บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 41 ปลง

อ่านนิยายจีนเรื่อง บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 41 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 41

ปลง

 

“ฮั่วเจียน”ในคืนหลังการแข่งวันแรก อยู่ๆเฟิงชิวก็เข้ามาหาฮั่วเจียนภายในห้องพักของมันโดยมีซูฮวาและสาวใช้อีกคนนั่งอยู่ด้วย

“มีอะไร”ฮั่วเจียนถามพลางลูบอกตนเองเบาๆ ตอนเช้ามันไม่ได้ไปชมการประลองเพราะยังบาดเจ็บไม่หาย เมื่อคืนมันถูกไป๋จูเหวินซัดเสียบาดเจ็บยังไม่สามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณได้เสียด้วยซ้ำ

“น้องไป๋ฝากสิ่งนี้มาใหเจ้า”เฟิงชิวยิ้มพลางวางขวดยาลงบนพื้น ภายในขวดนี้มียาเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น แต่เฟิงชิวที่พึ่งกินยาแบบเดียวกันไปทราบดีว่าผลของยาน่ากลัวแค่ไหน

“น้องไป๋…ทำไมมันฝากของมาให้ข้า”ฮั่วเจียนถามพลางมองขวดยาบนพื้น

“มันบอกว่าเจ้าน่าจะยังบาดเจ็บอยู่เลยปรุงยาให้เพื่อรักษาร่างกายของเจ้า”เฟิงชิวยิ้มด้วยท่าทีสบายๆ เพราะไป๋จูเหวินได้อธิบายสาเหตุให้ตัวมันเองฟังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“มันปรุงเอง….”ฮั่วเจียนสะดุดกับคำๆนี้มากที่สุด เพราะมันสงสัยมาตลอดว่าเหตุใดไป๋จูเหวินถึงฝึกฝนได้รวดเร็วนัก หรือว่าสาเหตุจะมาจากยาเหล่านี้

“น้องไป๋ฝากมาบอกแค่ว่า อย่างไรเราก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักกัน”เฟิงชิวยิ้มพลางลุกขึ้นช้าๆ

“จะกินหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า”ได้ยินเฟิงชิวพูดเช่นนั้น ฮั่วเจียนก็เกิดอาการสงสัยขึ้นมาทันที

“นี่เจ้า….”ฮั่วเจียนนิ่งค้างไปหลังจากตรวจสอบพลังของเฟิงชิว ยามนี้เฟิงชิวมีพลังเหนือกว่ามันเสียอีก ทั้งๆที่เฟิงชิวพึ่งทะลุขึ้นมาด่านผลึกวิญญาณก่อนจะมาร่วมงานประลองสามสำนักเท่านั้น ไม่มีทางที่มันจะเลื่อนไปเป็นขั้น 2 ได้ไวเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะ….

ฮั่วเจียนมองรอยยิ้มของเฟิงชิวสลับกับยาที่มันเอามาให้ เป็นอย่างที่มันคาดเดาเอาไว้ยาที่ไป๋จูเหวินปรุงมาให้เป็นยาที่ช่วยฝึกฝนพลังวิญญาณได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องเข้าถึงขั้นผลึกวิญญาณเสียก่อนถึงจะกินได้ เนื่องจากยาดังกล่าวเป็นยาสำหรับบำรุงแก่นวิญญาณในร่างนั่นเอง ทำให้ต้าชิงและต้าเฉินยังไม่สามารถใช้ตาชนิดนี้ได้จนกว่าพวกมันจะทะลุผ่านขั้นผลึกวิญญาณมาได้

“นายท่าน”หลังจากเฟิงชิวออกไปแล้ว ซูฮวาก็เข้ามาหาฮั่วเจียนที่นั่งมองขวดยานิ่งไม่ไหวติง ตัวมันไม่ใช่มิตรของไป๋จูเหวิน มันไม่มั่นใจเลยว่าในขวดยาจะเป็นกับดักอะไรหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นยาพิษแทนก็เป็นได้ หากมันกินเข้าไปอาจจะทำให้มันไม่สามารถใช้พลังได้ และเมื่อขึ้นลานประลองมันจะกลายเป็นตัวตลก

“ซูฮวา”ฮั่วเจียนกัดฟันแน่นพลางหันมาหาซูฮวาที่อยู่ข้างๆ แม้จะคิดว่าในขวดเป็นยาพิษหรือไม่ แต่พลังของเฟิงชิวก็ทำทำให้มันรู้สึกอิจฉา ทำให้มันไม่อาจตัดใจจากยาตรงหน้าได้

“เจ้าค่ะ”ซูฮวาตอบรับพลางก้มหน้าลง

“เจ้าคิดว่าไป๋จูเหวินเป็นคนเช่นไร”ได้ยินคำถามของฮั่วเจียนสีหน้าของซูฮวาก็ปั่นป่วนทันที หากให้ตอบจากใจนางย่อมตอบว่าไป๋จูเหวินเป็นคนดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นางก็รู้อยู่แก่ใจว่าฮั่วเจียนไม่ชอบไป๋จูเหวินหากชมออกไปฮั่วเจียนอาจจะโกรธได้

“เจ้าคิดว่าไป๋จูเหวินจะวางยาพิษข้าหรือไม่”ฮั่วเจียนถามซ้ำเพราะเห็นซูฮวาไม่ยอมตอบคำถามของมัน

“น้องไป๋ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ…เจ้าคะ”เพราะคำพูดเมื่อครู่เหมือนเป็นการว่าร้ายไป๋จูเหวิน ซูฮวาถึงเถียงออกมาอย่างรวดเร็ว แต่เสียงของนางก็เบาลงเรื่อยๆเพราะอีกฝ่ายเป็นเจ้านายของตน

“ในสายตาเจ้ามันเป็นคนดีมากเลยสินะ”ฮั่วเจียนยิ้มเยาะพลางมองซูฮวาอย่างขุ่นเคือง ไม่คิดเลยว่าสาวใช้ของตนจะเถียงกลับรวดเร็วเช่นนี้

“ตะ แต่…เรื่องวางยาน้องไป๋ไม่มีทางทำหรอกค่ะ”ซูฮวาว่าพลางหลบสายตาจากนายท่านของตน

“เหอะ”ฮั่วเจียนส่งเสียงไม่พอใจออกมา ก่อนจะหยิบขวดยามาไว้ในมือ มันได้รู้ข่าวแล้วว่าศิษย์ของสำนักยอดเมฆามีพลังวิญญาณเหนือกว่ามันหลายขั้น ต่อให้กำลังหายมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถอุดช่องว่างระหว่างขั้นของพลังวิญญาณได้ขนาดนั้น ทำให้ฮั่วเจียนกลืนเม็ดยาลงไปแต่โดยดี

.

.

ในเช้าวันต่อมา การประลองในวันที่ 2 ก็เริ่มขึ้นอย่างคลื้นเครง โดยวันนี้จะแข่งขันกันสำนักละ 4 คน โดยเริ่มแข่งจากตัวแทนลำดับที่ 5 ไปจนถึงลำดับที่ 2 โดยศิษย์เอกของแต่ละสำนักจะมาแข่งขันกันในวันสุดท้าย

ในช่วงเช้า จิงหลิง ซึ่งเป็นอันดับ 5 ของสำนักธารโลหิตสามารถเอาชนะสองสำนัดไปได้ด้วยวิชาอาวุธลับที่อาจารย์ลี่สั่งสอนมาอย่างดี ส่วนในคู่ลพดับที่ 4 หยางเกาก็กำลังหวดดาบใส่คู่ต่อสู้อย่างดุดันเล่นเอาศิษย์ที่อยู่ขั้นผลึกวิญญาณถึงกับเสียกระบวน

“เจ้ามาแล้วเหรอ”เฟิงชิวยิ้มพลางมองฮั่วเจียนที่เดินเข้ามาในสนาม พลังของมันเพิ่มขึ้นเป็นขั้น 2 แล้วแสดงว่ามันยอมกินยาที่ศิษย์น้องปรุงให้แต่โดยดี

“อืม…”ฮั่วเจียนตอบรับเสียงเบาด้วยท่าทีสงบ มันมองไปทางไป๋จูเหวินเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงข้างๆเฟิงชิว

“ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บใจ แต่อย่าเอาตนเองไปเทียบกับน้องไป๋เลย”เฟิงชิวว่าพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ ตัวมันเองก็เคยเป็นศิษย์พี่ใหญ่และก็แข่งเป็นอันดับ 1 กับฮั่วเจียนมาตลอด แต่หลังจากฝึกกับไป๋จูเหวินตัวมันก็ได้แต่ยอมรับว่าตนเองเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่พลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่วิชาต่างๆที่จิงหลิงสั่งสอนให้ไป๋จูเหวินมันยังสามารถเรียนรู้และนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ทำเอาพวกมันทั้งจิงหลิงและหยางเกาปลงกันหมดแล้ว เหลือแค่ฮั่วเจียนนี่ละที่ยังไม่ปลงแถมยังส่งซูฮวามาสืบกันโต้งๆอีก

“เรื่องนั้น….”ฮั่วเจียนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งพลางมองไปที่ไป๋จูเหวิน พริบตานั้นมันก็ยิ่งตะลึงค้างไปใหญ่เพราะยามนี้ไป๋จูเหวินมีพลังเสมอกับพวกมันแล้ว นี่มันพึ่งผ่านไป 2 คืนเท่านั้น….

ตุบ.. เฟิงชิวตบบ่าฮั่วเจียนเบาๆ ราวกับจะบอกให้มันปลงซะ

“อากกก”อยู่ๆเสียงร้องของศิษย์สำนักยอกเมฆาก็ดังมาจากกลางสนาม นั่นเพราะดาบไม้อันเท่าบ้านของหยางเกาฟาดใส่ไหล่ของศิษย์สำนักยอดเมฆาจนไหล่หลุดนั่นเอง ทำเอาเฟิงชิวได้แต่หัวเราะแห้งๆ อย่าว่าแต่ศิษย์สำนักยอดเมฆาเลย หากรับดาบของหยางเกาตรงๆตัวมันคงมีสภาพไม่ต่างจากศิษย์สำนักยอดเมฆาเท่าไหร่

“เป็นไปไม่ได้”เจ้าสำนักยอดเมฆากำหมัดแน่นพลางมองศิษย์ของตนแพ้ไปรอบแล้วรอบเล่า ทั้งๆที่พลังวิญญาณเหนือกว่ามากแท้ๆ

“เป็นอะไรไปท่านเจ้าสำนักยอดเมฆา”เจ้าสำนักธารโลหิตถามพลางยิ้มออกมาอย่างอารมดี

“ไม่มีอะไร ดูการประลองต่อเถอะ”เจ้าสำนักยอดเมฆากัดฟันพูดพลางหันไปมองฮั่วเจียนที่ขึ้นลานประลองมาเพื่อจับฉลาก โดยผลออกมาคือฮั่วเจียนต้องสู้กับคนจากสำนักบุปผชาติก่อนและให้คนจากสำนักยอดเมฆาสู้กับสำนักบุปผชาติอีกครั้งค่อยเจอกับคนของสำนักยอดเมฆาอีกที

ในรอบแรกฮั่วเจียนเอาชนะหญิงสาวจากสำนักบุปผชาติได้อย่างง่ายดาย ตัวนางแพ้ทั้งพลังวิญญาณและวิชาฝีมือ ได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไร้ข้อกังขา หลังจากนั้นนางก็พ่ายแพ้ให้กับตัวแทนของสำนักยอดเมฆาอีกเช่นกัน ทำให้การประลองของฮั่วเจียนกับคนของสำนักยอดเมฆามาถึงไวกว่าที่คาดเอาไว้

ทันทีที่เริ่มการประลอง ฮั่วเจียนก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที มันเข้าโจมตีสัตรูได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่คู่ต่อสู้ก็รวดเร็วพอๆกัน ความรู้สึกจากกระบี่ของคู่ต่อสู้ช่างไร้แรงกดดันจนน่าตลก

ยามนั้นมันย้อนนึกถึงวินาทีที่ต่อสู้กับไป๋จูเหวิน นึกถึงตัวมันที่พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าไปโจมตีถึงตัวไป๋จูเหวินได้เสียที

แปะ…. กระบี่ไม้ของฮั่วเจียนแตะลงบนคอของศิษย์สำนักยอดเมฆาอย่างรวดเร็ว คู่ต่อสู้ที่มันกังวลเพราะระดับพลังวิญญาณสูงกว่ากลับสยบภายใต้การจู่โจมของมันอย่างง่ายดาย สร้างเสียงเฮจากฝั่งสำนักธารโลหิตอย่างมาก แม้แต่ตอนลงจากลานประลองฮั่วเจียนยังรู้สึกได้ว่าตนแข็งแกร่งขึ้น

“มันง่ายขึ้นใช่ไหมละ”เฟิงชิวยิ้มพลางเดินสวนมันขึ้นไปบนลานประลอง พอเจอปราการฝ่ามือของไป๋จูเหวินเข้า การเข้าโจมตีศิษย์คนอื่นก็ง่ายดายขึ้นมาก

“ซูฮวา”หลังจากลงจากลานประลอง ฮั่วเจียนก็กลับมานั่งข้างๆซูฮวาอีกครั้ง ยามนี้ใบหน้าของมันราวกับคิดตกเสียที

“เจ้าค่ะ”ซูฮวาตอบรับพลางมองนายท่านของนางที่มีท่าทีเปลี่ยนไป

“เจ้าไม่ต้องไปหาไป๋จูเหวินแล้วก็ได้”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด