บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 94 พบแม่

อ่านนิยายจีนเรื่อง บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 94 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 94

พบแม่

 

ตึงๆๆๆ หลังจากออกจากเมืองมาแล้วหลินหลินและหงเยว่ก็ตามพวกไป๋จูเหวินมาจนทันด้วยร่างแมงมุมของพวกนาง เมื่อเห็นว่าหลินหลินเดินทางไวกว่าเกี้ยวขององค์ชายอู๋เทียนเหวิน พวกมันก็ตัดสินใจลงจากเกี้ยวและนั่งหลังของหลินหลินไปแทน

“พี่เหม่ยหลิน ข้าขอโทษ”ขณะกำลังนั่งอยู่บนหลงของเหม่ยหลิน อู๋เทียนเหวินก็ก้มหน้าขอโทษเหม่ยหลินที่ทำตามใจตนเองโดยไม่สนว่าหวงหลงจะคิดเช่นไร

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ องค์ชายทำเพื่อท่านแม่นี่นา…”เหม่ยหลินว่าพลางลูบอกตัวเองเบาๆ นางยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามารดาที่ไม่เคยเจอมาก่อนจะยังมีชีวิตอยู่ หากไม่ได้คำยืนยันจากปากพี่หยวนหยวนละก็ นางคงคิดว่าองค์ชายอู๋เทียรเหวินกำลังหลอกลวงแน่ๆ ดูเหมือนหยวนหยวนเองก็ไม่ทราบว่ามารดาของเหม่ยหลินถูกส่งไปที่ไหน แม้จะรับงานล่าอสูรจนต้องเดินทางอยู่ตลอด พี่หยวนหยวนก็ไม่เคยได้หลิ่นหรือวี่แววอะไรของมารดานางเลย ครั้นจะบอกความจริงก็ไม่กล้า พอองค์ชายเล่าเรื่องน้องสาวต่างพ่อของเหม่ยหลินออกมาหยวนหยวนจึงกล้าเล่าเรื่องมารดาของเหม่ยหลินให้ฟัง

“แล้วก็…”เหม่ยหลินมองไปทางอู๋หมิงครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหัวลงช้าๆ

“ต้องขอโทษด้วยนะ…เหมือนข้าจะลากท่านมายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องซะแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางถอนหายใจออกมา อยู่ๆอาวุโสเทียนหมิงก็หมั้นหมายนางกับอู๋หมิงเสียอย่างนั้น แม้จะทำเพื่อสร้างข้ออ้างเท่านั้นแต่ก็ลากอู๋หมิงเข้ามาเกี่ยวเสียแล้ว

“ข้าไม่เคยบอกสักหน่อยว่าหมั้นเจ้ากับอู๋หมิง”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางหัวเราะออกมา

“เอ๊ะ?”เหม่ยหลินเอียงคอเล็กน้อยพลางมองอาวุโสเทียนหมิงราวกับจะคาดคั้นคำตอบ

“ข้าบอกว่าจะหมั้นเจ้ากับศิษย์ข้า ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าศิษย์คนไหน”อาวุโสเทียนหมิงยักไหล่เบาๆพลางเอนตัวลงนอนบนหลังของหลินหลิน

“แต่..ท่านมีอู๋หมิงเป็นศิษย์คนเดียวนี่เจ้าคะ”เหม่ยหลินว่าพลางขมวดคิ้วมุ่น นี่ท่านเห็นเรื่องหมั้นหมายของหญิงสาวเป็นเรื่องเช่นไรกัน

“ก็..สมมุติว่าข้ารับเจ้าเด็กน้อยไป๋มาเป็นศิษย์อีกคน เจ้าก็จะหมั้นกับมันได้ยังไงล่ะ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางยิ้มกว้าง

“เรื่องนั้น….”เหม่ยหลินนิ่งไปพักหนึ่งพลางมองไปที่ไป๋จูเหวิน หากเป็นเช่นนั้นบางทีคงจะไม่เลวนัก

“ฮ้าๆ เห็นมันท่าทางเรียบร้อยเช่นนี้ ใครจะไปคิดว่ามันจะบุกเข้าไปชิงตัวลูกสาวของหวงหลงมาดื้อๆได้ เจ้านี่ไม่คิดอะไรเลยหรือไง”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางหัวเราะร่า ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาภาพไป๋จูเหวินจูงมือเหม่ยหลินกระโดดออกมาจากวังมังกรเป็นภาพที่มันอึ้งที่สุดแล้ว นอกจากจะกระตุกหนวดมังกรของหวงหลงแล้วมันยังชิงแก้วมังกรมาต่อหน้าต่อตาอีกต่างหาก

“ข้าก็แค่ อยากให้นางได้เจอแม่”ไป๋จูเหวินพูดพลางยิ้มออกมา

“ข้าโตมาโดยมีท่านแม่และพวกท่านน้าเลี้ยงดู วันที่ท่านแม่จากไปทำให้ข้าเสียใจที่สุด พอฟังเรื่องของเหม่ยหลินข้าก็คิดขึ้นมาว่า หากข้าได้พบกับท่านแม่อีกไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดข้าก็จะทำ หลังจากนั้นข้าก็กระโดดลงจากเกี้ยวไปแล้ว” ไป๋จูเหวินว่าพลางเกาแก้มเบาๆ จะเรียกว่ามันทำลงไปเพราะไม่คิดอะไรเลยก็คงได้

“ให้ตายสิ หวงหลงมันต้องโกรธเป็นฟินเป็นไฟแน่”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางมององครักษ์ขององค์ชายอู๋เทียนเหวินที่นั่งเงียบๆอยู่ด้านหลัง พวกมันต่างอยู่ระดับเทียนเซียน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวมันเองที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้น 10 มานานหลายปี ต่อให้หวงหลงตามมาจนทันก็ยากที่จะชนะ

“เทียนเหวิน เมืองที่เจ้าบอกอยู่อีกไกลหรือเปล่า”อาวุโสเทียนหมิงถามขณะขาของหงเยว่กำลังจ้ำเอาๆไปข้างหน้าแทนหลินหลินที่กำลังพักผ่อนอยู่

“ใกล้แล้วขอรับ แมงมุมของพี่ไป๋เดินทางเร็วมากจริงๆ”องค์ชายอู๋เทียนเหวินว่าพลางมองร่างของหงเยว่ ตอนนี้มันอยากได้อสูรแมงมุมสักตัวแล้วสิ พวกนางเดินทางไวแถมยังนั่งสบายด้วยเพราะตัวพวกนางแทบไม่มีการกระแทกเลย

“แต่ข้าจะไม่ไปเป็นขององค์ชายหรอกนะ”หลินหลินว่าพลางกอดไป๋จูเหวินแน่น ทำเอาอู๋เทียนเหวินหัวเราะเจื่อนๆออกมา จะว่าไปครั้งแรกมันก็ขอตัวหลินหลินกับหงเยว่จากไป๋จูเหวินจริงๆนี่นา

“ข้างหน้า ถึงแล้วๆ”อู๋เทียนเหวินว่าพลางชี้ไปที่เมืองด้านหน้าที่เห็นอยู่ลับขอบฟ้า ด้วยกำลังของแมงมุมทั้ง 2 ตนพวกมันเดินทางมายังเขตนครแก้วผลึกด้วยเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่คนปกติเดินทางกัน 3 หรือ 4 เดือนเลย

“ป่านนี้แล้วหวงหลงคงกำลังไล่ตามมาแล้วล่ะ รีบพาเหม่ยหลินไปเถอะ”อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางกระโดดลงจากหลังของหงเยว่ มันคว้ากระบี่ขึ้นมาพลางยืนกอดอกอยู่บนยอดไม้แถวนั้นราวกับจะยืนเฝ้ายามให้ตรงนี้

“ขอรับ”อู๋เทียนเหวินรับคำพลางวิ่งนำพวกไป๋จูเหวินเข้าเมืองไปอย่างรวดเร็ว

“พี่เทียนเหวินนี่นา ท่านหายไปไหนมาตั้งหลายเดือน”ทหารเฝ้าหน้าเมืองถามพลางมองพวกเทียนเหวินที่วิ่งเข้ามาในเมือง

“ข้าไปทำธุระที่เมืองอื่นนะ นี่สหายข้าเจ้าช่วยให้พวกเขาเข้าไปเลยได้ไหม”เทียนเหวินถามพลางยิ้มกว้าง

“ก็ได้ แต่พี่ห้ามบอกหัวหน้านะ”ทหารเฝ้าประตูว่าพลางปล่อยให้พวกไป๋จูเหวินเข้าไปอย่างง่ายดาย

“ท่าทางเจ้าจะไม่ได้บอกคนในเมืองสินะ ว่าเข้าเป็นองค์ชาย”อู๋หมิงถามพลางมองคนในเมืองที่ไม่ได้มองอู๋เทียนเหวินเป็นองค์ชายเลย พวกมันยิ้มและโบกมือทักทายอู่เทียนเหวินราวกับเป็นคนในเมืองเท่านั้น

“แน่นอนสิ ความรักระหว่างเจ้าชายที่ปลอมตัวมากับสาวชาวบ้านมันฟังดูดีไม่ใช่หรือไง”อู๋เทียนเหวินหัวเราะพลางยิ้มกว้าง

“ก็ฟังดูดี ยกเว้นตรงที่แม่ของฝ่ายหญิงดันไปเกี่ยวข้องกับหวงหลงนี่สิ”อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้มันจะไม่ได้เห็นกับตา แต่ตลอดเดือนที่เดินทางด้วยกันมาพวกไป๋จูเหวินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนหมดแล้วตัวมันเองก็ไม่คาดคิดว่าอู๋เทียนเหวินจะทำถึงขนาดนี้

“เรื่องนั้นใครจะไปรู้ล่ะพี่ใหญ่”อู่เทียนเหวินว่าพลางทำหน้าเหยเกออกมาเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย

“ถึงแล้ว”เทียนเหวินหยุดเดินพลางส่งสัญญาณมือบอกให้พวกไป๋จูเหวินรอมันที่หน้าร้าน ก่อนที่ตัวมันจะเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย

“พี่เทียนเหวิน พี่ไม่มาหลายวันเลยเป็นอะไรหรือเปล่า”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่อู๋เทียนเหวินเดินเข้าไปในร้าน ทำให้สายตาของพวกไป๋จูเหวินจดจ้องไปที่นางทันที

“ข้าไปทำงานที่เมืองข้างๆมา พึ่งจะกลับมาถึงเมื่อครู่เอง”อู๋เทียนเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ท่าทีที่มันยืนอยู่ต่อหน้าเหม่ยฮวาน้องสาวของเหม่ยหลินนั้นแปลกตาไปมากเมื่อเทียบกับตอนไป๋จูเหวินามันเที่ยวชมเมือง มันไม่บุกเข้าไปตรงๆแถมไม่พูดว่ามาเป็นของมันหรือไม่อย่างที่พูดทุกครั้งเลย

“จริงสิ ท่านแม่ของเจ้าหายป่วยหรือยัง”เทียนเหวินถามด้วยท่าทีเป็นห่วง

“ท่านแม่อาการเบาขึ้นมากแล้วค่ะ แต่ท่านก็ยังดูเหม่อๆอยู่เลย”เหม่ยฮวาตอบพลางยิ้มเศร้าๆออกมา หากจะถามว่าเหม่ยฮวามีรูปร่างหน้าตาเช่นไรก็คงบอกได้ว่าเหมือนเหม่ยลหินไปกว่าครึ่ง แต่นางจะดูธรรมดากว่าไม่ได้งดงามจนผู้ผ่านไปมาต้องหยุดมองเช่นเหม่ยหลิน อาจจะเพราะสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งของนางไม่ใช่หวงหลงก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะมองมุมไหนนางก็เป็นน้องสาวของเหม่ยหลินอย่างแน่นอน

“อย่างนี้นี่เอง งั้นข้าขอตัวก่อนนะ”เทียนเหวินว่าพลางขอตัวออกจากร้านไป มันออกมาจากร้านพลางเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ด้านหลังขอองร้านไปไม่มาก หลังจากมันเปิดประตูพูดคุยกับคนในบ้านเล็กน้อยมันก็ออกมาพร้อมโบกมือเรียกเหม่ยหลินให้เข้าไปด้านใน

“เจ้าจะไม่บอกเหม่ยฮวาเหรอ”อู๋หมิงถามพลางมองเหม่ยฮวาที่อยู่ในร้าน

“นางยังไม่รู้ว่าตนเองมีพี่สาวนี่นา”เทียนเหวินว่าพลางเกาแก้มเก้อๆ

“แบบนั้นนางก็ไม่รู้นะสิว่าเจ้าเป็นคนพาเหม่ยหลินมาพบแม่ของนาง”อู๋หมิงถามพลางขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ในเมื่อเหม่ยฮวาไม่รู้ว่าตนเองมีพี่สาว นั่นย่อมหมายความว่ามารดาของนางไม่เคยบอก ทั้งๆที่ป่วยเพราะคิดถึงเหม่ยหลินแท้ๆ แต่ต่อให้พาเหม่ยหลินมาพบนางจนอาการดีขึ้นเหม่ยฮวาก้ไม่ได้ทราบอยู่ดีว่าเทียนเหวินทำเพื่อนาง แบบนั้นดีแล้วงั้นหรือ

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ข้าแค่อยากให้นางมีความสุข”เทียนเหวินยิ้มพลางมองเหม่ยหลินที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ

ตุบ..อู๋หมิงไม่ได้พูดอะไรต่อ มันเพียงตบบ่าของอู๋เทียนเหวินเบาๆเท่านั้น

“……”ทางด้านเหม่ยหลิน นางค่อยๆเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ ที่นี่เป็นบ้านหลังเล็กๆทั้งแคบและเก่า ห้องก็มีเพียงห้องเล็กๆ 2 ห้องเท่านั้น แต่ยิ่งห้องตรงหน้าใกล้เข้ามาเท่าไหร่เหม่ยหลินก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งเท่านั้น

ครืดด.. ประตูไม้เก่าๆเปิดออกช้าๆ ทำให้เหม่ยหลินได้เห็นหญิงวัยกลางคนนางหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเตียง นางมีใบหน้าซูบเซียว แต่ถึงอย่างนั้นความงามของนางก็ไม่ได้ลดลงเลย

“…..”แม้ไม่เคยได้พบหน้า แต่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าก็แทบจะรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางช่างเหมือนเหม่ยฮวาไม่มีผิด ราวกับเหม่ยฮวาที่โตขึ้นมาอีกสองสามปีเลย

“มาให้แม่กอดเจ้าหน่อย”เสียงของหยิงวัยกลางคนตรงหน้าทำเอาขอบตาของเหม่ยหลินเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ก่อนที่น้ำตาจะหยดถึงพื้นร่างของเหม่ยหลินก็โผเข้าหาร่างของมารดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด