บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 78 เดินทางสู่นครร้อยแปดอสูร
“ไม่เอา”เสียงของหลินหลินดังออกมาจากห้องของไป๋จูเหวินราวกับเสียงเด็กกำลังโวยวายตอนไม่อยากกินยาไม่มีผิด แต่จะบอกว่าเป็นเช่นนั้นก็ไม้ผิดนักเพราะตรงหน้าของหลินหลินคือยาที่ไป๋จูเหวินเป็นผู้หลอมขึ้นมานั่นเอง
“มันจะช่วยให้พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นนะ กินเข้าไปเถอะ”ต้าเฉินผู้รับหน้าที่ป้อนยาให้หลินหลินว่าพลางถอนหายใจออกมา ดูท่าหลินหลินจะชินกับการกินหินกินทรายมากกว่ากินของอย่างคนทั่วไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะพยายามให้นางกินยากี่ครั้งก็เป็นเรื่องยากทุกที
“หลินหลิน อย่าดื้อสิ”ไป๋จูเหวินที่นั่งสมาธิอยู่ในห้องว่าพลางมองหลินหลินที่กำลังโดนต้าเฉินเอายาเม็ดจ่อปากอยู่
“งือออ…”หลินหลินมีสีหน้าไม่พอใจก่อนจะค่อยๆอ้าปากออกช้าๆ พอเป็นคำสั่งของไป๋จูเหวินนางก็ต้องยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะยังมีท่าทีไม่ยินยอมเช่นเดิมก็ตาม
“เฮ้อ เจ้าเองไม่ใช่หรือไงที่อยากเก่งขึ้น”ต้าเฉินว่าพลางถอนหายใจออกมา พอไป๋จูเหวินกลับมาตั้งใจฝึกฝนพลัง ต้าเฉินก็ทำหน้าที่ราวกับพี่เลี้ยงของหลินหลินไม่มีผิด แม้งานป้อนยาจะยากไปหน่อยแต่งานดูแลหลินหลินก็ไม่ค่อยยากนักเพียงหาหยกให้นางกินและเดินเที่ยวกับนางเวลานางเบื่อเท่านั้น
“นายน้อย พวกเราขึ้นมาเป็นระดับหลอมรวมปฐพีแล้ว ข้าคิดว่าเรื่องเข้ากลุ่มนักล่าอสูรคงถึงเวลาแล้ว”ต้าชิงเสนอออกมาด้วยท่าทีนิ่งเรียบ ตัวมันและต้าเฉินใช้เวลา 1 เดือนในการกินยาที่นายน้อยหลอมให้และฝึกฝนด้วยเคล็ดวิชาเทพจุติจนพลังวิญญาณก้าวเข้าสู่ระดับหลอมรวมปฐพีอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้พวกมันผ่านเงื่อนไขขั้นต่ำของกลุ่มนักล่าอสูรแล้วนั่นเอง
“นั่นสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางสัมผัสพลังในร่างของตนเอง จะบอกว่าสมแล้วที่เคล็ดวิชาโลหิตมังกรเป็นสุดยอดวิชาฝึกฝนหรือต้องบอกว่าร่างกายของมันไม่ใช่ร่างกายธรรมดาดี เพียงเดือนเดียวกระบวนการเสริมสร้างพลังกล้ามเนื้อของขั้นหลอมรวมปฐพีก็เสร็จสมบูรณ์ แต่อาจจะเพราะมันมีพลังอสูรที่สูงชั้นกว่าอยู่แล้วความแข็งแกร่งของร่างกายเลยไม่เพิ่มมามากมายอะไร ความรู้สึกของไป๋จูเหวินในยามนี้เหมือนพยายามเพิ่มพลังวิญญาณให้ทันพลังอสูรเท่านั้น แถมพลังอสูรก็ราวกับรู้ใจเพราะตั้งแต่ผ่านระดับทองขึ้นมามันก็ไม่เลื่อนขั้นอีกเลย
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยดวงตาสีม่วงของมันทำให้เห็นระดับพลังของทั้งอาวุโสเทียนหมิง เหม่ยหลิน หยงเวย รวมทั้งอู๋หมิงได้อย่างชัดเจน แม้มันจะก้าวเข้าระดับหลอมรวมนภาในเวลาเดือนเดียวแต่มันกลับรู้สึกไม่พอ…
“ขมมมม”หลินหลินว่าพลางแลบลิ้นออกมา ท่าทางยากับเด็กจะเป็นของต้องห้ามไม่เว้นแม้แต่ในเหล่าอสูรเอง หลินหลินแต่เดิมก็เป็นอสูรระดับทองขั้นสูงอยู่แล้ว หากไป๋จูเหวินเทียบมิผิดนางคงอยู่ขั้น 10 มานานแล้ว ขนาดว่าใช้ยาที่ไป๋จูเหวินหลอมขึ้นมาแล้วยังทำให้นางเลื่อนเป็นระดับหยกไม่ได้ ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งยากเย็นเท่านั้นจริงๆ
“นายน้อย ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปลาท่านเจ้าสำนักกันเถอะ”ต้าชิงว่าพลางมองนายน้อยอย่างมีความหวัง ความจริงมันพยายามชวนนายน้อยไปเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรมาพักใหญ่แล้ว ทั้งนี้เพราะการเดินทางต้องใช้เวลานับเดือน แม้ระหว่างเดินทางจะฝึกฝนได้ลำบาก แต่เมื่อมีเวลาร่วมเดือนต้องฝึกฝนได้มากกว่าที่เป็นอยู่แน่ๆ
“นั่นสินะ คงได้เวลาเสียที”ไป๋จูเหวินพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะตามต้าชิงไปลาท่านเจ้าสำนัก แน่นอนว่าท่านเจ้าสำนักไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยเพราะมันสัมผัสได้แต่แรกแล้วว่าบ่าวรับใช้ทั้งสองของไป๋จูเหวินบรรลุระดับหลอมรวมปฐพีแล้ว การล่ำลาจึงใช้เวลาไม่นานเท่านั้น
“พวกเจ้ารับสิ่งนี้ไป แล้วยื่นมันให้กับผู้ทดสอบของกลุ่มนักล่าอสูร”อาจารย์จื่อพูดพลางยื่นแผ่นป้ายหยกให้พวกไป๋จูเหวิน มันไม่ใช่ป้ายหยกสำหรับยืนยันว่าพวกไป๋จูเหวินผ่านการฝึกฝนจากสำนักย่อยของกลุ่มนักล่าอสูรแล้ว แต่เป็นป้ายหยกที่แสดงให้เห็นว่าพวกไป๋จูเหวินผ่านการฝึกฝนพิเศษเพื่อเข้าหน่วยสำรวจแล้วต่างหาก
“ขอบคุณขอรับ”ต้าชิงว่าพลางเดินเข้าไปรับป้ายหยกทั้งสามแผ่นมาอย่างระมัดระวัง
“ขอให้พวกเจ้าเดินทางปรอดภัย…เอาเถอะคงไม่มีอสูรแถวนี้ทำอะไรเจ้าได้หรอก”เจ้าสำนักว่าพลางมองไปทางหลินหลิน นางเป็นถึงอสูรระดับสูงที่แข็งแกร่งกว่าพวกอาจารย์อสูรเสียอีก เพียงแค่การเดินทางไปยังเมืองร้อยแปดอสูรไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างไร
“ขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางขอตัวออกเดินทาง
ทันทีที่ออกมาจากเมือง หลินหลินก็กลายร่างเป็นแมงมุมหยกในทันที ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะพ้นสายตาคนในเมืองแล้ว แต่เพราะการขี่หลินหลินเดินทางจะง่ายกว่าเดินทางด้วยเท้าของมนุษย์นั่นเอง
“พี่ต้าเฉินอย่าจับตรงที่แปลกๆสิ”หลินหลินโวยวายพลางมองต้าเฉินที่กำลังปีนขาของหลินหลินขึ้นมานั่งบนตัวของนาง
“ช่วยไม่ได้นี่นา ข้าไม่รู้หรอกว่าตรงไหนของแมงมุมที่แปลกน่ะ”ต้าเฉินว่าพลางตบหลังหลินหลินเบาๆ
“แสดงว่าเจ้ายังไม่ตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับอสูรให้ดีพอน่ะสิ”ต้าชิงว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ
“หะ แต่ในวิชาไม่มีอสูรแมงมุมมาให้ทดลองนี่นา พอจะให้หลินหลินมาเป็นหุ่นนางก็ไม่ยอม”ต้าเฉินเถียงพลางมองไปบนแผ่นหลังของหลินหลิน
“หลินหลิน ถ้าเหนื่อยก็บอกนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบแผ่นหลังของหลินหลินเบาๆ นานมากแล้วที่มันไม่ได้ขึ้นขี่หลังของอสูรแมงมุม แม้ตัวหลินหลินจะเล็กกว่ามารดาของมันหลายเท่าแต่ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกันเลย
“ค้า”หลินหลินรับคำพลางออกเดิน ด้วยขาทั้งแปดข้างของนางทำให้การเคลื่อนไหวค่อนข้างนิ้มนวลทีเดียว แถมเหมือนว่าหลินหลินจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะนางไม่ได้ออกมานอกเมืองนานแล้ว ยิ่งการจะแปลงกายเป็นแมงมุมวิ่งออกใปให้เต็มที่ยิ่งทำไม่ค่อยได้ พอได้เดินเต็มที่นางก็พุ่งพรวดไปทางเหนืออย่างรวดเร็วจนแทบจะเบียดรถม้าของพวกพ่อค้าตกทางเลยทีเดียว แน่นอนพวกมันไม่โดนต่อว่าเพราะพ่อค้าธรรมดาไม่ใจกล้าพอจะตะโกนด่าแมงมุมตัวเท่าบ้านอย่างแน่นอน
“หลินหลิน เจ้าลงไปข้างทางดีกว่านะ”ไป๋จูเหวินถอนหานใจพลางบอกให้หลินหลินลงไปเดินข้างทางแทน
“ค้า”หลินหลินรับคำพลางเปลี่ยนไปวิ่งริมทางแทน แม้ข้างทางจะมีต้นไม้อยู่บ้างแต่พอโดนหลินหลินกระแทกก็พากันล้มระเนระนาด ยิ่งเป็นพวกหินขวางทางยิ่งแล้วใหญ่หลินหลินแทบจะกินแทนขนมเลยเสียด้วยซ้ำ แม้นางจะบ่นว่าไม่อร่อยก็ตาม
ตึงๆๆๆ หลินหลินตะกุยทางเสียต้นไม้และหินไปเป็นตำนวนมาก ทำเอาทางที่ทำเอาไว้ขยายใหญ่ออกไปไม่น้อย ขอแค่เก็บกวาดท่อนซุงที่ล้มอยู่บนพื้นย่อมสามารถใช้ทางที่หลินหลินเดินทางมาเป็นทางสรรจรได้อีกทางเป็นแน่
“เจ้ายังไม่เหนื่อยอีกเหรอ”ต้าเฉินถามพลางตบบนหลังของหลินหลินเบาๆ
“ไม่…”หลินหลินตอบพลางเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจว่าฟ้าด้านบนจะมืดแล้วหรือไม่
“มะ ไม่เหนื่อยก็ดีแล้ว”ต้าเฉินว่าพลางมองภาพตรงหน้าอย่างกังวล หลินหลินเล่นเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน ทำเอาระยะทางของพวกมันหดสั้นลงไปได้มาก บางทีพวกมันอาจจะเดินทางมาได้ไวกว่าคนอื่นๆ 2 หรือ 3 เท่าด้วยซ้ำ แบบนี้พวกมันคงเดินทางถึงนครร้อยแปกอสูรใน 2 อาทิตย์กระมัง
.
.
“……..”ต้าเฉินเงียบไปอึดใจใหญ่เมื่อเห็นเมืองกระทิงดำอยู่ตรงหน้าพวกมัน หลินหลินไม่ทรายคุกอะไร นางเดินจ้ำเอาๆตลอดทั้งวันทั้งคืนติดต่อกัน 1 อาทิตย์ แถมตอนนี้นางยังไม่มีท่าทีรู้สึกเหนื่อยเลยด้วยซ้ำ ปรากฏว่าพวกมันเข้าเขตนครร้อยแปดอสูรในอาทิตย์เดียวเท่านั้น แถมหลินหลินยังเดินผ่านเมืองกระทิงดำเมืองหน้าด่านของนครร้อยแปดอสูรไปอย่างหน้าตาเฉยราวกับจะมุ่งมั่นจะไปเมืองร้อยแปดอสูรให้ได้ในวันนี้
“อสูรแมงมุมตรงนั้น หยุดเดี๋ยวนี้” ราวกับได้ยินเสียงในใจของต้าเฉิน เพียง 3 วันหลินหลินก็พาพวกมันมาถึงเมืองร้อยแปดอสูรเสียแล้ว แถมภาพแมงมุมยักษณ์สีเขียวที่กำลังตะบึงเข้าเมืองยังไปกระตุ้นความสนใจของอสูรปักษาที่ทำหน้าที่เฝ้าเมืองเสียด้วย
“ไม่เอาอีกนิดเดียวจะถึงเมืองแล้วอะ”หลินหลินว่าพลางเร่งความเร็วขึ้นไปอีก ท่าทางที่นางตั้งใจเดินขนาดนี้เพราะอยากพาไป๋จูเหวินไปถึงเมืองไวๆเท่านั้น
“พวกเจ้าเป็นใครกันถึงกล้าต่อต้านพวกเรา”อสูรอินทรีตนหนึ่งถามพลางบินโฉบไปมารอบๆตัวหลินหลิน แม้พวกมันจะเป็นยามของเมืองร้อยแปดอสูรแต่พวกมันก็เป็นเพียงอสูรระดับทองขั้นต้นเท่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่าหลินหลินมีพลังมากกว่า พวกมันเลยทำได้แค่บินวนอยู่ด้านบนเท่านั้น
“พวกเรามาจากนครผาหยกเพื่อจะสมัครเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูร พวกท่านอย่าได้ระแวงเลย”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองเหล่าอสูรปักษาที่บินกันอยู่บนฟ้า
“ถะ ถ้าหากท่านยืนยันอย่างนั้นละก็”อสูรอินทรีที่มีท่าทีขัดขวางเมื่อครู่อ่อนลงทันทีเมื่อเป็นคำพูดของไป๋จูเหวิน ดูท่าความสามารถดึงดูดอสูรจะเพิ่มขึ้นตามพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินเสียด้วยเพราะอสูรปักษาเหล่านั้นพากันลงมายืนบนหลังของหลินหลินกันถ้วนหน้า
“มันหนักนะ”หลินหลินว่าพลางมองเหล่าอสูรปักษาที่ลงมายืนบนหลังนางกันหมด
“ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการสมัครเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูรของพวกเราหรือ”อสูรอินทรีว่าพลางเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวผู้ผอมเพรียวในทันที
“หัวหน้า ให้ข้าพาคุณชายไปยังที่รับสมัครเถอะ”อสูรอินทรีอีกตนว่าพลางกลายร่างเป็นหญิงสาวเช่นกัน
“ท่านหัวหน้ากับท่านรองมีงานให้รับผิดชอบมากมาย ท่านได้โปรดมอบหน้าที่นี้ให้ข้าเถอะ”อสูรปักษาสายฟ้าตนหนึ่งแปลงกายมาเป็นมนุษย์และเข้าแย่งตำแหน่งผู้นำทางด้วยอีกตน
“พวกเจ้าอย่างเถียงกัน ข้าจะพาคุฯชายท่านนี้ไปเอง”อสูรอินทรีผู้ครองตำแหน่งหัวหน้าว่าพลางผลักร่างของเหล่าสาวๆออก ส่วนอสูรปักษาเพศผู้ที่กำลังจะเสนอตัวก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียดายเพราะหัวหน้าของพวกมันยึดหน้าที่ไปเสียแล้ว
“หลินหลิน ถึงประตูเมืองแล้วเจ้าคืนร่างเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางบอกให้หลินหลินคืนร่างเป็นเด็กสาวตามเดิม ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกมันจะเดินทางมาถึงเมืองร้อยแปดอสูรภายใน 10 วันเท่านั้น
คอมเม้นต์