บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 14 หาเรื่อง
ตอนที่ 14
หาเรื่อง
“……”ต้าชิงและต้าเฉินถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่พี่ชายของมันเฟยหลิงยังไม่กล้าสั่งพวกมันเช่นนี้ แล้วมันเป็นใครเป็นแค่น้องชายที่เกาะกินอำนาจพี่มันไปวันๆไม่ใช่หรือ….
“สามหา…”ต้าเฉินกำลังจะตวาดใส่เฟยอิน แต่ต้าชิงกลับห้ามเอาไว้อีกครั้ง
“ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้า”ต้าชิงพูดเสียงเรียบก่อนจะพาต้าเฉินและไป๋จูเหวินออกจากร้านไปโดยมองข้ามเฟยอินไปราวกับมันเป็นอากาศธาตุ แต่แทนที่เฟยอินจะแสดงท่าทีโกรธ มันกลับเผยรอยยิ้มออกมา พลางมองทั้ง 3 เดินออกจากร้านไปโดยไม่คิดจะทำอะไร
ยามบ่ายต้าเฉินและต้าชิงพาไป๋จูเหวินกลับมาโรงเตี๊ยมอย่างปลอดภัย พร้อมเถ้าแก่หวังที่เตรียมโต๊ะอาหารให้ไป๋จูเหวินเอาไว้แล้ว สร้างความประหลาดใจให้แก่ไป๋จูเหวินอย่างมาก
“เถ้าแก่หวัง นี่มันมากเกินไปมิใช่หรือ”ไป๋จูเหวินมองโต๊ะอาหารที่เถ้าแก่จัดเตรียมไว้ให้ด้วยสีหน้าตกตะลึง เถ้าแก่หวังจัดเรียงโต๊ะให้มันถึง 3 ตัว เรียงกันอยู่กลางเหลาอาหารประจำโรงเตี๊ยม ทำเอาคนที่มาพักคนอื่นๆต่างคิดว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนมาจัดเลี้ยงที่นี่เป็นแน่
“ข้าทราบมาจากท่านน้าของนายน้อยว่านายน้อยพึ่งเคยกินอาหารของมนุษย์เป็นครั้งแรก ข้าเลยจัดเตรียมอย่างเต็มที่ให้ท่านพอใจ”เถ้าแก่หวังกระซิปพลางพาไป๋จูเหวินมานั่งโต๊ะอาหารด้วยตนเอง แม้แต่ต้าชิงและต้าเฉินยังอดอึ้งไม่ได้ที่เห็นอาหารเต็มโต๊ะเช่นนี้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ไป๋จูเหวินเพียงคนเดียว
มันทั้ง 2 เดินทางไปกับนายน้อยท่านนี้มาทั้งวัน ในสายตาพวกมันไป๋จูเหวินไม่ค่อยรู้เรื่องโลกเท่าใดนัก ราวกับเป็นผู้อยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน ยิ่งเห็นท่าทีของเถ้าแก่พวกมันยิ่งคิดมาก หรือว่าพ่อของนายน้อยท่านนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตจากเมืองอื่น
“เชิญเลยนายน้อย ไม่ต้องเกรงใจ”เถ้าแก่หวังพูดพลางยิ้มอย่างออกนอกหน้า แถมไป๋จูเหวินเองก็อยากลองทานอาหารของมนุษย์เช่นกัน ไป๋จูเหวินจึงไม่คิดมากและนั่งลงบนโต๊ะอาหารอย่างยินดี ทำให้ในบ่ายวันนั้นปรากฏแขกมากมายมองมาทางโต๊ะของไป๋จูเหวินกันอย่างประหลาดใจ เพราะนอกจากเรื่องโต๊ะ 3 โต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายกันเต็มโต๊ะแต่กลับมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวแล้ว ตัวองครักษ์ทั้ง 2 แห่งโรงเตี๊ยมชมจันทร์กลับมายืนเฝ้าตัวชายหนุ่มราวกับเป็นผู้ติดตาม ทำให้แขกที่มาพักและมาทานอาหารต่างสนอกสนใจไม่น้อย
ส่วนไป๋จูเหวินนั้น หลังจากได้เริ่มลองลิ้มรสชาติอาหารของมนุษย์แล้ว ตัวมันกลับไม่สนใจสายตาของเหล่าคนที่ผ่านไปผ่านมาเลยแม้แต่น้อย อาหารของมนุษย์อร่อยกว่าอาหารที่ตนกินในแดนอสูรมากมายนัก อย่างแรกคือเนื้อที่ใช้ไม่ใช่เนื้ออสูรจึงตัดรสชาติแย่ๆออกไปได้เลย แม้ท่านน้าราชสีห์จะปรุงและควบคุมไฟได้อย่างดีเยี่ยม แต่ยังไงเนื้ออสูรก็สู้เนื้อสัตว์ธรรมดาไม่ได้จริงๆต่อให้เป็นแกะทองคำก็ยังสู้เนื้อแกะธรรมดาไม่ได้ เพียงแต่ผลไม้และสมุนไพรที่นำมาปรุงค่อนข้างจะธรรมดาไปนิดเทียบกับผลไม้หรือสมุนไพรในป่าวัฒนะไม่ได้เลย ส่วนเครื่องดื่มที่ชื่อสุรานั้นแม้จะกลิ่นหอมดีแต่ก็ไม่ต่างจากน้ำเปล่าเท่าไหร่
ตึง! ขณะไป๋จูเหวินกำลังทานอาหารอยู่นั้น ร่างกายใหญ่โตร่างหนึ่งก็เดินมาที่โต๊ะของไป๋จูเหวิน ร่างกายอ้วนท้วมที่มีมัดกล้ามให้เห็นรำไรนั้นเป็นร่างของ เฟยหลิง พี่ชายของเฟยอินที่เดินตามมานั่นเอง ดูท่าเรื่องเมื่อครู่ที่ตลาดเฟยอินจะไปฟ้องพี่ชายมันจนหมดสิ้นไปแล้วเป็นแน่
“….เฟยหลิงเจ้า”ต้าชิงพูดพลางมองร่างกายใหญ่โตของเฟยหลิง มิน่าเล่าน้องชายของมันถึงได้ปากกล้าขนาดนั้นตอนเจอกันที่ตลาด ปกติน้องมันไม่ได้เข้ามาหาเรื่องพวกมันทั้ง 2 อย่างโจ่งแจ้งเช่นเมื่อบ่ายวันนี้
“คุณชายท่านนี้สั่งอาหารมามากมาย ไม่ทราบพอจะให้ข้าร่วมโต๊ะได้หรือไม่”เฟยหลิงถามพลางนั่งลงโดยไม่รอให้ไป๋จูเหวินอนุญาติ แม้แต่เฟยอินเองยังนั่งลงเช่นกัน
“พี่ชายท่านนี้ไม่ต้องเกรงใจ อาหารบนโต๊ะมีมากมายข้าไร้สามารถจะทานหมด เชิญพี่ชายตามสบาย”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเชิญเฟยหลิงอย่างอารมดีราวกับไม่เห็นท่าทีคุกคามของมัน มันกำลังหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัดแท้ๆแต่เจ้าหนูนี่กลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้
“…เฟยหลิงในเมื่อเจ้ามากินก็ตามสบาย”ต้าชิงพูดพลางกัดฟันแน่น แต่เดิมพวกมันทั้ง 2 อยู่ขั้น ก่อกำเนิด ระดับ 1 ซึ่งเป็นขั้นแรกเริ่มของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ ส่วนเฟยหลิงนั้นอยู่ขั้นที่ 2 แม้จะห่างกันขั้นเดียว แต่ก็แข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก แต่หากรุมก็ยังมีความหวัง นั่นคือความสัมพันธ์ของพวกมันแต่แรก เพียงแต่ในวันนี้ ใครจะไปคิดว่าเฟยหลิงจะขึ้นเป็นขั้น 3 ของระดับก่อกำเนิดแล้ว นับตามความจริงพวกมัน 2 คนไม่อาจรับมือได้ ต่อให้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่อยู่ขั้น 1 อีกคนในเมืองยอมมาช่วยก็ไม่อาจชนะได้เป็นแน่ มิน่าเล่าเฟยอินถึงตรงมาหาเรื่องพวกมันตั้งแต่ที่ตลาดแล้ว
“ต้าชิง ต้าเฉิน พวกเจ้ายังติดคุกเข่าขอขมาข้าอยู่นะ”เฟยอินยิ้มพลางทวงสิ่งที่มันพูดเอาไว้ที่ตลาด แม้ตอนนั้นพวกมันจะทำเป็นไม่สนใจเพราะพวกมันยังทานอำนาจพี่ชายของมันได้ แต่ยามนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป แม้แต่ต้าเฉินยังไม่กล้าทำอะไรอุกอาจ
ตุบ! ยามนี้ทั้งต้าชิงต้าเฉิงไม่อาจปล่อยผ่านคำพูดของเฟยอินได้อีกแล้ว ต้าชิงที่อยู่ใกล้ที่สุดก้มลงช้าๆ ก่อนที่เข่าของเขาจะสัมผัสพื้นอย่างง่ายดาย ในเมืองยามนี้ไม่มีใครต่อต้านเฟยหลิงผู้นี้ได้อีกแล้ว หากมันไม่ยอมมันคงอาละวาดอย่างแน่นอน และมันคงทำลายโรงเตี๊ยมชมจันทร์ของเถ้าแก่อย่างง่ายดายเป็นแน่ และแม้แต่ชีวิตของมันเองก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้
“ต้าเฉิน ทำไมเจ้ายังยืนอยู่อีกละ”เฟยหลิงชำเลืองมองไปทางต้าเฉินที่ยังคงไม่อาจทิ้งศักดิ์ศรีไปได้ มันยืนกำหมัดแน่นก่อนจะค่อยๆคุกเข่าลงช้าๆ สร้างความพึงพอใจให้กับสองพี่น้องเป็นอย่างมาก
“ขอขมาเขานั่งคุกเข่าเฉยๆหรือไง ทำไมไม่โขกศีรษะ 3 ครั้งให้น้องชายข้าด้วย”เฟยหลิงถามพลางหยิบจอกสุรามาถือในมือ ก่อนจะรินสุราลงบนหัวของต้าเฉินอย่างเหยียดหยามทำเอาต้าชิงต้าเฉินแค้นแทบกระอักเลือด
หมับ! อยู่ๆมือของเฟยหลิงก็ถูกเกาะกุมเอาไว้ ก่อนข้อมือของมันจะโดนบิดจนไม่อาจรินสุราใส่ศีรษะต้าเฉินได้
“เจ้า…”เฟยหลิงหันมามองผู้จับข้อมือของมันไว้ แต่กลับเห็นเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่ไม่มีพลังวิญญาณเลยเสียด้วยซ้ำ
“พี่ชาย ทิ้งของกินเช่นนี้เกรงว่าท่านจะถูกสั่งสอนมาไม่ดีกระมัง”ไป๋จูเหวินเห็นสองพี่น้องกระทำเหตุการณ์ทั้งหมด จริงๆมันจะห้ามตั้งแต่องครักษ์ทั้ง 2 โดนสั่งคุกเข่าแล้ว แต่อยากจะดูท่าทีขององครักษ์ทั้ง 2 ด้วยว่าจะยอมงอให้ผู้เป็นนายอย่างเถ้าแก่หวังหรือไม่
“เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง เดี๋ยวคนจะหาว่าข้ารังแกผู้อื่น”เฟยหลิงว่าพลางสะบัดข้อมือ แต่มันกลับไม่สามารถหลุดจากการเกาะกุมของไป๋จูเหวินได้
“นายน้อย…”ต้าชิงพูดพลางมองมาทางนายน้อยของมันอย่างประหลาดใจ เหตุใดยามนี้ดวงตาของนายน้อยถึงเป็นสีแดงกัน….
“ปล่อยข้า”เฟยหลิงคำรามพลางสะบัดมืออีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกให้ปล่อย ไป๋จูเหวินก็ยอมปล่อย ทำให้เฟยหลิงเสียหลังหมุนตัว 2 รอบก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นสร้างความอับอายให้ตัวมันอย่างมาก
“เจ้า”ร่างของเฟยหลิงทะยานวาบขึ้นจากพื้น ก่อนจะต่อยหมัดใส่ไป๋จูเหวินด้วยโทสะ
“นายน้อย”ต้าเฉินสะท้านวาบ ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกำเนิดขั้น 3 จะต่อยใส่มนุษย์ธรรมดางั้นเหรอ
หมับ! หมัดของเฟยหลิงถูกเกาะกุมเอาไว้ด้วยฝ่ามือของคนผู้หนึ่ง เพียงแต่คนผู้นั้นไม่ใช่ไป๋จูเหวินที่มันจะต่อย หากแต่เป็น
“เถ้าแก่หวัง…!!” ทุกสายตาตะลึงงันกันถ้วนหน้า แม้แต่องครักษ์ทั้ง 2 เองก็ไม่อยากเชื่อสายตาว่าเถ้าแก่หวังจะรับหมัดของเฟยหลิงเอาไว้ได้ พวกมันอยู่ในเมืองนี้มาหลายปี พวกมันรู้ดีว่าเถ้าแก่คือคนธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่คนธรรมดาไม่สามารถรับหมัดของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้แน่ๆ ไม่ว่าจะอยู่ขั้นไหนก็ตาม
“เจ้า…”เสียงของเถ้าแก่หวังสั่นระริกด้วยความโกรธ มือของมันกำหมัดของเฟยหลิงแน่นจนเฟยหลิงกัดฟันกรอด แต่มันก็ไม่อาจดึงมือออกจากอุ้งมือของเถ้าแก่หวังได้
ผั๊ว! เถ้าแก่หวังยกฝ่ามืออีกข้างตบใส่หน้าของเฟยหลิงอย่างรุนแรงจนฟันของมันหลุดออกมาจากปาก สร้างความตะลึงงันให้แก้ชาวบ้านโดยรอบอย่างมาก เถ้าแก่หวังในสายตาพวกมันเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมท่าทางอ่อนแอและใจดีไม่เหมือนผู้มีพลังยุทธเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าบังอาจกล้าคิดจะทำร้ายนายน้อย” ผั๊ว! เสียงตบของเถ้าแก่หวังหนักแน่นราวกับเสียงหมัด ทำเอาใบหน้าทั้งสองของเฟยหลิงบวมช้ำ พร้อมกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นที่เริ่มแผ่กระจายออกมารอบตัวเถ้าแก่หวัง
“เจ้า…”เสียงของเฟยหลิงอู้อี้เล็กน้อยหลังจากโดนตบไป ตัวมันลำพองอย่างมากเมื่อขึ้นถึงขั้น 3 ของระดับก่อกำเนิด มันแทบจะอยากประกาศศักดามันวันนั้น แต่มันก็รอให้น้องชายของมันไปหาเรื่อง 2 องครักษ์เสียก่อนจะได้แสดงพลังอย่างสะใจภายในโรงเตี๊ยมของมันเอง แต่ใครจะไปคิดว่าเถ้าแก่ที่ไม่มีพลังวิญญาณจะเป็นผู้สั่งสอนมันเช่นนี้
“…รู้แล้ว เจ้ามันอสูร”เฟยหลิงตวาดลั่นพลางชี้นิ้วมาทางเถ้าแก่หวัง ไม่มีทางที่มนุษย์จะต่อต้านผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้ และมันก็สัมผัสพลังวิญญาณจากเถ้าแก่หวังไม่ได้เลย ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะเถ้าแก่หวังเป็นอสูรที่จำแลงมาเป็นมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย มีเรื่องเล่ามากมายบอกว่าอสูรชั้นสูงสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ เพียงแต่พวกมันไม่ใช่มนุษย์จึงไม่สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้
“อสูรงั้นเหรอ..”เหล่าชาวเมืองต่างพูดด้วยสีหน้าหวาดผวา อสูรสำหรับชาวเมืองแล้วเป็นสิ่งอันตราย แม้จะถูกจับมาเลี้ยงได้แต่อสูรที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงมักจะโจมตีใส่ผู้คนทันทีสร้างความหวาดผวาให้ชาวเมืองมาโดยตลอด
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว”เถ้าแก่หวังยิ้มพลางปลดปล่อยไอสีดำออกมาโดยไม่ปิดบัง เถ้าแก่หวังแต่เดิมเป็นอสูรระดับ ทอง ขั้น 10 อีกไม่กี่ก้าวก็จะขึ้นเป็นระดับหยกอยู่แล้ว แต่เพราะชอบเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์จึงไม่ได้ฝึกฝนต่อ เรียกได้ว่าการปลอมตัวเป็นเถ้าแก่หวังเพื่อสร้างโรงเตี๊ยมเป็นเพียงการละเล่นเพื่อความสนุกสนานของมันเท่านั้น มันไม่ได้สนใจเลยว่าชาวเมืองจะมองอย่างไร หรือโรงเตี๊ยมของมันจะสามารถเปิดต่อได้หรือไม่ แต่หากมันปล่อยให้มนุษย์ชั้นต่ำเช่นเฟยหลิงโจมตีใส่นายน้อยละก็ หัวของมันคงโดนเหล่าราชากุดเป็นแน่ แม้เฟยหลิงจะทำอะไรนายน้อยที่อยู่ระดับ เงิน ขั้น 5 ไม่ได้ก็ตาม
“เถ้าแก่….”องครักษ์ต้าชิงและต้าเฉินมองเถ้าแก่ของพวกมันด้วยความหวาดกลัว ร่างของเถ้าแก่ยามนี้มีขนสีขาวงอกออกมาทั่วร่าง พร้อมใบหน้าที่ยื่นยาวออกมา นอกจากไป๋จูเหวินแล้วทุกคนในโรงเตี๊ยมต่างหวาดผวากันจนพูดอะไรไม่ออก
คอมเม้นต์