บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 40 อับอาย
“เจ้า…..”ปิงเฉิงนิ่งค้างไปหลังจากเดินขึ้นมาบนลานประลอง ใครจะไปคิดกันว่าคนที่ต้องประลองกับมันเป็นคู่แรกกลับเป็นต้าชิงผู้ที่มันไล่ออกไปกับมือ เพียงแต่มันไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นนักเพราะสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังของต้าชิงด้อยกว่าตนขั้นหนึ่ง
“ไม่คิดเลยว่าจะได้แก้แค้นเร็วเช่นนี้”ต้าชิงยิ้มระรื่นจนผิดปกติ พร้อมนำกระบี่ไม้ที่สำนักยอดเมฆาจัดเอาไว้ให้ออกมาถือ
“แก้แค้น เจ้าละเมอหรืออย่างไร”ปิงเฉิงฝืนยิ้มพลางนำกระบี่ของตนออกมาเช่นกัน เรียกได้ว่านี่เป็นอีกความได้เปรียบของศิษย์สำนักยอดเมฆาเพราะพวกมันฝึกฝนกับอาวุธไม้อยู่แต่เดิมแล้ว ความรู้สึกเบาของไม้จึงไม่เกิดปัญหากับศิษย์ของสำนักยอดเมฆาแต่อย่างไร
“เดี๋ยวเจ้าก็ได้เห็นเอง”ต้าชิงพูดพลางหันไปมองต้าเฉินกับนายน้อยของตน ยามนี้มันจะคว้าชัยชนะให้กับมันทั้งสองพี่น้องให้ได้
“เจ้าจะปากดีได้แค่ตอนนี้ละ”ปิงเฉิงกัดฟันก่อนจะยกกระบี่พุ่งเข้าหาต้าชิง แต่เดิมมันโดนกำชับอยู่แล้วว่าหากเจอกับศิษย์ของสำนักธารโลหิตแล้วละก็ระดับพลังวิญญาณไม่ห่างกันเกิน 2 ขั้นก็อย่าวางใจเพราะวิชาต่อสู้ของสำนักธารโลหิตน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ปิงเฉิงก็คิดว่าพวกต้าชิงเข้าสำนักไปแค่ไม่กี่เดือน จะไปซึมซับวิชามาหมดได้อย่างไร
ป๊อก! กระบี่ไม้กระทบกันเกิดเสียงดังเบาๆออกมา แต่เห็นได้ชัดเลยว่าปิงเฉิงเป็นฝ่ายมีกำลังเหนือกว่า แต่ถึงอย่างนั้นต้าชิงก็ไม่ได้สีหน้าเปลี่ยนแปลงแต่อย่างไร มันเพียงยืนนิ่งเช่นเดิมก่อนจะรับกระบี่ของปิงเฉิงอย่างปรอดโปร่ง
“ไม่เลวเลยนี่นา”อาจารย์ลี่พูดพลางมองต้าชิงอย่างสนใจ ตัวมันตื่นตลึงกับความสามารถของไป๋จูเหวินเกินไปจนลืมใส่ใจต้าชิงไป นับว่าในฐานะอาจารย์มันยังมีข้อผิดพลาดไม่น้อย วันนี้มันได้เห็นวิชากระบี่ของต้าชิงมันถึงได้รู้ว่านอกจากไป๋จูเหวินแล้วยังมีอัจฉริยะอีกคนอยู่ในสำนักด้วย
“กระบี่ภูผาของศิษย์น้องฝึกได้ดีทีเดียว ศัตรูโจมตีช้าเช่นนั้นคงรับได้ไม่ยากเย็น”เฟิงชิวว่าพลางมองกระบี่ในมือของต้าชิง ตัววิชากระบี่ภูผาของต้าชิงเป็นเคล็ดย่อยหนึ่งของวิชากระบี่ธรรมชาติที่หายสาบสูญไปนานหลายพันปี เหลือเพียงเคล็ดกระบี่ย่อยๆเหล่านี้เท่านั้นที่ให้คนรุ่นหลังเอาไว้ฝึกฝน
“อืม จิตใจของต้าชิงนิ่งสงบเป็นทุนเดิมแล้ว เหมาะกับวิชากระบี่ภูผาจริงๆ”อาจารย์หยานว่าพลางวิจารย์ศิษย์จริงจัง ความจริงนางสังเกตพวกต้าชิงและต้าเฉินมาตั้งแต่ประลองในสำนักแล้ว พวกมันเลือกวิชาได้ดีและฝึกฝนได้ไวทีเดียว หากไม่ใช่เพราะไป๋จูเหวินโดดเด่นเกินไปพวกมันต้องมีชื่อเสียงในสำนักมากแน่นอน
“คิดว่าแกมีวิชาต่อสู้คนเดียวหรือไง”ปิงเฉิงว่าพลางสะบัดกระบี่อย่างรวดเร็ว แต่ต้าชิงกลับยังสามารถรับกระบี่ของปิงเฉิงเอาไว้ได้ วิชาของปิงเฉิงเป็นวิชาต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมวิชาหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยมันถูกเรียกว่าวิชากระบี่ล่องลม เน้นความรวดเร็วและต่อเนื่องในการโจมตี แต่น่าเสียดายที่ปิงเฉิงไม่ได้เข้าถึงแม้แต่ชื่อของวิชาเลยสักนิด เพราะมันเน้นโจมตีหนักๆไม่ได้อาศัยความเร็วอันเป็นจุดได้เปรียบของวิชาตนเองเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงปิงเฉิงจะทำเช่นนั้นก็อาจจะยังสู้ต้าชิงยามนี้ไม่ได้อยู่ดี
ครืดด! ต้าชิงรอจังหวะอยู่นานจนในที่สุดปิงเฉิงที่เริ่มใช้อารมมากขึ้นก็เปิดเผยจุดอ่อน วินาทีนั้นต้าชิงโจมตีไปที่เอวของปิงเฉิงในจังหวะที่มันวาดกระบี่ไปด้านหลัง แต่โชคดีหรือความสามารถของปิงเฉิงพอจะมีอยู่บ้างก็ไม่ทราบ มันรีบหมุนข้อมือดึงกระบี่กลับมาป้องกันเอาไว้
ตุบ! ร่างของปิงเฉิงโดนกระแทกจนเซไปด้านหนึ่ง ทั้งนี้เพราะมันเสียหลักจากการเปลี่ยนจากโจมตีมาเป็นตั้งรับกระทันหัน แถมมันยังไม่คิดเลยว่าต้าชิงจะมีกำลังมหาศาลเช่นนี้ได้ ปิงเฉิงเห็นท่าไม่ดีเลยลุกขึ้นยืน ตัวมันใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพัฒนาพลังวิญญาณ เห็นได้ชัดเลยว่าวิชากระบี่ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมกำลังกายยังเป็นรองอยู่หลานส่วน
วูบ! กระบี่ของต้าชิงวาดไปทางปิงเฉิงทำเอาปิงเฉิงต้องหลบแทบสุดตัว บัดนี้ท่าร่างของปิงเฉิงเสียกระบวนไปเกือบหมดแล้ว
วูบ! ปิงเฉิงเห็นกระบี่ที่วาดมาอีกครั้งก็ล้มตัวลงกลิ้งไปอีกทาง แต่พอลุกขึ้นก็โดนกระบี่ของต้าชิงไล่หวดอีกที ทำเอาสภาพของปิงเฉยกลายเป็นล้มลุกคลุกคลานจนน่าหัวเราะ
“ฮะๆๆๆ นั่นนะเหรอสภาพของคนที่บอกว่าข้าไร้ความสามารถ”ต้าเฉินหัวเราะพลางชี้ไปที่ลานประลอง สภาพการประลองยามนี้ไม่ต่างจากวิ่งไล่จับ
“หนอย”ปิงเฉิงกัดฟันกรอดพลางหลบกระบี่ไม้อย่างหวุดหวิด หลังจากโดนสำนักต่างๆขับไล่ต้าชิงและต้าเฉินก็ละหกละเหินจนไปเจอกับเถ้าแก่หวัง ตอนนั้นพวกมันได้ต่อสู้กับคนหลายๆคนที่มาหาเรื่องในโรงเตี๊ยมของเถ้าแก่ เรื่องประสบการณ์ต่อสู้พวกมันมีมากกว่าปิงเฉิงเสียอีก
“เจ้ามันกระจอก”ต้าชิงพูดพลางวาดดาบไปจ่อที่คอของปิงเฉิง
“พอเท่านี้”อาจารย์ผู้ทำหน้าที่ตัดสินการต่อสู้พูดพลางบอกให้ทั้งสองคนหยุดมือ
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปฝึกพลังวิญญาณให้มากกว่านี้ ยามนั้นข้าจะถล่มเจ้าให้เละ”ปิงเฉิงกัดฟันพลางกำด้ามกระบี่แน่น
“สายไปแล้ว เวลาเดียวที่เจ้าสามารถดูถูกข้าได้มันผ่านไปแล้ว”ต้าชิงว่าพลางยิ้มออกมา
“ไม่นึกเลยนะว่าท่านพี่จะชนะได้ง่ายดายเช่นนี้”ต้าเฉินว่าพลางเดินมาหาต้าเฉินบนลานประลองพลางยื่นผ้าซับเหงื่อให้พี่ชายของมัน
“รอบหน้าก็เป็นการประลองของเจ้าแล้ว ตั้งใจด้วยละ”ต้าชิงว่าพลางเดินกลับไปที่นั่งคนดู ปล่อยให้ปิงเฉิงที่ต้องประลองกับศิษย์สำนักบุปผชาติยืนหน้าดำคล้ำอยู่บนลานประลองต่อไป
ตึง! ปิงเฉิงกัดฟันแน่นพลางกระทืบเท้าอย่างแรง ตอนมันล้มลงกับพื้นได้ยินเสียงหัวเราะจากรอบข้างทำเอามันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
“เจ้าเป็นตัวแทนจากสำนักบุปผชาติสินะ”ปิงเฉิงว่าพลางมองร่างของหญิงสาวที่เดินขึ้นมาบนลานประลอง
“ค่ะ”หญิงสาวตอบพลางประสานมือรับอย่างนอบน้อม
“หยิบอาวุธออกมาซะ”ปิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว มันเค้นพลังวิญญาณออกมาหมายจะเอาชนะศิษย์จากสำนักบุปผชาติในเวลาอันสั้นที่สุดเพื่อแก้หน้าให้กับตนเอง
“ไม่จำเป็นค่ะ อาวุธของข้าคือมือคู่นี้ค่ะ”หยิงสาวพูดพลางตั้งท่าฝ่ามืออย่างสวยงามทำเอาเหล่าหนุ่มๆรอบสนามต่างลอบมองอย่างชื่นชม
“อย่าหาว่าข้ารังแกผู้หญิงก็แล้วกัน”ปิงเฉิงว่าพลางตั้งท่ากระบี่อีกครั้ง
ฟุบ! ทันทีที่การประลองเริ่มขึ้น ร่างของปิงเฉิงก็ทะยานเข้าหารางของหญิงสาวจากสำนักบุปผชาติทันที ตัวมันอยากจะแก้หน้าจนร้อนรนเผลอเข้าไปโดยไม่ได้ดูท่าของอีกฝ่ายเลย
ผลัก! ร่างของปิงเฉิงถูกเหวี่ยงวูบจนร่วงลงจากลานประลอง ทำเอาเหล่าคนรอบข้างต่างมองไปที่มันเป็นตาเดียว
“ฮ้าๆ เจ้าคนที่แพ้แม้แต่ผู้หญิงมีหน้ามาไล่พวกข้าออกจากสำนักอีกงั้นเหรอ”ต้าเฉินหัวเราะจนปวดท้องแม้แต่ไป๋จูเหวินเองยังหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทางการแพ้ของมันทุเรศทุรังจนเกินไป ไม่ใช่ว่าเจ้าสำนักยอดเมฆาคัดคนมาจากระดับพลังวิญญาณอย่างเดียวหรือไม่ ปิงเฉิงผู้นี้ช่างน่าอับอายเกินไปแล้ว
“แม่นางท่านนี้คงฝีมือไม่เบา ท่านพี่ระวังด้วย”เพราะเป็นการประลองของสำนักยอดเมฆา การตกลานประลองถือว่าแพ้ทันทีทำให้ต้าชิงที่มีคิวประลองกับหญิงสาวเป็นคนถัดไปลุกขึ้นเดินไปที่ลานประลองอีกครั้ง
“ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการพักสักครู่ก่อนประลองต่อหรือไม่”ต้าชิงยิ้มพลางเอ่ยถามออกมา มันส่งสายตาบอกหญิงสาวเล็กน้อยราวกับจะนัดแนะกันก่อนจะมองไปทางปิงเฉิงที่นอนอยู่ข้างๆลานประลอง
“ไม่จำเป็น เมื่อครู่ข้ายังไม่ได้เสียเหงื่อเลยแม้แต่หยดเดียว”ได้ยินคำพูดของหญิงสาวต้าชิงก็หัวเราะออกมาอย่างอารมดี
“เช่นนั้นก็ถึงตาพวกเราแล้ว”ต้าชิงหยุดหัวเราะก่อนจะนำกระบี่ออกมารับมือกับหญิงสาว ตัวนางเอาชนะปิงเฉิงได้ง่ายๆแม้จะเพราะปิงเฉิงประหมาดเป็นหลัก แต่นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่านางมีวิชาฝีมือไม่ใช่เล่นๆ ต้าชิงจึงไม่อาจประมาทได้
แต่อาจจะเพราะทั้งสองเป็นสายตั้งรับทำให้การต่อสู้ค่อนข้างยืดเยื้อไม่น้อย ในที่สุดต้าชิงก็สามารถคว้าชัยไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นับว่าสำนักบุปผชาติเองก็มียอดฝีมือที่ใช้ได้เช่นกัน
ส่วนต้าเฉินที่ประลองในรอบถัดไปก็สามารถเอาชนะคนจากสำนักยอดเมฆาได้อย่างไม่ยากเย็น ยิ่งกับสำนักบุปผชาติแล้วมันกลับเอาชนะได้อย่างง่ายดายกว่าเพราะวิชาดาบโลหิตที่หนักแน่นของมันทำให้มันเอาชนะได้อย่างปรอดโปร่ง
ส่วนการประลองคู่ที่ 5 ในที่สุดสำนักบุปผชาติก็ได้ผู้ชนะคนแรกของสำนักเสียที นางเป็นหญิงสาวผู้ใช้กระบี่ที่ว่องไวอย่างมาก บางทีแม้แต่ต้าชิงและต้าเฉินก็อาจจะเอาชนะไม่ได้
“วันแรกเสมอกันงั้นหรือ”เจ้าสำนักยอดเมฆาว่าพลางมองไปทางเจ้าสำนักธารโลหิต
“จะว่าเสมอไม่ได้หรอก ศิษย์ของข้าเอาชนะในลำดับที่สูงกว่า”เจ้าสำนักบุปผชาติเถียงเพราะศิษย์ของตนแข็งแกร่งกว่าผู้ชนะในอันดับอื่นๆอย่างไม่ต้องสงสัย
“เช่นนั้นก็รอดูในวันพรุ่งนี้เถิด”เจ้าสำนักยอดเมฆาพูดด้วยรอยยิ้ม ครั้งนี้มันมั่นใจกับศิษย์ 5 อันดับแรกของมันมากเพราะทุกคนล่วนเข้าสู่ระดับผลึกวิญญาณแล้ว เมื่อเทียบกับสำนักธารโลหิตที่มีแค่ 3 คนกับสำนักบุปผชาติที่มีแค่คนเดียวแล้วนับว่ายังห่างชั้นกันมาก
“นั่นสิ เอาไว้ดูพรุ่งนี้ ไม่สิวันสุดท้ายก็แล้วกัน”เจ้าสำนักธารโลหิตพูดพลางยิ้มกว้าง นอกจากเหล่าอาจารย์ในสำนักเองแล้วไม่มีใครเข้าใจเลยว่ารอยยิ้มของเจ้าสำนักธารโลหิตเหตุใดจึงมั่นใจนัก
คอมเม้นต์