บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 18 คนรู้จัก
ตอนที่ 18
คนรู้จัก
รุ่งเช้า ต้าชิงและต้าเฉินพานายน้อยของมันไปที่สำนักยอดเมฆาเพื่อหวังเข้าสำนัก ตลอดเส้นทางบนเขา ไป๋จูเหวินพบเจอผู้เดินทางจำนวนไม่น้อย ทั้งๆที่ไม่ได้มีการรับสมัครศิษย์เข้าสำนักอย่างเป็นทางการแต่อย่างไร
“คนพวกนี้ก็มาสมัครเข้าสำนักงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามด้วยความสนใจ นอกจากมันทั้ง 3 แล้วยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งเดินทางขึ้นเขาไป บ้างเดินทางพร้อมผู้ติดตามเช่นเดียวกับไป๋จูเหวิน บ้างเดินทางคนเดียวด้วยท่าทีมุ่งหวัง
“สำนักยอดเมฆาเปิดรับสมัครศิษย์ตลอดเวลาขอรับ ไม่ว่าจะมาที่นี่เมื่อใดก็สามารถสมัครเข้าสำนักได้”ต้าเฉินตอบ คราก่อนที่มันมาสมัครก็เป็นเช่นนี้ เพราะสำนักในเขตนี้มีเพียง 3 สำนักเท่านั้น ทำให้ทุกๆวันมีเหล่าผู้ต้องการทดสอบเข้าสำนักเดินทางมาไม่ขาดสาย
“มีคนมากก็ไม่เลว ข้าอยากเห็นแล้วว่าสำนักยอดเมฆาจะทดสอบผู้เข้าสำนักเช่นไร”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเร่งความเร็วในการเดินมากขึ้น ด้วยกำลังขาของไป๋จูเหวินและต้าชิงต้าเฉิน ยอดเขาสูงลิบอย่างเขายอดเมฆาก็ใกล้ราวกับเดินขึ้นเนิน
เพียงแต่ ทันทีที่มาถึงหน้าสำนัก ต้าชิงและต้าเฉินต่างก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เพราะที่หน้าประตูมีแถวผู้คนนับร้อยกำลังเบียดเสียดกันเพื่อรอจะเข้าไปในสำนัก
“คนพวกนี้มาจากไหนกัน”ต้าชิงถามพลางมองที่หน้าประตู พวกเขาเดินทางมาตั้งแต่เช้า และความเร็วในการเดินทางก็ไม่ได้ช้า หากไม่ใช่คนพวกนี้ออกมาตั้งแต่เช้ามืดก็เพราะคนพวกนี้ปักหลักรออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อคืนเป็นแน่
“น้องชาย พวกเจ้าเองก็มาสมัครเข้าสำนักสินะ”ขณะกำลังอึ้งกับแถวที่ต่อกันอย่างหนาแน่น ชายร่างสูงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีเซื่องซึม
“ท่านเป็นคนของสำนักยอดเมฆาใช่หรือไม่”ต้าชิงถามพลางมองเครื่องแต่งกายของชายคนนั้น
“นับว่าเจ้ามีความรู้ไม่เลว ถูกต้องข้าเป็นคนของสำนักยอดเมฆา”ชายหนุ่มร่างสูงตอบพลางยื่นของบางอย่างมาให้พวกไป๋จูเหวิน มันคือแผ่นไม้ที่สลักหมายเลข 248 249 250 เอาไว้
“ยามสายการทดสอบเข้าสำนักจะเริ่มขึ้น พอเรียกถึงหมายเลขพวกเจ้าก็ค่อยเข้าประตูไป”แผ่นไม้พวกนี้คือบัตรคิวนั่นเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าวันนี้จะมีผู้สมัครมากมายเช่นนี้
“คนมากันมากมายเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ”ต้าชิงถามด้วยความสงสัย คราก่อนที่มันมามีผู้สมัครเพียง 5 คนเท่านั้น
“พวกเจ้าคงมาโดยไม่ทราบเรื่อง ท่านเจ้าสำนักของเราพึ่งคิดค้นเคล็ดฝึกฝนพลังวิญญาณชนิดใหม่ออกมา มันสามารถทำให้ผู้เริ่มฝึกฝนสามารถกลายเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกำเนิดขั้น 5 ได้ภายใน 3 ปี”ได้ยินชายร่างสูงพูด ดวงตาของต้าชิงก็กระตุกวูบ ขั้น 5 ใน 3 ปี หากไม่ใช้โอสถวิเศษจากนายน้อยพวกมันคงตันอยู่ขั้น 1 ไปนับ 10 ปี หากวิชาดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ฝึกสามารถก้าวเป็นระดับ 5 ใน 3 ปีนับว่าเป็นการฝึกฝนที่รวดเร็วมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“มิน่าเล่า ถึงมีผู้คนมากมายเช่นนี้”ต้าชิงมีสีหน้าเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดจึงมีคนมาสมัครมากมายเช่นนี้ แต่เดิมศิษย์ของทั้ง 3 สำนักสมควรจะขึ้นเป็นชั้น 3 ภายใน 5 ปี นี่คือความเร็วมาตรฐานของศิษย์ทั่วไป หากว่าอยู่ๆสำนักยอดเมฆาประกาศว่าตนเองมีวิชาใหม่ที่สามารถฝึกฝนได้ไวขึ้นเกือบ 2 เท่า จะมีคนมากมายมาสมัครก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ
“พี่ต้าชิง ข้าเห็นพวกท่านพูดเรื่องระดับกันมานานแล้ว ระดับของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแบ่งขั้นอย่างไรกัน”ไป๋จูเหวินฟังอยู่พักหนึ่งก็อดสงสัยไม่ได้ อสูรแบ่งระดับกันด้วยขั้น ทองแดง เงิน ทอง หยก…ไม่สิ ในแดนมนุษย์แบ่งออกเป็นระดับ ต่ำ กลาง และ สูง แล้วมนุษย์เล่าแบ่งชนชั้นกันเช่นไร
“อะ อ่อ..เรื่องนั้นข้าลืมบอกนายน้อยไป”ต้าชิงว่าพลางทำหน้าทำตาราวกับนึกออก เรื่องพวกนี้แม้แต่มนุษย์ที่ไม่ได้ฝึกฝนวิชายังรู้ พวกมันลืมไปว่านายน้อยของมันไม่เหมือนผู้อื่น
“การฝึกฝนพลังวิญญาณสามารถพัฒนาได้ตามระดับขั้นโดยมี ก่อกำเนิด ผลึกวิญญาณ หลอมรวมปฐพี หลอมรวมนภา และ ขั้น หลอมวิญญาณ โดยในแต่ละระดับชั้นจะแบ่งออกเป็น 10 ขั้นขอรับ”ต้าชิงตอบตามที่มันรู้ ความจริงแล้วยังมีระดับขั้นสูงกว่านี้ แต่คนทั่วไปอย่างมันกลับไม่รู้ว่าระดับต่อไปคืออะไร ในเขตแดนทั้ง 3 สำนักนั้นระดับสูงสุดที่พบเจอยังเป็นเพียงระดับ หลอมรวมปฐพี ขั้น 3 เท่านั้น
.
.
“หมายเลข 245 – 250 เข้ามาได้” แม้จะเริ่มการทดสอบที่ช่วงสาย แต่กว่าศิษย์สำนักยอดเมฆาจะเรียกพวกไป๋จูเหวินเข้าไปก็เลยเข้ายามบ่ายแล้ว การนั่งรอนานนับค่อนวันทำเอาเหล่าผู้สมัครเข้าสำนักหัวเสียกันไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะสำนักยอดเมฆาเป็นสำนักใหญ่ในเขตนี้คงมีหลายคนโวยวายไปแล้ว
“ไปกันเถอะ พี่ต้าชิง พี่ต้าเฉิน”ไป๋จูเหวินพูดด้วยท่าทีสบายๆ พลางเดินนำทั้งสองไปยังหน้าสำนัก ตั้งแต่ช่วงสายมา ทุกคนต่างเดินเข้าไปในสำนักแล้วก็คอตกออกมาอย่างต่อเนื่อง มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าสำนักยอดเมฆาได้ ทำให้ต้าชิงและต้าเฉินกังวลเล็กน้อย มันนึกถึงวันที่พวกมันสอบไม่ผ่านเช่นเดียวกับคนที่เดินก้มหน้ากลับไป เพียงแต่คราวนี้พวกมันไม่เหมือนกับในอดีตอีกแล้ว
ตึง! เสียงประตูปิดลงทันทีที่ผู้สมัครเข้าเป็นศิษย์สำนักยอดเมฆา 5 คนเดินเข้ามา ในกลุ่มนี้มีไป๋จูเหวิน ต้าชิง และ ต้าเฉินอยู่พร้อมหน้า ส่วนอีก 2 คนนั้นพวกมันไม่รู้จักแต่อย่างไร
“ตามข้ามา”ชายร่างสูงที่เป็นคนแจกแผ่นไม้ให้พวกตนพูดพลางเดินนำทั้ง 5 ไปด้วยท่าทีเซื่องซึมเช่นเดิม ท่าทางงานแบบนี้จะสร้างความเบื่อหน่ายให้เขาไม่น้อย ทั้งๆที่เขาเองก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณของสำนักยอดเมฆาเช่นกัน
“ยินดีต้อนรับสู้การทดสอบของสำนักยอดเมฆา”ทันทีที่ตามชายร่างสูงมา พวกไป๋จูเหวินก็ถูกนำมาที่ห้องแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นห้องที่ถูกทาสีขาวเอาไว้ทั้งห้อง โดยด้านหน้าพวกเขาปรากฏชายในชุดสีขาวเช่นเดียวกับชายร่างสูงที่พาพวกตนเดินทางมายังห้องแห่งนี้
“ระดับพลังสูงมากทีเดียว”ต้าชิงพูดพลางมองชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าตน มันรู้แต่เพียงว่าชายตรงหน้าพลังวิญญาณไม่ธรรมดา นั่นหมายความว่ามันต้องมีพลังมากกว่าระดับ ก่อกำเนิดขั้น 3 เป็นแน่ ต้าชิงและต้าเฉินจึงไม่ทราบว่าพลังของมันเป็นขั้นใด
“…หากเทียบกับพวกท่านแล้ว มันน่าจะอยู่ระดับ 8”ไป๋จูเหวินว่าพลางใช้ดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงมองไปยังร่างของชายที่นั่งอยู่กลางห้อง ดวงตาของนายน้อยเปลี่ยนไปอีกแล้ว คราวนี้กลับสามารถแยกแยะพลังของอีกฝ่ายได้ทั้งๆที่นายน้อยไม่ได้มีพลังวิญญาณงั้นหรือ
“พวกเจ้า พี่น้องต้าชิงต้าเฉินนี่นา”ขณะกำลังตกตะลึงกับดวงตาของนายน้อย อยู่ๆผู้ที่นั่งอยู่กลางห้องก็เรียกชื่อสองพี่น้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“….เจ้า”ต้าชิงกำลังสงสัยว่าตนเองไปรู้จักชายตรงหน้าได้อย่างไร แต่พอมองดีๆกลับพบว่ามันเองก็คุ้นๆหน้าตาของชายตรงหน้าเช่นกัน เพียงแต่นึกไม่ออก
“เจ้าคงจำไม่ได้กระมัง ข้าชื่อหลี่ปิงเฉิง สมัครเข้าสำนักมาวันเดียวกับพวกเจ้า”ปิงเฉิงพูดพลางยิ้มอย่างอารมดี มันสำรวจร่างกายของต้าชิงและต้าเฉิน ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา ในวันนั้นพวกมันมั่นใจในตัวเองอย่างมากแต่กลับถูกผู้ทำการทดสอบไล่กลับไปเพราะไร้พรสวรรค์ เรื่องนี้มันจำได้ติดตา เพราะยามนั้นมันไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณ แต่มาบัดนี้ ต้าชิงและต้าเฉินกลับอยู่เพียงระดับ ก่อกำเนิด ขั้น 3 เท่านั้น ขณะที่ตัวมันก้าวเข้าสู่ขั้น 8 แล้ว
“อะ อ่อ เป็นเจ้านั่นเอง”ต้าชิงว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ บอกตามตรงมันยังจำได้ไม่ชัดเจนนัก เมื่อตอนนั้นมันลำพองว่าตนได้พลังวิญญาณมาโดยบังเอิญ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“ข้ายินดียิ่งนักที่ได้พบกับพวกเจ้าอีกครั้ง”ปิงเฉิงเผยรอยยิ้มยินดี ก่อนจะมองมาทางต้าชิงและต้าเฉิน มันยังคงแสดงท่าทียินดีที่บัดนี้มันเหนือกว่าต้าชิงและต้าเฉินมามากมายแล้ว ท่าทางคำด่าของคนในสำนักว่าพวกมันทั้งสองไร้พรสวรรค์คงจะจริง
“มิได้ มิได้ พี่ปิงเกรงใจเกินไปแล้ว”ต้าเฉินว่าพลางหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าคนที่จะทำการทดสอบพวกตนต่างเป็นคนกันเอง แบบนี้คงผ่านการทดสอบได้ไม่ยากนัก
“เอาละ เรามาเริ่มทดสอบกันก่อนเถิด ถึงข้าจะรู้จักพวกท่านก็ไม่คิดจะช่วยเหลือพวกท่านเข้าสำนักหรอกนะ”ปิงเฉิงว่าพลางเดินไปหาชายคนแรกที่อยู่หัวแถว มันเพียงสัมผัสไหล่ของชายคนนั้น ก่อนจะหลับตาลง
“ไม่ผ่าน”เพียงสัมผัสตัว ปิงเฉิงก็สามารถแยกแยะความสามารถของคนๆนั้นได้ อย่างน้อยผู้ที่จะมาเป็นศิษย์สำนักยอดเมฆาต้องมีความสามารถพอจะเข้าระดับ ก่อกำเนิดขั้นที่ 5 ให้ได้ก่อน หากเห็นว่าไม่สามารถทำได้ก็จะไม่ผ่าน
“เจ้าไม่ผ่าน”ปิงเฉิงพูดหลังจากแตะบ่าคนต่อมา แม้ผู้มาสมัครส่วนใหญ่จะไม่มีพลังวิญญาณ แต่มันสามารถตัดสินได้จากเส้นชีพจรและความเหมาะสมของจุดตันเถียน
ตุบ ตุบ…. อยู่ๆปิงเฉิงก็เดินผ่านต้าชิงและต้าเฉินไปโดยไม่คิดจะแตะต้องตัวพวกมัน ในใจของชายร่างสูงที่เป็นคนนำทางคิดว่าปิงเฉิงคงให้ต้าชิงและต้าเฉินผ่านโดยไม่ต้องตรวจสอบใดๆ พวกมันอยู่ระดับ ก่อกำเนิด ขั้นที่ 3 อยู่แล้ว ขอแค่ฝึกฝนด้วยวิชาที่ท่านเจ้าสำนักคิดค้นคงไปถึงระดับ 5 ในเวลาไม่นาน
ตุบ! ปิงเฉิงวางมือลงบนไหล่ของไป๋จูเหวิน แต่อยู่ๆแผ่นหลังของมันก็เย็นวาบขึ้นมาเสียเฉยๆ มันสัมผัสพลังบางอย่างได้จากจุดตันเถียนของไป๋จูเหวิน แต่กลับไม่ทราบว่ามันคืออะไร นอกจากนี้จุดชีพจรที่มันสัมผัสได้ยังเปิดจนหมด แถมร่างกายของมันยังเหมือนถูกหล่อหลอมมาให้เหมาะกับการฝึกฝนพลังวิญญาณเลยก็ว่าได้ อย่าว่าแต่ไปให้ถึงขั้น 5 ใน 3 ปีเลย มันอาจจะกลายเป็นอัจฉริยะในรอบหลายสิบปีเลยก็ได้
“เจ้าผ่าน”ปิงเฉิงว่าพลางผายมือให้ไป๋จูเหวินเดินไปยังประตูถัดไป ทำให้ต้าชิงและต้าเฉินโล่งใจอย่างมาก พวกมันเดินตามนายน้อยไปอย่างอารมดีเพราะพวกมันทั้ง 3 สามารถผ่านการทดสอบได้นับเป็นเรื่องดียิ่งนัก
“เดี๋ยว พวกเจ้าจะไปไหน”ปิงเฉิงถามพลางมองสองพี่น้องต้าชิงต้าเฉินด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“ข้าไม่ได้พูดสักคำว่าพวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว”
คอมเม้นต์