บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 4 ชื่อ
ตอนที่ 4
ชื่อ
“อร่อยหรือนายน้อย งั้นกินเยอะๆเลย”ราชสีห์เพลิงในร่างมนุษย์ที่บัดนี้กำลังป้อนอาหารให้เด็กชายอย่างอารมดีตรงหน้า ดูไม่เหมือนราชาแห่งภูเขาดำเลยแม้แต่น้อย ร่างกายในรูปมนุษย์ของมันนั้นเป็นชายหนุ่มโตเต็มวัยร่างกายบึกบึนกำยำ และที่เด่นชัดที่สุดคงเป็นผมและหนวดเคราสีแดงราวกับแผงคอของสิงโตนั่นเอง
“ไงละ บอกแล้วใช่ไหมว่าเนื้อของแกะทองคำอร่อยที่สุด”พยัคฆ์อัสนีในร่างมนุษย์พูดพลางยืดอกอย่างภูมิใจ บัดนี้ราชาแห่งเขตทั้ง 4 กลับกลายเป็นร่างมนุษย์มาอยู่รวมกันในถ้ำของอสูรแมงมุมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
“เจ้าอย่ากินแต่เนื้อสิ ต้องกินผักบ้างนะ”มังกรธรณีผู้อยู่ในรูปชายหนุ่มผมยาวสีดำอมเขียวพูดพลางนำจานสมุนไพรที่มันลงมือทำเองให้กับเด็กชาย พอเห็นเด็กชายว่าง่ายยอมกินแต่โดยดีมันก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับพึงพอใจกับความเชื่อฟังของเด็กชาย
“พวกเจ้าคิดจะขุนนายน้อยให้อ้วนเป็นหมูหรือไง เจ้าป้อนเยอะเกินไปแล้วนะ”ไก่ฟ้าหงอนทองในร่างของมนุษย์ตักเตือนพลางหันไปมองอสูรแมงมุม นางในร่างมนุษย์ดูแก่ชรามากกว่าพวกมันหลายเท่า หากจะพูดก็คือนางในร่างมนุษย์เป็นหญิงวัยกลางคนที่สวมใส่เสื้อผ้าโบราณ เส้นผมของนางเป็นสีขาวโพลนเช่นเดียวกับเปลือกนอกของนางยามเป็นแมงมุม นางมองเหล่าราชาทั้ง 4 ดูแลบุตรนอกไส้ของนางอย่างพึงพอใจ
“เจ้าหนู เจ้าอิ่มหรือไม่”อสูรแมงมุมถามพลางมองแก้มพวกน้อยที่กำลังเคี้ยวสมุนไพรอยู่เต็มแก้ม ของที่ราชาทั้ง 4 นำมาปรุงอาหารล้วนเป็นของมีค่าที่หากคนภายนอกมาเห็นว่ามันกลายเป็นอาหารสำหรับเด็กคงได้กระอักเลือดตายเป็นแน่
เด็กน้อยได้ยินคำถามของมารดามันก็ส่ายหน้าเบาๆราวกับมันต้องการกินต่อ ทำให้ราชสีห์เพลิงและมังกรธรณีหันมามองไก่ฟ้าหงอนทองเป็นตาเดียวกันราวกับจะบอกว่า เห็นไหมล่ะนายน้อยของเจ้ายังไม่อิ่มเสียหน่อย
“ไม่ต้องห่วงหรอกไก่ฟ้า ของที่พวกเราเตรียมมาล้วนเป็นของดีนอกจากจะไม่ทำให้นายน้อยเสียสุขภาพยังเพิ่มกำลังให้นายน้อยอย่างมาก ต่อให้นายน้อยเป็นมนุษย์นายน้อยก็จะสามารถอยู่กับพวกเราไปได้อีกหลายร้อยปีแน่ๆ”มังกรธรณีพูดเสียงเรียบพลางมองสมุนไพรในมือตน ป่าวัฒนะขึ้นชื่อเรื่องความอายุยืนของอสูรภายในป่า แม้แต่อสูรระดับต่ำๆยังสามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานกว่าปกติหลายเท่าตัว นี่มันคัดสรรสมุนไพรมาเป็นพิเศษเพื่อเลี้ยงดูนายน้อยด้วยตนเอง รับรองว่าอายุขัยของนายน้องต้องยาวนานแม้ไม่ได้ฝึกปรือธาตุอสูรก็ตาม
“ท่านน้า ข้าอิ่มแล้ว”หลังจากทานไปได้พักหนึ่ง นายน้อยของพวกมันก็บอกว่าตนอิ่มแล้ว ทำให้มือทั้งสองที่พยายามป้อนอาหารให้นายน้อยไม่ขาดต้องหยุดลงอย่างจนใจ ตอนแรกทั้ง 4 ต่างสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดอสูรแมงมุมถึงได้เพียรพยายามหาทางเลี้ยงดูเด็กน้อยผู้นี้นัก แต่พอพวกมันได้มาเห็นนายน้อยด้วยตนเองแล้วพวกมันก็รู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้น่ารักน่าชังทีเดียว ไม่นานความคิดสงสัยว่าทำไมตนเองถึงเริ่มดูแลนายน้อยอย่างดีก็บินหายไป ดูเหมือนนายน้อยคนนี้จะมีเสน่ห์กับเหล่าอสูรไม่น้อย
“นายน้อย เราไปออกกำลังกายหลังอาหารกันเถอะ”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางลุกขึ้นยืน ตัวมันทำอาหารไม่เป็นเหมือนเจ้า 2 ราชานั่นมันเลยชอบพานายน้อยออกไปเล่นบ่อยๆ แม้อสูรแมงมุมจะเป็นห่วงอยู่มากแต่เมื่ออยู่กับพยัคฆ์อัสนีก็ไม่มีอสูรตนได้กล้าทำร้ายบุตรชายของนาง
ตุบๆๆ… เพราะนายน้อยอยู่บนหลังทำให้พยัคฆ์อัสนีไม่สามารถใช้ความเร็วเต็มที่ได้ แถมยังต้องจำกัดสายฟ้าของมันไม่ให้ทำร้ายนายน้อยด้วยทำให้ยามนี้มันรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งเหยาะๆเท่านั้น
“ท่านน้าพยัคฆ์ ที่นี่สวยงามจริงๆ”นายน้อยของมันชมพลางมองภาพตรงหน้า ตั้งแต่มันอยู่กับอสูรแมงมุมมาก็อยู่แต่ในถ้ำมาตลอด มันเลยชอบเวลาที่น้าพยัคฆ์ของมันพาออกไปข้างนอกอย่างมาก แน่นอนว่าป่าเมฆาอัสนีย่อมเป็นที่ที่สวยงามกว่าเหวไร้ก้นเป็นไหนๆ
“แน่นอนสิ มาน้าจะพาเจ้าไปหาที่สนุกๆ”เมื่อออกห่างจากอสูรแมงมุมหรือราชาคนอื่นๆ พยัคฆ์อัสนีก็ปลดปล่อยท่าทีของตนแล้วเรียกนายน้อยอย่างสนิทสนมราวกับน้าหลานกันจริงๆ มันกระโจนไปยังน้ำตกแห่งหนึ่งก่อนจะกลับเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง
“เจ้าดูเถอะ มันสวยงามใช่ไหมล่ะ”สถานที่ที่พยัคฆ์อัสนีพานายน้อยมาคือแม่น้ำที่อยู่เหนือน้ำตกพอดิบพอดี ที่นี่ถูกเรียกว่าธารสัมผัสเมฆา เพราะน้ำตกแห่งนี้สูงลิบจนแทบจะแตะก้อนเมฆอยู่รอมร่อ หากไม่ใช่เด็กน้อยได้กินทั้งสมุนไพรหายากเนื้ออสูรและผลไม้ทิพย์เข้าไปมากมายมันคงทนแรงกดอากาศของยอดน้ำตกนี่ไม่ไหวแน่ๆ น่าเสียดายที่มันไม่ได้ฝึกวิชาอะไร ไม่อย่างนั้นของต่างๆที่มันกินเข้าไปคงทำให้มันบรรลุไปขั้นไหนต่อไหนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าที่กินเข้าไปจะเสียเปล่า เส้นลมปราณของมันเติบใหญ่อย่างแข็งแรงยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ทั้งร่างกายวัยเด็กยังแข็งแกร่งขนาดทนทานแรงกดอากาศจากที่สูงเสียดฟ้าเช่นนี้ได้โดยไม่เป็นอะไร อย่าว่าแต่คนธรรมคงทนความเร็วของพยัคฆ์อัสนียามที่มันเดินเตาะแตะไม่ได้ด้วยซ้ำ
เปรี้ยง! ขณะมองดูภาพแม่น้ำตรงหน้า เบื้องบนกลับปรากฏฟ้าผ่าลงมายังแม่น้ำอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟแล่นไปตามแม่น้ำ แต่ทันทีที่ประกายไฟหายไป แสงสีเขียวกลับปรากฏขึ้นจากใต้แม่น้ำราวกับแม่น้ำกำลังเรืองแสงอยู่
“หึๆ สวยดีใช่ไหมล่ะ”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางเดินมาที่ริมน้ำ พอมองลงไปยังก้นแม่น้ำจะเห็นได้ว่าเบื้องล่างมีคริสตัลสีเขียวกำลังส่องสว่างจากกระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านมายังพวกมันอยู่
“เขาทั้งลูกนี้เป็นศิลาสายฟ้าทั้งหมด หากไม่มีเปลือกนอกเป็นหินละก็ทั้งเขาจะเรืองแสงหลังจากสายฟ้าฟาดลงมาเชียวละ
ศิลาสายฟ้าทั้งภูเขา หากผู้ฝึกวิชาสายฟ้ามาได้ยินเข้าละก็คงได้เป็นลมไปแล้วแน่ๆ ศิลาสายฟ้าคือศิลาที่กักเก็บเอาพลังสายฟ้าไว้ในตัวมัน แน่นอนว่ามันสวยงามและมันก็เป็นของสำหรับเพิ่มพลังธาตุสายฟ้าอย่างดีอีกด้วย
“มา ข้าจะพาเข้าไปดูข้างใน”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางกลายร่างกลับเป็นเสืออีกครั้ง ทันทีที่นายน้อยของมันขึ้นหลังมันก็กระโจนลงมายังน้ำตกชั้นบนสุด ก่อนมันจะพานายน้อยของมันเข้าไปในถ้ำหลังน้ำตกอย่างเชื่องช้า ภายในถ้ำตัวของพยัคฆ์อัสนีใหญ่เกินไปทำให้มันต้องใช้ร่างมนุษย์เดินเข้ามากับนายน้อย ที่นี่มันเจอสมัยที่ร่างมันยังเล็กกว่านี้ ชนิดว่าสามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องกลายร่างด้วยซ้ำ
เปรี้ยง! เสียงสายฟ้าดังมาจากด้านบน พร้อมแสงสีเขียวที่เริ่มสว่างขึ้นภายในถ้ำ
“…..”นายน้อยของพยัคฆ์อัสนีมองภาพตรงหน้าตาค้าง มันไม่เคยเห็นสิ่งใดงดงามเช่นนี้มาก่อน คริสตัลสีเขียวใสกลายเป็นผนังถ้ำทั้งหมด แถมมันยังส่องแสงสว่างเรืองรองเป็นพักๆทันทีที่ได้รับพลังสายฟ้า สร้างความสวยงามน่าตื่นตาให้มันได้อย่างไม่รู้จบ
“งดงามใช่ไหมล่ะ นี่เป็นสถานที่ลับของข้าห้ามไปบอกน้าๆคนอื่นละ”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางใช้สายฟ้าของตนผ่าลงไปบนผนังถ้ำ มันพากันส่องแสงเรืองรองออกมาช่างสวยงามจับใจ ทำให้ทั้งสองคนอยู่ในถ้ำนานกว่า 2 ชั่วโมง
“เจ้าไปไหนมา รู้ไหมนายหญิงห่วงนายน้อยแค่ไหน”ทันทีที่กลับมาถึงเจ้าไก่ฟ้าก็ออกมาต่อว่าทันที ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ของมันดูแล้วไม่น่าเป็นร่างจำแลงของไก่เลย
“ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่อะไรก็ทำร้ายนายน้อยของเจ้าไม่ได้”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางพานายน้อยกลับเข้าไปในถ้ำของอสูรแมงมุม
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”เด็กน้อยพูดพลางเดินเข้าไปในถ้ำ เขาเข้าสวมกอดมารดาด้วยท่าทางออดอ้อนทำเอาคำบ่นที่มารดาเตรียมจะบ่นว่าที่หายไปนานถูกกลืนลงท้องไปหมด ทำเอาเหล่าราชาทั้ง 4 ต่างคิดตรงกันว่าเจ้าหนูน้อยคนนี้ช่างรู้จักเอาใจมารดามันจริงๆ พวกมันทั้ง 4 ต่างกลัวว่านางจะโกรธแทบเป็นแทบตาย แต่พอเจ้าอ้อนนิดหน่อยนางก็หายโกรธราวกับเอาน้ำราดกองไฟไม่มีผิด
“เจ้าเด็กซน วันนี้เจ้าไปเล่นที่ไหนมา”อสูรแมงมุมถามพลางลูบแก้มที่มีแต่ดินเกาะอยู่เต็มหน้าของเด็กชาย
“ท่านน้าพยัคฆ์ไม่ให้ข้าบอกคนอื่น”ได้ยินเช่นนั้นพยัคฆ์อัสนีถึงกับสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าคนที่ถามจะเป็นอสูรแมงมุมนะสิ
“เหรอ….”อสูรแมงมุมลูบหัวเด็กชายอย่างเบามือ ก่อนจะเหลือบมองพยัคฆ์อัสนีด้วยตา 2 ข้าง ทำให้พยัคฆ์อัสนีส่ายหน้าไปมาเพื่อจะบอกว่าข้าไม่ได้พานายน้อยไปที่แปลกๆสักหน่อย
“วันนี้แม่ปรึกษาน้ามังกรของเจ้าแล้ว แม่เลยมีความคิดดีๆอย่างหนึ่ง”อสูรแมงมุมว่าพลางลูบไล้เส้นผมของเด็กชาย ดวงตาของมันกลมโตน่ารักน่าชังเมื่อได้ยินเรื่องที่มารดาบอก
“ข้ากับน้าทั้ง 3 ของเจ้าช่วยกันตั้งชื่อให้เจ้า เราจะได้เรียกขานเจ้าด้วยชื่อแทนคำว่านายน้อยยังไงละ”ได้ยินแบบนั้นเด็กชายกลับมีท่าทีสงสัย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมามันก็จำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ชื่อของตนเองก็จำไม่ได้ นั่นอาจจะเพราะตกลงมาจากขอบผาไร้ก้นก็ได้
“หะ ชื่อ….พวกเจ้าตั้งชื่อให้นายน้อยโดยไม่รอข้างั้นเหรอ”พยัคฆ์อัสนีแสดงท่าทีโมโหออกมา แต่ก็ต้องหยุดเพราะดวงตาของอสูรแมงมุมยังจับจ้องมาที่มันไม่เลิก
“ก็เจ้ากลับมาสายตั้งชั่วโมง พวกข้าเลยไม่รอแล้วไงละ”ราชสิเพลิงว่าพลางวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะ ความจริงพวกมันก็ไม่มีความรู้เรื่องชื่อของมนุษย์นัก แต่จนแล้วจนรอดก็สามารถคิดออกมาได้ชื่อหนึ่ง
“ท่านแม่ ชื่อของข้าคืออะไร”เพราะยังไม่ได้เรียนเขียนอ่าน เด็กน้อยจึงยังอ่านตัวอักษรบนกระดาษไม่ออก
“ไป๋จูเหวิน คือชื่อของเจ้า”พูดจบอสูรแมงมุมก็กอดร่างของไป๋จูเหวินแน่น มันไม่เหมือนอสูรที่สามารถใช้ชื่อแบ่งแยกสายพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็คงรั้งไป๋จูเหวินไว้ในแดนอสูรนี้ได้ไม่นานนัก อย่างน้อยหากเขาไปในแดนของมนุษย์ก็คงต้องมีชื่อเอาไว้ใช้เรียกหาสิ
คอมเม้นต์