ศพ – ตอนที่ 164 โรคที่รักษายาก
ตอนที่ 164 โรคที่รักษายาก
ผู้ป่วยที่อาการสาหัสบางราย หรือผู้ป่วยที่มีเลือดออกในกระเพาะ ก็จะสำลักเลือดออกมา มันจึงเป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ
แต่การสำลักเลือดพร้อมกับแมลงนั้น ยังเป็นอาการที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
และเจ้าแมลงตัวนี้ยังไม่เหมือนกับพยาธิตัวกลม แต่มันเป็นแมลงสีแดง
ตัวใหญ่ผิดปกติ ทุกตัวเหมือนกับหนอนแมลงวันที่อวบอ้วน
ฉากนี้ ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราทำงานในสายนี้ เห็นศพที่เน่าเละน่าขยะแขยงมามากมาย ตอนนี้ผมก็คงอ้วกออกมาแล้ว
ผมทำหน้าหนักใจ มองแมลงสีแดงที่อยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจ
“ นี่ นี่คืออะไร ” ผมถามด้วยความสงสัย
เหล่าเฟิงเองก็เป็นเหมือนผม เขาแสดงสีหน้าหนักใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจว่านี่คือแมลงอะไร
ทำไมคุณยายคนนี้ ถึงได้สำลักแมลงออกมา
ส่วนชายวัยกลางคน เขากลับกลัวยิ่งกว่าเดิม “ แม่ แม่ แม่อย่าทำให้ผมตกใจ อย่าทำให้ผม…… ”
ขณะที่พูด เขาก็ใช้เสื้อของตัวเองเช็ดเลือดที่มุมปากให้คุณยาย
ทางนั้นท่านนักพรตตู๋นั้นได้ถือกล่องยามาเรียบร้อยแล้ว ในเวลาเดียวกันเขาก็เดินเข้าไปตรวจชีพจรของคุณยาย
“ ท่านหมอ ท่านหมอแม่ผมเป็นอะไร ” ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกมาก
คุณยายเองก็ไอออกมาไม่หยุด “ แคร่กแคร่กแคร่ก ” เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังทรมานมาก
ท่านนักพรตตู๋ไม่ได้ตอบกลับทันที แต่หยิบเข็มเงินออกมา จากนั้นก็บอกให้ผมและเฟิงเฉ่วหานจับคุณยายเอาไว้ให้ดีๆ เขาจะใช้เข็มเงินฝังลงไปที่ตัวของยายแก่หลายเข็ม
ขณะที่ประโยคสุดท้ายจบลง คุณยายคนนั้นก็สลบไปในทันที
“ แม่ ! แม่…… ” ชายวัยกลางคนเห็นคุณยายสลบไปอย่างกระทันหัน เขาจึงกลัวมาก
แต่ท่านนักพรตตู่กลับห้ามเอาไว้ “ อย่าร้อนใจ แม่ของนายแค่สลบไปเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไร นายบอกฉันหน่อย ว่าทำไมแม่ของนายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆ
หลังจากได้ยินคำถามของท่านนักพรตตู๋ เขาก็ตอบตามตรง เล่าเรื่องที่ร่างกายของแม่ของเขาเริ่มเปลี่ยนไปให้พวกเราฟังหนึ่งรอบ
ชายวัยกลางคนบอกว่า บ้านของเขามีแค่เขากับแม่สองคนอยู่กันเพียงลำพัง
ตอนบ่ายพอเขากลับมาจากไร่ เขาก็เห็นแม่สลบอยู่ในห้อง
ตอนนั้นชายวัยกลางคนกระวนกระวายมาก เขารีบเขย่าตัวยายแก่ทันที
แต่ผ่านไปแค่แป๊บเดียวคุณยายก็ได้สติ แต่หลังจากที่คุณยายฟื้นขึ้นมา เธอกลับเหม่อลอย
และคลื่นไส้ไม่หยุด สุดท้ายก็ “ อ้วก ” เธอสำลักเลือดสีดำออกมา และภายในเลือด ยังมีแมลงสีแดงดิ้นไปมา
ชายวัยกลางคนตกใจ เขาจึงแบกแม่ตัวเองขึ้นหลัง จากนั้นก็ตรงมาหาหมอที่ตำบลทันที
จนกระทั่งพวกเราเห็นฉากเมื่อกี้ ในช่วงเวลานี้ แม่ของเขาก็แทบไม่มีสติ และยังสำลักเลือดสีดำพร้อมกับแมลงออกมาเป็นครั้งคราว
สำหรับสาเหตุของเรื่องนี้ ชายวัยกลางคนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ผมยืนฟังอยู่ข้างๆอย่างสับสน คิดว่าเรื่องนี้เป็นเพราะอาหารเป็นพิษรึเปล่า หรือกินของไม่สะอาดที่มีไข่แมลงอยู่ด้านในเข้าไป
ผมจึงพูดกับชายวัยกลางคนว่า “ พี่ชาย คุณยายไปกินของไม่ดีมารึเปล่า ก่อนหน้านี้มีอาการอะไรแปลกๆบ้างไหม ”
ชายวัยกลางคนกลับทำหน้าขมขื่น “ ไม่นิ ! ตอนกลางวันแม่ของฉันยังดีๆอยู่เลย และฉันกับแม่ยังกินอาหารเหมือนกัน ทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไรละ ”
นี่เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก และจากที่ผมเห็น แม้ท่านนักพรตตู๋จะมีวิชาแพทย์สูงขนาดไหน
แต่คิดจะรักษาโรคนี้ มันก็แทบเป็นไปไม่ได้
เพราะเขาไม่รู้สาเหตุของโรค จึงวินิจฉัยไม่ได้ ดังนั้นก็ไม่สามารถกำหนดตัวยาได้อย่างเหมาะสม
และอาการป่วยของคุณยายคนนี้ยังอยู่ในขั้นฉุกเฉิน ถ้าพวกเราหาสาเหตุไม่ได้ในเวลาอันสั้นนี้ เธอจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่
เพราะเหตุนี้ ผมจึงคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือพาคุณยายไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง
ไปตรวจเลือดที่นั้น จากนั้นก็ฉายแสงเอกซเรย์ เพราะมันน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการวินิจฉัยหาสาเหตุและอาการของโรค
ถ้ายายแก่คนนี้ตายอยู่ที่ร้านไป๋ฉ่าวจริงๆ งั้นร้านยาเล็กๆแห่งนี้ ก็คงรับผิดชอบไม่ไหว
นี่ไม่ใช่แค่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของร้านไป๋ฉ่าว แต่ยังอาจทำให้อาการป่วยของยายแก่แย่ลงด้วย
ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อในตัวท่านนักพรตตู๋ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ผมไม่คิดว่า ยาจีนจะสามารถรักษาอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันได้
ผมเคร่งขรึมลง เห็นท่านนักพรตตู๋ไม่พูดอะไร แต่ถือเข็มเงินไปแทงที่ตัวแมลง
ผมก็พูดกับเฟิงเฉ่วหานว่า “ เหล่าเฟิง อาการป่วยของคุณยายดูแย่มาก ให้ฉันไปเรียกรถมารับเธอดีไหม ! ”
เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาก็พยักหน้าให้เล็กน้อย
ตอนนี้ไม่มีอะไรชัดเจน การที่คนไข้สำลักแมลงออกมานั้น พวกเรายังไม่รู้ว่าควรรักษาโรคนี้ยังไง
เหล่าเฟิงเองก็เผยสีหน้าหนักใจ “ อือ ! ฉันจะไปบอกอาจารย์ก่อน นายช่วยไปเรียกรถมาทีนะ ”
เฟิงเฉ่วหานพูดเบามาก เป็นเสียงที่พวกเราได้ยินกันแค่สองคน
การทำแบบนี้ หนึ่งถือเป็นความรับผิดชอบต่อผู้ป่วย สองคือการรักษาชื่อเสียงให้ร้านไป๋ฉ่าว
ผลลัพธ์ไม่รอให้เฟิงเฉ่วหานได้เข้าไปพูด ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋ก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็พูดว่า “ ถ้าโรคนี้ต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ งั้นยายคนนี้ก็คงหมดทางรักษาแล้ว ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ยืนอึ้งไปในทันที
คิดไม่ถึงว่าท่านนักพรตตู๋จะได้ยินบทสนทนาของพวกเรา แต่ท่านนักพรตตู๋หมายความว่าอะไร หรือว่าเขาจะมีวิธีรักษาแล้ว
ไม่ตรวจเลือด ไม่ฉีดยา ไม่เอกซเรย์ มันจะมีทางรักษาโรคพิลึกนี้จริงๆเหรอ
“ ท่านลุงตู๋ คุณมีวิธีรักษาโรคนี้แล้วเหรอ ” ผมพูดด้วยความสงสัย
ท่านนักพรตตู๋กลับพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ ถ้าฉันยังรักษาไม่ได้ บนโลกนี้ก็คงเหลือไม่กี่คนที่รักษาได้แล้ว ! ”
ท่านนักพรตตู๋พูดอย่างมั่นใจ เขาดูสง่างามมาก และสงบมาก
และหลังจากพูดคำพูดเหล่านั้นจบ เขาก็หันไปพูดกับเฟิงเฉ่วหานว่า “ เสี่ยวเฟิง ไปหยิบกล่องเครื่องมือแพทย์ออกมาจากห้องของฉัน ! ”
เฟิงเฉ่วหานอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็รีบตอบรับ “ ครับ ” และเดินเข้าไปในห้องทันที
ชายวัยกลางคนได้ยินว่าท่านนักพรตตู๋สามารถรักษาแม่ของเขาได้ เขาจึงดูตื่นเต้นมาก
หลังจากช็อกไปพักหนึ่ง ผมก็กลับมาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอีกครั้ง
แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร และยืนมองจากทางด้านหนึ่ง
ผ่านไปแป๊บเดียว เฟิงเฉ่วหานก็ถือกล่องยาออกมา
เห็นได้ชัดว่ากล่องยากล่องนี้ดูงดงามยิ่งกว่ากล่องยาตามท้องตลาด และยังมีตัวล็อคที่ทำจากทองแดง
ท่านนักพรตตู๋เปิดกล่องยาออก หยิบเครื่องมือออกมาทีละชิ้นๆ
ในนี้นอกจากจะมีพวกขวดยาแล้ว ยังมีมีดผ่าตัด เข็มเงินและอื่นๆอีกมากมาย
ท่านนักพรตตู๋นำยาหนึ่งเม็ดใส่ลงไปในปากของคุณยาย จากนั้นก็จุดตะเกียงแอลกอฮอล์ นำเข็มเงินไปฆ่าเชื้อ แล้วสุดท้ายก็เปิดเสื้อส่วนท้องของยายแก่ขึ้น จากนั้นก็เริ่มฝังเข็มลงไป
มือของท่านนักพรตตู๋เร็วมาก และฝังเข็มได้แม่นยำมาก
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที ท่านนักพรตตู๋ก็ฝังเข็มลงบนหน้าท้องของยายแก่ประมาณ 30 กว่าเข็ม จะเห็นได้ว่ามือของเขาเร็วขนาดไหน
เมื่อเห็นหน้าท้องของยายแก่เต็มไปด้วยเข็ม หัวใจของผมก็เต้นรัว
ถ้ารักษาหายก็คงจะดี แต่ถ้าคนไข้ตายอยู่ที่ร้านไป๋ฉ่าว
ถึงเวลานั้นคนในครอบครัวก็คงโวยวาย และมันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที
อาจจะโดนเพิกถอนใบอนุญาตทางการแพทย์ หรือแม้แต่ต้องจ่ายค่าปรับและเข้าไปอยู่ในคุกก็เป็นไปได้
ผมและเฟิงเฉ่วหานต่างกังวล ในใจมีเหงื่อออกเต็มไปหมด
แต่เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย พวกเราก็พบว่าตัวเองคิดมากเกินไป
ขณะนี้ท่านนักพรตตู๋ยังฝังเข็มอย่างต่อเนื่อง พวกเราก็พบว่าการหายใจของคุณยายค่อยๆสงบลง สีหน้าของเธอดีขึ้นมาไม่น้อย
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ท่านนักพรตตู๋ก็ดึงเข็มออก และสุดท้ายก็ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปยังจุดเทียนฉือที่อยู่บนหัวของยายแก่
ทันใดนั้นยายแก่ที่สลบอยู่ ก็ตื่นขึ้นมาทันที……
คอมเม้นต์