บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 120 จ้าวหยุนฟาง
ตอนที่ 120
จ้าวหยุนฟาง
ทันทีที่ไป๋จูเหวินกลับมายังลานประลองในเช้าวันถัดมา มันก็พบว่าเหล่ายอดฝีมือต่างพากันมานั่งที่โต๊ะของพวกมันกันจนครบแล้ว แม้แต่เฟยหลงและศิษย์ของเซียนดาบต่างก็มาที่ลานประลองกันหมดแล้ว
“เจ้ามาสายนะ”เฟยหลงว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสบายๆ ทั้งๆที่ไป๋จูเหวินมาไวกว่าเวลานัดร่วมชั่วโมง มันยังมาสายอีกงั้นหรือ?
“เอาล่ะ ในเมื่อมากันแล้วข้าก็เริ่มกันได้เลย ข้าได้จัดคิวประลองเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา เพราะในรอบสุดท้ายเหลือผู้ลงประลอง 3 คน ทำให้ใช้การประลองแบบพบกันหมด โดยจะแข่งกัน 3 รอบ หากยังไม่ได้ผู้ชนะก็แข่งซ้ำจนกว่าจะได้ผู้ชนะ ไม่มีการได้อันดับร่วมแต่อย่างไรเพราะรางวัลที่เตรียมให้ไม่ใช่ของที่จะหามาเพิ่มได้ง่ายๆ
“เจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์”หวงหลงว่าพลางจ้องไปที่กระดาษในมือของเฒ่าประทับสวรรค์ แม้จะเล็กน้อยแต่มันก็หาทางให้ศิษย์มันได้เปรียบจนได้ เพราะมันเล่นจัดการประลองรอบแรกเป็นคู่ของไป๋จูเหวินกับศิษย์ของเซียนดาบ แน่นอนว่าการต่อสู้ของทั้งสองย่อมมีการบาดเจ็บกันบ้าง และเมื่อจบการประลองมันจะให้ศิษย์ของมันสู้กับศิษย์ของเซียนดาบที่ยังไม่ได้พักผ่อนเพื่อเอาชนะให้ไวที่สัด หลังจากนั้นค่อยประลองกับไป๋จูเหวินต่อ แม้จะไม่มากแต่เฟยหลงก็ได้เปรียบกว่าอีกสองคนอยู่ดี
“หยุนฟาง อย่าได้ประมาทมันเด็ดขาด”เซียนดาบออกปากเตือนศิษย์ตนเองก่อนที่นางจะลงประลอง แม้จะเหมือนการเตือนปกติ แต่ตลอดการประลองที่ผ่านมาเซียนดาบไม่เคยออกมาเตือนนางมาก่อนทั้งๆที่คู่ต่อสู้บางคนมีระดับพลังวิญญาณสูงกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก ทำให้ได้แต่รับคำและยอมทำตามอาจารย์แต่โดยดี
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”จ้าวหยุนฟางว่าพลางประสานมือคารวะให้กับอาจารย์ของตน ตัวนางนั้นมีชีวิตไม่ได้ต่างจากอู๋หมิงเท่าไหร่นัก เพราะนางติดตามอาจารย์เดินทางไปไหนต่อไหนแต่เด็ก เพียงแต่นางไม่ได้เป็นองค์ชาย แน่นอนนางไม่ใช่องค์หญิงด้วย ชีวิตก่อนเจออาจารย์นั้นช่างแสนลำบากยากเย็น นางไม่มีแม้แต่เงินจะซื้ออาหาร ได้แต่ลักขโมยของกินไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งนางก็ไปขโมยของๆคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งจนได้ นางพยายามขโมยของจากอาจารย์ของนางที่ตอนนั้นก็เป็นเซียนดาบอยู่แล้ว ไม่ต้องเดาเลยว่านางโดนจับอย่างง่ายดาย แต่อาจารย์ก็ไม่ใช่คนใจร้าย อาจารย์เอาอาหารให้นาง และมอบเงินให้นิดหน่อยเพื่อใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แต่ความใจดีของอาจารย์กลับไม่ส่งผลดีเสียเท่าไหร่ เพราะทันทีที่เห็นว่านางได้เงินมาจำนวนหนึ่ง เหล่าเด็กเร่ร่อนที่มักจะลักขโมยหาของกินกันแถวนั้นก็เข้ามารุมนางทันที แน่นอนว่านางไม่มีทางมอบของๆนางให้พวกมันเด็ดขาด แม้จะเป็นหญิงแต่นางก็สู้สุดความ
ด้วยพรมลิขิตหรืออะไรก็ไม่ทราบ อาจารย์ของนางเห็นการต่อสู้ของเด็กกลุ่มนั้นแล้วมองเห็นอัจฉริยะภาพในตัวของหยุนฟาง ก่อนจะรับนางมาดูแลเป็นศิษย์อาจารย์ในเวลาต่อมา
“เริ่มการประลองได้”เฒ่าประทับสวรรค์ให้สัญญาณพลางมองหญิงสาวและชายหนุ่มที่เดินออกมาเผชิญหน้ากันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งพวกมันตะลุมบอนกับเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ศิษย์มันได้เปรียบเท่านั้น ตัวมันยามนี้หวังว่าไป๋จูเหวินจะสร้างความเสียหายให้หยุนฟางให้มากเท่าที่จะมากได้ เมื่อหยุนฟางประลองกับศิษย์ของมันก็จะพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
ฟุบ..หยุนฟางตั้งท่าดาบด้วยท่าทีเรียบเฉย ยามนั้นพลังเซียนที่ไหลออกมาจากร่างของนางก็ทำให้บรรยากาศโดยรอบเย็นขึ้นมาจับใจ นี่คือหนึ่งในความแตกต่างระหว่างผู้อยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียน เพราะพวกมันต่างสามารถนำพลังเซียนมาใช้แทนพลังวิญญาณได้นั่นเอง ทำให้ระยะห่างจากคนระดับชำระวิญญาณอยู่ห่างจากระดับก่อกำเนิดพลังเซียนอยู่มาก
ฟิ้ว…หยุนฟางฟาดดาบในมือของนางมาทางไป๋จูเหวิน พริบตานั้นคลื่นดาบสายหนึ่งก็พุ่งมาทางไป๋จูเหวินราวกับดาบขยายใหญ่ขึ้นเป็นสิบๆเท่าแล้วพาดลงมาข้างๆตัวไป๋จูเหวินก็ไม่ปาน
เคร๊ง! แม้รอบแรกไป๋จูเหวินจะสามารถหลบได้ แต่หยุนฟางไม่ได้โจมตีแค่ครั้งเดียว เพียงแต่ไป๋จูเหวินกลับยกฝ่ามือขึ้นป้องกันดาบของนางราวกับคิดจะฆ่าตัวตาย เพียงแต่ฝ่ามือของไป๋จูเหวินกลับส่งเสียงราวกับโลหะเมื่อปะทะเข้ากับคลื่นดาบของอีกฝ่าย
“….”แม้แต่หยุนฟางเองยังอดตกใจไม่ได้ คลื่นดาบของนางแม้จะไม่คมเท่ากับดาบที่นางถือ แต่มันก็สามารถทำลายอาวุธวิเศษระดับกลางได้เลย หรือว่ามันจะสวมถุงมือที่ทำจากวัสดุพิเศษกัน…. แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรฝ่ามือของมันก็เป็นเพียงฝ่ามือสีขาวขุ่นราวกับไม่มีเลือดเข้าไปเลี้ยงมือของมันเท่านั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนมีถุงมือสวมอยู่บนมือของไป๋จูเหวินเลย
พริบตานั้นหยุนฟางนึกถึงคำของอาจารย์ว่าห้ามนางประมาทเด็ดขาด ทำให้นางยกเรื่องที่ทำไมนางฟันฝ่ามือของไป๋จูเหวินไม่เข้าออกไปก่อน แล้วเคลื่อนตัวเข้าหาไป๋จูเหวินด้วยตนเอง
เคร๊งๆๆ ดาบในมือของนางฟันใส่ไป๋จูเหวินโดยตรง แต่ฝ่ามือของมันกลับสามารถรับดาบของนางได้อย่างง่ายดาย ทำเอาทั้งหยุนฟางทั้งอาจารย์ของนางต่างเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ดาบที่นางถือคือราชันศาสตรา เป็นดาบวิเศษในตำนานที่แม้แต่กระบี่ทรรฆ์สวรรค์ของอาวุโสเทียรหมิงยังมิอาจเทียบชั้นได้ ยามปกติมันสามารถทำลายอาวุธวิเศษได้อย่างง่ายดาย แม้แต่อาวุธวิเศษระดับสูงก็ตาม แต่ยามนี้มันกลับไม่สามารถฟันฝ่ามือเปลือยเปล่าของไป๋จูเหวินได้
“ฝ่ามือนั่นมันอะไรกัน”เหล่าผู้ชมต่างสังเกตเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะชื่อเสียงของดาบราชันศาสตรานั้นโด่งดังไม่แพ้ชื่อของเซียนดาบ หากจะกล่าวว่าแต่ก่อนเซียนดาบสามารถสร้างชื่อได้เพราะมีดาบราชันศาสตราอยู่ในครอบครองก็ไม่ถือว่าเดินจริงเลย เพราะเพียงความแข็งแกร่งของอาวุธก็ต่อกรยากแล้ว จะให้ต่อกรกับผู้ถืออีกก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
“คิกๆ…”หยุนฟางหัวเราะพลางเริ่มแสดงกระบวนท่าดาบออกมาอย่างต่อเนื่อง ปกติเวลาสู้กับคนอื่น เพียงโจมตีใส่อาวุธขอีกฝ่ายไม่นานอาวุธของอีกฝ่ายก็จะผโดนทำลายไปก่อนเสมอ และเมื่ออาวุธโดนทำลายคนส่วนใหญ่ก็แทบจะแพ้ในทันที จะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สู้ต่อ
เคร๊งๆๆๆ ดาบในมือของนางราวกับกำลังร่ายรำอยู่ก็ไม่ปาน ยิ่งได้ออกดาบหยุนฟางก็ราวกับกำลังสนุกไปกับการต่อสู้ นานเท่าไหร่แล้วที่นางไม่ได้พบคู่ต่อสู้ที่สามารถรับมือกับดาบราชันศาสตราได้
“…”ทางด้านไป๋จูเหวินนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังสนุกสนานกับการโจมตีมัน ตัวมันก็แอบคิดไม่ได้ว่าหยุนฟางช่างเป็นหญิงสาวที่คลั่งไคร้การต่อสู้จริงๆ ก่อนจะประลองนางดูเหมือนหญิงสาวเย็นชาไม่พูดไม่จา แต่เมื่อเริ่มสู้แล้วนางกลับเหมือนหิมะที่เริ่มละลายอย่างรวดเร็ว นางเริ่มสนุกไปกับการต่อสู้และใช้ทักษะวิชาออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเพียงกระบวนท่าต่อเนื่องธรรมดาๆ แต่ด้วยความคมของดาบราชันศาสตราแล้วไป๋จูเหวินก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน หากโดนจุดอื่นที่ไม่ใช่ฝ่ามือ คงมีบาดเจ็บบ้างแน่ๆ
เปรี้ยง!! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินฟาดวูบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน
“นั่นไงล่ะ เร็วอย่างที่คิดจริงๆด้วย”เหล่าผู้ชมต่างพากันออกปากพูดถึงเรื่องฝ่ามือของไป๋จูเหวินในทันที แม้แต่ในกลุ่มยอดฝีมือความเร็วของฝ่ามือประกายอัสนีก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างไร ยิ่งเฒ่าประทับสวรรค์เองยิ่งตั้งใจมองวิชาของไป๋จูเหวินเป็นพิเศษ อย่างน้อยมันก็อยากรู้ว่าวิชาของไป๋จูเหวินมีพื้นฐานมาจากวิชาใด เพราะฝ่ามือที่รวดเร็วเช่นนี้ไม่ใช่จะหาพบกันได้ง่ายๆ หากมันเคยเจอผู้ใช้วิชาเช่นนี้มาก่อนมันคงไม่ลืมอย่างแน่นอน
เห็นฝ่ามือของไป๋จูเหวินรวดเร็วเช่นนี้ หยุนฟางก็อดตระหนกไม่ได้ หากเผลอไผลเพียงเล็กน้อยนางอาจจะเป็นฝ่ายโดนโจมตีจนหมดสติได้ในพริบตาก็ได้
คลืนนน อยู่ๆระดับพลังของหยุนฟางก็เข้มข้นขึ้นอย่างมาก ทำเอาอากาศรอบๆเย็นเฉียบขึ้นมาราวกับจะมีหิมะตก ท่าทางพลังธาตุของนางคงเป็นธาตุน้ำแข็งอย่างแน่นอน
คลืนนน ดาบในมือของนางราวกับจะสร้างพายุน้ำแข็งพุ่งตรงมาทางไป๋จูเหวิน กระบวนท่าดาบนี้คือก่อเกิดพายุ เป็นท่วงท่าฟันที่รุนแรงและสร้างความเสียหายจากทั้งการโจมตีโดยตรงและการโจมตีซ้อนด้วยพลังวิญญาณทำให้รับมือได้ยากมาก
กึก….. ราวกับพายุถูกหยุดเอาเสียเฉยๆ ไป๋จูเหวินเพียงรับดาบด้วยฝ่ามือพลางส่งพลังต่อต้านราวกับดาบไร้ซึ่งพลัง
“…..”เมื่อโดนฝ่ามือหิมะละลายกลางนภา หยุนฟางก็มีสีหน้างุนงงทันที ในมุมมองของนางและคนอื่น ดาบของนางราวกับถูกรับเอาไว้เฉยๆไม่มีแม้แต่แรงต้านเลยแม้แต่น้อย
กึก.. นางพยายามดึงดาบออก แต่แรงของไป๋จูเหวินกลับเหนือกว่าทำให้นางไม่สามารถดึงดาบออกจากมือของมันได้ ทำเอานางแตกตื่นไม่น้อยเพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินก็อยู่เพียงระดับชำระกระดูกเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีกำลังพอมายื้อหยุดดาบของนางด้วยมือข้างเดียวเช่นนี้
“หยุนฟาง อย่าประมาท”เซียนดาบส่งเสียงเตือนซ้ำเข้าไปทันทีเมื่อเห็นศิษย์ของตนลนลาน
ผลัก! ในเมื่อดึงดาบไม่ออก หยุนฟางกำหมัดด้วยมืออีกข้างต่อยเข้าใส่ไป๋จูเหวินในทันที แม้จะทำให้นางสามารถยื้อดาบกลับมาได้ แต่หมัดที่ต่อยออกไปกลับปวดหนึบขึ้นมาราวกับต่อยใส่กำแพงเหล็กก็ไม่ปาน ทำเอาหยุนฟางแอบคิดว่าทั่วร่างของมันอาจจะแข็งจนฟันไม่เข้าเหมือนกันหมดเป็นแน่
ฟุบ! เมื่อได้ดาบคืนมาแล้ว หยุนฟางก็ไม่คิดจะปล่อยให้ไป๋จูเหวินเป็นฝ่ายโจมตีแต่อย่างไร นางยกดาบขึ้นฟาดลงด้วยกระบวนท่าแยกปฐพีในทันที พริบตานั้นดาบของนางราวกับแยกออกเป็นสามเล่มฟันลงมาใส่ไป๋จูเหวินพร้อมกัน ด้วยกำลังและความเร็วขนาดนี้ต่อให้ใช้อาวุธวิเศษระดับสูงรับก็ต้องเสียหายไม่มากก็น้อย
เคร๊งๆๆ เสียงดาบของนางยังคงดังเช่นเดิม แต่ที่ฝ่ามือของไป๋จูเหวินกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เล่นเอาตัวหยุนฟางเริ่มคิดแล้วว่าไป๋จูเหวินใช่มนุษย์หรือไม่
เปรี้ยง! หลังจากนางฟันดาบลงมาสุดแรง ย่อมสร้างจุดอ่อนออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น พริบตานั้นไป๋จูเหวินใช่ฝ่ามือประกายอัสนีฟาดลงไปหนึ่งฝ่ามือ แต่หยุนฟางก็ไม่ใช่คนธรรมดา นางยกดาบขึ้นมาป้องกันได้สำเร็จ
ความเร็วของฝ่ามือประกายอัสนีทำเอาหยุนฟางอดลืมหายใจไม่ได้ ความเร็วของฝ่ามือประทับสวรรค์นับว่าไวมากแล้ว แต่นางก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้ แต่นี่กลับไวจนนางเผลอคิดไปครู่หนึ่งว่ารับไม่ทันแน่ๆ
“ระวังด้วย”ไป๋จูเหวินเตือนพลางง้างฝ่ามือขึ้น
เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงฝ่ามือดังถี่ยิบราวกับเสียงของห่าฝน นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามือประกายอัสนี 1 ห้วง 20 ฝ่ามือออกไป เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันใช้ออกไปอย่างจงใจ บัดนี้รอบสนามไม่มีใครยกประเด็นว่าฝ่ามือของไป๋จูเหวินหรือฝ่ามือประทับสวรรค์จะไวกว่ากันออกมาอีกแล้วเพราะคำตอบมันเห็นกันอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว
คอมเม้นต์