บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 12 ผู้ฝึกพลังวิญญาณ
ตอนที่ 12
ผู้ฝึกพลังวิญญาณ
ไป๋จูเหวินอยู่ในห้องพักหนึ่งหลังจากน้าๆของมันเดินทางออกไป มันนั่งทำใจอยู่แบบนั้นไม่นานก็ออกจากห้องไปอีกคน แน่นอนว่ามันไม่ได้จะตามน้าๆของมันไป แต่มันแค่อยากไปเดินเล่นในเมืองเท่านั้น
“นายน้อย… ไม่ทราบท่านจะไปไหนหรือขอรับ”ทันทีที่ไป๋จูเหวินเดินออกมาหน้าห้อง คนแรกที่ออกมาต้อนรับคือเจ้าของโรงเตี๊ยมนั่นเอง
“ข้าแค่จะออกไปเดินเล่นเท่านั้น ท่านน้าไม่ต้องกังวลหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มให้อีกฝ่าย ทำเอาหัวใจอสูรในคราบมนุษย์ตนนี้สะท้านในทันที
“นะ นายน้อยอย่าเรียกข้าว่าท่านน้าเลยขอรับ เรียกเถ้าแก่หวังก็พอ”เพราะไป๋จูเหวินเรียกราชาของมันว่าท่านน้า จะให้มาเรียกตัวมันที่เป็นอสูรระดับล่างของป่าวัฒนะว่าท่านน้าด้วยมันไม่อาจเอื้อมจริงๆ
“เถ้าแก่หวัง”ไป๋จูเหวินยิ้มรับพลางเรียกตามอย่างว่าง่าย
“จริงสินายน้อย อย่างน้อยก็ให้คนติดตามท่านไปหน่อยเถอะ”เถ้าแก่หวังพูดจบก็ส่งสัญญาณมือไปที่หน้าโรงเตี๊ยม ทำให้ชายหนุ่ม 2 คนเดินเข้ามาหาอย่างรู้งาน
“นี่คือ ต้าชิง และ ต้าเฉิน เป็นยามระวังภัยของโรงเตี้ยมข้า นายน้อยให้เขาตามนายน้อยไปด้วยเถิด”เถ้าแก่หวังพูดจบก็หันไปสั่งต้าชิงและต้าเฉินว่าให้คอยตามดูแลนายน้อยอย่างดี และห้ามเสียมารยาทโดยเด็ดขาด
“เถ้าแก่ เกรงใจเกินไปแล้วขอรับ”ไป๋จูเหวินพยายามจะปฏิเสธ แต่เถ้าแก่หวังไม่มีท่าทีจะยอมแม้แต่น้อย
“อย่างน้อยท่านก็พึ่งเคยมาเมืองนี้เป็นครั้งแรก ให้ทั้งคู่นำทางเถอะขอรับ”คำพูดของเถ้าแก่หวังสร้างความประหลาดใจให้กับต้าชิงและต้าเฉินอย่างมาก มันทั้งคู่ไม่เคยเห็นเถ้าแก่นอบน้อมเช่นนี้มาก่อน ต่อให้เป็นเจ้าเมืองมาด้วยตัวเองมันยังไม่เกรงใจขนาดนี้ อย่าว่าแต่พวกมันทั้ง 2 คนเป็นผู้ฝึกพลังวิญญาณที่มีน้อยนิดในเมืองแห่งนี้ การถูกเรียกมาทำหน้าที่อารักขาใครสักคนเช่นนี้นับว่าหายากอย่างยิ่ง
“ขะ ข้า….”ไป๋จูเหวินโดนคะยั้นคะยออย่างหนัก ในที่สุดก็ยอมรับให้ต้าชิงและเต้าเฉินเดินทางไปกับตนเองได้
“นายน้อย ไม่ทราบว่าท่านอยากไปที่ใดหรือขอรับ”แม้จะไม่รู้ว่าไป๋จูเหวินคือใคร แต่นายมันเกรงใจขนาดนั้นตัวต้าชิงก็ไม่กล้าเสียมารยาท มันถามไป๋จูเหวินที่มันดูอย่างไรก็เป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆอย่างสุภาพ
“เดินไปเรื่อยๆเถอะพี่ชิง ข้าแค่อยากชมเมืองเท่านั้น”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม ตอนเดินเข้ามามันได้ชมเมืองไม่มาก แต่แค่นั้นก็สร้างความประหลาดใจให้มันมากมายแล้ว ปกติอสูรในเขตอสูรไม่ค่อยสร้างที่อยู่อาศัยแบบมนุษย์เท่าไหร่ พวกมันอยู่ในสถานที่ที่มันพอใจเท่านั้น อย่างมากก็แค่สร้างรังหรือเข้าไปอาศัยในถ้ำเท่านั้น
แต่มนุษย์กลับสร้างบ้านเรือนจนก่อเป็นเมืองที่สวยงามเช่นนี้ ทำให้ไป๋จูเหวินมองชมได้ไม่เบื่อหน่ายจริงๆ ทำให้เหล่าองครักษ์ต่างมองตากันด้วยความสงสัยว่านายน้อยของมันไม่เคยเห็นบ้านคนหรืออย่างไร
“นายน้อย ทำไมท่านถึง…หลับตาละขอรับ”ต้าเฉินที่อยู่ด้านหลังเห็นนายน้อยหันซ้ายแลขวาตลอด แต่กลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมองสร้างความประหลาดใจให้มันอย่างมาก นายน้อยไม่ใช่คนตาตี่ และเห็นได้ชัดเลยว่าเขาหลับตาจนมิดจริงๆ
“นี่นะเหรอ…”ไป๋จูเหวินเงียบไปก่อนจะยิ้มออกมาเช่นเดิม
“ดวงตาของข้าค่อนข้างพิเศษ ต่อให้หลับตาอยู่แบบนี้ก็สามารถมองเห็นรอบข้างได้”ไป๋จูเหวินตอบตามที่ท่านน้าจิ้งจอกของมันเคยสอนเอาไว้
“แบบนั้น หรือว่าเนตร…”ต้าชิงกำลังจะพูดคำว่า เนตรจิต ออกมา แต่มันสัมผัสพลังวิญญาณจากตัวนายน้อยไม่ได้ ทำให้มันสับสนยิ่งกว่าเดิม เนตรจิต เป็นความสามารถพิเศษของผู้ฝึกพลังวิญญาณที่เน้นไปที่การใช้พลังวิญญาณสัมผัสสิ่งรอบกาย แต่คนที่จะทำได้ต้องเป็นผู้ฝึกพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งระดับหนึ่ง และต้องเป็นคนที่มีประสาทสัมผัสทางวิญญาณเข้มแข็งอย่างมากถึงจะทำได้ คนเหล่านี้แม้หลับตาก็รับรู้ได้ว่ารอบตัวในระยะ 10 เมตรมีสิ่งใดเคลื่อนไหว ในระหว่างการต่อสู้มันมีประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านน้าของข้าบอกว่า ดวงตาของข้าเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ ทำให้ไม่ต้องเป็นผู้ฝึกพลังวิญญาณก็สามารถทำเช่นนี้ได้”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเดินต่ออย่างเรื่อยเปื่อย
“ขอรับ..”ต้าชิงตอบรับพลางมองตามนายน้อยไปอย่างประหลาดใจ นายน้อยคนนี้คือใครกันแน่ ดูจากภายนอกแล้วนายน้อยเหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป เสื้อผ้าก็ไม่ได้หรูหราอะไร ท่าเดินก็ไม่เหมือนคุณชายจากไหน หากไม่นับเรื่องหลับตาอยู่ตลอดนายน้อยก็เหมือนเด็กหนุ่มชาวบ้านทั่วๆไปเท่านั้น
“พี่ชิง พี่เฉิน ด้านขวานั่นคืออะไรเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางตลาดแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นลานทรงกลมที่มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ตรงกลาง ทั้งบ้านและร้านค้าต่างสร้างล้อมต้นไม้ต้นนั้นไว้ราวกับจะทำให้มันเป็นที่สนใจ
“เป็นแผงขายของขอรับนายน้อย แต่หากท่านมาในตอนเย็นจะมีร้านค้ามากมายกว่านี้”ต้าชิงตอบพลางมองไปทางตลาด นอกจากร้านค้าที่เปิดตามปกติแล้ว ที่ใต้ต้นไม้ยังมีแผงลอยขายของอีกจำนวนหนึ่ง บ้างนำต้นไผ่มาทำร้านเป็นกิจจะ บ้างเพียงปูผ้าเพื่อวางของขายเท่านั้น แม้แต่ร้านรับดูดวงยังมีให้เห็น
“ไปดูกันเถอะ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเดินนำต้าชิงและต้าเฉินไป ทำให้องครักษ์ทั้ง 2 ลืมคิดไปเลยว่าตลาดอยู่ห่างออกไปกว่า 200 เมตรแต่นายน้อยของพวกมันยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เทียบกับเนตรจิตที่ต้าชิงพูดถึงแล้วระยะการสัมผัสไกลกว่ากันมากมายหลายเท่าเลยทีเดียว
“ต้าชิง..ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าต้องคุ้มกันประตูโรงเตี๊ยมชมจันทร์หรือไง”ทันทีที่เดินเข้าไปในตลาด ชายคนหนึ่งก็ทักทายองค์รักษ์ของไป๋จูเหวินเสียก่อน
“วันนี้ข้ามาติดตามแขกของโรงเตี๊ยม เอาไว้พี่เจียงไปที่โรงเตี๊ยมเราค่อยพูดคุยกันเถอะ”ต้าชิงตัดบทพลางขอตัวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เจียงติดตามไป๋จูเหวินต่อ เพราะที่ตนมาก็เป็นเพราะงานหากให้ผู้เป็นนายหยุดรอมันคุยกับสหายคงโดนต่อว่าเป็นแน่
แต่ในระยะทางกว่า 200 เมตรที่เดินไปยังตลาด มีผู้คนไม่น้อยทักทาย 2 องครักษ์ของไป๋จูเหวิน ทำให้ไป๋จูเหวินอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“พี่ชิง พี่เฉิน พวกท่านเป็นคนดังงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามเพราะไม่ว่าจะใครก็ต้องมองว่าเหตุการณ์ตรงหน้าแปลกพิลึกไม่น้อย ตลอดทางมีแต่คนเข้ามาถามทั้ง 2 คนราวกับพวกเขาเป็นญาติมิตรที่ไม่ได้เจอกันนานเลย
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิดขอรับนายน้อย”ต้าเฉิงตอบพลางเดินตามนายของมันต่อ
“พวกเราเป็นผู้ฝึกพลังวิญญาณที่มีอยู่น้อยมากในเมืองนี้ขอรับ ทุกคนเลยรู้จักเท่านั้น”ต้าชิงตอบเสียงเรียบราวกับไม่ยอมรับคำว่า คนดัง ของไป๋จูเหวิน
“แบบนี้นี่เอง ผู้ฝึกพลังวิญญาณมีน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ”ไป๋จูเหวินถามอย่างประหลาดใจ เท่าที่มันฟังจากน้ามังกร ในหมู่มนุษย์มีคนที่มีพลังวิญญาณอยู่มากมาย ตรงข้ามกับที่ต้าชิงบอก
“ที่เมืองเล็กๆของเรามีผู้ฝึกพลังวิญญาณแค่ 4 คนขอรับ”ได้ยินคำตอบไป๋จูเหวินก็อึ้งไปเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ว่า 2 ใน 4 กำลังอยู่กับเขาตอนนี้งั้นเหรอ
“แต่ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆหรือในสำนักต่างๆจะมีผู้ฝึกพลังวิญญาณหลายคนขอรับ แต่เมืองของเราอยู่ใกล้เขตอสูรก็เลยเหมือนบ้านนอกที่ไม่ค่อยมีผู้ฝึกพลังวิญญาณมาเท่าไหร่”ต้าเฉินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา หากเป็นเมืองอื่นพวกมันคงไม่มีทางได้รับความชื่นชมขนาดนี้เป็นแน่ เรียกได้ว่าผู้ฝึกพลังวิญญาณเดินกันให้ขวักไขว่เลยก็ว่าได้
“สำนัก? พวกเขาสอนวิธีฝึกพลังวิญญาณงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามอย่างสนใจ ตอนนี้มันไม่สามารถใช้พลังอสูรได้เพราะน้าของมันห้ามเอาไว้ อย่างน้อยมันต้องมีพลังวิญญาณติดตัวก่อนถึงจะแสดงพลังออกมาได้ แต่มันก็ไม่รู้จะปลุกพลังวิญญาณอย่างไร ทำให้คำว่าสำนักสะดุดหูมันยิ่ง
“ขอรับนายน้อย แต่สำนักต่างๆคัดเลือกศิษย์อย่างเข้มงวด พวกเราเองแม้แต่สำนักที่อ่อนแอที่สุดยังเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”ต้าเฉิงตอบพลางถอนหายใจ ตอนแรกพวกมันดีใจกันอย่างมากที่พลังวิญญาณของพวกมันตื่นขึ้นมา แต่พอไปทดสอบเข้าสำนักพวกมันกลับไม่ผ่านแม้แต่รอบแรก สุดท้ายเลยเร่ร่อนออกหากินกันทั้ง 2 พี่น้องจนมาเจอเถ้าแก่หวังเข้า
“ท่านพอจะรู้ไหมว่าสำนักพวกนั้นอยู่ที่ไหน”ไป๋จูเหวินว่าพลางถามทั้งสองคนอย่างสนใจ
“ที่ใกล้ที่สุดมี 3 สำนักขอรับ โดยมี สำนักยอดเมฆา สำนักธารโลหิต และสำนักบุปผชาติ ทั้ง 3 สำนักแม้เป็นเพียงสำนักเล็กๆแต่ก็มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาสำนักระดับล่างขอรับ”ต้าชิงตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะในบรรดาเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณรู้กันดีว่าแค่สำนักเล็กๆเหล่านี้ก็น่าเกรงขามเป็นอย่างมากแล้ว
“หากนายน้อยต้องการ ข้าจะวาดแผนที่ให้ดีไหมขอรับ”ต้าเฉินยิ้มพลางถามอย่างอารมดี นายน้อยมีบุญวาสนาไม่น้อยถึงกับได้เนตรจิตรมาโดยบังเอิญ บางทีแม้จะยังไม่มีพลังวิญญาณแต่อาจจะสามารถสอบเข้าสำนักได้สักที่ก็ได้
“แบบนั้นต้องรบกวนพี่ๆทั้ง 2 ด้วย”ไป่จูเหวินต้องการอยู่แล้ว จึงตอบรับไปอย่างยินดี อย่างน้อยมันต้องฝึกฝนพลังวิญญาณให้ได้เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตในโลกของมนุษย์
คอมเม้นต์