บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 114 เซียนหมัด
ตอนที 114
เซียนหมัด
“เจอผู้ร่วมทางอีกแล้วงั้นเหรอ”หวงหลงบ่นพึมพำขณะขี่หลังของไป๋หู่เข้ามาในเมืองแห่งหนึ่งที่อยุ่ระหว่างทางไปยังงานชุมนุม
“ช่วยไม่ได้หรอก ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน จะเจอกันระหว่างทางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”หัวหน้าถังถอนหายใจเล็กน้อยพลางพาราชสีห์ดำเข้าไปในเมืองเช่นเดียวกัน
หากถามว่าทำไมทั้ง 2 คนถึงเข้าใจว่าในเมืองมีผู้ร่วมทางอยู่ด้วยก็คงตอบได้ไม่ยากเพราะแม้แต่ไป๋จูเหวินยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าภายในเมืองมีผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 อยู่อีกคน นอกจากนี้ยังมีคนระดับเทียนเซียนอยู่อีกไม่ต่ำกว่า 5 คน นับว่าเป็นกลุ่มใหญ่เลยทีเดียว
“ดูเหมือนจะเป็นคนของเซียนหมัดสินะ”หวงหลงว่าพลางมองเหล่าผู้ฝึกฝนวิญญาณภายในเมือง นอกจากผู้อยู่ระดับเทียนเซียน 6 คนแล้วในเมืองยังมีพลังวิญญาณที่สูงผิดปกติอีกจำนวนหนึ่ง แม้ไม้มากเท่ากลุ่มผู้ฝึกอสูร แต่ก็มากกว่ากลุ่มนักล่าอสูรของไป๋จูเหวินนับเท่าตัว แถมพวกมันยังสวมใส่เครื่องแบบเป็นชุดแขนกุดสีน้ำตาล และที่ข้อมือของพวกมันก็มีปลอกแขนเหล็กกล้าที่สลักลายกระทิงเอาไว้ทุกคน
“ถ้าพวกมันไม่เข้ามายุ่งกับพวกเราก็ไม่ต้องทำอะไร”หัวหน้าถังประกาศพลางพากลุ่มของมันไปยังเหลาอาหารแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อนดื่มกินและเตรียมเสบียงให้พร้อมก่อนจะเดินทางต่อให้ได้ไวที่สุด
“ถ้าพวกมันไม่ทำอะไรก็ดีหรอก”ถังซินว่าพลางถอนหายใจออกมา นอกจากกลุ่มนักล่าอสูรแล้ว คนที่กลุ่มผู้ฝึกอสูรไม่ถูกชะตาด้วยที่สุดก็คงเป็นเหล่าคนของเซียนหมัดอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้กลุ่มผู้ฝึกอสูรเน้นไปในการเลี้ยงดูอสูรเสียมากกว่า ทำให้ศิษย์ของเซียนหมัดที่เน้นฝึกฝนร่างกายดูถูกดูแคลนเหล่าผู้ฝึกอสูรกันไม่น้อย
“ดูฝูงอสูรนั่นสิ พวกมันทนกลิ่นสาปของอสูรได้ยังไงกันนะ”เหล่าศิษย์ของเซียนหมัดที่อยู่แถวนั้นพากันหัวเราะพลางมองมาทางกลุ่มของผู้ฝึกอสูร
“เจ้าพวกอ่อนแอ เอาแต่พึ่งพาแต่อสูรแล้วปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ”ชายคนหนึ่งพูดพลางยิ้มออกมา แม้พลังของกลุ่มผู้ฝึกอสูรจะมีกันมากมาย แต่ด้วยกลุ่มผู้ฝึกอสูรไม่มีวิชาต่อสู้ที๋โดดเด่นอะไร เมือเทียบกับสำนักอื่นๆลุ่มผู้ฝึกอสูรค่อนข้างอ่อนแอทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น คนของกลุ่มผู้ฝึกอสูรกลับใจเย็นเกินคาด เพราพพวกมันไม่แม้แต่จะมีท่าทีสนใจเสียงนินทาของพวกเซียนหมัดเลย เพียงแต่จะหวังให้ไม่มีการปะทะกันเลยก็คงจะขอมากเกินไป เพราะทันทีที่เซียนหมัดผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ สัมผัสพลังของหัวหน้ถังได้ มันก็เริ่มเคลื่อนไหวมาทางเหลาอาหารที่กลุ่มผู้ฝึกอสูรเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวหน้าถังได้แต่ถอนหายใจและปั้นหน้ายิ้มเท่านั้น
ตึง… ร่างกายใหญ่โตของเซียนหมัดปรากฏขึ้นที่หน้าเหลาอาหาร ตัวมันสูงราวๆ 2 เมตร และมีกล้ามเนื้อที่มากจนตัวมันหน้าราวกับหมี ทำเอาเหล่าคนธรรมดาที่อยู่แถวนั้นต่างพากนถอยหนีในทันที
“ไม่นึกเลยว่าจะได้พบหั้วหน้ากลุ่มผู้ฝึกอสูรและหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรที่นี่”เซียนหมัดว่าพลางเดินเข้ามาหาหัวหน้าถังและหวงหลงในทันที
“บังเอิญจริงๆท่านเซียนหมัด”หัวหน้าถังตอบรับด้วยรอยยิ้มพลางรินชาใส่ถ้วยให้กับเซียนหมัด
“ขอบใจ”เซียนหมัดว่าพลางยิ้มกว้าง มันดื่มชาในถ้วยอย่างไม่ลังเลก่อนจะบีบถ้วยชาด้วยมือเปล่าจนถ้วยชากลายเป็นเศษผงโปรยลงมาบนพื้น
“คราวนี้มีการประลองของศิษย์รุ่นใหม่ ข้าได้เตรียมศิษย์คนหนึ่งมาเข้าร่วม มันพึ่งจะอายุ 28 ปีเท่านั้น”เซียนหมัดว่าพลางผายมือไปด้านหลัง ทำให้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน มันมีรุปร่างสูงใหญ่จนสะดุดตา หากไม่มีเซียนหมัดอยู่ตรงนี้มันคงเป็นชายที่ร่างกายใหญ่โตที่สุดเป็นแน่
“ไม่เลว ศิษย์ของท่านก้าวถึงระดับชำระวิญญาณแล้ว นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่คาดหวังได้จริงๆ”หัวหน้าถังว่าพลางยิ้มอย่างยากเย็น บุตรสาวของมันถังซินพึ่งจะอยู่ระดับชำระเส้นเอ้นขั้นที่ 5 เท่านั้น พลังยังอ่อนด้อยกว่าศิษย์ของเซียนหมัดอยู่ครึ่งขั้น เมื่อประกอบกับกำลังกายและทักษะวิชายุทธแล้วนางย่อมอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าหากนางสามารถสู้ร่วมกับอสูรของนางได้ก็มีหนทางชนะแต่การประลองครั้งนี้เป็นการประลองเดี่ยว การนำอสูรเข้ามาสู้ด้วยไม่อยู่ในกฎของการประลองครั้งนี้
“แน่นอน มันจะชนะการประลองในครั้งนี้ และเอารางวัลของเฒ่าประทับสวรรค์มา”เซียนหมัดว่าพลางยิ้มกว้าง
“หึๆ ท่านดูมั่นใจจริงๆ อย่าลืมสิว่ายังมีศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิง กับศิษย์ของเซียนดาบอยู่ พวกมันทั้งสองนับเป็นดาวรุ่งของศิษย์รุ่นใหม่เลยทีเดียว ไหนจะศิษย์ที่เฒ่าประทับสวรรค์พึ่งรับมาอีกต่างหาก”หวงหลงว่าพลางจ้องมองเซียนหมัดอย่างไม่ชอบใจนัก แม้หวงหลงจะพึ่งอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 1 แต่ก็มีอำนาจและเหล่าอสูรมากมายคอยหนุนหลัง ไม่ใช่ว่ามันจะอ่อนแอจนไม่สามารถต่อปากต่อคำกับเหล่าผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้น 10 เลย แถมด้วยตัวมันได้เรียนวิชาร่างสถิตมังกรต่อจากบิดิ ยามนี้ตัวมันต่อให้เป็นผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 3 ก็สามารถเอาชนะได้
“ท่าทางข่างกรองของท่านหวงหลงจะเชื่องช้าไปเสียหน่อย”เซียนหมัดว่าพลางหัวเราะออกมา
“หมายความว่าไง”หวงหลงถามพลางมองเซียนหมัดอย่างสงสัย
“ศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงไม่ได้เข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ เพราะมันพึ่งแยกตัวออกไปฝึกฝนด้วยตนเอง และศิษย์ของเซียนดาบก็พึ่งธาตุไฟเข้าแทรกไปเมื่อเดือนที่แล้ว”ได้ยินข่าวจากเซียนหมัด ดวงตาของหวงหลงก็เบิกกว้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
“ส่วนศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์ มันพึ่งเข้ามาเป็นศิษย์ไม่นาน ข้าไม่คิดว่ามันจะสามารถฝึกฝนฝ่ามือปรทับสวรรค์ได้ด้วยเวลาเพียงเท่านั้นหรอก”เซียนหมัดว่าพลางยิ้มออกมา แม้ภายนอกมันจะดูเหมือนมนุษย์กล้ามบ้าพลัง สามารถหาข่าวสารและวิเคราะห์ออกมาได้ดีจริงๆ
“ในโลกนี้ยังมีคนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอยู่”หัวหน้าถังว่าพลางยิ้มออกมา
“เจ้าจะบอกว่าศิษย์ของเฒ่าประทับสวรรค์เป็นอัจฉริยะที่ฝึกฝนฝ่ามือประทับสวรรค์ด้วยเวลาไม่นานงั้นเหรอ”เซียนหมัดถามพลางมองหัวหน้าถังด้วยสายตาดูถูก ตัวมันเคยประมือกับเฒ่าประทับสวรรค์มาแล้ว แม้ทั้งคู่จะอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 แต่ก็มีความเหลื่อมล้ำของความเข้มข้นของพลังและทักษะวิชาอยู่ช่วงใหญ่ ฝ่ามือแปลกประหลาดพิสดารเช่นนั้นมันไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้สามารถฝึกฝนได้ในเวลาไม่นาน
“หากไม่เป็นเช่นนั้น ทำไมเฒ่าประทับสวรรค์ถึงเลื่อนงานชุมนุมเข้ามาล่ะ”หัวหน้าถังว่าพลางจ้องมองเซียนหมัดด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“เรื่องนั้นก็ต้องให้ได้เห็นกับตา สิ่งที่เจ้าพูดมาก็เพียงการคาดเดา”เซียนหมัดตอบพลางกัดฟันแน่น
“ก็ต้องดูกันต่อไป”หัวหน้าถังยิ้มพลางหัวเราะออกมา
“แต่อย่างน้อยศิษย์ของข้าก็แข็งแกร่งกว่าบุตรสาวเจ้าก็แล้วกัน”อยู่ดีๆเซียนหมัดก็หาเรื่องขึ้นมาพลางมองมาทางถังซิน
“อาจารย์ ท่านอย่าได้กร่าวเช่นนั้นเลย การเอาข้าไปเทียบกับนางก็ออกจะน่าสงสารเกินไปนะขอรับ”ศิษย์ของเซียนหมัดว่าพลางมองมาทางถังซินด้วยรอยยิ้มน่ารังเกียจ ทำเอาถังซินเบ้หน้าไปในทันที
“น่าเสียดาย นางออกจะงดงามแท้ๆ แต่กลับขลุกตัวอยู่กับอสูรจนเสียราคาหมด”ได้ยินคำพูดของศิษย์เซียนหมัด ใบหน้าของถังซินก็แดงจัดด้วยความโกรธ
“เจ้า…”ถังซินพุ่งพรวดเข้าไปหาศิษย์ของเซียนหมัดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะง้างมือหมายจะตบหน้าของชายคนนั้น
หมับ! มือของศิษย์เซียนหมัดคว้าข้อมือของถังซินเอาไว้อย่างรวดเร็ว ด้วยกำลังกายที่ฝึกมาอย่างหนักของสำนักเซียนหมัด มันมีกำลังเหนือกว่าถังซินหลายขุม ทำให้ถังซินไม่สามารหลุดออกจากการจับกุมของมันได้
“ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ถูกหรอกนะ”ไป๋จูเหวินที่นั่งเงียบอยู่นานเห็นถังซินโดนจับข้อมือเอาไว้ก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินเข้าไปหาศิษย์ของเซียนหมัดอย่างรวดเร็ว
หมับ…ไป๋จูเหวินคว้าข้อมือของศิษย์เซียนหมัดก่อนจะออกแรงบีบจนศิษย์ของเซียนหมัดต้องยอมปล่อยมือของถังซินออก ไม่ทราบทำไมพอเห็นอีกฝ่ายทำร้ายถังซินแล้วตัวไป๋จูเหวินกลับรู้สึกโกรธขึ้นมา
“ตัวข้าคิดว่าพี่ถังซินนั้นงดงามที่สุดตอนอยู่กับเหล่าอสูรต่างหาก”ไป๋จูเหวินตอบพลางปล่อยข้อมือของศิษย์เซียนหมัดไป การฝึกฝนเคล็ดวิชาร่างสถิตมังกรนั้นไม่เหมือนการฝึกเคล็ดวิชาโลหิตมังกรเลยแม้แต่น้อย การฝึกร่างสถิตมังกรนั้นมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งของร่างกายไม่ว่าจะผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือชีพจรวิญญาณ แต่พอฝึกร่วมกับเคล็ดโลหิตมังกรที่เร่งเร้าพลังวิญญาณจนโลหิตเดือดพล่านแล้วมันกลับทำให้การฝึกฝนเร็วขึ้นมาก
“เจ้า”ศิษย์ของเซียนหมัดโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ไม่ใช่เพราะโดนไป๋จูเหวินต่อว่า แต่มันพึ่งโดนบีบข้อมือจนต้องยอมปล่อยตัวถังซินไปต่างหาก
เปรี้ยง! หมัดของศิษย์เซียนหมัดถูกต่อยออกมาอย่างรุนแรงจนน่ากลัว แต่เมื่อปะทะเข้ากับฝ่ามือของไป๋จูเหวินหมัดของมันก็ราวกับแปะอยู่กับฝ่ามือของไป๋จูเหวินเท่านั้นไม่ได้มีแรงกระแทกใดๆเลย
“พอเท่านั้น”เซียนหมัดว่าพลางล็อคคอของศิษย์ตนเองเอาไว้
“ดูท่าการทักทายจะจบลงเท่านี้ เอาไว้พวกเจ้าค่อยไปประลองกันในงานชุมนุมเถอะ”เซียนหมัดว่าพลางขอตัวออกจากเหลาอาหารไปก่อน
“เจ้าบ้า หากเจ้าลงมือก่อนเริ่มงานประลอง ชื่อเสียงของข้าไม่ป่นปี้หมดอย่างนั้นหรือ”ขณะเดินทางกลับจากเหลาอาหาร เซียนหมัดก็ออกปากต่อว่าศิษย์ของตนในทันที เพราะหากมีการทำร้ายศิษย์ของอีกฝ่ายก่อนการประลอง คนย่อมมองว่าเซียนหมัดเล่นไม่ซื่ออย่างแน่นอน
“อะ อาจารย์”ศิษย์ของเซียนหมัดเงียบไปพลางก้มหน้าลง
“ไม่เป็นไร โชคดีที่เข้ายั้งมือเอาไว้ทัน หากเจ้าแค้นมันก็ค่อยจัดการมันในงานประลองเถอะ”เซียนหมัดว่าพลางเดินกลับที่พักของตนไปอย่างรวดเร็ว มีแต่ศิษย์ของมันเท่านั้นที่ก้มหน้าพูดไม่ออก เมื่อครู่มันไม่ได้ยั้งมือเลย กลับกันมันกพจะต่อยให้แขนของไป๋จูเหวินหักไปเลยต่างหาก แต่อีกฝ่ายกลับรับหมัดของมันเอาไว้อย่างง่ายดายทำเอามันทำอะไรไม่ถูก
คอมเม้นต์