ศพ – ตอนที่ 204 เรื่องในอดีต
ตอนที่ 204 เรื่องในอดีต
ผมและหยางเฉ่วคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผีผู้ชายในคฤหาสน์กลางป่าเขา ก็เกี่ยวข้องกับองค์กรตาผี
แต่ตอนที่ผมรู้มันก็สายไปแล้ว
ขณะที่ผีผู้ชายกลายเป็นแสง ทันใดนั้นผีผู้หญิงก็กรีดร้องออกมา “ ไม่…..”
เสียงดังมาก มันก้องไปทั่วคฤหาสน์ ฟังดูน่าสลดมาก
แต่ผมและหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆ กลับแสดงสีหน้าหนักใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราไปเกี่ยวข้องกับองค์กรตาผี และผมยังรู้ว่าองค์กรชั่วที่ลึกลับนี้มีอํานาจขนาดไหน
แต่เมื่อเข้าไปพัวพันกับองค์กรตาผี มันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ไม่ใช่คนตายก็ต้องเป็นผีตาย
ถ้าไม่กําจัดองค์กรชั่วให้สิ้นซาก ไม่ใช่แค่ต้องเจอกับผีจํานวนมากที่ไม่สงบ ยังมีคนอีกจํานวนมากที่อาจถูกทําร้าย
หยางเฉ่วมองแสงที่จางหายไป พร้อมพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ในองค์กรตาผี”
เมื่อได้ยินหยางเฉ่วพูด ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ เจ้าองค์กรนี้มีอํานาจมหาศาล ลิ้วล้อกระจายตัวอยู่ทั่ว คงระวังได้ยาก ”
แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยางหยาง แต่เขากับองค์กรตาผีต้องเกี่ยวข้องกันแน่นอน
แต่ฟังจากที่เขาพูด เขาต้องตาย ไม่อย่างนั้นน้องของเขาก็จะไม่รอด ไม่สามารถเกิดใหม่ได้
แม้ในใจจะยังสงสัย ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่พวกเราไม่ได้รีบถามผีผู้หญิง
ผมยืนสูบบุหรี่อยู่ในบ้าน หลังจากที่ผีผู้หญิงสงบลงเยอะ แล้วผมถึงได้พูดกับเธอว่า “ เธอรู้ไหมว่าพี่ของเธอไปเข้าร่วมกับองค์กรชั่ว ”
ผีผู้หญิงส่ายหัว “ ไม่รู้ และไม่เคยได้ยินพี่พูดถึง ! แล้วฉันก็ไม่รู้จักองค์กรชั่วอะไรนั้นด้วย”
“ งั้นเธอมีตาที่สามรึเปล่า ” หยางเฉ่วพูดต่อ ในเวลาเดียวกันก็ชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง
เมื่อผีผู้หญิงฟังจบ เธอก็ส่ายหัวไปมา “ ไม่มี ”
ในเวลาเดียวกัน ผีผู้หญิงก็แสดงท่าทางสงสัยมาก เธอถามกลับทันที “ พี่ของฉันเป็นอะไรไปเหรอ ตอนเขาวิญญาณแตกสลาย ทําไมที่หน้าผากถึงที่ลูกตาออกมาละ นั่นมันคืออะไรเหรอ”
เมื่อเห็นท่าทางของผีผู้หญิง พวกเราก็คิดว่าเธอคงไม่รู้เรื่องจริงๆ
แต่เรื่องนี้ผมกลับไม่อยากบอกให้เธอรู้มากนัก จึงอธิบายให้เธอฟังคราวๆ
ว่านั้นคือองค์กรชั่วองค์กรหนึ่ง ทําเรื่องชั่วช้าทําร้ายผู้คน และพี่ของเธอก็มีเครื่องหมายขององค์กรชั่ว แสดงว่าเขาก็เป็นสมาชิกในองค์กรนั้น
เพื่อให้แน่ใจว่าพี่ชายของเธอเข้าไปอยู่ในองค์กรชั่วได้ยังไง และหาเงื่อนงําของคนที่บ่งการอยู่ข้างหลัง
หลังจากนั้น ผมและหยางเนิ่วก็ถามเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตหลังความตายของเขา
เช่นไปเจอใครบ้าง เคยทําอะไรไหม ไปที่ไหนมารึเปล่า เป็นต้น
ผีผู้หญิงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เธอตอบตามตรง
บอกว่าตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วพวกเธอได้ฆ่าตัวตาย ออกไปห่างจากคฤหาสน์น้อยมาก มากสุดก็วนเวียนอยู่ในป่ารอบๆ แต่ถ้ามีคนบุกเข้ามาในคฤหาสน์ พวกเขาก็จะทําทุกวิถีทางในการฆ่าคนพวกนั้น
หลังจากนั้น วิญญาณของคนพวกนั้นก็จะกลายเป็นยาบํารุงกําลังของพวกเขา เพิ่มพลังวิญญาณให้ผีทั้งสอง และใช้ในการฝึกวิชาของพวกเขาต่อไป
สุดท้าย วิญญาณของผีเหล่านี้ก็จะถูกพี่ของเธอเอาไปใส่ไว้ในโหลดํา
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ทุกๆครึ่งปี พี่ของเธอก็จะนํามันไปใส่ไว้ในกล่องไม้จันทร์หอมหนึ่งวัน
ส่วนเรื่องทําไปทําไมนั้น พี่ของเธอกลับไม่เคยบอกเธอเลย
แต่หลังจากเอามันออกมา วิญญาณทาสผีทุกคนที่อยู่ในโหล กลับหายไปจนหมด
เธอเคยถามพี่ว่าเพราะอะไร แต่พี่ของเธอกลับไม่เคยตอบกลับ และไม่ยอมให้เธอถามถึงเรื่องนี้อีก
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของพวกเรา ดังนั้นเราจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับองค์กรชั่วมาสักพักหนึ่งแล้ว เพราะวิญญาณที่หายไปหรือลิ้วล้อที่คอยเก็บพลังชั่วร้ายเหล่านั้นได้ลงล็อคกันพอดี
จากคําพูดของผีผู้หญิง พี่ของเขาน่าจะเข้าองค์กรชั่ว ได้สักสองสามปีแล้ว หรือตอนมีชีวิตก็เข้าไปอยู่ในองค์กรตาผีแล้วกลายเป็นสมุนขององค์กรตาผีชั่ว
วิญญาณที่อยู่ในโหลดํา เป็นสิ่งที่ผีผู้ชายเขาจงใจเก็บ เพราะมันเป็น “ ส่วย ” ที่เขาต้องจ่ายทุกๆครึ่งปี
แต่เป็นเพราะมันถูกเก็บไว้ในกล่องจันทร์ทุกครั้ง ดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้ว่าเขาติดต่อกับองค์กรตาผีชั่วได้ยังไง ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถถามอะไรต่อได้
นี่อาจเป็นความตั้งใจของพี่ชายเธอ เพื่อปกป้องผีผู้หญิงไม่อยากให้ผีผู้หญิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรนี้
แม้จะไม่มีทางหาข้อมูลได้แล้ว แต่คําพูดที่มีผู้ชายพูดเอาไว้ก่อนวิญญาณแตกสลายก็ทําให้พวกเรามั่นใจ
แต่ผมเดาว่า เหตุผลที่ผีผู้ชายฆ่าตัวตายอาจจะเหมือนกับสัตว์เดรัจฉานอาจารย์โจวเจียนคนนั้น
เพราะรู้ถึงความแข็งแกร่งและไม่สามารถสั่นคลอนองค์กรตาผีชั่วได้ในเวลาเดียวกันยังไม่อยากทําให้คนในครอบครัวเดือดร้อน จึงยอมฆ่าตัวตายดีกว่าพูดถึงองค์กรตาผี
นี่อาจเป็นสาเหตุ ที่ผีผู้ชายอยากตายมาตั้งแต่แรก
แต่วิญญาณไม่อยู่แล้ว จะเดามั่วต่อไปก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้
ผมถอมหายใจออกมา หลังจากนั้นก็พูดกับผีผู้หญิงอีกครั้ง “ใช่แล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร”
ผีผู้หญิงมองผมแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ ฉันชื่อหยางเย่ว ! ”
ผมพยักหน้าเล็กน้อย “หยางเย่ว โหลดําที่เธอพูดถึง อยู่ที่ไหนเหรอช่วยพาพวกเราไปดูหน่อยซิ !”
หยางเย่วไม่ได้ลังเล เธอตอบรับ “ ได้ ” หลังจากนั้นก็พาพวกเราไปที่ห้องใต้ดิน
เมื่อพวกเรามาถึงห้องใต้ดิน พวกเราก็พบว่าโหลสีดําถูกวางเอาไว้ในที่มืด ด้านบนมีอักษรคําว่าผนึกเขียนเอาไว้
ในเวลาเดียวกัน ข้างๆโหลดํายังมีศพแห้งๆของคนสองคนนอนอยู่
นี่ก็คือศพของหยางหยางและหยางเย่ว ตอนนั้นพวกเขามาแอบกินยานอนหลับเพื่อฆ่าตัวตายที่นี่ ดังนั้นหลังจากตายไปวิญญาณของพวกเขาจึงสามารถสิงอยู่ที่นี่ได้ สาเหตุก็เพราะศพของพวกเขานอนอยู่ที่นี่
เพราะในห้องมืดๆแห่งนี้มีศพนอนตายมาหลายปี ดังนั้นกลิ่นจึงไม่ค่อยน่าสูดดมเท่าไหร่
พวกเราหยิบโหลดขึ้นมา จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องใต้ดินทันที
หยางเย่วบอกว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน วิญญาณในโหลเพิ่งว่างเปล่า ดังนั้นตอนนี้ในโหล จึงมีวิญญาณแค่สองดวงนั้นก็คือทีมงานดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากสองคนที่ตายที่นี่
เมื่อมาถึงห้องรับแขก ผมก็ไม่คิดมากเปิดฝาโหลออกมาทันที
ฝาเพิ่งเปิดออก พวกเราก็เห็นหมอกสีขาวลอยออกมาทัน
เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างของคนสองคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเรา
แต่ตอนที่ทั้งสองตนปรากฏตัว พวกเขากลับแสดงสีหน้าตายด้าน เหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว
เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้ เพราะวิญญาณสองตนนี้ถูกพวกเขาดึงพลังวิญญาณออกมามากเกินไป และยังถูกขังอยู่ในโหลหลายวัน
ผมเองก็มองพวกเขาสักพัก หลังจากมั่นใจว่าใช่สองคนนั้น ผมก็ใช้ “ ถุงหอม” เก็บพวกวิญญาณของพวกเขาไว้คนละถุง ในเวลาเดียวกันก็ปิดปากถุงให้เรียบร้อย
เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ ผมก็จะนําพวกเขาไปให้กับคนในกองถ่าย บอกให้พวกเขานําวิญญาณทั้งสองดวงนี้ไปไว้ที่หลุมศพของพวกเขา
เมื่อกลับไปอยู่ในหลุมศพ ภายในระยะเวลา 3 เดือน พวกเขาก็จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
และถ้าพวกเขาคิดจะลงนรกไปเกิดใหม่หรือจะยังอยู่ที่หลุมศพต่อ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว
หลังจากเก็บวิญญาณสองดวงเสร็จ ผมก็มองดูเวลาตอนนี้ตีสี่ครึ่งแล้ว อีกเดี๋ยวฟ้าก็จะสว่างแล้ว
ดังนั้นผมและหยางเจิ่วจึงไม่รอช้า เพราะหลังจากเก็บวิญญาณสองดวงเสร็จก็ยังมีเรื่องที่ต้องทําต่อ
พวกเรากลับมาที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง หลังจากนั้นก็นําศพของหยางหยางและหยางเย่วสองพี่น้องออกมา เพื่อส่งวิญญาณพวกเขา แต่ยังไงก็ต้องทําป้ายวิญญาณให้พวกเขาก่อน
เนื้อในร่างกายของพวกเขาแห้งหมดแล้ว ร่างจึงเบามาก พวกเราหาผ้าคลุมเตียงและพลัวมาหนึ่งอัน เมื่อห่อศพของพวกเขาเสร็จก็นําไปที่ภูเขาด้านหลัง
หลุมศพหยางเย่วเป็นคนเลือก เธอเลือกข้างๆหินขนาดใหญ่
เธอบอกว่าตอนเด็กๆ เธอชอบมาเล่นที่นี่กับพี่ชาย ตอนนี้ตายแล้วก็อยากถูกฝังที่นี่
ผมและหยางเฉ่วกวาดสายตามองฮวงจุ้ย พบว่าแม้ที่นี่จะไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ใช่ที่เลวร้าย ไม่มีปัญหาต่อการฝังคน
เมื่อเห็นฮวงจุ้ยไม่มีปัญหา หลังจากโรยกระดาษสีเหลือ เสร็จ ผมก็เริ่มใช้พลั่วขุดดินทันที
คอมเม้นต์