ศพ – ตอนที่ 247 เสียงจากโลง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ศพ ตอนที่ 247 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

ตอนที่ 247 เสียงจากโลง

 

เสียงตรงหน้าค่อนข้างเบา และผมก็ได้ยินเป็นคนแรก

 

วินาทีนั้น ผมรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในโลง

 

ร่างกายของผมจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นกลัว กลัวว่าเจ้าสิ่งนั้นจะออกมาจริงๆ

 

เต่ตอนนี้ ของด้านในกลับเปลี่ยน

 

เมื่อกี่ยังดี ไปแล้ว

 

โชคดีที่โลงโลงนี้ถูกตอกตะปูเอาไว้แน่นหนา ถึงแม้จะเป็นผีดิบ ก็ไม่สามารถออกมาได้ทันที

 

ขณะที่ผมกําลังตกตะลึง คนขับรถแซ่ซูที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาพูดด้วยความงุนงง

 

“ เถ้า เถ้าแก่ เหมือน เหมือนในโลงนี้ จะมีเสียงหายใจ !

 

เมื่อคุณได้ยินคําพูดนี้ หน้าเขาก็ชาในทันที “ จะเป็นไปได้ยังไง พ่อฉันตายไปจะ 10 ปีแล้วนะ !”

 

ขณะที่พูดเขาก็เอาหูแนบเข้ากับโลง แต่เมื่อลองฟัง “ เฮ้ย ” คุณฉีก็ร้องออกมาทันที ร่างกายถอยหลังไปโดยอัตโนมัติและชี้ที่โลงแล้วพูดว่า “ มี มีเสียงหายใจจริงๆ พ่อ พ่ออย่าอย่าแกล้งผมนะ… “

 

เมื่อเสียงร้องนี้ดังขึ้น มันก็ดึงดูดความสนใจของท่านนักพรตตู้และคนขับรถอีกสองคนที่แบกโลงอยู่ข้างหน้าทันที

 

ตอนนี้พวกเขากําลังแบกโลงอยู่ จึงทําได้เพียงหันมาจ้องพวกเราเท่านั้น

 

จู่ๆก็ได้ยินเสียงคุณฉีโวยวาย ทุกคนจึงอดเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาไม่ได้

 

วินาทีแรกท่านนักพรตต์และคนอื่นๆเดาออกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในโลงส่วนคนขับรถอีกสองคน

 

ตกใจจนขนหัวลุก และเกือบทําโลงฉีเต๋อหวางตกลงพื้น

 

ในเวลานี้ผมถึงได้สติคืนมา แต่ผมก็ไม่ได้เอะอะและหันไปมองอาจารย์ทันที

 

อาจารย์ทําหน้าหนักใจ เมื่อเห็นผมหันมา เขาก็พูดออกมาตรงๆ “ อย่าไปสนใจมัน รีบยกโลงขึ้น ! ยังไงคืนนี้โลงนี้ ก็ต้องลงไปอยู่ในดินขอแค่มันออกมาไม่ได้ อีกครึ่งปี มันก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ในใจของผมก็มีแสงแห่งความหวังสว่างขึ้นเล็กน้อย

 

ถึงผีดิบจะร้ายกาจ แต่มันก็เป็นเหมือนที่อาจารย์พูด ขอแค่มันออกมาไม่ได้ พวกเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

 

คุณฉีและคนขับรถแซ่ซูยังคงกลัวอยู่ ช่วงเวลานั้นพวกเขายังคงยืนนิ่งไม่รู้ว่าควรทํายังไงต่อดี

 

แต่ผมเข้าไปเรียกสติของพวกเขาทันที “ ไม่ต้องตกใจ มันเป็นเรื่องปกติ เร็วรีบออกแรงดันต่อ ! อีกเดี๋ยวพอลง ไปในหลุมแล้วก็ค่อยเผาเงินกระดาษเพิ่มอีกหน่อย”

 

คนขับรถแช่ซูและคุณฉีแสดงท่าทางหวาดกลัว เมื่อคุณได้ยินผมพูดถึงขนาดนั้น เขาก็ตอบกลับด้วยความกลัว “ ได้ ” หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาแบบตัวสั่น เพื่อช่วยดันต่อ

 

แต่คนขับรถแซ่ซูกลับลังเล เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มกลัวแล้วจึงไม่อยากเข้ามาช่วย และเขายังกลืนน้ําลายไม่หยุด

 

แต่เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองและผมช่วยกันออกแรงหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็เอื้อมมือไปข้างหน้าอีกครั้ง และเริ่มออกแรงดันโลง

 

ส่วนอาจารย์หยิบยันต์ปราบวิญญาณชั่วออกมา จากนั้นก็ไม่พูดพร่ําทําเพลงแปะลงบนฝาโลงทันที

 

แต่พูดแล้วก็ว่าแปลก ยันต์แผ่นนี้เพิ่งติดลงบนฝาโลง ก็โลงยังหนักสุดๆ จนพวกเราไม่สามารถขยับมันได้เลยสักนิด แต่ทันใดนั้นพวกเรากลับสามารถดันมันให้กลับมาอยู่ใน ตําแหน่งเดิมได้ทันที

 

เมื่อเห็นโลงกลับมาอยู่ในท่าเดิมแล้ว พวกเราสามคนก็รีบลุกขึ้น คว้าคานไม้ที่ใช้ยกโลงทันที

 

เมื่ออาจารย์เห็นพวกเราพร้อมแล้ว เขาก็สั่นกระดิ่งอย่างแรง “ กริ้งกริ้งกริ้ง” “ ยกโลง ! ”

 

หลังจากได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น พวกเราสามคนก็พร้อมใจออกแรงยกโลงขึ้นทันที

 

แต่เพิ่งยึดตัวตรง เตรียมตัวก้าวไปข้างหน้า โลงกลับหนักขึ้นประมาณ 500 กิโล จนทําให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกําลังจมดิ์งลงไปเรื่อยๆ “ ปีก ” โลงนั่นสัมผัสกับพื้น “ อีกครั้ง”

 

การลงไปทั้งแบบนั้น ทําให้เอวของพวกเราสามคนเกือบเคล็ด

 

ไม่ใช่แค่นั้น ยันต์ปราบวิญญาณที่อาจารย์แปะเอาไว้บนฝาโลง ตอนนี้จู่ๆมันก็ฉีกออกเป็นสองสามแผ่น

 

ไม่ว่ายันต์จะร้ายกาจขนาดไหน แต่ถ้าถูกทําลาย มันก็ไม่มีพลังอะไรอีกแล้ว

 

เมื่ออาจารย์เห็นภาพนี้ เขาก็แอบพูดในใจว่าสมควรตายขณะเดียวกันก็หันไปพูดกับท่านนักพรตต์ว่า

 

“ เหล่าตู้ มีปัญหาแล้ว นายเอาโลงนั้นลงหลุมก่อน ผนกมันเอาไว้ก่อน ถ้าจัดการเจ้านี้ไม่ได้ คืนนี้งานไม่สําเร็จแน่ !

 

ท่านนักพรตต์เป็นคนฉลาด จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมองออกว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนั้น เขาก็บอกให้คนขับรถสองคนข้างหน้าเดินต่อทันที

 

ส่วนพวกเรายังไม่ได้ลุกขึ้น ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ “ ครึกครืกครึก” ดังออกมาจากโลง เหมือนกับเสียงเล็บขูดไปทั่วโลง

 

ผมและอาจารย์ยังถือว่าดี เพราะยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ แต่คุณฉีและคนขับรถแซ่ซู กลับเริ่มกลัวแล้ว

 

ตอนที่เพิ่งลุกขึ้น พวกเขาก็แสดงท่าทางหวาดกลัว เดินถอยหลังตามจิตใต้สํานึก

คนขับรถแซ่ซูกลัวจนพูดออกมาไม่หยุด “ เถา เถ้าแก่ นี่ นี่มันคือเสียงอะไร ?”

 

คุณฉีเองก็กลัว เขาจึงไม่ตอบคําถาม

 

มองโลงแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองอาจารย์ “ ท่านนักพรตติง พ่อผม พ่อผมเป็น เป็นอะไรไป ? ”

 

อาจารย์ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาวางกระดิ่งลงแล้ว และดึงดาบไม้ออกมาเรียบร้อย

 

เมื่อได้ยินคุณฉีถาม เขาก็ตอบกลับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ ศพของพ่อคุณ น่าจะกลายเป็นผีดิบแล้ว !”

 

“ ผี ผีดิบ ?” คุณฉีพูดด้วยความหวาดกลัว และไม่อยากเชื่อเท่าไหร่

 

แต่เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นในโลงก็มีเสียงดัง “

 

เสียงดังมาก เหมือนมีคนกําลังกระแทกฝาโลงจากด้านใน

 

การกระแทกครั้งนี้ ทําให้ตะปูที่ฝาโลงขยับ

 

หลังจากคนขับรถที่อยู่ข้างๆคุณได้ยินคําว่า “ ผีดิบ ” สองคํานี้เดิมทีเขาก็หลอนอยู่แล้ว

 

ตอนนี้จู่ๆก็ได้ยินคําพูดแบบนี้ เขาจึงตกใจ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที

 

แสดงสีหน้าหวาดกลัวและหวาดระแวง พร้อมกับมองโลงตาไม่กระพริบ

 

“ เสี่ยวฝาน อย่ายืนนิ่ง หยิบอาวุธออกมา !”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็ตกใจ รีบวิ่งไปหากระเป๋าเครื่องมือข้างๆอาจารย์ แล้วดึงดาบไม้ออกมาทันที

 

ในเวลาเดียวกัน ในโลงนั้นก็มีเสียงดัง “ ปัง” อีกครั้ง

 

หลังจากเสียงนี้ ฝาโลงก็ถูกกระแทกให้เห็นช่องว่างเล็กๆและตะปูที่ยึดฝาโลงเอาไว้ก็หล่นลงมาหลายดอก

 

คุณฉีและคนขับรถแซ่ซูสติแตก ไม่รู้ว่าควรทํายังไง จึงทําตาเบิกกว้าง และจ้องโลงนั้นอย่างใจจดใจจ่อ

 

ส่วนผมเพิ่งดึงดาบไม้ออกมา “ ปัง ” เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

ขณะที่เสียงดังขึ้น ตะปูสองสามดอกสุดท้ายที่ยึดฝาโลงเอาไว้ ก็หลุดออก และล่วงลงพื้นทันที

 

กลิ่นเหม็นเน่าของศพ กระจายตัวออกมาอย่างรวดเร็วและปะทะเข้ากับหน้าของพวกเราทันที

 

และในโลงโลงนั้น ก็มีเสียงหายใจยาวๆและเบาๆดังขึ้น “ ฮือ ฮือ..”

 

ขณะเดียวกัน พวกเราก็เห็นร่างที่เปียกโชก ชุดคนตายขาดรุ่งริ่ง ร่างคนซีดขาวและผอมแห้งเหมือนกับไม้เสียบผี กําลังลุกขึ้นจากโลงอย่างช้าๆ

 

ดวงตาสีขาวโพน ไร้ชีวิตชีวา ที่หน้ายังมีขนสีขาวงอกออกมาเล็กน้อย

 

ตอนนี้เขากําลังยืนอยู่ในโลง ค่อยๆใช้จมูกดม เหมือนกับดมกลิ่นอาหารในอากาศ

 

“ ไม่ ! ไม่ ! ” ดวงตาของคุณฉีเบิกกว้าง ส่ายหัวไปมาปากพูดพึมพําด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าเขากําลัง

 

กลัวสุดๆ

 

ส่วนคนขับรถแซ่ซูที่นั่งอยู่บนพื้น ม่านตาขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เขากลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และยังแหกปากด้วยความกลัว “ ผี ผีดิบ ผีดิบ…”

 

หลังจากพูดจบ คนขับรถแซ่ซูก็ระงับความกลัวที่อยู่ในใจ เอาไว้ไม่อยู่เขารีบคลาน ลุกขึ้นและวิ่งออกไปทันที

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด