ศพ – ตอนที่ 30 ศพเปลี่ยนแปลง
เสียงแมวทั้งดัง และแหลมมาก ยิ่งสะท้อนกับห้องก็ทำให้แสบหูเข้าไปใหญ่
แมวป่าที่อยู่บนโลง ก้มลงกรีดร้องใส่ศพ ข้อห้ามข้อนี้ถูกมันทำลายลงแล้ว
ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น ใจของผมเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง
เพราะผลที่ตามมาของเรื่องนี้ สามารถทำให้ศพเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อผมและเฟิงเฉ่วหานได้ยินเสียงร้องของแมว ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มันทำให้พวกเรากระวนกระวายจนแทบเป็นบ้า
“ไปตายซะแมวบ้า รีบออกไป!” ผมตะโกน
แต่พูดแล้วก็แปลก หลังจากแมวตัวนั้นร้องเสร็จ มันก็หมุนกลับและกระโดดลง จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากบ้านทันที
เมื่อเห็นแมวเดินออกไป พวกเรากลับมีความรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ศพผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่า ดังนั้นผมและเฟิงเฉ่วหานจึงชั่งหัวมันและหันกลับมามองในโลงอีกครั้ง
หลังจากหันมา ประสาทของผมทั้งสองคนกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
พระเจ้า เมื่อกี้ตาของศพพึ่งปิดเอง บ้าเอ้ยตอนนี้กลับลืมตาอีกแล้วงั้นเหรอ
และครั้งนี้ยังต่างจากครั้งก่อน เพราะที่ด้านข้างของตาศพ มีเส้นเลือดปูดขึ้นมา และยังพาเลือดสีแดงให้ลอยเด็ดชัดออกมาด้วย
ยังไม่หมดแค่นี้ ขณะที่พวกเรากำลังจ้องมองศพ ท่ามกลางสภาพจิตใจที่หวาดกลัว สติของพวกเราจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จู่ๆน้ำหยดนึง ก็หยดลงมาจากข้างบน แถมมันหยดลงตรงกลางหน้าผากของศพพอดี
“แปะ” น้ำหยดนั้นหยดลงบนหน้าผากของศพทันที
แต่ขณะที่ฉากนี้เกิดขึ้น ในหัวของผมและเฟิงเฉ่วหานก็มีเสียงดัง “ตูม”
ทันใดนั้นก็มีคำสองคำปรากฎขึ้น “จบกัน!”
เมื่อกี้มัวแต่สนใจเจ้าแมวป่านั้น จนลืมเรื่องน้ำแข็งบนหัวที่มีพลังอันชั่วร้ายไปซะสนิท
เมื่อน้ำชั่วร้ายหยดนั้นหยดลงบนหน้าผากของศพ มันก็ดูเหมือนว่าศพได้น้ำยาอะไรสักอย่างที่ทำให้เกิดการกระตุ้น
วินาทีนั้นม่านตาของศพ หดเล็กลงทันที ไม่เพียงเท่านั้นมันยังหันมามองผมและเฟิงเฉ่วหาน มือคู่นั้นที่วางอยู่บนหน้าท้อง เริ่มสั่นเล็กน้อย
เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ใจของผมสองคนก็ตกตะลึง จนผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“แย่แล้ว! ศพเปลี่ยนไป!” ผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
แม้ว่าตัวผมจะยังไม่เคยเห็นผีดิบจริงๆ แต่ก่อนหน้านี้อาจารย์ก็เคยเล่าให้ฟัง ดังนั้นเลยได้ยินเรื่องผีดิบมาบ้าง
ม่านตาของศพจะขยับได้อย่างไร สาเหตุมีเพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมันกลายเป็นผีดิบแล้ว
วินาทีนั้นศพของคุณหนูเหวิน ได้กลายเป็นผีดิบไปแล้ว
เสียงพึ่งจางหาย ผมและเฟิงเฉ่วหานก็เห็นมือข้างหนึ่งที่ขาวซีด กำลังยกขึ้นมาจากโลง
เล็บที่เรียวแหลม ของมือที่ขาวซีด กลับมีขนสีขาวงอกออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็รู้สึกขนลุก พร้อมกับยังรู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง
“ติงฝาน เธอกำลังลุกแล้ว นายรีบใช้ฝาโลงปิดเธอไว้เร็ว ฉันจะไปหยิบข้าวและด้ายดำมา!”
ใจของผมรู้สึกกลัวนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่แสดงทีท่าร้อนรนออกมา
ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามายืนกลัว ผมต้องคิดหาวิธีหยุดศพของเธอให้ได้ซะก่อน
ถ้าให้ศพของเธอออกมาจากโลงได้ ผลที่ตามมาคงเป็นหายนะแน่
ผมไม่สนใจมากนัก รีบพูด “อือ” จากนั้นผมก็จับที่ฝาโลง และดันมันให้ปิดลงทันที
ขณะนั้นมีเสียงดัง “ปัง” มือของศพที่ยื่นออกมาได้ถูกฝาโลงปิดทับไว้จนหมด
แต่ผ่านไปแค่เสี้ยวนาที ผมก็ได้ยินเสียงแหบดังขึ้น
เสียงแหบมาก ราวกับมันฉีกขาด ดูเหมือนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแหบๆแบบนี้ มันล้วนเป็นเสียงหายใจครั้งสุดท้ายของคนตาย
เสียงผีดิบที่แหบแห้ง ผมเคยได้ยินมาเท่านั้น เมื่อตอนนี้ได้ยินจริงๆ ผมกลับรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
แม้ว่ามือสองข้างของผีดิบจะถูกฝาโลงปิดเอาไว้ แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังขยับ อยากจะเปิดฝาโลงออก
เนื่องจากพลังอันมหาศาล จึงทำให้ผมรั้งต่อไปไม่ไหว เท้าสองข้างเริ่มลื่นไหล ร่างกายเริ่มขยับถอยหลังไปทีละนิด
และฝาโลง ก็เริ่มเปิดออกเรื่อยๆ
เพียงเวลาแค่แป๊บเดียวฝาโลงก็ถูกเปิดออกจนเกือบหมด ถ้าถูกเปิดอีกนิด ผีดิบที่อยู่ข้างในจะต้องออกมาแน่
ตอนนี้หัวของผมเต็มไปด้วยเหงื่อ “เฟิงเฉ่วหาน ได้มารึยัง! ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
ผมพยายามพูดออกมา ส่วนเฟิงเฉ่วหานก็รีบหาของในกระเป๋า
“ได้แล้วได้แล้ว มาแล้ว!”
ขณะที่พูด เฟิงเฉ่วหานก็รีบถือกระเป๋าพุ่งมาทันที เขาหยิบข้าวและด้ายดำออกมาจากกระเป๋า หลังจากเล็งตำแหน่งที่จะโยนเสร็จ
ทันใดนั้นเสียง “ซ่าซ่าซ่า!” ของเมล็ดข้าวก็ดังขึ้น ส่วนในโลงก็กรีดร้องออกมา “อร๊าย!”
เสียงต่ำและแหบมาก เมื่อได้ยินแล้วคุณจะรู้สึกอึดอัดทันที
แต่หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น มือที่ใช้ดันโลงศพ ก็หยุดไปในทันที
เมื่อผมเห็นโอกาส จึงดันฝาโลง ให้กลับไปปิดสนิทอีกครั้ง
เฟิงเฉ่วหานรีบเข้ามาทันที ดึงด้ายดำออก จากนั้นก็เริ่มพันโลงศพทันที
“ติงฝาน นายกดเอาไว้นะ ตอนนี้ฉันจะใช้ด้ายพันรอบๆโลงศพ!” เฟิงเฉ่วหานเครียดมาก เขารีบพูดด้วยความรวดเร็ว
รู้จักเขามานานขนาดนี้ บวกกับคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ และยังมีการพูดคุยกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ผมจึงไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป รีบกดฝาโลงเอาไว้ทันที
เฟิงเฉ่วหานเองก็รีบใช้ด้ายดำพันโลงอย่างรวดเร็ว รอบแล้วรอบเล่า เพียงชั่วพริบตาโลงศพก็ถูกพันถึงสิบกว่าชั้น
แม้ว่าด้ายดำจะเป็นอุปกรณ์ของช่างไม้ แต่มันก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่หมอผีใช้ เป็นอาวุธที่ใช้ในการปราบพลังชั่วร้ายของศพ
ผลลัพธ์นั้นออกมาชัดเจน แม้มันจะแสนเรียบง่าย แต่ก็ได้ผลอย่างชัดเจน
เมื่อก่อนได้ยินมาว่า ด้ายดำเคยถูกปลุกเสกโดยท่านลู่ปาน(บิดาช่างก่อสร้างของจีน) ดังนั้นมันจึงสามารถปราบศพได้
แต่เรื่องจะเป็นอย่างที่ว่าไหมนั้น ก็ยังไม่มีใครทราบได้
แต่ตอนนี้พวกเราสามารถวางใจได้แล้ว คงต้องขอบคุณของเล่นชิ้นนี้จริงๆ
หลังจากผีดิบที่อยู่ในโลงร้องออกมาสองสามครั้ง เสียงของมันก็หยุดดัง เห็นได้ชัดว่าฤทธิ์จากข้าวนั้นล้มเหลว
จากนั้น พวกเราก็ได้ยินเสียง “อี๊ด…” ดังออกมาจากข้างในโลง
เสียงนั้นฟังดูเหมือนกับเสียงของเล็บที่กำลังขูดกับไม้ มันเป็นเสียงที่แสบแก้วหูมาก
ผมคิดว่าแค่ทำแบบนี้เรื่องก็จะจบลง ของที่อยู่ด้านในน่าจะถูกปราบลงซะที แต่เมื่อคิดถึงจุดนี้
ในโลงกลับมีเสียงดัง “ตุบตุบตุบ” ดังขึ้นมาอีกครั้ง โลงศพเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ใจของผมเต้นแรงในทันที รีบกดฝาโลงเอาไว้
แต่ก็พบว่าผมกดมันไม่ไหว ดังนั้นตัวผมจึงปีนขึ้นไปด้านบน
“เฟิงเฉ่วหาน พันตั้งหลายรอบแล้ว เจ้านี้ยังมีพลังเยอะอยู่เลย ฉันว่าอีกเดี๋ยวมันต้องขาดแน่!” ขณะที่ผมกำลังทับฝาโลงเอาไว้ ผมก็พูดกับเฟิงเฉ่วหานไปด้วย
เฟิงเฉ่วหานเองก็ไม่ชักช้า พูด “เออ” ออกมาคำเดียวและทำต่อไปทันที
แต่ขณะนั้นเอง จู่ๆพลังที่มหาศาลก็ถูกพลักออกมาจากโลง “ปัง”
มันกระแทกเข้าใส่ฝาโลงทันที และตัดด้ายดำที่พันอยู่รอบๆฝาโลงทันที แม้แต่ตัวคนเอง ก็ยังกระเด็นออกไปด้วย
แม้แต่เฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆ ยังตกใจ จนต้องผงะออกไปด้านหลังทันที
ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บที่หลัง ตัวของผมหล่นกระแทกลงกับพื้น
ส่วนฝาโลงก็กระเด็นมาตกที่ข้างๆผม โชคดีที่มันไม่ได้หล่นมาทับตัวผม ไม่อยากนั้นผมคงตายจากการถูกทับแน่
แต่นี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญคือศพที่นอนอยู่ในโลงนั้นต่างหาก ทันใดนั้นเสียง “ฟิ้ว” ก็ดังขึ้น
เท้าทั้งสองข้างเตะโลงกระเด็นดัง “ปัง”
เมื่อมองไปที่ศพของคุณหนูเหวิน รูปร่างหน้าตาที่งดงามเมื่อก่อนหน้านี้ถูกลบหายไปจนหมด
ตอนนี้ ศพของเธอได้เปลี่ยนเป็นผีดิบอย่างสมบูรณ์
ศพมีกลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งกระจายออกมา ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกหดหู่มาก
ใบหน้า มีขนสีขาวๆงอกออกมาเยอะมาก บริเวณดวงตา ยังมีเส้นเลือดสีแดงและดำปูดออกมาจนเห็นได้ชัด
ดวงตายังเปลี่ยนเป็นสีขาวโพน ที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา
มันค่อยๆอ้าปากอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมคม เสียงลมหายใจที่อ่อนแรงและพ่นควันสีขาวออกมา
จมูกกระตุกอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนกำลังสูดกลิ่นอายของคนที่กำลังหายใจอยู่ในอากาศ……
คอมเม้นต์