บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 124 แยกทาง

อ่านนิยายจีนเรื่อง บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 124 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 124

แยกทาง

 

“จริงสิ หลังจากนี้เจ้าลองไปเที่ยวที่เมืองของข้าบ้างดีไหม”หัวหน้าถังว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวินที่กำลังกลับมาจากรับรางวัล

“เมืองของกลุ่มผู้ฝึกอสูรเหรอจอรับ?”ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“ใช่แล้ว เมืองของข้ามีอสูรมากมายเจ้าต้องชอบแน่ๆ”หัวหน้าถังยิ้มพลางตบบ่าไป๋จูเหวินเบาๆ ตลอดเวลาเดินทางรวมทั้งเวลาในการประลอง ไป๋จูเหวินมักจะอยู่กับอสูรตลอดเวลา แถมยังมีท่าทีสนิทสนมราวกับเป็นผู้เลี้ยงพวกมันมาไม่มีผิด แม้แต่เหล่าลูกน้องของมันที่ไม่ชอบกลุ่มนักล่าอสูรนักยังอดไม่ได้ที่จะเห็นไป๋จูเหวินแตกต่างออกไป โดยเฉพาะบุตรสาวของมันที่เริ่มยอมให้ไป๋จูเหวินช่วยนางดูแลอสูรเหล่านี้แล้ว

“เรื่องนั้นข้าคงต้องถามท่านหัวหน้าก่อน”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางหวงหลง

“พวกเราจะกลับไปที่เมืองร้อยแปดอสูรก่อน หลังจากนั้นหากเจ้าอยากไปก็ตามใจเจ้าเถอะ”หวงหลงว่าพลางหลับตาลงช้าๆ มันไม่นึกเลยว่าไป๋จูเหวินจะสามารถสร้างชื่อเสียงได้เช่นนี้ แต่แรกมันเพียงคิดว่าจะชิงอันดับ 4 หรือ 5 เท่านั้น แต่ยามนี้อันดับ 1 ของคนรุ่นใหม่กลับเป็นของไป๋จูเหวินเสียแล้ว ท่าทางมันคงต้องใจดีกับไป๋จูเหวินเสียบ้าง

หลังจากตกลงนัดหมายกัน หวงหลงก็พาขึ้นขี่ชิงหลงโดยมีไป๋จูเหวินที่ขี่จูเชวี่ยบินตามมาข้างๆ

“ท่านหัวหน้า”ขณะกำลังทะยานอยู่บนฟากฟ้า อยู่ๆไป๋จูเหวินก็เรียกหวงหลงที่อยู่ข้างๆขึ้นมาเสียเฉยๆ

“มีอะไร”หวงหลงถามพลางหันไปมองไป๋จูเหวิน

“เรื่องของรางวัลที่ข้าได้มานะขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางนำสมุนไพรที่มันได้มาจากเฒ่าประทับสวรรค์ขึ้นมา

“เจ้าได้มาด้วยกำลังของเจ้า ถ้าอยากกินก็กินเถอะ”หวงหลงตอบด้วยท่าทีเรียบเฉย ทั้งๆที่แต่เดิมมันอยากจะเอาของรางวัลกลับไปให้เหม่ยหลินแท้ๆ แต่เมื่อเห็นความสามารถของไป๋จูเหวินแล้วการที่กลุ่มนักล่าอสูรมียอดฝีมือรุ่นใหม่ 2 คนย่อมดีกว่าคนเดียวอย่างแน่นอน มันเลยไม่คิดจะเอาของรางวัลที่ไป๋จูเหวินได้มาแต่อย่างไร

“ข้า….อยากจะมอบมันให้ท่าน”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆ ตัวมันกินสมุนไพรชนิดนี้เข้าไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก มันเลยอยากจะให้หวงหลงเอาไว้เพราะถึงอย่างไรหวงหลงก็เป็นคนพามันมายังสถานที่แห่งนี้

“ให้กับข้า ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนั้น”หวงหลงว่าพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสงสัย

“หากมันอยู่กับท่าน…มันคงมีประโยชน์กว่า”ไป๋จูเหวินตอบตามตรง เพราะหากอยู่กับไป๋จูเหวิน มันก็ไม่ต่างจากผลไม้ธรรมดาเลย แต่หวงหลงก็ไม่มีท่าทีจะรับไปโดยง่ายอยู่ดี

“จริงสิ…ท่านจะมอบมันให้เหม่ยหลินก็ได้นะขอรับ”ไป๋จูเหวินเสนอ เพราะเท่าที่ทราบมาหวงหลงเดินทางไปยังเขตอสูรหลายแห่งเพื่อหาสมุนไพรหรือของเพิ่มพลังวิญญาณมาให้เหม่ยหลินตลอด หากเป็นมนย่ออมอยากได้สมุนไพรชนิดนี้เอาไว้ให้เหม่ยหลินเป็นแน่

“….ก็ได้ ในเมื่อเจ้ายืนยันเช่นนั้น”หวงหลงตอบพลางถอนหายใจออกมา แม้จะมีไป๋จูเหวินอีกคน แต่ความคาดหวังของมันต่อเหม่ยหลินก็ยังไม่เปลี่ยน มันยังคงคาดหวังว่าจะให้เหม่ยหลินขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มคนต่อไปอยู่ดี

“เมืองที่มารดาของเหม่ยหลินอยู่เป็นทางผ่านของนครลับฟ้าสินะ”หวงหลงถามโดยไม่ได้หันมามองไป๋จูเหวิน แน่นอนว่าเมืองที่มารดาของเหม่ยหลินอยู่กับนครลับฟ้าซึ่งเป็นเมืองที่กลุ่มผู้ฝึกอสูรอาศัยอยู่นั้นมัน คนละทาง กันเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนจะเอ่ยปากทักท้วงหวงหลงก็ถอนหายใจออกมาเสียก่อน

“ในเมื่อยู่ระหว่างทาง เจ้าก็พาเหม่ยหลินไปเยี่ยมมารดาของนางก่อนค่อยไปนครลับฟ้าก็แล้วกัน”หวงหลงพูดสั้นๆพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

“แหม ท่านเองก็ใจดีเป็นเหมือนกันนี่นา”อาวุโส 7 ว่าพลางหัวเราะเบาๆ

“พี่ไป๋ ถ้าจะไปเมืองนั้นต้องอ้อมไปทางเยอะเลยนี่นา แบบนั้นเรียกระหว่างทางไม่ได้หรอก”หลินหลินว่าพลางเอียงคอสงสัย ทำเอาหวงหลงที่นั่งอยู่บนหัวของชิงหลงนิ่งไปทันที

“เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้นะหลินหลิน”หงเยว่ว่าพลางถอนหายใจออกมา เห็นหวงหลงยอมผ่อนปลนเช่นนี้นับว่าหายากมากแม้แต่ในสายตาของหงเยว่เองก็ตาม

.

.

อีกด้านหนึ่ง หลังจากจบงานชุมนุม เหล่ายอดฝีมือต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังที่อยู่อาศัยของตนเอง บ้างก็ใช้เวลาหลายเดือน บ้างก็ใช้เวลาไม่กี่วัน ซึ่งเซียนดาบและหยุนฟางเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องเดินทางนับเดือนเพื่อกลับไปยังถิ่นบานของตน

“หยุนฟาง”ขณะนั่งอยู่ข้างๆกองไฟยามค่ำคืน เซียนดาบก็เอ่ยคำเรียกศิษย์ตนเองที่กำลังนั่งทำความสะอาดดาบราชันศาสตราอย่างตั้งอกตั้งใจ

“คะ?”หยุนฟางเงยหน้ามองอาจารย์ของนางพลางส่งสายตาสงสัยมาให้

“เจ้าอยากออกเดินทางคนเดียวบ้างไหม”เซียนดาบถามพลางมองลูกศิษย์ตัวเองนิ่ง แต่เดิมมันยังไม่ยอมให้หยุนฟางออกเดินทางเพราะคิดว่านางยังไม่พร้อม ไม่ใช่เพราะนางยังไม่แข็งแกร่ง แต่เพราะนางแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก มันกลัวว่าหากไม่มีมันอยู่ศิษย์ตัวน้อยของมันจะหาเรื่องใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง แต่ในการประลองกับไป๋จูเหวินนั้น นางกลับสามารถทำความเข้าใจได้ว่านางอ่อนด้อยกว่าและเป็นฝ่ายยอมแพ้ ทำให้มันพอจะวางใจในตัวนางขึ้นบ้าง

“อยากเจ้าค่ะ”หยุนฟางว่าพลางพยักหน้าถี่ๆโดยไม่ต้องคิด นางอยากออกไปเผชิญโลกตัวคนเดียวมานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ห้ามเอาไว้นางคงเผ่นไปตั้งแต่ปีก่อนแล้วแน่ๆ

“เอ่อ…เจ้านี่นะ จะช่วยทำให้บรรยากาศมันซาบซึ้งหน่อยไม่ได้หรือยังไง”เซียนดาบว่าพลางถอนหายใจออกมา

“ก็อาจารย์บอกข้าเองนี่นาว่าไม่มีอะไรจอสอนข้าแล้ว”หยุนฟางทำแก้มป่องพลางเก็บดาบราชันศาสตราลงฝัก

“ก็จริง แต่เจ้าต้องจากข้าไปเชียวนะ ไม่เศร้าบ้างหรือไง”เซียนดาบว่าพลางถอนหายใจกับศิษย์ของมัน

“ยังไงท่านก็ไปอยุ่ที่บ้านกลางเขาเหมือนเดิมนี่นา เอาไว้ว่างๆข้าจะไปเยี่ยมท่านแล้วกัน”หยุนฟางพูดด้วยท่าทีสบายๆราวกับการออกไปฝึกฝนตนเองเป็นเรื่องราวกับออกไปเดินตลาดไปได้

“เอาเถอะ เจ้าอยากจะไปข้าก็ไม่ห้าม”เซียนดาบว่าพลางเอนหลังพิงต้นไม้ด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายใจ

“พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางกลับบ้านกลางเขาส่วนเจ้าจะไปไหนก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน”พูดจบเซียนดาบก็หลับตาลงนอนพิงต้นไม้อย่างหนักใจ

หมับ..อยู่ๆที่แขนของมันก็ปรากฏแรงกดทับของหยุนฟางที่เข้ามากอดแขนมันเอาไว้ ทำให้มันลืมตาขึ้นมามองเด็กสาวข้างกายมันอีกที

“เจ้าเนี่ยนะ ปากแข็งจริงๆ”เซียนดาบว่าพลางถอนหายใจออกมา มันเลื่อนมือไปลูบหัวของหยุนฟางที่กำลังกอดแขนมันเอาไว้แน่นอย่างอ่อนโยน ตัวมันกับศิษย์ผู้นี้อยุ่ด้วยกันมานานแทบไม่ต่างจากพ่อลูก ไม่มีทางที่จะจากกันด้วยท่าทีเฉยเมยได้อยู่แล้ว

.

.

“อาจารย์”ในเช้าวันต่อมา หยุนฟางที่พึ่งตื่นกำลังมองไปรอบๆด้วยท่าทีใจหาย อาจารย์ของนางไม่อยู่แล้ว ท่าทางจะออกไปตั้งแต่เช้ามืด ที่ข้างกายของนางนอกจากผ้าห่มแล้วก็มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งเท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นจดหมายลาของอาจารย์นั่นเอง

“ที่ข้าปากแข็งก็เพราะติดนิสัยท่านมานั่นล่ะ”หยุนฟางว่าพลางอ่านเนื้อความในจดหมาย นอกจากคำเตือนยาวเป็นหางว่าวและคำสั่งว่าห้ามลืมโน่นห้ามลืมนี่แล้ว ที่ท้ายของจนหมายยังมีเขียนเอาไว้อีกว่า ขอให้นางเข้มแข็งเข้าไว้ ถึงเวลาที่นางต้องยืนหยัดด้วยขาของตนเองแล้ว

“ข้าจะพยายามไม่ให้ท่านเป็นห่วงเจ้าค่ะอาจารย์”หยุนฟางว่าพลางเก็บของเพื่อจะออกเดินทางอีกครั้ง ความจริงแล้วหากจจะกลับที่พักของอาจารย์จำเป็นต้องเดินทางไปทางเหนือ แต่หยุนฟางพึ่งจะได้ออกฝึกฝนวิชา นางจึงหันหลังลงใต้ไปทางเมืองที่ใกล้ที่สุดแทน

แน่นอนว่าหยุนฟางไม่ได้ยากจนเงินทอง แม้จะดีจะเลวนางก็เป็นศิษย์ของเซียนดาบ แถมดาบในมือนางยังเป็นดาบวิเศษล้ำค่าที่ตีเป็นเงินไม่ได้อีกต่างหาก อะไรกับเงินใช้สอยติดตัว ทำให้หยุนฟางเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปหาอะไรกินเสียก่อน

อาจจะเพราะนางออกมาฝึกฝนวิชาอย่างกะทันหันเกินไปหน่อย ทำให้นางไม่ได้วางแผนการเดินทางเอาไว้แต่แรก สุดท้ายหยุนฟางเลยไม่ทราบจะไปไหนดี

“เชิญเลยขอรับ ไปเมืองเมฆสำลีรถออกอีก 10 นาทีขอรับบบ”ขณะหยุนฟางเดินผ่านโรงเลี้ยงม้า อยู่ๆเสียงของคนขับคนหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับสวรรค์กำลังชี้ทาง ในเมื่อนางไม่มีทางไปอยู่แล้วหยุนฟางเลยคิดเสียว่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาดีหรือไม่

“ข้าขอไปด้วยก็แล้วกัน”หยุนฟางว่าพลางนำเงินไปจ่ายให้คนขับ พลางเดินขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้วยท่ายิ้มแย้ม

“เหลือที่ว่างอีก 1 ที่ขอรับ”คนขับว่าพลางตะโกนบอกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างกระตือรือร้น

“ขอข้าไปด้วยได้หรือไม่”อยู่ๆที่ประตูก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมยื่นเงินให้คนขับ หากมันเป็นคนธรรมดาหยุนฟางคงจะไม่ใส่ใจนัก เพียงแต่ในเมืองที่ไม่ค่อยมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับสูงนักกลับปรากฏชายหนุ่มผู้อยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนเสียได้ ช่างเป็นเรื่องประหลาดเสียจริง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด