ศพ – ตอนที่ 165 การรักษาชั้นเลิศ
ตอนที่ 165 การรักษาชั้นเลิศ
ในเวลานี้จู่ๆก็เห็นคุณยายตื่นขึ้นมา แถมการหายใจและสีหน้ายังไม่เหมือนกับเมื่อกี้
เห็นได้ชัดว่าเธออาการดีขึ้นมาก ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ดีใจทันที
การรักษาของนักพรตตู๋ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม จากการรักษาของท่านนักพรตตู๋ ผมได้รับความรู้ใหม่ไปด้วย
แม้คนไข้จะตื่นขึ้นมา แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าโรคนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม หรือเพียงแค่ดีขึ้นเท่านั้น
ในเวลานี้ท่านนักพรตตู๋ดึงเข็มเงินออก ใช้มือจับชีพจรเธออีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็พูดกับเฟิงเฉ่วหานว่า “ เสี่ยวเฟิง ไปเอาถังขยะมา ! ”
เฟิงเฉ่วหานไม่ได้สงสัย เขารีบลงมือ หยิบถังขยะที่อยู่ไม่ไกลเข้ามาทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น ชายวัยกลางคนก็มาอยู่ตรงหน้าคุณยายอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็พูดว่า “ แม่ ! แม่ ! แม่รู้สึกยังไงบ้าง ”
คุณยายเห็นลูกตัวเองถาม เธอจึงตอบกลับทันที
แต่ตอนที่เธอเพิ่งอ้าปาก ทันใดนั้นเสียง “ อ้วก ” เลือดสีดำเข้มพร้อมกับสิ่งสกปรก ไหลทะลักออกมาจากปากของคุณยาย
โชคดีที่เฟิงเฉ่วหานนำถังขยะมาทัน เลือดและสิ่งสกปรกกองนั้น จึงเข้าไปอยู่ในนั้นทั้งหมด
และครั้งนี้ การสำลักของเธอยังไม่ใช่น้อยๆ แต่เป็นเลือดกองใหญ่
และมันยังส่งกลิ่นที่แปลกประหลาดออกมา มันเหม็นมาก และฉุนมาก
ชายวัยกลางคนตบหลังของคุณยายอย่างต่อเนื่อง เขากลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ แม่ แม่…… ”
คุณยายกลับไอและสำลักออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อผมเห็นอาการแบบนั้นก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
แต่เมื่อลองมองดูให้ละเอียด ผมก็พบว่าแม้คุณยายจะกำลังอ้วกอยู่ แต่ท่านนักพรตตู๋ดูไม่มีทีท่าว่าจะกระวนกระวายเลยสักนิด
และในเลือดกองนั้นยังมีสิ่งสกปรกดำๆปนอยู่ แต่กลับไม่ใช่แมลง
คุณยายได้สติคืนมาบ้างแล้ว เธอจับที่หน้าอกของตัวเอง ตอนนี้เธอไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่เหมอลอยไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้ว
เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดี
แต่ชายวัยกลางคนกลับร้อนรนทำอะไรไม่ถูก เขาหันมองจ้องท่านนักพรตตู๋ “ แกรักษายังไงฮะ ทำไมแม่ของฉันอาการหนักขึ้น ถ้าแม่ของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะทำลายป้ายร้านแก…… ”
ท่านนักพรตตู๋ไม่ได้โกรธ และไม่ได้พูดอะไร
แต่คุณยายที่อ้วกอยู่ กลับจับตัวชายวัยกลางคนเอาไว้ “ ลูก ลูก ! ”
“ แม่ แม่เป็นอะไร แม่พูดมา แม่พูดมาเลย…… ” ชายวัยกลางคนร้องไห้ออกมาแล้ว
แต่ตอนนี้คุณยายกลับสูดหายใจเข้าออกสองสามครั้ง ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ จากนั้นเธอก็เช็ดเลือดที่ปาก “ แม่ แม่ไม่เป็นอะไร ตอนนี้ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว…… ”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ดีใจขึ้นมาทันที
“ แม่ แม่ดีขึ้นจริงๆเหรอ ”
“ จริงๆ ยัง ยังไม่รีบขอโทษท่านหมออีก นิสัยแกนี่นะ ถึงได้หาเมียไม่ได้ซะที…… ”
ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ชายวัยกลางคน แม้แต่ผมและเฟิงเฉ่วหาน ก็ยังสงบลง
วิธีรักษาของท่านนักพรตตู๋ได้ผลจริงๆ ! โรคที่รักษายากแบบนี้ ไม่ต้องตรวจเลือด ไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องเอกซเรย์ แค่วิธีฝังเข็ม ก็ได้ผลเร็วถึงขนาดนี้
การรักษาที่อัศจรรย์นี้เหมือนกับเป็นฮว่าโถว ( แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ศัลยแพทย์จีน )กลับชาติมาเกิด !
ชายวัยกลางคนเองก็เป็นคนบ้านนอก จึงมีนิสัยพูดตรงไปตรงมา
ถึงเมื่อกี้เขาจะได้ขู่ท่านนักพรตตู๋ไป แต่ในเวลานี้เขากลับขอโทษอย่างจริงใจ และยังขอบคุณที่ท่านนักพรตตู๋ช่วยชีวิตแม่ของเขาเอาไว้
ท่านนักพรตตู๋กลับไม่คิดอะไรมาก เขาโบกมือให้ “ ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวฉันจะจัดยาให้สองสามชุด หลังจากกลับไปก็ต้มให้แม่ของนายดื่มนะ ! ”
ชายวัยกลางคนขอบคุณอย่างต่อเนื่อง เขาดีใจจนแทบอยากคุกเข่าให้ท่านนักพรตตู๋
แต่ในเวลานี้ ท่านนักพรตตู๋กลับมายืนหยุดที่หน้าคุณยาย จากนั้นก็พูดว่า “ พี่สาว พักนี้กินอะไรผิดไปบ้างไหม รู้สึกไม่สบายตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
เมื่อคุณยายได้ยินท่านนักพรตตู๋ถาม เธอกลับลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ ปกติยายก็ไม่ได้กินอะไรไม่ดี ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักที่ปลูกกันในบ้าน ! ส่วนเรื่องรู้สึกไม่สบาย วันนี้รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็รู้สึกไม่สบายท้องเป็นพิเศษ ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยินถึงตรงนี้ เขาก็เงียบไปพักหนึ่ง
จากนั้นก็ถามต่อ “ งั้นในช่วงสองสามวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อวาน พี่สาวลองคิดให้ดีๆ ว่าไม่ได้กินอะไรที่ผิดปกติเข้าไปจริงๆ หรือสัมผัสกับบางอย่างไหม ”
คุณยายอายุมากแล้ว เธอใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รีบพูดออกมาทันที “ อือใช่ เมื่อวานเย็นตอนฉันออกไปตัดหญ้า ได้กินตี้โถวจากในเขาไปสองสามลูก ”
“ ตี้โถวป่างั้นเหรอ ” ท่านนักพรตตู๋พูดด้วยความสงสัย
คุณยายพยักหน้า “ นอกจากเจ้านี้แล้ว ยายก็ไม่ได้กินอะไรแปลกๆอีกเลย ! ”
ตี้โถวเป็นผลไม้ที่ขึ้นอยู่ในภูมิภาคของพวกเรา เติบโตบนผิวดิน ผลสีแดง รสชาติค่อนข้างหวาน
แต่ของสิ่งนี้ไม่มีพิษ ตอนเด็กๆผมวิ่งไปเด็ดกินบนภูเขาอยู่บ่อยๆ
ผลลัพธ์เสียงของคุณยายเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็พูดออกมา “ สองสามวันนี้ผมก็กินตี้โถว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร ! แม่ แม่ไปกินเห็ดพิษบนเขามารึเปล่า ”
คุณยายส่ายหัว บอกเพียงตัวเองกินแค่ตี้โถว นอกนั้นก็เป็นผักที่ปลูกในไร่
ผมเห็นว่าการถามไม่ได้เบาะแสอะไร จึงไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก
แต่ในทางกลับกันท่านนักพรตตู๋ก็รักษาจนหายแล้ว เขาจึงบอกให้คนทั้งสองกลับไป ระวังเรื่องความสะอาด ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่าท่านนักพรตตู๋กำลังใส่ใจกับเรื่องนี้สุดๆ เมื่อเห็นว่าถามไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงพูดออกมาอีกครั้ง “ เอาแบบนี้แล้วกัน คืนนี้ฉันจะกลับไปกับพวกคุณ จะต้องหาสาเหตุเจอแน่ ! ไม่อย่างนั้นอาจเกิดโรคนี้ขึ้นอีกได้ ”
จะไปคืนนี้งั้นเหรอ เขารีบร้อนอะไรขนาดนั้น
คุณยายและชายวัยกลางคนตกใจมาก แต่เมื่อเห็นเจตนาที่ทำเพื่อตัวเอง พวกเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร
เฟิงเฉ่วหานจึงถามว่า “ อาจารย์ ดึกขนาดนี้แล้ว จะไปคืนนี้จริงๆเหรอ ”
ผลลัพธ์ท่านนักพรตตู๋กลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “ ใช่ จะไปคืนนี้ และยังต้องเอาอาวุธไปด้วย ! ”
เมื่อได้ยินว่าจะเอาอาวุธไปด้วย ผมก็แสดงหน้าตาสงสัยออกมาทันที
ไปหาสาเหตุของโรค ต้องเอาอาวุธไปด้วยเหรอ นี่ไม่ได้ไปล่าผีซะหน่อย
แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ”
เอาอาวุธไปด้วย จะต้องไปคืนนี้ แถมท่าทางของท่านนักพรตตู๋ยังซีเรียสขนาดนั้น
เรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มันไม่ปกติ คำพูดของท่านนักพรตตู๋จะต้องมีความในแฝงอยู่แน่ๆ
ตอนนี้ ผมจึงค่อยๆหันไปมองท่านนักพรตตู๋
พบว่าคิ้วของท่านนักพรตตู๋กำลังขมวดเป็นปม ดังนั้นผมจึงลองถามให้ลึกลงกว่านี้ “ ท่านลุงตู๋ มี มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ ”
ผมถามได้คลุมเครือมาก แต่ท่านนักพรตตู๋กลับฟังแล้วเข้าใจ
เขาพยักหน้าให้ผมเล็กน้อย “ ยังไม่แน่ใจ แต่จะต้องเกี่ยวกันแน่ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ “ พรึบ ” สีหน้าของผมก็ถอดสี
ต้องไปเตรียมอาวุธ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆ
แม้จะไม่รู้ว่าท่านนักพรตตู๋เห็นอะไร แต่มันจะต้องมีบางอย่างในนั้น และมันยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถแก้ไขได้เองแน่
เพียงแต่คนทั้งสองยังอยู่ที่นี่ ท่านนักพรตตู๋จึงพูดออกมาไม่ได้
เฟิงเฉ่วหานก็เข้าใจความหมายที่พวกเราสองคนคุยกัน ตอนนี้สีหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมลง
เขาไม่ถามให้มากความ หลังจากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปเตรียมอาวุธในบ้านทันที
แม้ว่าในใจจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าพวกเราจะไม่ยอมปล่อยมันไป
ดังนั้นผมจึงพูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ ท่านลุงตู๋ ผมกลับไปเปลี่ยนรองเท้าก่อน รอผมหน่อยนะครับ ”
ท่านนักพรตตู๋พยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรกับผม
หลังจากนั้น ผมก็รีบวิ่งออกไปจากร้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็รีบหยิบอาวุธ เปลี่ยนรองเท้า จุดธูปให้มู่หลงเหยียน และกลับมาที่ร้านไป๋ฉ่าว
ท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆพร้อมแล้ว ในเวลานี้เมื่อเห็นผมกลับมา พวกเราก็เริ่มเดินตามทั้งสองคนไปในทิศทางที่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ทันที
คนทั้งสองยังรู้สึกไม่ค่อยดี จึงบอกขอบคุณพวกเรา และยังบอกว่าพวกเราเป็นหมอที่ดี
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ยังเป็นห่วงสุขภาพของพวกเขา ไปหาสาเหตุที่บ้านของพวกเขา และยังไม่เก็บเงินพวกเขาเพิ่ม……
แต่ผมเข้าใจดี ว่านี่ล้วนเป็นการแสดง
ท่านนักพรตตู๋ต้องเห็นอะไรบางอย่าง และเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วร้าย ไม่ได้โดนพิษธรรมดาๆเท่านั้นแน่ๆ
ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รีบร้อน นำอาวุธมาด้วย และยังขอตามพวกเขากลับมากลางดึก
ดังนั้นผมจึงไม่สนใจคนทั้งสอง ผมหันไปพูดกับเฟิงเฉ่วหานเบาๆ “ เหล่าเฟิง รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ”
เฟิงเฉ่วหานได้ยินผมถาม จึงกวาดสายตามองคนทั้งสอง จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ “ อาจารย์บอกว่า คุณยายคนนี้โดนคนเสกแมลงลงท้อง…… ”
คอมเม้นต์