิ่งข้างฟางเย่ คนที่เหลือต่างก็พยายามดิ้นรนทั้งนั้น โม่ข่าผู้ที่วิ่งอยู่หลังสุดในสายตาเขาไม่อาจมองเห็นพวกป๋ายเสี่ยวเฟยได้อีก

 

“หากเจ้าไม่มีแรงกายเช่นนั้นจงวิ่งให้ช้า หากเจ้าวิ่งช้าไม่ได้ เช่นนั้นจงอดทน! หากข้าเห็นใครหยุดหรือเดินข้าจะให้มันวิ่งเพิ่มอีกหนึ่งรอบ!” ก่อนที่โม่ข่าจะทันได้หยุดพักเสียงของเสวี่ยอิ่งพลันดับฝันเขาทันที

 

ล้อเล่นอะไรกันนี่ หากเขายังต้องวิ่งเพิ่มอีกรอบ ไม่ต้องถามเลยว่าเขาจะตายหรือไม่ ควรถามว่าศพเขาจะยังอยู่ครบไหมจะเหมาะสมเสียยิ่งกว่า!

หนึ่ง…. สอง… สาม..

 

เมื่อพวกเขาวิ่งถึงรอบที่สี่ เฉินฮุยไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาได้กลายเป็นคนจากกลุ่มที่สาม เขาเหนื่อยเสียจนแม้แต่โม่ข่าก็แซงเขาไปแล้ว

 

“พวกเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งใช้พลังกายของตนไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม หากนี่เป็นการต่อสู้พวกเจ้าคงเหนื่อยก่อนศัตรูตายเสียอีก รู้ใช่หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร?” เฉินฮุยผู้ซึ่งไม่ได้เปิดปากตลอดการฝึกได้ยินคำพูดของเสวี่ยอิ่งหน้าของเขาพลันแดงเพราะความอับอายในบัดดล

 

“ข้าไม่…ไม่ไหวแล้ว…” ต้วนอีอีหอบหายใจหนักเหนื่อย นางเป็นคนแรกที่ล้มลงกับพื้น ในฐานะนักเชิดหุ่นสายสนับสนุน พลังกายเป็นจุดอ่อนสำคัญของนาง

 

แต่เสวี่ยอิ่งไม่มีความคิดจะใจอ่อนเพียงเพราะต้วนอีอีเป็นผู้หญิง นางปรากฏตัวข้างต้วนอีอี ใบหน้าเสวี่ยอิ่งเย็นชาพลางกล่าว

 

“เพิ่มอีกหนึ่งรอบ หากเจ้ายังไม่ลุกขึ้นเช่นนั้นจงอย่าได้กินหรือนอนในวันนี้” ต้วนอีอีพยายามคลานขึ้นมาพร้อมน้ำตาบนหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาเสวี่ยอิ่งก่อนจะเริ่มวิ่งต่อไป

 

ต้วนอีอีไม่ใช่คนเดียวที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่หลังจากได้เห็นชะตาของนาง นักเรียนที่เหลือไม่กล้าจะหยุดพักไม่ว่าพวกเขาจะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ ใครก็ตามที่เดินผ่านมาเป็นต้องหันกลับมามอง มีแม้แต่คนที่เย้ยหยันการกระทำของห้องอำมหิต

 

อย่างไรก็ตามแววตาหรือวาจาดูถูกพลันหายไปหมดสิ้นเมื่อพวกเขาวิ่งครบสี่รอบ พวกที่กล่าวดูถูกเหยีดหยันรู้ตัวดีว่าหากเป็นตนเองคงไม่มีทางวิ่งครบสี่รอบเป็นแน่แท้ ความทรหดของห้องเรียนอำมหิตมากพอที่จะทำให้พวกมันหุบปาก!

 

เมื่อรอบที่ห้าเริ่มขึ้น พวกคนที่วิ่งนำเป็นกลุ่มแรกได้แซงคนด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย คนที่ถูกแซงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโม่ข่าและนักเรียนหญิงบางคน…

 

“พวกเจ้าไปช่วยพยุงคนที่เหลือให้วิ่งเสร็จ!” เมื่อพวกเขาวิ่งเข้าใกล้นักเรียนหญิง ป๋ายเสี่ยวเฟยผ่อนฝีเท้าดึงหลินหลีด้านหลังมาด้วย

 

หวู่จื๋อและสือขุยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำตามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยสั่ง ทั้งช่วยจูนั่วและต้วนอีอี

 

ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาต้องทำตามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยสั่งอีกครึ่งคือในเมื่อพวกเขากำลังจะตาย เหตุใดไม่ทำดีก่อนเล่า?

 

มีเพียงโม่ข่าเท่านั้นที่เหลืออยู่

 

หลังจากรู้สึกขัดแย้งในใจชั่วครู่ สือเฉินยื่นมือออกไปหาเขา

 

“ข้าจะช่วยเจ้าหนึ่งรอบ อย่าให้เสียหน้านักเรียนชาย” สือเฉินดึงปลายเสื้อของโม่ข่าขณะหอบหายใจเหน็ดเหนื่อย หากแต่นางร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าจะได้ยินเช่นนี้

 

“ช่วยชีเว่ยที่อยู่ข้างหน้า นางไม่ได้ดีไปกว่าข้าเท่าใดนัก ข้าวิ่งเองได้” โม่ข่าถอนมือที่ถูกจับออกมาอย่างแผ่วเบา เขาฝืนยิ้มใบหน้าเจ็บปวดในขณะที่ดันทุรังยึดมั่นในศักดิ์ศรีน้อยๆ ของตนไว้

 

เหล่านักเรียนจากห้องอำมหิตเริ่มต้นการเดินทางที่แสนยากลำบากในรูปแบบนี้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด