ศพ – ตอนที่ 97 ตุ๊กตาผี
ตอนที่ 97 ตุ๊กตาผี
เมื่อผมเห็นว่าตรงหน้าเป็นห้องเรียนห้องนั้นอีกแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
ทำจิตใจของตัวเองให้สงบครู่หนึ่ง ยัยผีนั้นร้ายกาจ ในจุดนี้พวกเราไม่สงสัยกันเลยสักนิด
แต่ถึงเธอจะร้ายกาจขนาดไหนแต่ก็โดนยันต์ของผมไปแล้วหนึ่งครั้ง เรื่องที่พลังของผมมีน้อยนั้นเป็นเรื่องจริง
แต่ยันต์แปดทิศของผม ก็ยังทำให้ยัยผีนั้นบาดเจ็บได้
ขอแค่ต่อไปพวกเราระวังตัวกันดีๆ การจัดการยัยผีนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกแล้ว
หลังจากสงบจิตใจมาสักพัก ผมก็พูดว่า “ พี่เฟิง หยางเฉ่ว ยัยผีร้ายนั้นโดนยันต์ของฉันไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ต่อไปถ้าพวกเราโจมตีอย่างระวัง จะต้องจัดการมันได้แน่ ! ”
“ อือ ! ยัยผีร้ายนี้เร็วมาก ดังนั้นตอนพวกเราขึ้นไปบนดาดฟ้า ขอแค่อย่าเข้าไปใกล้ขอบของดาดฟ้า ก็ไม่เป็นไรแล้ว ! ” หยางเฉ่วพูด
เสียงนี่พึ่งจางหาย หานเฉ่วเฟิงที่อยู่ข้างๆกลับทำจมูกฟุดฟิดฟุดฟิด
ส่งเสียง “ ฟุดฟิด ” เหมือนกำลังดมอะไรอยู่ก็ไม่รู้
จู่ๆเมื่อเห็นหานเฉ่วเฟิงทำแบบนั้น ผมกับหยางเฉ่วก็รู้สึกแปลกใจ
ผมทำหน้าสับสน แล้วถามหานเฉ่วเฟิงว่า “ พี่เฟิง พี่กำลังทำอะไร ”
หานเฉ่วเฟิงขมวดคิ้ว ดมรอบๆห้อง และหันไปมองอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกันก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ อย่าพึ่งรีบ ในห้องนี้มีกลิ่นแปลกๆ ! เหมือนกับกลิ่นของยัยผีนั้นเลย ”
กลิ่นแปลกๆงั้นเหรอ แถมยังเป็นกลิ่นของยัยผีนั้นอีกด้วย ทันใดนั้นผมและหยางเฉ่วก็งงหนักกว่าเดิม
ในห้องนี้มีกลิ่นอับชื้นและมืดมาก แถมที่พื้นก็ยังมีน้ำซึมออกมาจนเกิดเป็นเชื้อราอยู่จำนวนมาก แต่มันก็กลิ่นปกตินิ !
แต่ไม่ได้รอให้พวกเราพูดต่อ ตอนนั้นหานเฉ่วเฟิงก็เดินมาถึงหน้าห้องเรียนแล้ว
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น มองไปที่ตุ๊กตาฝุ่นเกาะที่แปะอยู่บนกระดานดำแล้วอุทานด้วยความตกใจ “ แม่งเอ้ย ฉันก็ว่าทำไมยัยผีนี้ถึงร้ายกาจขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ! ”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็หยิบตุ๊กตาเปื้อนฝุ่นตัวนั้นออกมาจากกระดานดำ
ผมและหยงเฉ่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมองด้วยความสงสัย
“ พี่เฟิง ไอ้ตุ๊กตานี่มันมีปัญหาอะไรเหรอ ” ผมงงมาก แต่ก็เดินเข้าไปกับหยางเฉ่ว
แต่พวกเรายังไม่เห็นตุ๊กตาที่อยู่ด้านหน้า จู่ๆสายลมที่หนาวเย็นก็พัดเข้ามาในห้อง
จนทำให้ฝุ่นที่อยู่ในห้องปลิวฟุ้งกระจาย ไม่เพียงเท่านี้ จู่ๆเสียงของยัยผีตัวนั้นก็ดังขึ้น “ ไอ้ผู้ชายชั่ว วางตุ๊กตาของฉันลงเดี๋ยวนี้ ! ”
เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นร่างของยัยผีนั้น ก็ปรากฎขึ้นด้านหลังของห้อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ยืนตรงข้ามกับพวกเรา
ผีผู้หญิงยังคงแสดงท่าทีดุร้าย กำลังโกรธอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังมองพวกเราด้วยดวงตาสีขาวโพน มันทำให้พวกเรารู้สึกขนลุกทันที
แต่คนที่ยืนอยู่หน้าห้อง หานเฉ่วเฟิงผู้ถือตุ๊กตาอยู่ๆก็หัวเราะออกมาทันที “ ถ้าฉันฉีกตุ๊กตานี่ทิ้ง เดาดูซิว่าแกจะเป็นยังไง ”
“ แกกล้า ! ” ทันใดนั้นผีผู้หญิงก็คำรามออกมา เธอแยกเขี้ยว ราวกับอยากเข้ามากัดเขาให้เป็นชิ้นๆ
แต่หานเฉ่วเฟิงกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ ทำไมข้าจะไม่กล้าละ ”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็ยกตุ๊กตาขึ้น แล้วจับมันกระแทกลงกับเก้าอี้ของครูทันที
“ ปัง ” ตุ๊กตาตัวนั้นถูกกดลงจนบู้บี้
นี่มันก็เหมือนไม่มีอะไรมันเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่ทันใดนั้นเรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้น ผีผู้หญิงที่ยืนอยู่หลังห้อง ดูเหมือนจะทรมานมาก เธอกรีดร้อง “ อร๊าย ” ออกมาทันที แสดงสีหน้าเจ็บปวด และทำท่าเหมือนจะยืนไม่ไหว
เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็สับสนทันที
อะไรวะ ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ ช่วงเวลานั้นผมมองด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกัน
แต่หยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆ กลับทำหน้าตกตะลึง พูดด้วยความตกใจ “ ผนึก ผนึกวิญญาณ ! ”
เมื่อหานเฉ่วเฟิงได้ยินหยางเฉ่วพูดแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “ น้องสาวเก่งเหมือนกันนิ แม้แต่วิชาผนึกวิญญาณก็รู้จัก ! ดูเหมือนยัยผีนี่จะตายอย่างไม่สงบ แถมตายแล้วยังถูกคนใช้เป็นเครื่องมือฆ่าคนด้วย……. ”
คำพูดของหานเฉ่วเฟิง ทำให้ผมงงหนักกว่าเดิม
จึงหันไปพูดกับหางเฉ่วที่อยู่ข้างๆ “ อะไรคือผนึกวิญญาณ ”
หยางเฉ่วมองไปที่ผีผู้หญิง และหันมามองตุ๊กตาที่อยู่ในมือของหานเฉ่วเฟิงอีกครั้ง
จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ การผนึกวิญญาณ ที่จริงมันก็คือการสะกดวิญญาณอีกวิธีหนึ่ง…… ”
ช่วงเวลานั้น หยางเฉ่วก็อธิบายให้ผมฟังสั้นๆเท่านั้น
เพราะเป็นวิชาลับที่ร้ายกาจแต่รายละเอียดมันค่อนข้างซับซ้อน ผมเลยฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็พอเข้าใจคราวๆบ้าง
ดูเหมือนวิญญาณของยัยผีนี่จะมีชีวิตอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ ถ้าทำร้ายตุ๊กตาตัวนี้ ก็เท่ากับทำร้ายยัยผีนี้
มันส่งผลซึ่งกันและกัน ถ้าโจมตียัยผีนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะน้อยกว่าที่คิด
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะปัญหาที่แท้จริง คือใครเป็นคนแบบนี้ เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ค่อนข้างร้ายกาจอย่างหนึ่ง ต้องให้คนเป็นคนทำ ถึงจะสำเร็จ
ใครทำให้วิญญาณของยัยผีนี่ สิงสถิตอยู่ในตุ๊กตาได้
ผมพึ่งคิดถึงจุดนี้ได้ ยัยผีที่กำลังทำท่าทุกข์ทรมานอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมา
กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “ ปล่อยมือจากตุ๊กตาของฉันซะ ! ”
เสียงเธอดังมาก เกือบเรียกได้ว่าตะคอกเลยละ แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
ขณะที่เธอกรีดร้องออกมา พลังหยินก็ไหลทะลักออกมาจากร่างของเธอ ทันใดนั้นยัยผีนั้นก็ทำท่าว่าจะพุ่งเข้าใส่หานเฉ่วเฟิง เพื่อแย่งตุ๊กตาตัวนั้นกลับไป
แต่หานเฉ่วเฟิงกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ รนหาที่ตาย ! ”
เสียงพึ่งจางหาย หานเฉ่วเฟิงก็จับตุ๊กตากดลงกับโต๊ะแรงๆอีกครั้ง ครั้งนี้ตุ๊กตาถูกกดจนเสียรูปทรง
และแล้วผีผู้หญิงก็ทำหน้าทุกข์ทรมาน ทันใดนั้นร่างของเธอก็ล้มลงไปกลิ้งกับพื้น ในปากยังกรีดร้องโหยหวนออกมา
หานเฉ่วเฟิงยังไม่รามือ ไม่สนใจว่ายัยผีนั้นกำลังกรีดร้องอยู่เลย เขาใช้มือกดตุ๊กตาตัวนั้นอย่างหนักหน่วง
เนื่องจากตุ๊กตาตัวนี้อยู่ในที่มืดและอับชื้นเป็นเวลานาน ผ้าที่ห่อหุ้มไว้จึงเสื่อมสภาพนานแล้ว
หลังจากถูกกดเอาไว้เพียงไม่กี่ครั้ง ตะเข็บส่วนใหญ่ก็แตกออก และใยฝ้ายที่อยู่ข้างในก็เริ่มทะลักออกมา
ส่วนผีผู้หญิง ยังคงกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง ท่าทางดูทุกข์ทรมานมาก
นอนดิ้นอยู่กับพื้นไปมา แต่ก็ไม่ได้พูดขอร้องแต่อย่างใด
ดวงตาสีขาวคู่นั้น เต็มไปด้วยเกลียดชัง และด่าพวกเราอย่างไม่หยุดหย่อน
“ สมควรตาย ไอ้ผู้ชายชั่วสมควรตาย ไอ้ผู้ชายชั่ว ฉันจะ ฉันจะฆ่า ฆ่าพวกแก ตก ตกตึกตายไปซะพวกแก อร๊าย…… ”
หานเฉ่วเฟิงไม่สนใจเลยสักนิด เขายังคงกดตุ๊กตาตัวนั้นเอาไว้
ในเวลาเดียวกันก็พูดกับผมที่อยู่ข้างๆ “ ติงฝาน ยัยผีนี้หมดทางเยียวยาแล้ว นายเข้าไปส่งวิญญาณเธอซะ ! ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมก็เงียบไปครู่หนึ่ง แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรกับตอนที่ยัยผีนี่ยังมีชีวิต
แต่ถ้าไม่ลงมือตอนนี้ เธอก็จะต้องเข้ามาฆ่าพวกเรา และก็ฆ่าคนอีกมากมาย
ดังนั้น ผมจึงหยิบยันต์ออกมา เตรียมจะลงมือ
แต่ขณะที่ผมเดินไปด้านหน้าได้สองก้าว ผีผู้หญิงที่นอนดิ้นอยู่กับพื้นและกรีดร้องออกมา จู่ๆก็หันหน้ามามองผมอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีขาวคู่นั้น เต็มไปด้วยความเครียดแค้น กำลังมองผมอย่างไม่ละสายตา
ใบหน้าเต็มไปด้วยความสยดสยอง เผยเขี้ยวที่แหลมคมออกมาให้ผมเห็น
แต่สิ่งที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ทันใดนั้น บนหน้าผากที่ซีดขาวของยัยผีนั้น กลับแยกออก
ต่อจากนั้น ดวงตาที่ขาวโพนอีกดวง ก็ออกมาจากหน้าผากของยัยผีนั้นทันที
เมื่อดวงตาดวงนั้นปรากฎขึ้น ในสมองของผมก็มีเสียงดัง “ ปัง ” เผยใบหน้าตกตะลึงออกมาทันที
แม้แต่หานเฉ่วเฟิงและหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ยังเผยสีหน้าตกใจออกมาตั้งแต่วินาทีแรก ช่วงเวลานั้นพวกเขาก็ยืนอึ้งไม่ตอบสนองใดๆเช่นกัน
ตาที่สาม สัญลักษณ์ผีสามตา
ตอนนี้คำพูดพวกนั้นโผล่ขึ้นมาในสมองของผม วินาทีนั้นผมรู้สึกกลัวจนใจสั่นทันที
ยัยผีนี้ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ผีสามตา
ไม่รอให้ผมได้ตั้งตัว จู่ๆยัยผีนั้นก็คำรามออกมา
เหมือนกับสัตว์ร้าย เท้าทั้งสองข้างดีดตัวขึ้น พุ่งเข้ามาหาผมทันที
พวกเราทุกคนคิดไม่ถึงว่า ผีผู้หญิงที่กำลังเจ็บปวดทรมานอยู่นั้น จะยังมีแรงสู้อีก
บวกกับระยะห่างที่ไม่ไกลจากผม จึงทำให้การพุ่งเข้ามาของยัยผีนี้ ทำให้ตัวผมล้มลงไปกับพื้นทันที
เมื่อมองจ้องดวงตาคู่นั้น และตาที่สามที่ขาวโพลนไร้ชีวิตชีวา ผมก็รู้สึกว่าความตายกำลังใกล้เข้ามาถึงทันที
ยัยผีนั้นไม่ปล่อยให้ผมได้ทำอะไรมาก หลังจากทำให้ผมล้มลง เธอก็อ้าปากกว้าง คำราม “ โฮก ” ออกมา และเข้ามากัดที่คอของผมทันที……
คอมเม้นต์