บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 34 หญิงสาวผู้มากับการหลอกลวง

อ่านนิยายจีนเรื่อง บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 34 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 34

หญิงสาวผู้มากับการหลอกลวง

 

“พี่ชิง ท่านเจอวิชาที่ท่านหาหรือยัง”ไป๋จูเหวินถาม ขณะมองหาตำราในหอตำราอย่างสนอกสนใจ แม้สำนักธารโลหิตจะค่อนข้าง จน แต่รางวัลสำหรับการประลองในสำนักค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว นั่นคือผู้ที่ได้อันดับ 1 – 10 ในการประลองสามารถขึ้นมาที่หอตำราชั้นบนเพื่อนำวิชาที่ตนสนใจลงไปคัดลอกได้คนละ 1 วิชา แน่นอนว่าไป๋จูเหวินที่ได้อันดับ 1 สามารถขึ้นมาได้อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนต้าชิงและต้าเฉินเองหลังจากไป๋จูเหวินลงจากลานประลองก็สามารถประลองได้อันดับขึ้นมาอยู่อันดับ 6 และ 7 ได้อย่างงดงาม ทำให้พวกมันได้รับสิทธิ์ในการขึ้นมายังหอตำราชั้นบนเช่นกัน

“วิชากระบี่มีค่อนข้างมาก ข้าคงต้องขอเวลาเลือกอีกสักครู่”ต้าชิงว่าพลางมองชั้นตำราตรงหน้าด้วยท่าทีลำบากใจ มันไม่เหมือนชั้นตำราด้านล่างที่สามารถเข้ามาคัดลอกได้ทุกเมื่อ หากมันอยากจะขึ้นมาคัดลอกอีกครั้งต้องรออีก 3 เดือนเพื่อเข้าร่วมการประลองใหม่ ส่วนพวกเฟิงชิว จิงหลิง หยางเกา ที่อยู่อันดับสูงๆมาตลอด พวกเขาต่างคัดลอกวิชาที่ตนต้องการไปแทบหมดอยู่แล้ว หลังจากได้รับรางวัลพวกเขาก็เข้ามา หยิบตำราที่หมายปองเอาไว้แล้วคัดลอกอย่างรวดเร็ว (จินเหลียน ไม่ได้อยู่ในอันดับสูงๆของการประลองเพราะฝึกฝนวิชาเยียวยา)

“ท่านเลือกช้าเกินไปแล้ว ข้าขอตัวไปคัดลอกตำราของข้าก่อนก็แล้วกัน”ต้าเฉินว่าพลางนำตำราวิชาดาบธารโลหิตระดับกลางไปคัดลอกอย่างสบายใจ วิชาดาบธารโลหิตของสำนักธารโลหิตมีชื่อเสียงเลื่องลือ และเป็นวิชาที่ศิษย์ที่โปรดปรานการใช้ดาบเลือกใช้เป็นวิชาหลักเลยก็ว่าได้ แต่วิชาในหอตำราชั้นล่างมีเพียงวิชาระดับต่ำที่มีกระบวนท่าเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น วิชาดาบธารโลหิตระดับกลางที่ต้าเฉินนำไปลอกนั้นมีกระบวนท่าที่เหลืออีกเกือบครบ ทำให้วิชาดาบของต้าเฉินย่อมพัฒนาขึ้นแน่ๆ น่าเสียดายที่วิชาดาบธารโลหิตอีก 3 ท่าสุดท้ายกลับอยู่ที่เจ้าสำนัก หากอยากจะฝึกฝนต้องให้เจ้าสำนักมอบให้ด้วยตนเองเสียก่อน

“คิกๆ”ขณะนั่งคัดลอกตำราอยู่นั้น เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งก็ดังออกมาทำเอาคิ้วของฮั่วเจียนกระตุกทันที

“เจ้ามีปัญหาอะไร”ฮั่วเจียนถามพลางมองไปยังศิษย์น้องหญิงที่ได้อันดับที่ 10

“ปะ เปล่าค่ะศิษย์พี่”หญิงสาวหันหน้าหนีพลางเหล่มองแก้มสีม่วงคล้ำของฮั่วเจียน หลังจบการประลองแม้จะใช้วิชาเยียวยาเข้าช่วยแล้วก็ยังไม่สามารถรักษารอยม่วงปนแดงบนแก้มทั้งสองข้างของฮั่วเจียนได้เลย ทำให้ยามนี้ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด ฮั่วเจียนก็ได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา สร้างความอับอายและขุ่นแค้นให้ตัวมันอย่างมาก ดวงตาของมันยามนี้จ้องมองไปที่ไป๋จูเหวินอย่างกินเลือดกินเนื้อ แต่ถึงจะจ้องเท่าใดไป๋จูเหวินกลับเอาแต่อ่านตำราอยู่ที่ชั้นวิชามือเปล่าราวกับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ทำให้ความแค้นในอกของฮั่วเจียนยิ่งมากขึ้นๆจนไม่มีกะใจจะลอกตำรา มันจึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทั้งๆแบบนั้น

ตึง! หลังจากกลับมาถึงหอตะวันตก ฮั่วเจียนถึงกับเตะเข้าใส่ก้อนหินหน้าหอจนเกิดรอยร้าว ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องของตนไปด้วยท่าทีอารมเสีย ตัวมันไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดไป๋จูเหวินถึงได้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ตัวมันครองอันดับ 1 หรือ 2 ของสำนักธารโลหิตมาหลายปี เข้าออกหอตำราทั้งชั้นบนชั้นล่างเป็นว่าเล่นแต่ไม่เคยพบเจอวิชาอย่างที่ไป๋จูเหวินใช้มาก่อน ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนั่นนำวิชาไหนมาฝึกฝนกันแน่

“นายท่าน”ทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง หญิงสาวสองนางก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยท่าทีนอบน้อม แต่ดวงตาของฮั่วเจียนกลับไม่ค่อยเป็นมิตรนัก มันเมินพวกนางราวกับเป็นเพียงเครื่องเรือนชิ้นหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงดื่มสุราที่พวกนางเตรียมเอาไว้

ขณะสุราไหลลงคอ หัวของฮั่วเจียนยังคงพยายามคิดให้ได้ว่าทำไมไป๋จูเหวินถึงมีระดับพลังเช่นนั้นได้ วิชาของมันคืออะไร หรือจะเป็นตำราสุดยอดวิชาที่เจ้าสำนักแอบใส่เอาไว้ในหอตำราชั้นล่างกัน…

“นายท่าน เป็นอะไรไปคะ”หญิงสาวคนหนึ่งถามหลังเห็นนายท่านของตนมีท่าทีฉุนเฉียวกว่าปกติ

“ซูฮวา…”ฮั่วเจียนพูดพลางเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ทางซ้ายของตน พวกนางทั้งสองเป็นเด็กรับใช้ที่บ้านของฮั่วเจียนรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก พวกนางโชคดีที่มีพลังวิญญาณจึงได้เข้าร่วมสำนักกับฮั่วเจียน แต่เพราะพรสวรรค์น้อยจึงไม่สามารถฝึกฝนได้ดีนัก พวกนางจึงได้แต่ทำหน้าที่สาวใช้เช่นเดียวกับตอนที่อยู่บ้านของฮั่วเจียน

“ค่ะนายท่าน”ซูฮวาตอบรับพลางก้มหัวลง

“เจ้าจำไป๋จูเหวินที่ประลองกับข้าได้หรือไม่”ฮั่วเจียนถามพลางคลึงจอกสุราในมือไปมา ยามนี้ไม่ว่าใครในสำนักย่อมรู้จักไป๋จูเหวินกันทั้งนั้น

“เจ้าค่ะ บ่าวจำได้”ซูฮวาตอบอย่างนอบน้อม

“เจ้าไปตีสนิทมันซะ แล้วหาความลับในการฝึกฝนของมันมาให้ข้า”ฮั่วเจียนพูดพลางดื่มสุราลงไปอีกจอก

“แต่ว่านายท่าน ไป๋จูเหวินฝีมือ….”ซูฮวาพยายามจะหาข้ออ้าง ตัวนางเป็นเพียงศิษย์ขั้นธรรมดา อยู่ในสำนักมาหลายปียังอยู่เพียงระดับ ก่อกำเนิด ขั้น 4 บัดนี้ไป๋จูเหวินเปรียบได้กับอัจฉริยะของสำนักธารโลหิต ตัวนางสมควรไม่อยู่ในสายตาของมันเสียด้วยซ้ำ

“เจ้าก็มีรูปโฉมไม่เลวไม่ใช่หรือไง”ฮั่วเจียนว่าพลางมองใบหน้าของซูฮวา ตัวนางงดงามไม่ใช่เล่น ได้ข่าวว่ามีศิษย์หอตะวันตกหมายปองนางกันไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะนางเป็นบ่าวรับใช้ของฮั่วเจียนคงมีคนเข้าหานางไปนานแล้วเป็นแน่

“นายท่านหมายความว่าอย่างไร”ซูฮวาถามด้วยท่าทีสั่นสะท้าน

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีไหน”ฮั่วเจียนว่าพลางยื่นมือไปคว้าคางของซูฮวาขึ้นมา

“จะใช้ใบหน้าของเจ้า หรือเรือนร่างของเจ้าก็จงเอาความลับของมันมาให้ได้ หากข้าได้ความลับของมันมาข้าก็จะเก่งกาจที่สุดในสำนักธารโลหิต”ฮั่วเจียนว่าพลางยิ้มออกมา วิชาที่ทำให้ไป๋จูเหวินที่พึ่งเข้าสำนักมาเก่งกาจปานนั้นย่อมทำให้มันเก่งกาจยิ่งกว่า มันไม่สนว่ามือของมันจะมีน้ำตาของซูฮวาหยดลงมาหรือไม่ เพราะมันสนใจแต่การฝึกฝนพลังให้เหนือกว่าคนอื่นเท่านั้น สักวันมันจะมีพลังเหนือกว่าเจ้าสำนักและครอบครองเขตแดนนี้ทั้งหมด มันจะทำให้ตระกูลของมันยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตแดนแห่งนี้

“ไปซะ หากเจ้ายังตีสนิทกับมันไม่ได้ไม่ต้องกลับมา”ฮั่วเจียนสั่งก่อนจะโยนร่างของซูฮวาออกไป ทำเอาใบหน้าของซูฮวาทั้งหม่นหมองทั้งเศร้าโศก ชีวิตของนางถูกตระกูลของฮั่วเจียนช่วยเอาไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจต่อต้านนายท่านได้ ท่านเจ้าตระกูลบิดาของนายท่านสั่งให้นางรับใช้นายท่านด้วยชีวิต เมื่อนายท่านสั่งให้สละร่างกายเช่นนี้ นางจะทำอย่างไรได้

ซูฮวาขึ้นเรือมาที่หอตำราตามที่นายท่านของนางสั่ง ไป๋จูเหวินและบ่าวของมันยังเลือกตำรากันอยู่ที่หอตำรา ทำให้ซูฮวามาถึงก่อนที่พวกมันจะลงมาจากชั้นบนเสียอีก นางเข้าไปในหอตำราไม่นานพวกไป๋จูเหวินก็เดินลงมา

“นายน้อย ท่านไม่คัดลอกตำรามาเลยหรือขอรับ”ต้าชิงถามขณะมองตำราในมือของมัน ต้าชิงและต้าเฉินต่างได้ตำรามาคนละเล่ม แต่นายน้อยของพวกมันไม่แม้แต่จะคัดลอดด้วยซ้ำ

“ข้าจำเอาไว้หมดแล้ว”ไป๋จูเหวินตอบ กว่าต้าชิงจะเลือกตำราได้ก็กินเวลาไปครึ่งวัน จนมันคัดลอกเสร็จไป๋จูเหวินก็อ่านตำรามือเปล่าไปเกือบหมดแล้ว

“จำ? นายน้อย ท่านช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”ต้าเฉินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ขณะที่พวกมันกำลังเดินผ่านชั้นหนังสือของหอตำราชั้นแรก ซูฮวาที่มาดักรออยู่แล้วก็คิดแผนเท่าที่นางจะทำได้ นางดักรออยู่ที่ชั้นหนังสือชั้นหนึ่ง พร้อมถือตำราเอาไว้ในมือ ทันทีที่ไป๋จูเหวินและพวกต้าชิงต้าเฉินเดินผ่าน ซูฮวาก็เอนตัวไปด้านหลังพร้อมทิ้งตำราในมือลงพื้น ราวกับจะเสแสร้งว่าตนลื่นล้ม

“ว้าย..”ซูฮวาแกล้งล้มไปทางไป๋จูเหวินพร้อมส่งเสียงร้องเท่าที่นางพอจะทำได้ แม้จะมีคำกล่าวว่ามารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน แต่ไม่ใช่หญิงสาวทุกคนจะมีครบทุกเล่ม นี่เป็นมารยาไม่กี่อย่างที่ซูฮวาพอจะคิดออก

หมับ! ไป๋จูเหวินรับร่างของนางเอาไว้ตามแผน อย่างน้อยหากทำเช่นนี้นางก็สมควรได้พูดคุยกับไป๋จูเหวินบ้าง ยกเว้นแต่มันจะเป็นพวกไม่สนใจอิสตรีเลย

“เป็นอะไรหรือเปล่า”คำถามของไป๋จูเหวินที่รับนางเอาไว้ทำให้ซูฮวาโล่งใจ หากมันมองซูฮวาราวกับสิ่งของแล้วโยนนางทิ้งเรื่องคงลำบากกว่านี้แน่ๆ ก่อนหน้านี้ซูฮวายังแอบคิดว่าไป๋จูเหวินจะหันมาด่าทอนางด้วยซ้ำ โชคดีจริงๆที่ชายหนุ่มคนนี้พอจะเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เห็นภายนอก

“มะ ไม่เจ้าค่ะ คุณชายขอบคุณที่ช่วยซูฮวาเอาไว้”ซูฮวาว่าพลางแสดงท่าทีเขิลอาย นอกจากนายท่านที่อยู่กับนางมาตั้งแต่เด็ก ไป๋จูเหวินก็เป็นชายคนแรกที่แตะต้องตัวนาง สีแดงบนแก้มที่กำลังค่อยๆเช้มขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องโกหก แต่นางก็ใส่ชื่อของนางลงไปในประโยคคำตอบ ราวกับจะยัดเยียดให้ไป๋จูเหวินรู้ชื่อของนาง

“ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางประคองซูฮวาให้ยืนตามปกติ

“ขอบคุณคุณชายจริงๆที่ช่วยเอาไว้ ไม่ทราบว่าคุณชายท่านชื่ออะไร”ซูฮวาถามพลางเงยหน้ามองไป๋จูเหวิน วันก่อนบนลานประลอง นางเห็นเพียงฝีมือการต่อสู้ของไป๋จูเหวินเท่านั้น บัดนี้นางพึ่งได้เห็นว่าใบหน้าของไป๋จูเหวินช่างดูอ่อนโยนไม่เหมือนที่นางเห็นบนลานประลองเลย

“ข้ามีนามว่าไป๋จูเหวิน ท่านคงเป็นซูฮวากระมัง”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มรับ เมื่อครู่นางบอกไปแล้วว่านางคือซูฮวาจริงๆ

“เจ้าค่ะข้ามีนามว่าซูฮวาอย่างที่คุณชายไป๋ว่า”ซูฮวาตอบพลางยิ้มรับ ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับคนที่ตบนายท่านกระเด็นออกนอกลานประลองจริงๆงั้นหรือ แต่อย่างน้อยตอนนี้นางกับไป๋จูเหวินก็นับว่ารู้จักกันแล้ว ต่อจากนี้นางคงจะสามารถทักทายไป๋จูเหวินได้ตามปกติแล้วกระมัง

“ไม่ต้องเรีบกข้าว่าคุณชายก็ได้ ข้าพึ่งเข้าสำนักมาสมควรให้ท่านเรียกว่าศิษย์น้องด้วยซ้ำ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลามองใบหน้าของซูฮวา วินาทีนั้นมันมองเห็นคราบน้ำตาจางๆจากขอบตาของซูฮวา ทำให้มันเลื่อนมือไปเช็ดออกให้ด้วยความหวังดี

“ข้าไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอะไรทำให้เศร้าใจ แต่ท่านน้าข้าบอกว่าน้ำตาไม่ทำให้ท่านงดงามเท่ารอยยิ้มหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ตัวมันใช้คำพูดของท่านน้าจิ้งจอกที่เคยบอกมันตอนที่พึ่งฟื้นจากการกลืนแก่นอสูร หลังจากนั้นมันก็พยายามยิ้มเอาไว้ตลอดไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม เพียงแต่ไม่ทราบทำไมซูฮวากลับไม่ได้ยิ้มอย่างที่มันหวัง นางกลับแสดงสีหน้าเขิลอายออกมาแทน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด