นครแห่งบาป City of Sin – เล่ม 1 ตอนที่ 24.3 ฤดูร้อนที่เป็นดั่งฤดูหนาว [3]

อ่านนิยายจีนเรื่อง นครแห่งบาป City of Sin ตอนที่ 24.3 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ฤดูร้อนที่เหมือนกับฤดูหนาวสำหรับริชาร์ดได้ผ่านพ้นไป

 

ฤดูใบไม้ร่วงที่อ่าวโฟลยังคงมอบความหนาวเหน็บไม่ต่างจากฤดูหนาวแม้แต่น้อย วิธีเดียวที่จะแยกความแตกต่างของฤดูทั้งสองนี้ได้คือสีของพืชที่ยังไม่ได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์

 

ในตอนนี้ริชาร์ดเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่นอนนิ่งเฉยอยู่เป็นเวลานานจนในที่สุดพลังที่แข็งแกร่งก็ปะทุออกมา ทักษะความรู้ของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าอาจารย์อีกครั้ง ความสามารถของเขาทำให้พวกเขางงงวยกับความก้าวหน้าของเขาในช่วงฤดูร้อนอย่างมาก ! มันถือเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเมื่อคนคนหนึ่งจะสามารถทำหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเพียงน้อยนิด แต่เด็กน้อยคนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาทำได้จริง

 

เขาปรับเปลี่ยนตารางเรียนหลายต่อหลายครั้งโดยที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาหยุดพัก ตารางของเขาถูกจัดไว้จนแน่น และความเหนื่อยล้าจากการเรียนทำให้เขาสามารถเข้าสู่การนอนหลับลึกได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลานาน เขาโยนทุกอย่างทิ้งรวมถึงการใช้ชีวิตอยู่บนเขาของเขาก่อนหน้านี้  การนอนหลับพักผ่อนเพียง 3 ชั่วโมงเพียงพอที่จะทำให้เขาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในวันถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมานาที่ได้รับในขณะที่เขานอนหลับนั้นถือว่าได้ไม่น้อยไปกว่าการทำสมาธิเลย

 

รายงานที่แบล็คโกลด์ได้รับมีจำนวนมากพอ ๆ กับเกล็ดหิมะที่ตกอยู่ด้านนอกจนทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า เขาพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะบีบและลดขนาดของรายงานให้น้อยลงก่อนที่รายงานเหล่านี้จะไปถึงมือเลเจนดารี่เมจ และเป็นเพราะความสุขของชารอนมีมากเกินไปทำให้รายรับและรายจ่ายภายในดีพบลูเกินความสมดุลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าครั้งนี้มันก็เกินกำลังของคนแคระเกรย์ผู้นี้แล้ว ข่าวคราวเรื่องรายงานของเขามันรั่วไหลออกไปทุกซอกทุกมุมของดีพบลูเหมือนกับน้ำรั่ว มีรายงานบางอันส่งตรงไปถึงชารอนโดยที่ไม่ผ่านเขาก็มี

 

ความสั่นคลอนทางด้านการเงินของดีพบลูเกิดขึ้นอีกครั้ง ต้องขอบคุณดยุกโซแลมที่ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งให้กับดีพบลูด้วยเหตุผลบางประการ อีกทั้งตอนนี้ดีพบลูยังได้มีการขายพื่นที่สำหรับศิษย์ของชารอนอีก 1 ที่ให้กับ — จักรวรรดิมิลเลนเนียล  ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของจักรวรรดิใหญ่ของมนุษย์ด้วย

 

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกครอบคลุมให้อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ทว่าคนแคระเกรย์ก็ไม่มองข้ามการคาดเดาในอนาคต แบล็คโกลด์ถือเป็นผู้ที่คาดการณ์เกี่ยวกับการเงินได้เป็นอย่างดี เขามักจะกังวลและคำนึงถึงสถานการณ์ของดีพบลูในอีก 300 ปีข้างหน้าเสมอ และดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงจะไม่สามารถข้ามฤดูใบไม้ผลิไปได้อย่างแน่นอน

 

เมื่อเวลาผ่านไป คนแคระเกรย์ซูบผอมลงเรื่อย ๆ ร่างกายที่เคยหนาและแข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์ บัดนี้เผยให้เห็นกระดูกบนร่างกายของเขา เห็นได้ชัดว่าเสื้อคลุมของเขาไม่พอดีตัวอีกต่อไป เพราะพวกมันมักจะกระพือขึ้นทุกครั้งที่เขาขยับแขนเพื่อร่ายคาถา ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีความเสถียรเช่นเดียวกับสถานการณ์ด้านการเงินที่เขากำลังทำอยู่

 

แบล็คโกลด์ต้องจัดการกับจำนวนตัวเลขที่มหาศาลขึ้นทุกวันทำให้เขามีรายได้ที่ค่อนข้างจะคงที่ ทว่าค่าใช้จ่ายของเขาก็ยากเกินกว่าที่จะสามารถประมาณการได้ พวกเขามีแนวโน้มว่าจะใช้จ่ายมากกว่ารายรับ ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก กำไรของเขาที่ถูกใช้จ่ายออกไปให้ความรู้สึกราวกับควักชิ้นเนื้อในร่างกายของเขาออกมาใช้ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามความสุขของเลเจนดารี่เมจก็จะไม่สามารถถูกเพิกเฉยได้เช่นเดียวกัน เพราะในเวลานี้นางกำลังต้องการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของริชาร์ดตัวน้อย

 

ฤดูใบไม้ร่วงนี้มีแบล็กโกลด์เพียงคนเดียวที่ไม่อยากเห็นความสุขของชารอน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่จะแตะต้องเงินส่วนตัวของชารอน หากนางเปิดกระเป๋าเงินของนางออกเพียงเล็กน้อยการเงินของดีพบลูก็จะได้รับการแก้ไขเสมือนใช้เพียงปลายนิ้วมือทันที ครั้งหนึ่งเขาเคยตกอยู่ในห้วงความคิดที่อยากจะรู้ว่ามังกรยักษ์ขนาดมหึมาที่อยู่ภายในกระเป๋าเงินเล็ก ๆ ของนางมีมูลค่าเท่าไหร่ ?

 

ทว่าโชคดีที่เขารู้ตัวทันก่อนที่จะเผลอใช้วิธีการโง่เขลาตัดสินใจไปยุ่งกับกระเป๋าเงินของชารอน แม้แต่มังกรที่ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่กล้าที่จะวางมือลงบนเงินของนาง นับประสาอะไรกับคนแคระตัวเล็ก ๆ อย่างเขา ?

 

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงคิดหาทางเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านี้ หากเขาไม่สามารถแก้ไขการเงินภายในดีพบลูให้ได้ในตอนนี้ เขาจะยังเป็นเหรัญญิกต่อไปได้อย่างไร ? หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเอลฟ์คนอื่น ๆ ที่มีระดับสูงก็คงจะเข้ามาแทนที่เขา…

 

ในเวลานี้ทั้งริชาร์ดและแบล็คโกลด์ต่างก็มีความโศกเศร้าที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ต่างมีเรื่องให้กังวลใจเป็นอย่างมาก… ในวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง ริชาร์ดยืนมองตัวเองในกระจกโดยพิจารณารูปร่างของตัวเองอย่างละเอียด

 

ตอนนี้ริชาร์ดเติบโตจนกลายเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างเป็นนายแบบได้แล้ว ไหล่ของเขากว้างขึ้น หน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ รอบเอวถูกบีบรัดเข้าหากันจนเกิดรอยริ้วตามร่องท้อง แม้แต่ขาของเขาก็ยังเรียวกระชับสมกับการเป็นชายชาตรี ใบหน้าของริชาร์ดในตอนนี้เปลี่ยนแปลงจากเดิมเพียงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ยิ้มมาช่วงหนึ่งแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะเขาใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการคิดอะไรบางอย่างอย่างเงียบ ๆ ภาพเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้ถูกล้างออกไปก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยความคมชัดของร่างกาย ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนดั่งก้อนหินขนาดมหึมาที่ถูกแกะสลักออกมาด้วยขวานยักษ์ และมีลาวาที่ร้อนระอุซ่อนอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง ลุ่มลึก มืดหม่น และเย็นชา

 

ริชาร์ดเลื่อนสายตามองลงไปยังส่วนล่างของร่างกาย เขาเห็นว่าบัดนี้สมาชิกที่เป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาตั้งสูงขึ้นแล้ว และดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะขับเคลื่อนได้ในทุกเวลา ขนาดของมันในตอนนี้ยังสามารถที่จะเติบโตขึ้นได้อีกในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้ดูเหมือนมันเริ่มที่จะพร้อมใช้งานแล้ว เมื่อเห็นอาวุธในร่างกายตัวเอง ริชาร์ดก็เกิดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขากลายเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แล้วสินะ

 

ในเวลานั้นเองภาพของเอรินพร้อมกับเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจังก็ดังขึ้นข้างหูริชาร์ดอีกครั้ง

 

‘ใช่ เมื่อคืนนี้ ‘

 

ร่างกายของริชาร์ดเริ่มสั่นขึ้นมา เขาพยายามเอามือทั้งสองประกบเข้าที่หูทั้งสองข้างเพื่อจะปิดกั้นตัวเองให้ไม่ต้องได้ยินเสียงที่กำลังหลอกหลอนอยู่นี้ เขารู้ดีว่ายิ่งเขาพยายามมากเท่าไหร่ เสียงเหล่านั้นก็ยิ่งหลอกหลอนเขามากขึ้นเท่านั้น

 

‘ทำไม ? ‘

 

‘ข้าต้องการเงิน’

 

‘ข้าก็มีเงินมากมาย’

 

‘แต่ข้าไม่อยากได้เงินของเจ้า’

 

เขาหยุดมองตัวเองในกระจกพร้อมกับก้าวไปยังห้องทดลองด้วยความเร่งรีบในขณะที่เสียงยังคงดังกึกก้องอยู่อย่างนั้น ที่มุมห้องทดลองมีตุ๊กตาเหล็กที่สร้างขึ้นเพื่อทดสอบคาถาของเขา สิ่งเหล่านี้กลายเป็นที่ระบายความเจ็บปวดให้กับเขาในทุก ๆ ครั้ง เขาใช้ตุ๊กตาเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพแม้กระทั่งในขณะที่เขากำลังรู้สึกเจ็บปวดทรมานใจอย่างแสนสาหัสก็ตาม

 

ริชาร์ดเดินตรงไปที่ตุ๊กตาเหล็กพร้อมกับหยุดยืนตรงหน้ามันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขาของเขาแยกออกจากกันเป็นระยะห่างเทียบเท่ากับบ่า ท่ายืนที่สมบูรณ์นี้เป็นท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เขาสูดหายใจเข้าและจ้องมองไปที่ตุ๊กเหล็กซึ่งมีลักษณะพื้นผิวแวววาวที่กำลังสะท้อนใบหน้าของเขา

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง การเห็นใบหน้าของตัวเองบนชุดเกราะทำให้เขามีความโกรธแค้นที่ไม่สามารถควบคุมได้ เขารู้สึกเกลียดตัวเองเข้าไปถึงเนื้อใน ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นมาในตอนที่เขาตระหนักขึ้นได้ว่าเขาไม่สามารถทำให้เอรินรู้สึกเขินอายเมื่ออยู่กับเขาได้เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาอยู่กับความสูญเสียที่เกิดขึ้นพร้อมกับยอมรับผลที่ตามมาอย่างเงียบ ๆ และจำใจ… ความเคียดแค้นภายในใจของเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนเลือดของเขากำลังเดือดอยู่ภายในร่างกายราวกับลาวาที่กำลังปะทุ

 

เลือดของเขาสูบฉีดเสมือนไฟที่กำลังลุกโชติช่วงพรั่งพรูออกมาไม่มีที่สิ้นสุดทำให้หลอดเลือดแดงทุกเส้นที่อยู่ภายในร่างกายของเขาแทบจะระเบิดออกเพราะแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่จากภายในร่างกาย ริชาร์ดส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยกกำปั้นของเขาขึ้นมาทุบหน้าอกของตุ๊กตาเหล็กอย่างรุนแรง !

 

เกิดรอยแตกบนพื้นผิวของตุ๊กตาเหล็กกล้าที่ได้รับการแกะเป็นรูปร่าง แขนของริชาร์ดทะลุผ่านอกของตุ๊กตาเข้าไปอย่างจัง ตุ๊กตาถูกพลังที่แข็งแกร่งของเขาที่เกิดจากแรงกดดันอย่างหนักหน่วงทำให้มันมีรูปร่างที่ผิดปกติออกไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปความแข็งแกร่งที่เพิ่งค้นพบก็ค่อย ๆ เบาบางลงเขาจัดการโยนตุ๊กตาไปด้านหลัง  ทันทีที่มันถูกขว้างออกไปเขาก็ซัดมันอัดเข้ากับกำแพงอีกครั้งอย่างรุนแรง

 

นี่เป็นตุ๊กตาเวทมนต์มาตรฐานที่ถูกออกแบบให้เหมือนกับไนท์ที่สวมชุดเกราะ พลังทำลายที่เกิดขึ้นนี้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะฆ่าไนท์ให้ตายได้เพียงหมัดเดียว ซึ่งพลังทำลายนี้มีความรุนแรงเทียบเท่ากับไฟร์บอลที่อ่อนกำลังของริชาร์ดก่อนหน้านี้

 

ในฤดูใบไมร่วงที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ ริชาร์ดได้ปลุกอบิลิตี้แห่งสายเลือดครั้งแรกของเขาได้สำเร็จ ซึ่งมันก็คือ  —— เออรัพชั่น (การปะทุ)

 

ฤดูหนาวที่เข้ามาสร้างความเศร้าหมองและความว่างเปล่าให้เกิดขึ้นกับทุก ๆ เพลน แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพอากาศที่หนาวจัดก็ยังต้องการฤดูใบไม้ผลิ เพราะนั่นเป็นช่วงที่พวกมันสามารถหาอาหาร ผสมพันธุ์ และสามารถเตรียมเก็บเสบียงไว้ใช้สำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่จะมาถึงในครั้งต่อไปได้

 

อย่างไรก็ตามสำหรับริชาร์ดมันยังคงเป็นเหมือนกับทุก ๆ วัน เขาในตอนนี้ก็เหมือนกับนกตัวเล็กที่ที่ได้หลับตาลงหลังจากการจ้องมองโลกด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น ทั้งยังปิดผนึกความรู้สึกอย่างสมบูรณ์ เขาอุทิศตัวเองเพื่อโลกแห่งเวทมนตร์อย่างเต็มที่โดยไม่เหลือเวลามากังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่นใดในโลกภายนอกอีกต่อไป มานาของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เขาได้รับมานาถึง 24 พอยท์ ซึ่งเป็นมานาสูงสุดของเมจระดับ 3 นั่นทำให้อาจารย์ของริชาร์ดดีใจมากกับการที่เขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

ท่ามกลางความยินดีมีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ยินดีไปกับเขานั่นคืออาจารย์มาเอสโตร ผู้สอนวิชาศิลปะ…

 

ภาพแต่ละแผ่นที่ริชาร์ดส่งมาให้เขาทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ริชาร์ดวาดภาพให้เป็นไปอย่างเรียบง่ายโดยใช้ปากกาขนนกหัวแหลม ศิลปะของเขาคือการให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับองค์ประกอบของแสงและเงาของตัวละคร ภาพของเขาแฝงไปด้วยจิตวิญญาณ มาเอสโตรเคยสอนริชาร์ดว่าภาพเหมือนนั้นเป็นศิลปะแห่งจิตวิญญาณ ทว่าภาพผู้คนที่ริชาร์ดวาดออกมากลับลดจำนวนลงเรื่อย ๆ แต่ทว่ามีความหดหู่เข้ามาแทนที่ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมภายในภาพวาดเหล่านั้น ในตอนท้ายภาพก็ถูกเขียนโดยไม่มีชีวิตชีวาอย่างที่ควรจะเป็น แม้แต่ทิวทัศน์ก็ดูหดหู่ไปด้วย ทว่าในสายตาของมาเอสโตรในตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่าภาพวาดมีพลังที่มากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ราวกับเป็นพื้นผิวของมหาสมุทรที่มีเกลียวคลื่นที่นุ่มนวล ซึ่งไม่ได้มีการเตือนถึงพายุที่กำลังจะพัดเข้ามา

 

บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความยอดเยี่ยมในลายเส้นและรายละเอียดที่ถูกวาดออกมา ภาพวาดแต่ละรูป เส้นโค้งและเส้นตรงแต่ละเส้นดูเหมือนต้องการจะพูดกับเขา เขารู้สึกราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นวิญญาณที่กำลังเปล่งเสียงร้องออกมาจากส่วนลึกของนรก แต่ละเส้นที่วาดออกมาเต็มไปด้วยพลังที่ยอดเยี่ยม เขาแทบไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าริชาร์ดจะรู้สึกอย่างไรขณะที่วาดภาพเหล่านี้ออกมา และเขารู้ดีว่าคงจะต้องมีสักวันที่เมจระดับ 12 อย่างเช่นเขาจะค้นพบได้ว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทนรับพลังของภาพพวกนี้ได้อีกต่อไป

 

เป็นหน้าที่ของเขาในฐานะผู้สอนที่จะต้องตรวจสอบภาพวาดทุกภาพที่ริชาร์ดส่งมาอย่างจริงจัง เขาพบว่าความสดใสในภาพของริชาร์ดจางหายลงไปเรื่อย ๆ พื้นหลังของมันเต็มไปด้วยความสับสนและความมึนงง เงาขนาดใหญ่เริ่มกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ในที่สุดวันที่ริชาร์ดส่ง ‘ภาพวาด’ ซึ่งเหลือแต่ลายเส้นที่ยุ่งเหยิงก็มาถึง และนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาทุบสิ่งของทุกชิ้นที่อยู่ภายในห้องทำงานของเขาอย่างเสียสติ !

 

 

ในฤดูหนาวนี้เกิดเรื่องเล็ก ๆ ขึ้น 2 เรื่องซึ่งทำให้ริชาร์ดหยุดชะงักลง

 

เรื่องแรกคือริชาร์ดได้พบกับสตีเว่นอีกครั้งขณะที่เขาอยู่ในชั้นเรียน เด็กหนุ่มผู้นั้นดูจริงใจและสง่างามจนไร้ที่ติ ท่าทางของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเป็นเด็กที่เติบโตมาในตระกูลของขุนนางที่สูงศักดิ์ และยิ่งไปกว่านั้นเขาคือหนึ่งในนักเรียนของชารอนด้วย นั่นทำให้ทั้งสองไม่ได้รู้สึกเหินห่างกันสักเท่าไหร่นัก นอกจากการพบกับสตีเว่นในห้องเรียนแล้ว ริชาร์ดก็ยังได้พบกับมินนี่เช่นกัน มินนี่เป็นหญิงสาวที่มักจะเก็บตัวและตีตัวออกห่างจากคนอื่น ๆ ทว่าในเวลานี้นางดูร่าเริงและมีส่วนร่วมในการสนทนากับสตีเว่นอย่างผิดหูผิดตา

 

ทั้งสตีเว่นและมินนี่ต่างถนัดในด้านเวทมนตร์ ดังนั้น การสนทนาของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งที่เล่าเรียน พวกเขาทั้งสองพยายามพูดคุยกับริชาร์ด แม้ว่าริชาร์ดจะไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่นัก แต่เรื่องของเวทมนตร์เป็นเรื่องที่เขาอดไม่ได้ที่จะร่วมสนทนาในครั้งนี้ด้วย เขาฝืนใจสนทนากับทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งจนบทเรียนได้เริ่มขึ้นซึ่งนั่นทำให้เขาต้องพาตัวเองกลับมาอยู่อย่างสันโดษอีกครั้ง

 

ตลอดการสนทนาริชาร์ดรับรู้ถึงความเป็นศัตรูที่อยู่ลึก ๆ ภายในจิตใจของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะปกปิดไว้อย่างมิดชิด ทว่าพรีซิชั่นของริชาร์ดก็สามารถจับการเคลื่อนไหวของแขนขาเพียงเล็กน้อยของพวกเขาไว้ได้ ความฉลาดของเขาทำให้เขาสามารถวิเคราะห์ความหมายของท่าทางเหล่านั้นได้โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว

 

เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในดีพบลูจะรู้สึกว่าหลายอย่างเป็นการแข่งขัน ซึ่งถือว่ามีอยู่ในตัวของทุกคน ยกเว้นชารอนและเอริน คนอื่นๆล้วนมองเขาเป็นศัตรู อย่างไรก็ตามริชาร์ดก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดทั้งสองคนถึงเห็นเขาเป็นภัยคุกคามแม้ว่าภูมิหลังครอบครัวของพวกเขาจะยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าครอบครัวของเขาเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่ได้มีความสำคัญต่อเขาเท่าไหร่นัก ดังนั้น พวกเขาจึงถูกริชาร์ดเช็ดออกจากความทรงจำอย่างไม่ใส่ใจ

 

เรื่องเล็ก ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นคือเขาได้พบเอรินอีกครั้ง มันเป็นเพียงแวบหนึ่งของเงาที่อยู่ห่างไกลในพื้นที่การค้าใกล้ ๆ ที่อยู่ด้านล่างซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เอรินปรากฏตัวเพียงแวบเดียว แต่ริชาร์ดก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นนาง ภาพที่เขาเห็นเป็นภาพของนางกำลังเดินคู่กับชายคนหนึ่งที่เดินโอบเอวนางอย่างเปิดเผย ทั้งคู่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างมาก ในเวลานี้มันไม่ได้สำคัญว่าพวกเขาจะไปที่ไหนหรือทำอะไร เพราะสิ่งที่ริชาร์ดคิดว่าพวกเขาจะทำ คงจะได้ทำไปจนหมดแล้ว

 

ริชาร์ดไม่ได้เดินตามนางไปและไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเป็นครั้งที่ 2 จากการสังเกตในครั้งแรก ชายผู้ที่กำลังเดินคู่ไปกับนางนั้นดูเหมือนจะเป็นสตีเว่น แต่ไม่ว่าชายคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ริชาร์ดลบภาพนางและชายคนนั้นออกไปจากความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว

 

ทว่ามันยังคงเป็นเรื่องยากที่จะลืมเรื่องราวทุกอย่างให้หมดไปได้ ยังมีอีกหลายวิธีที่ทำให้สามารถลบความเจ็บปวดนี้ออกไปได้ ซึ่งดูเหมือนว่านี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ริชาร์ดตั้งใจจะทำ เขาจะกำจัดมันออกไปให้ได้ในฤดูหนาวนี้…

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด