ศพ – ตอนที่ 218 โมโห
ตอนที่ 218 โมโห
แม้เสียงของมู่หลงเหยียนจะหวานและชัดเจน แต่ไม่ว่าจะฟังยังไงคําพูดของเธอ ก็ทําให้คนฟังรู้สึกขนลุกอยู่ดี
ตอนนี้ ตัวผมแข็งทื่อพร้อมกับที่หลังมีเหงื่อเย็นๆไหลตามมาติดๆ
ส่วนยายโม่ที่ยืนอยู่หน้าผมนั้น เธอกลับหัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” ออกมา “ คุณผู้ชายดูเหมือนคุณหนูยังไม่อยากให้คุณกลับเจ้าค่ะ เชิญทางนี้เจ้าค่ะ !”
ขณะที่พูด ยายโม่ก็ผายมือเชิญผมเข้าไปด้านใน
ผมแสดงสีหน้าอึดอัดใจ ในใจยังรู้สึกกลัวอยู่
ฟังจากน้ำเสียงของมู่หลงเหยียน ตอนนี้เธอน่าจะกําลังโมโหสุดๆ ผมเองก็ยังไม่อยากเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เธอ
ดังนั้นผมจึงพูดกับยายโม่ว่า “ ยายโม่ เอ่อ เอ่อคือผมยังมีธุระ ด่วนมากด้วย เอาแบบนี้ดีกว่า ! ยายบอกน้องศพแทน ผมหน่อยว่าผมกลับไปแล้ว ครั้งหน้าจะมาหาเธอใหม่ !”
ผมรีบพูด ผลลัพธ์เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นข้างในก็มีเสียงของมู่หลงเหยียนดังออกมา “ ไอ้กาก เรียกนาย เข้ามาแค่นี้จะพูดมากทําไมฮะ ถ้ายังพูดมากอีก ฉันจะออกไปเรียกด้วยตัวเองนะยะ !”
เมื่อเสียงดังขึ้น ผมก็ขนลุกครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
เวรเอ้ย ฉันไปดวงซวยมาจากไหนวะ ทําไมคืนนี้ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆด้วย
“ คุณผู้ชาย คุณรีบเข้าไปเถอะเจ้าค่ะ ! คุณหนูกําลังอารมณ์เสีย อีกเดี๋ยวถ้าคุณหนูโกรธขึ้นมาจริงๆ คุณจะตกอยู่ในอันตรายนะเจ้าค่ะ !” ยายโม่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง
ผมอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า พูดตามความจริง ตอนนี้ผมอยากหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไปจริงๆ
แต่ผมทําไม่ได้ ถึงจะหลบหน้าได้หนึ่งวัน แต่ผมไม่อาจหลบเธอตลอดไปได้
ถ้าคืนนี้ผมหมุนตัวเดินกลับไปจริงๆ เมื่อยัยมู่หลงเหยียนมีเวลาว่างแล้วออกจากจวนได้ ตอนนั้นผมจะต้องจบเห่แน่
ถึงผมจะไม่ตาย แต่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลําบากแน่นอน
ผมกลืนน้ำลาย จากนั้นก็พยักหน้าให้ยายโม่ “ ก็ ก็ได้ครับ ! แต่ยายโม่ ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น ยาย ยายจะต้องช่วยผมด้วยนะ ! ”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า คุณผู้ชายล้อข้าเล่นแล้ว ไปกันเถอะเจ้าค่ะ !” ยายโม่พูดต่อ
ผมทําอะไรไม่ได้ ได้แต่ถือไก่เหลือง พร้อมกับกล่องไม้ เดินเข้าไปในจวนมู่หลง
ผมเพิ่งเข้ามาในจวน ทันใดนั้นประตูบ้านใหญ่ก็ “ แอ๊ด ปัง” มันปิดลงทันที
ตอนนี้จวนมู่หลงดูเหมือนกับคฤหาสน์ที่หรูหรา
นอกจากสถานที่แห่งนี้จะมีพลังหยินแรงมากแล้ว ผมก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติอื่นอีก
ในสวนหย่อมมีน้ำตกจําลองเล็กๆ สายน้ำไหลริมลงมาสู่สระน้ำที่มีศาลาไม้หลังงามตั้งอยู่ ริเวณนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหราตระการตามาก
แต่ครั้งนี้ในจวนมีคนรับใช้เพิ่มมานิดหน่อย ผมเพิ่งเข้ามาในจวนมู่หลง ก็เห็นพวกสาวใช้ในจวนมู่หลง! คนรับใช้เอย อะไรเอย ตอนนี้พวกเขากําลังเดินไปเดินมา บางคนถือถาดผลไม้ บางคนกําลังทําความสะอาด และคนรับใช้บางส่วนกําลังตัดแต่งกิ่งและใบไม้อยู่
ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
แต่ผมรู้ดี คนพวกนี้มองแล้วเหมือนสาวใช้ คนรับใช้ก็จริง ! แต่ทุกคนล้วนไม่ใช่คน พวกเขาล้วนเป็นหุ่นกระดาษทั้งนั้น
เมื่อถึงตอนกลางวัน พระอาทิตย์ขึ้น คนพวกนี้ก็จะกลับมาเป็นสภาพเดิม
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งขนลุก แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาจวนมู่หลง และผมก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับยายโม่และผีตนอื่นๆแล้ว ดังนั้น ผมจึงไม่กระวนกระวายอะไรขนาดนั้น
ยายโม่พาผมเข้าไปข้างใน ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอาคารหลังใหญ่ที่อยู่ในสุด
ที่นี่ ก็คือที่อยู่ส่วนตัวของมู่หลงเหยียน
ผมเพิ่งเข้ามาในอาคารก็เห็นสวนหย่อมเล็กๆด้านใน รอบๆล้วนมีสาวใช้ยืนรายล้อม บริเวณนี้มีประมาณเจ็ดแปดคนได้ แต่ทุกคนล้วนก้มหัวหมด
แต่ถ้ามองให้ละเอียด ผมกลับพบว่าใบหน้าของพวกเธอนั้นซีดมาก และยังมีสีแดงของบลัชออนอ่อนๆที่ถูกปัดให้เหมือนกับหุ่นกระดาษ ดวงตากลมโต แต่ไม่กระพริบตา และไม่ขยับใดๆทั้งสิ้น
เมื่อสาวใช้พวกนี้เห็นยายโม่เข้ามาในสวนหย่อม พวกเธอก็ใช้น้ำเสียงแข็งๆพูดกับผมและยายโม่ว่า “ คุณผู้ชาย ท่านยายโม่ ! ”
หลังจากพูดจบ พวกเธอก็ทําเหมือนสาวใช้โบราณ ค่อยๆ โค้งคํานับให้พวกเรา
ผมมองการกระทําเหล่านั้นอย่างอึดอัดใจ ได้ยินเสียงพวกเธอแล้วมันรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
เพราะคําพูดพวกนั้นไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด แข็งทื่อสุดๆ เหมือนกับพวกเธอถูกตั้งโปรแกรมให้ตะโกนออกมาโดยอัตโนมัติ
ผมกวาดสายตามองรอบๆ เห็นได้ชัดว่าผมไม่รู้ว่าต้องทํายังไง ไม่รู้ว่าควรตอบกลับพวกเธอดีไหม
แต่ในตอนนั้นเอง ภายในอาคารกลับมีเสียงมู่หลงเหยียนดังขึ้น “ ไอ้กาก นายจะยืนโง่อยู่ข้างนอกอีกนานไหมฮะ รีบเข้ามาหาฉันซิ !”
เสียงเพิ่งเงียบลง “ แอ๊ด ” ประตูที่เคยปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาก็ถูกเปิดออก……….
ผมมองบานประตูที่ค่อยๆเปิดออกตลอดทางมานี้ผมรู้สึกถึงลางร้ายมาโดยตลอด
แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงผมก็ต้องทําต่อไป
ผมพาหัวใจที่หวาดกลัวเดินไปข้างหน้า ถือกระเป๋าไก่เหลืองเข้าไปในห้อง
ผมเพิ่งเข้ามาในห้อง ก็ได้กลิ่นดอกกล้วยไม้อ่อนๆ
ไม่รอให้ผมได้มองสํารวจรอบๆ ทันใดนั้น “ แอ๊ด ปัง ” ประตูห้องก็ถูกปิด
ผมกวาดสายตามอง พบว่าตอนนี้มู่หลงเหยียนกําลังนั่งอยู่ใกล้ๆโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล สีหน้าของเธอบูดบึงกําลังจ้องผมตาไม่กระพริบ
เมื่อเห็นท่าทางของมู่หลงเหยียน ผมก็ฝืนยิ้มให้เธอ จากนั้นก็พูดว่า “ แฮะแฮะแฮะ น้องศพ นี่กล่องไม้คืนให้เธอ แล้วก็นี่ไก่เหลืองที่เธอต้องการ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็เดินเข้าไปหามู่หลงเหยียน
เธอจ้องผม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
ความรู้สึกนั้นทําให้ผมหายใจไม่ออก ราวกับภูเขาไฟตรงหน้า พร้อมที่จะระเบิดออกมาตลอดเวลา
เมื่อผมมาถึงโต๊ะ ผมก็ค่อยๆนํากล่องไม้วางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็นําไก่เหลืองวางเอาไว้ข้างกัน
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนไม่พูดอะไร ผมจึงพูดต่อ “ เอ่อ เอ่อ ของอยู่นี่นะ ถ้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ!”
หลังจากพูดจบ ผมก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว และเดินตรงไปข้างหน้าทันที
ผลลัพธ์ผมเพิ่งเดินไปได้แค่สองก้าว ทันใดนั้นเสียง ฮึ ที่เย็นชาของมู่หลงเหยียนก็ดังขึ้น “ กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้ ! ”
ขณะที่พูด สายลมอันเยือนเย็นก็พัดเข้ามากระทบตัวผม และแล้วพลังประหลาดบางอย่างก็จับตัวผมเอาไว้ ดึงผมให้ ถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว “ ฟรีบ ” ตัวผมก็ลอยกลับมาและสุดท้ายก็หล่นกระแทกพื้นดัง “ ปัก ”
“ โอ๊ย ! เธอทําอะไรเนี่ย อยากฆ่าฉันรึไง ! ” ผมจับหน้าอก พร้อมพูดด้วยความโมโห
ผลลัพธ์มู่หลงเหยียนกลับค่อยๆเดินเข้ามา หลังจากนั้นก็พูดกับผมว่า “ ไอ้กาก ตอนนี้ฉันกําลังโมโหมาก นายว่าควรทํายังไงดี ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็เป็นใบ้ในทันที
เธอโมโหอะไรมาฉันยังไม่รู้เลย แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงว่าควรทํายังไง
ในใจผมกําลังคิดแบบนี้ แต่ปากกลับไม่กล้าพูดออกมา ไม่อย่างนั้นยัยมู่หลงเหยียนต้องระเบิดใส่ผมแน่
“ เธอ เธอหายใจเข้าลึกๆ อย่าเพิ่งโมโห ! ” ผมพูดติดอ่าง พร้อมกับกดความเจ็บที่หน้าอกเอาไว้
แต่มู่หลงเหยียนกลับทําปากมุ่ย พร้อมพูดระบายความ โกรธออกมา “ ยัยโจวหยุนปากปลาร้า ฉันโมโหจะตายแล้ว ไอ้กาก นายให้ฉันตบที่ซิ ให้ฉันระบายความโกรธหน่อยนะ !
เสียงเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นสีหน้าผมก็เปลี่ยนไปทันที “ อะไรนะ ตบฉันเพื่อระบายความโกรธโจวหยุนทําเธอ เธอก็ไปตบโจวหยุนซิ ”
ผมทําหน้าเบื่อหน่าย ผลลัพธ์มู่หลงเหยียนกลับไม่สนใจ เธอดัดมือรอแล้ว “ กรอบแกร็บ ” “ ฮี ก่อนยัยโจว
หยุนจะออกมา นายก็เป็นคนปล่อยเธอไม่ตบนายแล้วจะไปตบใครฮะ ตอนนี้เธอมายั่วโมโหฉัน ฉันก็ต้องใช้นายเป็นที่ระบายอารมณ์ซิ ! ”
ผมคิดว่าชีวิตเริ่มมืดมนแล้ว ตัวเองไม่ได้ทําอะไรให้ใคร แท้ๆ ยัยโจวหยุนนั้นไปทําให้มู่หลงเหยียนไม่พอใจ แต่ผมกลับต้องมาเป็นที่ระบายอารมณ์
ผมมองร่างของมู่หลงเหยียนที่กําลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทันใดนั้นผมก็รีบลุกขึ้นทันที “ อย่า อย่าเข้ามานะ !”
ขณะที่พูด ผมก็ยกมือขึ้นห้ามมู่หลงเหยียน
แต่ใครจะรู้ว่ายัยมู่หลงเหยียนไม่สนใจคุยกันดีๆแล้ว ตอนนี้เธอใช้มือข้างหนึ่งจับมือผมเอาไว้ มันถูกบีบอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดก็แล่นพล้าน สีหน้าเปลี่ยนไป เสียงร้องของผมดังไปทั่วจวนมู่หลงทันที
“ โอ๊ย ! ”
ยายโม่มองมาที่ห้อง เมื่อได้ยินเสียงดังจากข้างใน ท่าที่ที่เคร่งเครียดของเธอ กลับผ่อนคลายลงซะอย่างนั้น หรือแม้แต่เผยรอยยิ้มน้อยๆออกมาด้วย
คอมเม้นต์