ศพ – ตอนที่ 81 ศัตรู
ตอนที่ 81 ศัตรู
จู่ๆก็ได้ยินมู่หลงเหยียนและโจวหยุนพูดแบบนั้น ผมจึงตัวสั่นอยู่พักหนึ่ง
ใบหน้าของผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไปเกิดใหม่ไม่ได้ กลับชาติมาเกิดก็ไม่ได้ แถมยังเป็นวิญญาณ ไปจนชั่วนิรันดร์
เกิดอะไรขึ้นกับมู่หลงเหยียนและโจวหยุนที่อยู่ตรงหน้ากันแน่นะ ทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา
การเกิดใหม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าแห่งนรกงั้นเหรอ หรือว่าบนโลกนี้จะมีคนที่มีอำนาจ และความสามารถควบคุมการเกิดได้
ผมสงสัยในใจ “มีคนที่สามารถควบคุมการเกิดของพวกเธอได้ด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่มี แถมตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่ดีมีสุขอีกด้วย!” จู่ๆโจวหยุนก็พูดออกมา
ม่านตาของผมอดไม่ได้ที่จะขยายใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง “เป็นใคร แล้วเขาทำแบบนี้ได้ยังไง”
ผมถามต่อ ผมอยากรู้มากกว่านี้
เพราะเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ถ้าพูดออกมาคนอื่นคงไม่กล้าเชื่อ
ต้องรู้ว่าการเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย นั้นเป็นเรื่องของเจ้าแห่งนรก ผู้พิพากษาชีวิตและความตาย
ใครเป็นใครตาย ใครเกิด ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ถ้าถามคนบนโลกใบนี้ นอกจากเจ้าแห่งนรกแล้ว จะมีคนที่สามารถทำแบบนั้นได้จริงๆเหรอ
ถ้ามี แล้วคนๆนั้นทำได้ยังไง
แต่เมื่อมู่หลงเหยียนและโจวหยุนได้ยินที่ผมพูด พวกเธอกลับดูเหมือนไม่อยากจะบอกผม
โจวหยุนถอนหายใจออกมา แล้วก็เงียบไป
แต่มู่หลงเหยียนกลับหันมามองหน้าผม “บอกนายไปก็ไม่ได้อะไร แต่นายจำเอาไว้ ถ้าเจอชายที่ใช้ผีสามตาเหมือนที่ป่าช้าอีก ห้ามทำอะไรมั่วซั่ว ยิ่งไปกว่านั้นห้ามเข้าไปต่อสู้ด้วยเด็ดขาด!”
มู่หลงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเตือนผมอยู่
หลังจากเธอพูดคำพวกนี้จบ ในใจของผมก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้มากยิ่งกว่าเดิม
ผีสามตา หรือว่าสัญลักษณ์บนแผ่นหินนั้น จะเกี่ยวข้องกับผีชั่วสามตาที่ป่าช้าเก่าจริงๆ
แถมเจ้าผีชั่วสามตายังเป็นศิษย์ของนักพรตกุ่ยซานหยวน ถ้าพูดแบบนั้น ปีศาจที่พวกมู่หลงเหยียนพูดถึง หรือว่าจะเป็นนักพรตกุ่ยซานหยวน
เมื่อเชื่อมโยงมาถึงตรงนี้ ผมก็พูดออกมาอีกครั้ง “หรือว่าศัตรูที่พวกเธอพูดถึง จะเป็นกุ่ยซานหยวน นักพรตกุ่ยคนนั้น”
ผลลัพธ์เมื่อเสียงเพิ่งจางหาย โจวหยุนกลับหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า กุ่ยซานหยวน เจ้ากระจอกนั้นก็เป็นได้งั้นเหรอ”
เมื่อเห็นโจวหยุนพูดออกมาแบบนั้น ผมก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
ศิษย์ของกุ่ยซานหยวนทำให้พวกเรารับมือได้ยาก จนสุดท้ายยังต้องไปเชิญท่านผู้อาวุโสหวางมาช่วย พวกเราถึงจะสามารถจัดการมันได้
ถ้าเป็นกุ่ยซานหยวน พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าเขามีพลังมากขนาดไหน
และจากสิ่งที่ได้ยินจากท่านนักพรตตู๋ เห็นได้ชัดว่าเจ้านี้เป็นหมอผีที่ทุกคนในสายงานรู้จัก เพราะมันร้ายกาจมาก
แต่โจวหยุน กลับพูดออกมาว่าเขากระจอก
ในใจของผมจึงมีหมอกหนาเข้าปกคลุมอีกชั้น ศัตรูของพวกมู่หลงเหยียน เป็นใครกันแน่นะ
แต่ไม่รอให้ผมพูดต่อ มู่หลงเหยียนกลับพูดกับผมอีกครั้ง “เจ้าห่วย นายอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ละ แล้วก็ห้ามถาม เรื่องในคืนนี้ นายห้ามเอาไปบอกกับใครทั้งนั้น รวมทั้งอาจารย์ของนายด้วย ไม่อย่างนั้นพวกนายทุกคนจะต้องเจอกับเรื่องที่อันตรายมากๆ จนเอาชีวิตไม่รอดแน่!”
เมื่อมองดูใบหน้าที่จริงจังของมู่หลงเหยียน ผมก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“แต่ว่า แต่ว่าฉันอยากช่วยพวกเธอ!” ผมขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก
ถึงพลังของผมจะน้อยมาก แต่นี่ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะผมเป็นมือสมัครเล่นที่พึ่งเริ่มฝึกเท่านั้น
แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่กลัวตาย ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นวิญญาณของมู่หลงเหยียนถึงถูกอาจารย์เรียกมา แต่งงานกับผมได้
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงพวกเราก็เป็นสามีภรรยากัน แถมเธอยังเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้
แม้ว่าจะไม่ออกมาเจอหน้าผม แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายผมเลย
เมื่อมู่หลงเหยียนลำบาก ถ้าผมยังไม่ยอมพูดอะไร ก็คงกลายเป็นผู้ชายตาบอดจริงๆแล้วละ
เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าไม่พอใจ ผมคิดว่าผีเมียกำลังจะอารมณ์เสียใส่ผมรึเปล่านะ
แต่ใครจะไปรู้จู่ๆมู่หลงเหยียนก็คลายคิ้วออก มองมาที่ผม แถมยังเข้ามายืนตรงหน้า พร้อมส่งรอยยิ้มที่พิเศษมาให้ผม
เวลาเธอยิ้มมันดูดีมากๆ ไม่รู้ว่ามันจะสวยมากกว่าตอนโกรธกี่ร้อยเท่า
ขณะที่ผมกำลังสับสน จู่ๆมู่หลงเหยียนก็พูดกับผมว่า “ติงฝาน ขอบใจนายมากนะ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกนายจะช่วยได้! รอให้ฉันหายแล้ว ฉันจะหาวิธียุติการแต่งงาน แล้วคืนอิสระให้นายเอง!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงมู่หลงเหยียนที่เรียบนิ่งแบบนี้ แถมไม่พูดกับผมด้วยความโมโห
และยังไม่ใช้ “ผู้ชายห่วย” สามคำนี้ด้วย แต่เธอกลับเรียกชื่อของผมแทน
แต่เมื่อได้ยินมู่หลงเหยียนพูดว่า เธอจะหาวิธียุติการแต่งงาน และปล่อยผมเป็นอิสระ
ทันใดนั้นในใจของผมกลับรู้สึกแปลกๆ คิดไม่ถึงว่ามู่หลงเหยียนจะเป็นคนนิสัยแบบนี้
แต่ยิ่งมู่หลงเหยียนพูดแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกอยากจะช่วยเธอ อยากจะช่วยจนสุดความสามารถ “แต่ว่า……”
ผลลัพธ์ผมยังไม่ได้พูดออกไป มู่หลงเหยียนก็กลับมาใช้น้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้ง พูดแทรกผมทันที “พูดแต่อยู่นั่นแหละ ชั่งเถอะ หยุดพูดได้แล้ว ถ้ายังพูดอีกฉันจะไม่เกรงใจกับนายแล้วนะ!”
ขณะที่พูด ท่าทางของมู่หลงเหยียนก็กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หน้าของผมก็กระตุกขึ้นมาสองครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ ยัยนี้เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือซะอีก
เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปอีกละ
แต่โจวหยุนที่อยู่ข้างๆกลับหัวเราะ “คิกคิก” จากนั้นก็พูด “เอาน่า! ถ้านายอยากช่วยพวกเราจริงๆ งั้นก็กลับไปฝึกวิชาให้ดี แต่ฉันว่านายในตอนนี้ กับพลังแบบนั้น ยังเอาชนะผีเร่ร่อนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วยังอยากจะช่วยพวกเรา……”
เมื่อได้ยินโจวหยุนพูดแบบนั้น ผมก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
แต่ที่เธอพูดก็ไม่ผิด ในสายตาของมู่หลงเหยียนและโจวหยุน กุ่ยซานหยวนยังเป็นแค่คนกระจอก ไม่คนามือพวกเธอเลยสักนิด
คนอย่างผมที่พึ่งฝึกฝน พลังระดับมือสมัครเล่น มาบอกว่าจะไปช่วยพวกเธอ แบบนี้มันจะไปต่างอะไรกับการคุยโวละ
ผมเงียบไปสักพัก ไม่พูดอะไรออกมา
แต่ตอนนั้นมู่หลงเหยียนก็พูดกับโจวหยุนว่า “โจวหยุน ก่อนหน้านี้เจ้าห่วยนี้ช่วยเธอออกมาจากโลงนะ พลังผีเข้าร่าง เธอต้องรีบช่วยเข้าละ!”
โจวหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อย “ได้เลยพี่มู่หลง!”
ขณะที่พูด โจวหยุนก็เดินเข้ามาหาผม
แต่ผีผู้ชายที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ข้างๆ กลับห้ามโจวหยุนไว้ “คุณหนู ให้ผมทำแทนเถอะครับ! ถ้าคุณลงมือ จะทำร้ายหยวนชี่(แก่นต้นกำเนิดพลังตั้งแต่กำเนิด)ของคุณ……”
แต่โจวหยุนกลับโบกมือ “พี่มู่หลงเป็นคนพูดออกมาด้วยตัวเอง ฉันจะไม่ลงมือด้วยตัวเองได้ยังไง ไม่เป็นอะไรหรอก!”
ขณะที่พูด เธอก็เดินมาถึงตรงหน้าของผมแล้ว
แต่ผมกลับไม่รู้ว่าทำไม นอกจากจะมีรอยดำที่หน้าอกแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกว่าส่วนอื่นๆจะผิดปกติเลยสักนิด
โจวหยุนเห็นผมเงียบ เธอจึงพูดกับผมว่า “เจ็บหน่อยนะ ทนเอาไว้ละ!”
หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่รอให้ผมตอบโต้
ฝ่ามือของโจวหยุนก็เข้ามาทาบที่หน้าอกของผมทันที วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าไอเย็นกำลังเจาะเข้าไปในหน้าอกของผม
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ จู่ๆความเจ็บปวดทรมานจากการฉีกขาดของบางอย่างก็เกิดขึ้น
“อ่า!”
ผมก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมา แต่ความเจ็บปวดนั้นยังคงแพร่กระจาย จากหน้าอกไปจนทั่วทั้งตัว ราวกับถูกมีดและเข็ม แทงครั้งแล้วครั้งเล่าจนกล้ามเนื้อฉีกขาด
พลังผีที่รวมตัวกันในหน้าอกของผม ค่อยๆหายไปอย่างต่อเนื่อง
เพราะมันเจ็บมาก บวกกับการที่ช่วยโจวหยุนทำลายคาถาเมื่อก่อนหน้านี้ ทำให้ผมสูญเสียพลังกายและพลังหยวนชี่ไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อได้รับความเจ็บปวดมากมายในตอนนี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกแทบทนไม่ไหวจริงๆ
ผลลัพธ์หลังจากอดทนมาได้สักพัก ผมก็รู้สึกเหมือนโลกหมุน และรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก
สุดท้ายดวงตาทั้งสองข้างก็ปิด และสลบล้มลงไปกับพื้นทันที
นอนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ผมไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเลยสักนิด
ผมเพียงได้ยินเสียงเรียกของมู่หลงเหยียนรางๆเท่านั้น “เจ้าห่วย” จากนั้นก็ไม่มีสติอีกเลย
เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสุสาน แต่อยู่บนเตียงของตัวเอง……
คอมเม้นต์