ศพ – ตอนที่ 86 จับวิญญาณ
ตอนที่ 86 จับวิญญาณ
ระหว่างทางกลับ ผมถามยายว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
ทำไมเธอถึงถูกหมาดำคาบไปที่เนินเขาได้
แถมเจ้าหมาตัวนั้นยังแปลกมากๆ ผมคิดว่ามันเป็นศัตรูของมู่หลงเหยียนและคนอื่นๆ เพราะสัญลักษณ์บนหน้าของวิญญาณตนนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน
แต่ยายกลับบอกว่าเธอก็รู้สึกสับสนเช่นกัน
หลังจากตายในโรงพยาบาล เธอก็ตามศพของเธอขึ้นรถกลับมาที่บ้าน
แต่ไม่สามารถพูดคุยและเจอกับคนในครอบครัวได้ เพราะไม่อยากให้คนในบ้านเสียใจ จึงยืนอยู่ที่หน้าประตู
แต่คิดไม่ถึง หลังจากเหลนสาวของเธอกลับมา เหลนกลับมองเห็นเธอ
เธอจึงพูดกับเหลนสองสามประโยค แต่ตอนที่หลานชายและภรรยาพาเหลนเข้ามาในงานศพ หมาดำตัวหนึ่งก็วิ่งออกมาจากสวนหย่อม
และเมื่อเจ้าหมาดำตัวนั้นเห็นเธอ ก็แสดงหน้าตาหิวกระหาย
ตอนนั้นเธอคิดจะวิ่งเข้าไปในงานศพ แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกหมาตัวนั้นกัดขา แล้วสุดท้ายก็ถูกดึงอย่างแรง ลากตัวเธอออกมาจากงานศพทันที
ส่วนเหลนสาว ก็บังเอิญเห็นฉากนี้เข้า
เมื่อได้ยินถึงจุดนี้ ผมก็ย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อลองคิดดู ตอนที่เด็กคนนั้นมาถึง ตัวเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆและสายลมที่เยือกเย็น
ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อคิดย้อนไปดูเหมือนตอนนั้น เจ้าหมานั้นคงปรากฎตัว และเข้ามาฉุดกระชากตัวยายหนิวไปแน่
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กผู้หญิงคนนั้นจะหวาดกลัว ดูเหมือนที่เธอกลัวจะไม่ได้เป็นเพราะบรรยากาศของงานศพ แต่เพราะเห็นยายหนิวถูกหมาตัวนั้นคาบไปมากกว่า
นอกจากสิ่งนี้ ยายหนิวก็ไม่รู้จะเล่าอะไรให้ผมฟังอีก
เรื่องนี้จึงทำให้ผมเข้าใจเจ้าเดรัจฉานตัวนั้น แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่มากพอ
ตอนนี้ ผมได้เดินกลับเข้ามาในเขตของหมู่บ้านแล้ว
ระยะทางที่เดินมาก็ไม่ถือว่าไกลมาก ที่หน้าหมู่บ้านเองก็มีคนเดินผ่านไปมาไม่น้อย
แต่เมื่อคนพวกนี้เห็นผมงอตัว เดินเข้าไปในหมู่บ้าน พร้อมกับหันไปพูดกับข้างหลัง ก็เผยสีหน้าสงสัยออกมา
ขณะนั้นมีเด็กวัยรุ่นสองคนเมาเหล้าอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นผมก็ด่าผมเป็นไอ้โง่ทันที
ผมถลึงตาใส่เจ้าเด็กสองคนนั้น อยากจะเปิดตาให้เจ้าสองคนนี้จริงๆ จะได้ทำให้พวกมันตกใจตายไปเลย
แต่เพราะช่วยคนเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นผมจึงไม่สนใจคนพวกนี้มากมัก
เมื่อเข้ามาในหมู่บ้าน ผมก็เดินมาถึงงานศพอย่างรวดเร็ว
ผมพึ่งเดินเข้ามาในบ้าน เถ้าแก่หนิวและญาติอีกสองสามคนก็เข้ามาล้อมรอบผมทันที
“ท่านนักพรตติง แม่ แม่ผมละ” เถ้าแก่หนิวพูดด้วยความร้อนใจ
ผมไม่ได้รีบตอบ แต่เดินตรงไปที่หน้าโต๊ะบูชา นำตัวยายหนิววางลง จากนั้นก็ประคองเธอให้นั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
ยายหนิวพูดขอบคุณผม จากนั้นก็พยักหน้าให้เล็กน้อย แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา
ญาติสองสามคนที่อยู่ในบ้าน แสดงท่าทางแปลกใจกับการกระทำของผม
ในเวลาเดียวกัน ยายหนิวก็นั่งลงและสูดดมธูปที่โต๊ะบูชา ช่วงเวลานั้นควันธูปลอยมาที่ยายหนิวทันที
หลังจากนั้น เหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้น
ดูเหมือนเลือดเนื้อที่ขาของยายหนิว กลับเริ่มรักษาตัวเองอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อเถ้าแก่หนิวเห็นผมจ้องโต๊ะบูชาตาไม่กระพริบ จึงรู้สึกสงสัย เลยถามผมขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านนักพรตติง คุณ คุณกำลังมองอะไรอยู่”
ตอนนี้ ผมจึงได้สติกลับมา จากนั้นก็พูดกับเถ้าแก่หนิวว่า “เอ่อท่านยายหนิว ท่านยายหนิวไม่เป็นอะไรแล้วครับ เมื่อกี้ถูกผมแบกกลับมาแล้ว!”
เมื่อเถ้าแก่หนิวและญาติอีกสองสามคนได้ยินผมพูดประโยคนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
หันไปมองเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆตามสัญชาตญาณ แต่ก็เห็นความว่างเปล่า ไม่มีของอะไรวางอยู่เลยสักนิด
“ท่าน ท่านนักพรตติง พี่ พี่สามีของฉันอยู่ อยู่ไหน” ทันใดนั้น ยายวัย 50 ปีก็พูดกับผมด้วยความตกใจ ในเวลาเดียวกันก็หันไปมองเก้าอี้ที่ยายหนิวนั่งอยู่
ผมไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้ารับเท่านั้น
แต่ตอนที่พยักหน้า สีหน้าของเถ้าแก่หนิวกลับเปลี่ยนไป “บึก” เขาคุกเข่าลงที่ด้านหน้าของยายหนิว
“แม่ แม่สบายดีไหม” เถ้าแก่หนิวพูดพร้อมน้ำตา แทบพูดออกมาไม่เป็นคำ
ตอนนี้ยายหนิวผู้เป็นแม่เริ่มกระวนกระวาย อยากจะเข้าไปประคองลูกของตัวเองขึ้นมา
แต่มองมือทั้งสองข้างจะแตะตัวเถ้าแก่หนิวได้ยังไง เธอจึงมองเถ้าแก่หนิวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
จนยายหนิวเองก็แทบจะอดร้องไห้ตามไม่ได้
ในเวลาเดียวกันแม่ของเถ้าแก่หนิวก็หันมา มองผมด้วยสายตาอ้อนวอน บอกว่าก่อนที่จะจากไป ขอบอกลาลูกชายอีกสักครั้งได้ไหม
แต่ทันใดนั้นเถ้าแก่หนิวก็หันมาเช่นกัน เขาเข้ามาคว้าต้นขาของผมเอาไว้ “ท่านนักพรตติง ช่วยผม ช่วยเปิดตาให้ผมได้ไหม ผมอยากเห็นหน้าแม่อีกสักครั้ง ผมอยากเห็นแม่ของผม……”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ทำหน้าลำบากใจ
ผมไม่กล้าทำเรื่องนี้จริงๆ มันเหมือนกับเหตุการณ์ที่คุณเหวินและภรรยาคิดถึงคุณหนูเหวิน
มีบางเรื่องที่ทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขมันได้แล้ว
ผมอึดอัดใจมาก อยากจะประคองเถ้าแก่หนิวขึ้นมา แต่ตัวเถ้าแก่หนิวหนักอึ้งไม่ยอมขยับตัวไปไหน
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ผมเองก็ลำบากใจเข้าไปใหญ่
จากนั้นผมก็พูดกับเถ้าแก่หนิวว่า “เถ้าแก่หนิว คนกับผีต่างกัน มีอะไร ก็พูดออกมาเถอะ! ยายหนิวได้ยิน! แต่ผมไม่สามารถเปิดตาให้คุณได้!”
เมื่อเถ้าแก่หนิวได้ยินแบบนี้ เขากลับพูดออกมาทันที “หนึ่งล้าน ผมให้หนึ่งล้าน ขอแค่ให้ผมได้เห็นแม่ 1 นาที!”
หนึ่งล้าน สำหรับผมแล้ว เป็นตัวเลขที่ได้แต่ฝันถึง ตั้งแต่โตมาผมก็ยังไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนั้นเลยสักครั้ง
เถ้าแก่หนิวเห็นผมลังเล จึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “สามล้าน แค่นาทีเดียว ท่านนักพรตติง สามล้าน……”
สามล้าน นี่มันเงินจำนวนมหาศาลขนาดไหนนะ
ผมสั่นไปทั้งตัว ช่วงเวลานั้นถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ถ้าพูดจริงๆ ผมตื่นเต้นมาก
แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆที่หน้าประตูก็มีเสียงของอาจารย์ดังขึ้น “ฝันอยากเห็นวิญญาณในยามค่ำคืน การทำแบบนั้นมันไม่ได้แปลว่าถูกเสมอไป เถ้าแก่หนิว คุณจะทำแบบนี้ไปทำไม”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ
ตอนนี้เห็นภาพอาจารย์กำลังอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าลำบากใจ ชุดที่ใส่ขาดวิ้นไปบ้าง บนใบหน้ายังมีรอยขีดข่วนหนึ่งรอย
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ในมือข้างหนึ่งของอาจารย์ กำลังลากขาข้างหนึ่งของหมา
และที่พื้น ก็มีร่างของหมาดำที่พวกเราได้สู้เมื่อก่อนหน้านี้อยู่ด้วย
ตอนนี้มันได้กลายเป็นแค่ซากไร้วิญญาณอยู่ที่พื้น ส่วนลูกกะตาที่โผล่ออกมาที่หน้าผาก ก็ได้หายไปแล้ว
และร่างกายของมัน กลับดูเล็กกว่าก่อนหน้านี้ตั้งหลายเท่า จนขนาดลดลงเหมือนกับหมาจรจัดทั่วไป
“อาจารย์!” ผมตะโกนออกไปตามสัญชาตญาณ
อาจารย์พยักหน้าให้ผมเล็กน้อย “เสี่ยวฝาน หาเชือกแดงมามัดเจ้าเดรัจฉานนี้ก่อน! แล้วค่อยใช้ด้ายดำมัดเท้าของมัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็ออกแรงที่มือ ลากเจ้าหมานั้นเข้ามา มันยังส่งเสียงร้อง “เอ๋งเอ๋ง” ด้วยความเจ็บปวด
คนอื่นๆมองไม่เห็น เพียงเห็นแค่การกระทำของอาจารย์เท่านั้น จึงแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
เถ้าแก่หนิวกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เมื่อเห็นอาจารย์กลับมา ก็หันไปขอร้องอาจารย์ทันที
แต่อาจารย์กลับตอบเร็วมากว่า “ ไม่ได้ ”
อย่างมากก็คือช่วยเป็นตัวแทนบอกสิ่งที่ยายหนิวพูดกับเถ้าแก่หนิวเท่านั้น ถ้าอยากเจอหน้า นั่นคงเป็นไปไม่ได้
จากสายตาของคนนอก นี่คงไม่ใกล้เคียงกับความเป็นมนุษย์ แต่ข้อห้ามและกฎเป็นแบบนี้ ใครก็ไม่อาจทำลายได้
ในฐานะที่พวกเราเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย มันจึงเป็นกฎที่ควรปฏิบัติตามอีกข้อหนึ่ง
หรือกฎนี้อาจสร้างมาเพื่อให้คนรู้ว่า ถ้าตอนมีชีวิตไม่เห็นเวลาเป็นสิ่งมีค่า เมื่อตายไปอยากทำอะไรโน้นนี่ ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ผมไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ทำตามที่อาจารย์บอก หาเชือกแดง นำมันไปมัดตัวหมาดำเอาไว้
เจ้าหมาดำเหมือนกับตายไปแล้ว มันอ่อนแอมาก แทบไม่ขยับตัวเลยสักนิด
แต่ขณะที่ผมกำลังใช้ด้ายดำมัดขาทั้งสี่ข้างของมันเอาไว้ ทันใดนั้นผมก็พบว่า เมื่อท้องของหมาดำถูกด้ายดำรัดไว้ มันก็มีลวดลายบางอย่างปรากฎออกมา
ผมคิดว่ามีบางอย่างแปลกๆ จึงใช้มือแหวกขนสีดำขึ้น
ทันใดนั้นผมก็พบว่า ลวดลายนั้น เหมือนกับสัญลักษณ์บนแผ่นหินที่ผนึกโจวยุนไว้ ภาพผีแยกเขี้ยวสามตา เหมือนกันแบบไม่มีผิดเพี้ยน
แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ ที่คางของผี มีอักษรคำว่า “สัตว์” ของสัตว์ร้ายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งตัว ……
คอมเม้นต์